7 ม.ค. 2021 เวลา 16:44 • ปรัชญา
ปฐมบทชีวิตสู่การค้นหา(3)
ชีวิตของทุกผู้ทุกนามหากมองให้ลึกซึ้งจะพบว่าทุกสรรพสิ่งล้วนมีเรื่องราว แม้แต่ก้อนหินภูเขาหรือสายน้ำก็ยังมีเรื่องเล่า แล้วชีวิตคนเรานั้นกว่าจะผ่านพ้นไปแต่ละวันเดือนปี เรื่องราวคงมีให้เล่าขานมากมายเพียงแต่รายละเอียดปลีกย่อยจะแตกต่างกันออกไป ชีวิตของคนคนหนึ่งจึงเปรียบได้กับหนังสือหรือละครเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว อยู่ที่ใครจะตั้งชื่อหรือนิยามชีวิตตนไว้อย่างไรเท่านั้นเอง
การที่ฉันแบกรับทุกอย่างไว้กับตัวเองไม่ทำให้ฉันท้อใจแต่อย่างใด หากแม่ไม่ได้มีภาวะเครียดจนชักเกร็ง อีกทั้งยังถูกทุบตีจนเกิดภาวะซึมเศร้า ตัวฉันเองผลจากการหนีเรียนก็ย้อนกลับมาทำร้ายฉันหนักกว่าเดิม เมื่อมีหนังสือเชิญผู้ปกครองมาถึงและพ่อไปพบอาจารย์ พ่อตอบอาจารย์ด้วยถ้อยคำท่าทางน่าสงสารว่าอดทนทำงานส่งลูกเรียนให้เงินลูกอย่างเพียงพอตลอด ทั้งที่ความจริงคือฉันและแม่ช่วยกันทำงานหาเงินใช้กันเอง การทำโทษของพ่อคือจับศีรษะฉันโขกไปที่ข้างฝาและลากไปด่าประจานทุบตีอยู่หน้าบ้าน ฉันเข้มแข็งพอกับเรื่องแค่นี้แต่สิ่งที่ทำให้ฉันไร้เรี่ยวแรงกลับเป็นเช้าของวันถัดมา
แม่เดินมาหาฉันที่นอนซมเพราะถูกทุบตี แต่ไม่มีแม้คำปลอบโยนหรือคำพูดที่แสดงว่าเข้าใจกับสิ่งที่ฉันต้องทำลงไป คำแรกที่แม่เอ่ยคือ"สมน้ำหน้าอยากไม่รักดีเอง" พร้อมกับสายตาที่เกลียดชังฉันอย่างมากมายราวกับว่าแม่ไม่เคยรับรู้กับการต้องเสียสละยอมอดยอมทุกอย่างเพื่อน้องๆ เมื่อย้อนกลับไปฉันเองก็ไม่รู้จักภาวะซึมเศร้าหรืออาการสองบุคลิกของแม่ ทำให้หลังจากนั้นไม่นาน บ้านนี้ก็คือกองไฟสำหรับฉันในทุกวัน
แต่เมื่อกาลเวลาได้ผันผ่านไป เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม เพราะพ่อเองก็ค่อยๆสำนึกและปรับปรุงตัวเอง แต่เป็นแม่ที่ไร้เหตุผลและเกรี้ยวกราด แม่มักจะพูดเสมอว่าทุกอย่างมันเกิดจากการกระทำของพ่อและแม่จะไม่ยอมให้อภัย แม่คงลืมนึกถึงลูกๆที่พลอยได้รับผลกระทบนั้นด้วย เมื่อแม่ก่นด่าฉันจนพอใจและอารมณ์เย็นลง ฉันเดินเข้าไปหาแม่และกล่าวกับแม่ด้วยเสียงปกติว่า"สิ่งที่แม่ได้พูดได้ด่าไปนั้นแม่จำไม่ได้จริงๆหรือว่าลูกคนนี้ดิ้นรนทำเพื่อครอบครัวขนาดไหน ถ้าแม่จำไม่ได้ลูกก็จะขอถามอีกคำหนึ่งว่าแม่ซื้อเสื้อผ้าให้ลูกคนนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไร" ก่อนจบประโยคฉันพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ในขณะนั้น
"นั่นสินะแม่ซื้อให้แกครั้งสุดท้ายเมื่อไร"แม่พูดพร้อมกับจ้องมองใบหน้าฉันอย่างคนฉงนปนแววตาเศร้า "ครั้งสุดท้ายที่แม่ซื้อให้คือกางเกงขาสั้นหนึ่งตัวตอนอยู่ป.ห้า" ฉันตอบพร้อมกับน้ำตาเอ่อคลอแต่ก่อนที่มันจะรินไหลฉันก็หันหลังเดินห่างจากแม่ออกมา เพื่อไปซื้อกับข้าวตามที่แม่สั่งไว้ก่อนหน้านี้ เสียงแม่ตะโกนไล่หลังมาว่า"แล้วเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ทุกวันนี้เอามาจากไหน" ฉันไม่ตอบคำถามแม่เพราะมันรู้สึกจุกในลำคอและเมื่อการทำอาหารเย็นและล่วงเลยไปจนถึงการเก็บล้างเรียบร้อยหลังมื้อเย็นนั้น แม่กวักมือเรียกฉันเข้ามาหาจากมุมหนึ่งซึ่งห่างจากทุกคน ในรอบหลายปีแม่ได้กลับมาเป็นแม่ของฉันอีกครั้งในเย็นนี้ "ตอบแม่หน่อยสิว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ทุกวันนี้เอามาจากไหน แม่คิดทบทวนแล้วว่าแม่ไม่เคยซื้อให้เลยจริงๆแต่แม่นึกไม่ออกว่าทำไม" แทนคำตอบฉันเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่มีเพียงห้าชุดออกมาให้แม่ดู สีหน้าแม่ยามนั้นบ่งบอกถึงความตกใจเป็นอย่างมาก
แต่ในใจฉันนั้นกลับนึกถึงแต่เหตุการณ์เก่าๆที่จะกี่ปีกี่เดือนที่ผ่านมาคือ"ให้น้องก่อนนะ น้องสองคนเลือกเยอะแล้วแม่จะจ่ายไม่ไหว" ฉันทำได้เพียงพยักหน้าและมองดูน้องๆเลือกเสื้อผ้ากันทุกสามเดือน ก้มมองดูตัวเองแล้วก็บอกตัวเองในใจ"เราเป็นพี่ต้องเสียสละ" มาวันนี้แม่เพิ่งจะจำได้ว่ามีลูกอีกคนที่ไม่เคยได้อะไรเลยแม้เข้าสู่วัยสาวแล้วก็ตาม "เจ๊เค้าให้มาตั้งนานละเป็นชุดเก่าๆที่เค้าไม่ได้ใส่" เจ๊ในที่นี้คือพี่สะใภ้ที่แต่งงานกับลูกชายของป้าซึ่งอยู่บ้านใกล้ๆกัน "ตอนแรกมันก็หลายชุดอยู่แต่มันก็เปื่อยก็ขาดไปเรื่อยเพราะเค้าให้ของเก่ามา ทุกวันนี้มีอยู่แค่นี้จ้ะ" คำตอบของฉันทำแม่นิ่งอึ้งไปอีกพักใหญ่ แล้วจึงไล่ฉันเอาเสื้อผ้าไปเก็บ
1
และมันเป็นเพียงการพูดคุยแต่ผลที่ตามมาไม่ปรากฎ เมื่อถึงช่วงเทศกาลฉันจึงมักจะอยู่เฝ้าบ้านเพียงลำพังกับหนังสือกองโตและเปิดเพลงฟังไปพร้อมกัน ทุกคนมักจะพูดถึงฉันว่าโลกส่วนตัวสูงไม่เคยไปไหนมาไหนกับครอบครัวเลย เป็นเด็กที่ประหลาดมากแถมยังพูดจาก็ไม่เหมือนคนปกติทั่วไปน่าจะมีปัญหาทางจิต ทุกคนพูดโดยสนุกสนานต่อหน้าฉัน ส่วนฉันน่ะหรือทำได้เพียงคิดในใจ"ฉันคือหุ่นยนต์และหุ่นยนต์ไม่มีความรู้สึก"
หากแม้เลือกเกิดได้ฉันก็ยังจะขอเลือกเกิดกับครอบครัวนี้ อะไรคือจุดเปลี่ยนอะไรคือความเข้มแข็งที่ฉันยึดเหนี่ยวตลอดมา???
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา