ชนิดของหัวใจเต้นผิดปกติหรือชนิดของภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ
หัวใจเต้นผิดปกติ (arrhythmia) หมายถึง การที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเต้นผิดปกติในอัตราเร็ว ทำให้คลื่นไฟฟ้าหัวใจมีความผิดปกติในอัตรา จังหวะ หรือรูปร่างอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือผิดปกติหลายอย่างประกอบกัน ซึ่งตามปกติเอสเอโนด (SA node) จะให้กำเนิดประจุไฟฟ้า 60 – 100 ครั้ง / นาที ความผิดปกติของการกำเนิดคลื่นไฟฟ้าที่สำคัญ มีดังนี้
1.Sinus tachycardia เป็นภาวะที่คลื่นหัวใจเหมือน normal sinus แต่อัตราการเต้นเร็วกว่า 100 ครั้ง / นาที มักพบในภาวะออกกำลังกาย มีไข้ ภาวะวิตกกังวลหรือเครียด ภาวะที่มีการหลั่งแคทีโคลามีนเพิ่มขึ้น ภาวะโปแตสเซียมต่ำ ภาวะ พร่องออกซิเจน สูญเสียเลือดอย่างเฉียบพลัน ภาวะเลือดจาง ช็อก ภาวะหัวใจล้มเหลวมีความเจ็บปวด ได้รับยากระตุ้นระบบประสาทวิมพาเทติก ยากดการทำงานของระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ภาวะ sinus tachycardia มักมีปฏิกิริยาสนองตอบทางสรีระ ของร่างกาย ตามปกติไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ควรแก้ไขสาเหตุที่ไปกระตุ้นหัวใจจึงจะทำ ให้หัวใจเต้นช้าลงจนปกติเองได้ เช่น ให้ยาลดไข้ งดใช้ยาที่กระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ยกเว้นหากเกิดมากเกินไปโดยไม่เหมาะสมแก่สาเหตุ อาจรักษาด้วยยากลุ่ม beta blocker ได้การกด carotid sinus อาจช่วยลดอัตราการเต้นได้ชั่วคราว และยังช่วยบ่งบอกให้รู้ว่าไม่ใช่การเต้นผิดจังหวะประเภทอื่น
2.Sinus bradycardia เป็นภาวะที่คลื่นหัวใจเหมือน normal sinus แต่ อัตราการเต้นช้ากว่า 60 ครั้ง / นาที หากช้ากว่า 40 ครั้งต่อนาทีมักมีความดันดลหิตต่ำ ร่วมด้วยหรือมีอาการหน้ามืดได้ ซึ่งถือว่าเป็นกรณีเร่งด่วน ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของ หัวใจ เช่น ฉีด atropine หรือ isoproterenol หยดเข้าทางหลอดเลือดดำ หากไม่ได้ ผลอาจต้องใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker) สาเหตุที่พบบ่อย คือ กล้ามเนื้อหัวใจ ตายเฉียบพลัน ผลจากยากลุ่มปิดกั้นเบต้า (beta blocker)
3. Premature atrial contraction (PAC) เป็นภาวการณ์เต้นของหัวใจห้องบนซึ่งเกิดจากการเหนี่ยวนำโดยจุดผิดปกติ (ectopic foci) ที่ไม่ใช่ SA node ทำให้เกิด P wave เร็วกว่ากำหนด บางครั้งซ่อนอยู่บน T wave ทำให้รูปร่างของ T wave เปลี่ยนไป บางครั้ง PAC ไม่สามารถเหนี่ยวนำหัวใจห้องล่างได้ จึงไม่มี QRS complex สาเหตุของความผิดปกติเกิดจากลิ้นหัวใจตีบ ต่อมไทรอยด์เป็นพิษจากยาดิจิทาลิส
เมื่อเกิดภาวะ PAC อาจไม่รู้สึกผิดปกติ การดูแลผู้ป่วย สังเกต ติดตาม และบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจหากพบ PAC เกิน 6 ครั้ง / นาที ต้องรายงานให้แพทย์ทราบ
4. Atrial flutter เกิดจากมี ectopic foci ใน atrium กระตุ้นให้มี Depolarization อย่างเร็วและส่ำเสมอ 250 – 350 ครั้ง / นาที ทำให้ P wave เป็นรูป ฟันเลื่อย QRS complex เกิดจากการเหนี่ยวนำไฟฟ้าจากเอเตรียมไปยังเวนตริเคิล จึงไม่สัมพันธ์กัน สาเหตุเกิดจากความเครียด บุหรี่ แอลกอฮอล์ หรือเกิดจากโรคหัวใจ เช่น โรคหัวในรูมาติก โรคหลอดเลือดหัวใจแข็ง หัวใจวาย กล้ามเนื้อหัวใจตาย หากอัตราการเต้นของหัวใจห้องล่างปกติไม่ต้องรักษา ยกเว้นมีอาการเจ็บหน้าอก ภาวะหัวใจ ล้มเหลวร่วมด้วย ให้ยาดิจิทาลิส หรือการกระตุ้นจังหวะหัวใจด้วยไฟฟ้า (cardioversion)
การดูแลผู้ป่วย สังเกตและบันทึก EKG โดยเฉพาะช่วงที่ผิดปกติ สังเกตอาการเจ็บหน้าอกหรืออาการของภาวะหัวใจล้มเหลวต้องรีบรายงานให้แพทย์ทราบ และควรเตรียมเครื่องกระตุ้นหัวใจให้พร้อม
5.Atrial fibrillation (AF) เป็นภาวะที่หัวใจห้องบนเต้นเร็วหรือสั่นพริ้วเกิดจาก ectopic foci ในหัวใจห้องบน (atrium) ปล่อยประจุไฟฟ้าออกมาถี่มากและ ไม่สม่ำเสมอ อัตราเต้นเร็วมากกว่า 400 – 700 ครั้ง / นาที สาเหตุของการเกิด atrial brillation มีทั้งที่เกิดจากหัวใจ เช่น โรคของลิ้นหัวใจ หัวใจห้องล่างซ้ายโต โรคหลอด เลือดหัวใจ เยื่อยุหัวใจอักเสบ (pericarditis) ภาวะโรคหัวใจขาดเลือด โรคความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อหัวใจพิการแต่กำเนิด หรือเกิดจากสาเหตุที่ไม่ใช่หัวใจ เช่น ปวดอักเสบ การผ่าตัด การการไม่สมดุลของเกลือแร่ ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (hyperthyroidism) ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด (pulmonary embolism) การได้รับสารจำพวกคาเฟอีน ผู้สูงอายุ กรรมพันธุ์ ภาวะเครียด อ้วน หรือไม่ทราบสาเหตุ การรักษาขึ้นอยู่กับปริมาตร ของเลือดที่หัวใจสามารถส่งออกได้ หากผู้ป่วยมีอาการของเวนตริเคิลล้มเหลวหรือเจ็บหน้าอก แพทย์อาจจะรักษาโดยการช็อกหัวใจด้วยไฟฟ้าเพื่อปรับอัตราการเต้นของหัวใจใหม่ หากไม่ฉุกเฉินมากอาจให้ยาดิจิทาลิสฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ตามด้วยขนาดที่ให้ต่อเนื่องเพื่อควบคุมเวนตริเคิลให้เต้นต่ำกว่า 100 ครั้ง / นาที
6.Premature ventricular contraction (PVC) เป็นความผิดปกติที่เกิดจาก ectopic foci ในหัวใจห้องล่าง จึงพบ QRS wave โดยไม่มี P wave นำมาก่อน และ QRS ที่เกิดขึ้นจะมีรูปร่างผิดปกติ มีความกว้างเกิน 0.12 นาที จะมีช่วงหยุดหลังจากนั้นเนื่องจาก Refractory period ของ PVC จะไปกันไม่ให้หัวใจเต้นตามปกติได้ ชั่วขณะหนึ่ง ST segment และ T wave จะชี้ไปในทางตรงกันข้าม สาเหตุของ PVC เกิดจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดออกซิเจน หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน พิษของยาดิจิทาลิส การรักษาโดยแก้ไขที่สาเหตุ
อาการของผู้ป่วยที่มี PVC ผู้ป่วยแต่ละรายอาจแตกต่างกันได้มาก ได้แก่ อาการใจสั่น หน้ามืดเป็นลม จุกแน่นหน้าอก และอ่อนเพลียไม่มีแรง เพื่อพิจารณา ลักษณะอาการของผู้ป่วยร่วมกับผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ สามารถทำนายความรุนแรงของโรคได้จากตัวบ่งชี้บางประการ เช่น ความถี่ของ PVC มากกว่า 10 ครั้งต่อชั่วโมง หรือมากว่า 6 ครั้งต่อนาที นอกจากนี้ลักษณะของ PVC ยังอาจเกิดเป็นคู่ ๆ เรียกว่า bigeminy หรือเกิดหนึ่งเว้นสอง เรียกว่า trigrminy หรือเกิดหนึ่งเว้นสาม เรียก ว่า quadrigeminy
การดูแลผู้ป่วย สังเกต ติดตาม และบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หากพบ PVC เกิดมาก จัดให้ผู้ป่วยนอนพัก ดูแลการให้ยา คิดตามผลระดับโปแตสเซียมในเลือด หาก ผู้ป่วยได้รับยาดิจิทาลิว แล้วยังพบ PVC ก่อนให้ยาครั้งต่อไปต้องรายงานให้แพทย์ทราบ
7.Ventricular tachycardia (VT) เป็นภาวะที่เวนตริเคิลเต้นในอัตรา ที่เร็วมาก แต่สม่ำเสมอ 101 – 250 ครั้ง / นาที ไม่มี P wave ส่วน QRS รูปร่างผิด ปกติและกว้างกว่า 0.12 วินาทีสาเหตุของการเกิด VT อาจเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ เช่น ก่อนหัวใจวาย โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคลิ้นหัวใจ กล้ามเนื้อ หัวใจอักเสบ เกิดความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ โรคเลือด หรือจากยาบางชนิด อาการของ VT รุนแรงและอาจทำให้เสียชีวิต ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการหรือมีอาการเจ็บหน้าอกใจสั่น (palpitation) เป็นลมหมดสติ (syncope) หัวใจหยุดทำงาน (cardiac arrest) การรักษา VT สามารถรักษาได้โดยการใช้สายสวนชนิดพิเศษจี้จุดกำเนิดความผิดปกติในหัวใจด้วยพลังงานวิทยุ (catheter ablation) โดยไม่ต้องผ่าตัด ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงจากภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ (tachycardia) มักได้รับการฝังเครื่องกระตุกหัวใจ (implantable cardioverter defibrillator; ICD) เพื่อควบคุมภาวะหัวใจเต้นเร็วมากให้ กลับคืนสู่ปกติและป้องกันการเสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยโรคหัวใจ (sudden cardiac death) โดยแพทย์อาจให้ยาร่วมกับการฝังเครื่องกระตุกหัวใจ เพื่อรักษาภาวะหัวใจเต้น เร็วกว่าปกติ (tachycardia)
การดูแลผู้ป่วย ต้องบันทึก EKG ตลอดเวลา หากมีการเปลี่ยนแปลงต้องพร้อม ที่จะช่วยเหลือทันที ค้นหาสาเหตุและวางแผนแก้ไข เตรียมพร้อมในการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานในภาวะฉุกเฉิน (cardiopulmonary resuscitation;CPR) และเตรียมการ กระตุ้นจังหวะหัวใจด้วยไฟฟ้า (defibrillation) ทันทีที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นหัวใจห้องล่างสั่นระริก (ventricular fibrillation; VF)
8.Ventricular fibrillation (VF) หรือหัวใจห้องล่างสั่นระริก เกิดขึ้นจากเวนตริเคิลสร้างกระแสประสาทขึ้นเองหลายแห่ง และเกิดไม่พร้อมกัน จึงมีทั้งระยะ เมื่อถูกกระตุ้น (depolarization) กลับเข้าสู่สภาพปกติ (repolarization) ในเวลาเดียวกัน เป็นผลให้ไม่มีการบีบตัวของเวนตริเคิล จึงไม่มีเลือดส่งออกจากหัวใจ พบบ่อย