24 ม.ค. 2021 เวลา 14:25 • ไลฟ์สไตล์
บทที่ 7 : 9 คุณสมบัติที่ทนายต้องมี : ซีรีส์ เรื่องจริงหลังสอบตั๋วทนาย ความลับที่ไม่มีใครบอกคุณ
9 คุณสมบัติที่ทนายต้องมี
มีหลายคนทั้งรุ่นน้องและรุ่นเพื่อนที่สนใจอยากเข้าสู่เส้นทางอาชีพทนายความ มักมาถามผู้เขียนว่าตนเองจะสามารถทำอาชีพทนายความได้ไหม วันนี้เลยถือโอกาสเขียนเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ที่เหมาะที่จะทำอาชีพทนายความ เพราะต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าแต่ละคนก็เหมาะกับอาชีพที่แตกต่างกัน เพราะจริตหรือนิสัยแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน อยากคุณผู้อ่านเป็นคนหนึ่งที่สนใจอาชีพทนายความ นอกจากจะต้องสอบใบอนุญาตแล้ว ก็ควรจะต้องสำรวจตนเองก่อนว่ามีคุณสมบัติเหล่านี้หรือไม่
1. รักการอ่าน : นิสัยรักการอ่านเป็นหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญของคนที่คิดจะเรียนกฎหมายหรือทำงานด้านกฎหมาย เพราะกฎหมายมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จะเห็นได้ว่ามีกฎหมายใหม่ๆ ออกมาตามกาลสมัย ถ้าคุณคิดว่าเรียนกฎหมายจบแล้วก็ไม่ต้องอ่านอะไรแล้วถือเป็นความคิดที่ผิด นักกฎหมายที่ไม่ศึกษาความรู้เพิ่มเติมหรือติดตามการอัพเดตกฎหมายใหม่อยู่เสมอนั้นจะกลายเป็นนักกฎหมายล้าหลังจนกระทบกับการทำงานได้ อย่างเช่นกรณีกฎหมายเกี่ยวกับผู้ค้ำประกันที่เปลี่ยนแปลงเมื่อปี 2558 หากทนายคนไหนยังจำกฎหมายเก่าและร่างฟ้องตามกฎหมายเก่าก็อาจทำให้คดีเกิดความเสียหายโดยศาลอาจยกฟ้องในส่วนของผู้ค้ำประกันได้ ถ้าใครที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลยหรืออ่านปุ๊บง่วงปั๊บ อาชีพทนายอาจไม่เหมาะกับคุณ
2. รักการเดินทาง : การเดินทางถือเป็นธรรมชาติของอาชีพทนายความที่ต้องเดินทางไปฟ้องทั่วประเทศ เว้นแต่ทนายบางคนอาจจำกัดตนเองอยู่แค่บางพื้นที่ แต่นั่นก็ทำให้ขอบเขตการรับงานจำกัดลงไปด้วย และนอกจากนั้นการที่ทนายความจะต้องเดินทางอยู่เสมอนั้นก็จะบีบบังคับให้ทนายความต้องมีรถส่วนตัว เพราะเป็นการเดินทางที่สะดวกที่สุดกว่าการเดินทางวิธีอื่น ๆ ทนายความที่งานเยอะและเอกสารก็จะเยอะตามทำให้ในรถทนายความนอกจากจะมีเสื้อครุยแล้วก็ยังมีเครื่องปริ้น และอุปกรณ์สำนักงานติดอยู่ในรถเสมออีกด้วย
3. กล้าตัดสินใจ : ความกล้าตัดสินใจนั้นหมายถึงกล้าที่จะตัดใจทำงาน ตั้งแต่การตัดสินใจว่าจะฟ้องแบบไหน กำหนดทิศทางการนำสืบอย่างไรให้เป็นประโยชน์ต่อลูกความมากที่สุดหรือเสียหายน้อยที่สุด มีคนที่เรียนกฎหมายจำนวนไม่น้อยที่ไม่กล้าตัดสินใจ กลัวไปทุกอย่าง กลัวแพ้ กลัวถูกฟ้องกลับ รวมถึงบางคนไม่กล้าที่จะขึ้นศาล กลัวทำผิดพลาด แบบนี้เป็นทนายไม่ได้ ถือว่าใจไม่ถึง ขาดความกล้าในการตัดสินใจ
1
4. มีชั้นเชิง : ชั้นเชิงถือเป็นศิลปะในการทำงาน ถึงแม้การเป็นทนายจะต้องมีความซื่อสัตย์และซื่อตรงก็ตาม แต่การทำงานที่ซื่อหรือทื่อเกินไป ย่อมทำให้การทำงานขาดความยืดหยุ่น บางกรณีทำให้คดีถึงทางตันขยับไปทางไหนก็ไม่ได้เพราะทนายความคิดทื่อๆตรงๆ ไม่รู้จักพลิกแพลง
1
5. มีใจรักการบริการ : หรือที่เรียกว่าเซอร์วิสมายด์ ทนายความไม่ใช่เจ้านายของลูกความ แม้ทนายความจะสามารถสั่งให้ลูกความดำเนินการหรือเบิกความตามขั้นตอนของตนได้ แต่นั่นไม่ทำให้ทนายกลายเป็นเจ้านายของลูกความ ทนายความต้องจำฝังไว้ในกมลเลยว่า “เงินที่ใช้เลี้ยงปากท้องอยู่ทุกวันนี้คือเงินที่ได้จากประชาชนที่มาเป็นลูกความเรา” เขานำเงินมาให้เราใช้ในการทำงานนั่นเพราะเขาไว้วางใจเรา มิใช่ว่าเราวิเศษมาจากไหน ทนายความบางคนวางตัวโอ้อวด ตวาดลูกความบ้าง รับเงินมาแล้วไม่รับผิดชอบงาน บางคนละเลยจนคดีความเสียหายก็มี แบบนี้อย่าหวังว่าจะมีลูกความคนไหนกล้าแนะนำลูกความมาให้อีกเลย
6. ละเอียดรอบคอบ : ความผิดพลาดนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา คนที่ไม่เคยทำผิดพลาดเลยคือคนที่ไม่ทำอะไรเลย แต่ทนายความต้องเรียนรู้ที่จะแก้ไขหรือจำกัดความผิดพลาดให้น้อยที่สุด
7. มีความรับผิดชอบสูง : ลูกความคนหนึ่งมาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่าที่คดีก่อนนั้นถูกศาลยกฟ้องเพราะทนายคนเก่าของเขานั้นไม่เคยมาเตรียมซักซ้อมหรือแนะนำเขาเลยว่าจะต้องเบิกความตอบศาลอย่างไร โดยอ้างว่าตนเองป่วยเพิ่งผ่าตัดมาพูดมากไม่ได้ ทำให้ลูกความคนนั้นตอบศาลไปตามยถากรรม เรื่องไม่ควรพูดก็พูดทำให้ศาลยกฟ้องคดีนั้นไปอย่างน่าเสียดาย หากฟ้องใหม่ก็จะกลายเป็นฟ้องซ้ำ โดยที่ทนายความคนนั้นก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไรแถมโยนความผิดมาให้ลูกความว่า “ก็คุณเป็นคนตอบศาลแบบนั้นเอง” และไม่ได้คิดหาทางแก้ไขทางคดีให้แต่อย่างใด ซึ่งคดีนั้นผู้เขียนได้หาทางฟ้องจำเลยเป็นอีกข้อหาอีกคดีซึ่งเป็นหนทางสุดท้ายที่ลูกความรายนั้นจะได้รับชำระหนี้คืน ไว้คำพิพากษาออกแล้วคงจะมีโอกาสมาเขียนให้อ่านกัน ดังนั้น หากตนเองอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ควรมีการมอบอำนาจหรือแต่งตั้งทนายความในการเลื่อนคดีหรือดำเนินคดีแทนตนเพื่อไม่ให้คดีเสียหาย
8. มีเมตตาและปิยวาจา : ลูกความบางคนตระเวนหาทนายมาทั่วแล้วแต่ไม่มีใครรับทำคดีเลยเพราะยอดความเสียหายมันเล็กน้อยหรือเป็นคดีเล็กๆ ง่าย ๆ (สำหรับทนาย) แต่สำหรับเขาเป็นเรื่องที่สำคัญ แม้ค่าจ้างมันจะน้อยแต่ก็ควรมีน้ำใจในการช่วยเหลือ บางคนนอกจากไม่ช่วยแล้วยังผลักไสด้วยถ้อยคำที่ไม่น่าฟัง หากไม่อยากรับทำคดีก็ควรจะแนะนำทนายท่านอื่นให้ก็ยังดีหรือแม้แต่การปฏิเสธด้วยวาจาที่อ่อนหวานสุภาพก็ทำให้หัวใจคนฟังไม่บอบช้ำไปมากกว่านี้
9. ชอบเอาชนะ : การทำคดีก็เหมือนเกมหรือการรบที่แต่ละฝ่ายก็ต้องการที่จะเป็นผู้ชนะ ทนายความก็เหมือนขุนพลหรือแม่ทัพที่จะนำพาลูกความซึ่งเปรียบเสมือนราชาไปสู่ชัยชนะให้เร็วที่สุดโดยสูญเสียน้อยที่สุด คนที่ชอบเอาชนะจะสนุกกับการทำงานและไม่รู้สึกเบื่อที่จะแก้ปัญหา ความสุขของทนายความคือการที่ลูกความชนะคดีหรือได้รับประโยชน์สูงสุด ที่ต้องกล่าวเช่นนี้เพราะบางครั้งการได้ชัยชนะอาจทำให้ลูกความเสียประโยชน์ก็เป็นได้ ดังนั้นการไกล่เกลี่ยหรือการยอมถอยคนละก้าวแล้วทำให้ลูกความได้รับผลดีนั่นก็ถือเป็นชัยชนะอย่างหนึ่งเหมือนกัน ดังนั้นทนายความนอกจากจะต้องชอบเอาชนะแล้วต้องรู้ด้วยว่าเวลาใดควรสู้และเวลาใดควรถอย
1
ใครๆก็สามารถสอบใบอนุญาตได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำอาชีพทนายความได้อย่างมีความสุข แต่ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าหากผู้อ่านที่สนใจอาชีพทนายความมีคุณสมบัติดังที่กล่าวมานี้จะสามารถประกอบอาชีพทนายความได้อย่างมีความสุขและก้าวหน้าอย่างแน่นอน
พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
#ทนายยุ้ยคุยกฎหมาย
โฆษณา