Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นักเดินทางตกขอบโลก
•
ติดตาม
23 ม.ค. 2021 เวลา 09:43 • ท่องเที่ยว
Ep. 2 : 8,000 บาท 15 วัน 4 ประเทศ แบกเป้ลุยเดี่ยวทดสอบใจตัวเอง ไทย - ลาว - เวียดนาม - กัมพูชา -ไทย ระยะทางกว่า 4,134 กิโลเมตร
หลังจากแยกทางกับพี่น้องทีมงานคาราวานที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันเป็นที่เรียบร้อย รู้สึกใจมันแอบหวิวๆอย่างบอกไม่ถูก เมื่อกี้ยังอยู่ด้วยกันหลายคนอยู่เลย แต่ตอนนี้ผมเหลือเพียงแค่ตัวคนเดียว
1
หากเพื่อนๆอยากทราบรายละเอียดการเดินทางเพิ่มเติมสามารถเข้าไปอ่านย้อนหลังได้ในเฟสบุ๊คเพจ : หาตังค์เที่ยวรอบโลก
หรือคลิ๊กลิ้งเพจได้เลยครับ
https://m.facebook.com/HATANGTEAWROBLOK/
04.30 น. รถบัสพาผมเดินทางมาถึงชายแดนลาว-เวียดนาม เป็นชายแดนที่อยู่บนภูเขาสูง ซึ่งอากาศค่อนข้างหนาวมาก หนาวจนต้องหยิบเสื้อแจ็คแก็ตมาใส่เลยทีเดียว พวกเราทุกคนจะต้องรอจนกว่าด่านตรวจคนเข้าเมืองจะเปิดในเวลาหกโมงเช้า ใครจะนอนรอในรถหรือออกมาเดินเล่นนอกรถก็ได้นะครับ
1
ด่านตรวจคนเข้าเมืองลาว - เวียดนาม
การเดินทางเข้าประเทศเวียดนาม สำหรับพลเมืองไทยไม่ต้องขอวีซ่า มีแค่พาสปอร์ตเล่มเดียวก็สามารถท่องเที่ยวได้อย่างเต็มอิ่ม 30 วัน อีกทั้งไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น ไม่มีทุกกรณี ห้ามจ่ายนะครับ
07.15 น. ดำเนินการลงตราประทับเข้าประเทศเวียดนามเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ผมมายืนอยู่ตรงฝั่งเวียดนามแล้วครับ เย้ๆๆ ใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 30 นาที แต่ข้อควรระวังคือพยายามสังเกตช่องทางผ่านสำหรับชาวต่างชาติให้ดี เพราะชายแดนนี้ค่อนข้างวุ่นวายเนื่องจากมีผู้คนมาใช้บริการเยอะมาก "ระวังตกรถกันเด้อ พยายามแอคทีฟตัวเองเข้าไว้"
หลังเดินทางออกจากด่านตรวจคนเข้าเมือง เมื่อไหร่ก็ตามที่รถบัสจอดแวะพักกินข้าว พยายามกินให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตุนอาหารใส่ในท้องเข้าไว้ เพราะเท่าที่จำได้คือรถจะหยุดจอดให้กินข้าวแค่เพียงมื้อเดียวเท่านั้น ถ้าไม่กินก็เตรียมอดไปได้เลยจ้า
ผมชอบการเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างประเทศด้วยรถบัสแบบนี้มากเลยนะ มันทำให้ผมได้เห็นและสัมผัสกับวิถีชีวิตผู้คนสองข้างทาง ได้เห็นว่าสภาพบ้านเมืองเขาเป็นยังไง? ได้เห็นว่าเขาใช้ชีวิตกันอย่างไรบ้าง? มีอะไรที่แตกต่างกับที่บ้านเรามั้ย? แค่เพียงได้นั่งเสพเรื่องราวดีๆเเบบนี้ การเดินทางของผมก็คุ้มค่ามากพอแล้ว
19.00 น. ผมเดินทางมาถึงสถานีขนส่งใจกลางกรุงฮานอยเป็นที่เรียบร้อย โชคดีที่ผมได้รับความช่วยเหลือจากหนุ่มเวียดนามท่านหนึ่งที่โดยสารมากับรถคันเดียวกัน เขาพาผมขึ้นรถเมล์เพื่อที่จะบอกให้ผมลงตรงจุดที่ผมถามเขาในแผนที่ (ผมมีจุดหมายอยู่แล้วในแผนที่ แต่ไม่รู้จะไปตรงนั้นได้อย่างไร?)
ขณะที่ผมกำลังนั่งรถเมล์ กระเป๋ารถเมล์เดินมาถามคนที่กำลังช่วยเหลือผมว่า ผมมาจากไหน ดูท่าทางไม่เหมือนคนเวียดนาม? เขาบอกไปว่า "Thailand Thailand!!" กระเป๋ารถเมล์เปลี่ยนสีหน้ากะทันหันแบบตื่นเต้นสุดขีด แล้วพูดโพล่งดังลั่นขึ้นมาว่า "Thailand?"
เด็กนักเรียนมัธยมปลายประมาณ 5-6 คน ที่นั่งอยู่ข้างๆหันควับมายิ้มให้ผมทันทีเมื่อรู้ว่าผมเป็นคนไทย "ชอบแหละดูออก" จากนั้นพวกเขาพยายามชวนผมคุยนู้นคุยนี่ อีกทั้งบอกให้ผมลงป้ายหน้าถัดไป ซึ่งพวกเขากำลังจะลงด้วยเหมือนกัน
ลงจากรถเมล์เสร็จปุ๊บผมก็งงสิครับ "ที่นี่ ที่ไหน?" พวกเขาพยายามอธิบายด้วยภาษาอังกฤษให้ผมฟังว่า ที่นี่คือย่านใจกลางเมืองเก่าของฮานอยที่เรียกว่า "Old Quarter" สักพักมีเพื่อนของน้องๆมาสมทบ จาก 5-6 คน กลายเป็น 20 กว่าคน "มาทำไมเยอะแยะกันครับเนี่ย?"
ดูความน่ารักของน้องๆ
เมื่อพวกเขาทั้งหมดรู้ว่าผมเป็นคนไทย ปฎิกิริยาและสีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปทันที "ตื่นเต้นกันยกใหญ่เลยครับ" พูดซุบซิบนินทาอะไรผมบ้างก็ไม่รู้ "ตรูยืนงงลูกเดียวเลย เห้อ" จากนั้นมีผู้ชายและผู้หญิงที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกับผมเดินตรงเข้ามากลางวง
เมื่อสอบถามก็พอรู้ว่า สองคนนี้เป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษ จากโรงเรียนสอนภาษา English Center สาเหตุที่ทุกคนมารวมตัวกันตรงนี้ก็เพราะคุณครูมีภารกิจให้นักเรียนตามล่าหาชาวต่างชาติ เพื่อใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับฝรั่งตัวเป็นๆ
เมื่อคุณครูสองท่านแจกจ่ายภารกิจให้เด็กๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงพาผมไปเดินหาที่พักบริเวณรอบๆย่านเมืองเก่า ซึ่งผมไม่ได้จองที่พักไว้ก่อนล่วงหน้า
หลังจากที่ผมได้โฮสเตลสำหรับคืนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาพาผมไปนั่งกินอาหารเวียดนามแท้ๆ ซึ่งเป็นร้านแนะนำจากพวกเขาสองคน ใครมาถึงฮานอยจะต้องมาที่ร้านนี้ ซึ่งผมลืมไปแล้วว่าร้านมันชื่ออะไร ฮ่าๆๆ โดยเมนูแนะนำที่พวกเขาสั่งมาให้ผมลองมีชื่อว่า บุ๊นจ่า (Bun Cha)
หน้าตาเจ้า "บุนจ่า"
บุ๋นจ่าเป็นซอสหมูย่างมีหมูชิ้นและหมูบดก้อนที่นำมาหมักและย่างจนหอมราดด้วยซอสลงไปในชาม เวลาทานก็จะเอาขนมจีนจุ่มลงไปในน้ำซอสและก็ทานคู่กับผักสด
หลังจากกินเสร็จ พวกเขาเป็นไกด์พาผมเดินเที่ยวชมบริเวณย่านเมืองเก่า แสงไฟที่ห้อยระย้าไปทั่วทั้งเมืองกระทบกับสถาปัตยกรรมและบ้านเรือนที่คงความเก่าแก่ ทำให้กรุงฮานอยมีเสน่ห์และเอกลักษณ์ในแบบเฉพาะของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าที่นี่สามารถดึงดูดใจให้ผมหลงใหลได้มากเลยทีเดียว
07.00 น. ผมรีบตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปวิ่งรอบๆทะเลสาบคืนดาบใจกลางกรุงฮานอย เป็นอีกเทคนิคหนึ่งในการเรียนรู้วิถีชีวิตผู้คน ซึ่งผมชอบทำมันมากเวลาเดินทางไปต่างประเทศ
ทะเลสาบคืนดาบ
สะพานเทฮุก
หลังจากวิ่งเสร็จ ท้องก็เริ่มโหยหาบางสิ่งบางอย่างเข้ามาเติมเต็ม ผมจึงมาจบที่ร้านโจ๊กใส่ขนมปังกรอบ สักพักมีวัยรุ่นสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มกลุ่มหนึ่งมานั่งโต๊ะข้างๆ พวกเธอมาจากเมืองโฮจิมินห์ ผมจึงขอให้พวกเธอถ่ายรูปให้ผมหน่อย "แช๊ะ!!"
นี่คือที่มาของภาพนี้ ฮ่าๆๆๆ
เมื่อท้องอิ่มแล้ว ผมรีบวิ่งกลับโฮสเตลเพื่ออาบน้ำแต่งตัวเตรียมความพร้อมสำหรับการออกไปสำรวจกรุงฮานอย 1 2 3 เริ่ม!!
สุสานท่านผู้นำโฮจิมินห์
โบสถ์เซนต์โจเซฟ
ช่วงข้ามถนน
ในช่วงเวลาที่ผมอยู่ในฮานอย ถนนบริเวณรอบๆทะเลสาบคืนดาบจะถูกปิดลงในตอนกลางคืนเพื่อเป็นถนนคนเดิน ผมชอบที่จะไปเดินที่นั่นมาก เพราะไม่เคยเห็นถนนคนเดินแบบนี้ที่ไทยมาก่อน
วิถีชีวิตผู้คนชุมชนทางรถไฟ
วิถีชีวิตผู้คนตามซอกซอย
ย่านใจกลางเมืองเก่า
กาแฟไข่ ดูไม่เข้ากันแต่รสชาติเข้ากันอย่างน่าเหลือเชื่อ
แอบส่องสาวๆเวียดนามละกัน ฮ่าๆ
คิดถึงถนนคนเดินที่ไม่ได้โดดเด่นเรื่องอาหาร เสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ทั่วไป แต่มันกลับโดดเด่นในเรื่องของพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั้งคนเวียดนามและชาวต่างชาติ ได้นำเสนอผลงานไอเดียสร้างสรรค์ ทักษะฝีมือ ความสามารถพิเศษ เรียกได้ว่าพื้นที่แห่งนี้ เพื่อนๆจะโชว์ความสามารถอะไรก็ได้ที่ตัวเองมีอยู่ในตัว ปลอดปล่อยมันออกมาให้โลกรู้ได้เลย
บรรยากาศถนนคนเดินยามค่ำคืน
พื้นที่แห่งนี้ทำให้ผมมองเห็นช่องทางในการสร้างรายได้เพื่อใช้ในทริปรอบโลก ผมบังเอิญเดินผ่านกลุ่มคนที่กำลังมุงดูอะไรบ้างอย่าง ด้วยความอยากเผือกผมจึงเดินเข้าไปดู พวกเขากำลังมุงดูโปสการ์ดหลายใบที่วางอยู่บนผ้าหนึ่งผืน ซึ่งมีฝรั่งรูปหล่อคนหนึ่งกำลังนั่งขาย
"เอ๋!! เขาทำอะไรอยู่นะ?" ผมจึงพยายามสอบถามฝรั่งคนนั้นถึงสิ่งที่เขากำลังทำ แต่ดูเหมือนว่าหลายๆคนอยากจะคุยกับเขา เมื่อรอสักพักให้ผู้คนทะยอยออกไป ผมจึงได้คำตอบว่า
เขาคนนี้เป็นนักเดินทางชาวรัสเซีย ซึ่งเดินทางด้วยการแบกเป้ลุยเดี่ยวมาเรื่อยๆ จากรัสเซียจนมาถึงเวียดนามด้วยการเดินทางทางบกเท่านั้น เขาชื่นชอบการถ่ายรูปมาก จึงมีโอกาสได้บันทึกเรื่องราวระหว่างทางที่เขาพบเจอไว้เยอะแยะมากมาย
การเดินทางมาถึงเวียดนามทำให้เขามีเป้าหมายบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งเขาจะต้องพิชิตให้ได้คือ การขี่รถมอเตอร์ไซค์จากฮานอยไปจนถึงโฮจิมินต์ (จากเหนือลงใต้)
เขาต้องการซื้อรถมอเตอร์ไซต์สักคันเพื่อทำภาระกิจนี้ให้สำเร็จ เขาจึงผุดไอเดียในการหาตังค์ในระหว่างการเดินทางขึ้นมาคือ การนำรูปภาพที่เขาถ่ายไว้มาทำเป็นโปสการ์ด จากนั้นนำมาวางขายที่นี่ ซึ่งผลตอบรับจากคนเวียดนามมีสูงมาก
"เอาหว่ะ ซื้อๆ ตรูจะทำแบบนี้บ้าง ตรูจะขายโปสการ์ดเดินทางรอบโลก"
1
"บงเบียร์ไม่กินมันแล้วโว้ย" ตอนแรกผมกะว่าจะเดินไปกินเบียร์ท้องถิ่นอันเลื่องชื่อของเวียดนาม ราคาแก้วละไม่ถึง 10 บาท แต่ดันมาสะดุดเอาตรงนี้เอาซะก่อน อะดรีนาลีนมันไหลพุ่งกระฉูดออกมาจนล้มเอ่อแล้ว อยากทำโปสการ์ดขายตอนนี้เลย ขอนั่งศึกษาการขายโปสการ์ดและรับแรงบันดาลใจจากฝรั่งคนนี้ก่อนแล้วกัน
เมื่อเส้นทางสู่ความฝันที่ดำมืดกลับเฉิดฉายประกายของแสงสว่างดวงเล็กๆขึ้นมา ไอ่นอส กระโดดร้องเต้นด้วยความดีใจและตื่นเต้นสุดๆไปเลย "ตอนนี้เราเดินทางเข้าใกล้ความฝันอีกก้าวนึงแล้ว"
- โปรดติดตามตอนต่อไปครับ -
1
9 บันทึก
32
25
11
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ทริปวงกลม : แบกเป้ลุยเดี่ยว 8,000 บาท 15 วัน ไทย-ลาว-เวียดนาม-กัมพูชา-ไทย ระยะทางกว่า 4,134 กิโลเมตร
9
32
25
11
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย