24 ม.ค. 2021 เวลา 06:17 • หนังสือ
การรักษาภาพรวม
ในหนังสือ The Decision Book กล่าวถึงคนที่มีอาชีพหลายอย่างว่าเป็น Slasher(/) ซึ่งเป็นคำที่บัญญัติขึ้นโดยนักเขียนชาวนิวยอร์คคนหนึ่งชื่อ Marci Alboher ใช้เรียกคนที่ไม่สามารถให้คำตอบเดียวกับคำถามเกี่ยวกับอาชีพของพวกเขาครับ
ยกตัวอย่างเช่น คำตอบคือ ครู/นักดนตรี/นักออกแบบเว็บไซต์ ถึงแม้ความหลากหลายในคำตอบจะดูน่าดึงดูดและน่าสนใจ ในความเป็นจริงเราจะสามารถรักษาสมดุลของการทำงานได้อย่างไร
ทำให้ผมนึกถึงการทำงานหลายอย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกันหรือ Multi-tasking ที่เป็นทักษะที่หลายๆคนมองว่าสำคัญในโลกปัจจุบัน
การทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันอาจสามมารถลดเวลาการทำงานในภาพรวมได้ แต่ก็อาจจะมีผลกระทบกับผลงานในภาพรวมด้วยเช่นกันครับ
ลองใช้ The project portfolio matrix ช่วยดูครับ
🔎 การใช้ The project portfolio matrix เป็นการประเมินผลงานของเราโดยการกำหนดตัวแปรสองตัวมาเป็นตัวกำกับครับ
เช่นในหนังสือยกตัวอย่าง cost กับ time โดย cost ที่เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่แค่ในรูปของเงินเท่านั้นครับ แต่ยังรวมถึงแง่มุมต่างๆเช่น ทรัพยากร ความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างหรือแม้แค่ความเครียดที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำงานนั้นครับ เพื่อให้เราเห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้นและสามารถประเมินผลของงานที่เราทำว่าคุ้มค่าและเหมาะสมหรือไม่ได้ดีขึ้นครับ
ลองดูตัวอย่างที่ผู้เขียนยกขึ้นมาครับ การประเมินงานขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนครับ เช่นในตัวอย่างให้ Organize school reunion เป็นเรื่องที่ยังเร็วไปที่จะเก็บมาคิดแต่อยู่ในงบเพราะเป็นการวางแผนล่วงหน้าครับ ในขณะที่ My blog ที่แม้ค่าใช้อาจจะจ่ายยังอยู่ในงบแต่ก็ต้องรีบจัดการเพราะช้ากว่ากำหนดเวลาครับ สำหรับ Christmas presents ก็ถึงเวลาที่จะวางแผนแล้วอาจะเป็นเพราะช่วงเทศกาลใกล้เข้ามาแล้วครับ
ภาพจากหนังสือ The Decision Book
ตัวแปรที่เราจะนำมาใช้กำหนดนั้นไม่จำเป็นต้องเป็น cost และ time เท่านั้นครับ เราจะให้มันเป็นอย่างอื่นก็ได้ครับ อาจจะให้เป็น เราได้เรียนรู้จากงานนี้มากแค่ไหน กับ งานชิ้นนี้ทำให้เราเข้าใกล้จุดหมายที่เราตั้งใจไว้แค่ไหน ครับ
ลองแปรผลการประเมินดูครับ
🙅‍♂️ ถ้างานนี้ไม่ได้ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มและไม่ได้ช่วยให้เข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ก็ควรปฏิเสธไปครับ
🧩 ส่วนงานที่เราได้เรียนรู้แต่ไม่ตรงเป้าหมายเรานั้นน่าสนใจครับ แต่เราไม่ควรเสียเวลากับมันมากนักครับ เพราะมันไม่ใช่เป้าหมายหลักที่เราควรโฟกัสครับ
🎏 หากงานนั้นทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายได้แต่ไม่ได้ช่วยให้เราเรียนรู้อะไรใหม่ เราอาจจะกระจายให้คนอื่นได้ลองทำเพื่อให้เขาได้เรียนรู้อะไรจากงานนั้นหรือถ้าไม่สามารถเลี่ยงได้ก็ยังเป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายของเราได้มากขึ้นครับ
🎯 เมื่อไรที่เราเจองานที่เราได้เรียนสิ่งใหม่ๆจากงานนั้นและทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายได้ เหมือนเราได้เจอขุมทรัพย์เลยครับ เราควรโฟกัสกับงานแบบนี้ก่อนเป็นอันดับแรกครับ
ผมคิดว่าเนื้อหาในบทนี้สามารถเอามาประยุกต์ใช้กับเนื้อหาของบท การบริหารเวลา ในโพสก่อนหน้าได้ครับ
📌 พยายามจบงานของเราให้ดี แม้งานนั้นจะไม่สำเร็จก็ตาม
อ่านเสร็จแล้วก็กดติดตามกันด้วยนะครับ เพื่อที่จะไม่พลาดตอนต่อไปครับ💫
สำหรับคนที่อ่านแล้วอยากแชร์ความคิดเห็นหรือมุมมองที่น่าสนใจ คอมเมนต์ได้เลยครับ😁😁

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา