2 ก.พ. 2021 เวลา 22:00 • ปรัชญา
เปลวไฟกลางสายธาร (ประกายไฟกลางสายธาร) (๑๔)
การแสวงหาและความเร่าร้อน
โดยหลักพุทธธรรมแล้ว คำว่าสิ่งทั้งหลายคือธรรมทั้งหลายนั้นมีอยู่ในรูปกระแสสืบต่อ ซึ่งภาษาบาลีเรียกว่าสันตติ ตัวตนถาวรยืนโรงไม่มี มีแต่อันนี้ทำให้เกิดนี้ และทำให้เกิดนี้ เป็นรูปของกระแสสืบต่อทั้งรูปทั้งนาม
ทุกๆ สิ่งที่ปรากฏ สิ่งที่อยู่นอกเหนือการปรุงแต่งของเหตุปัจจัยเหล่านี้ เราถือกันว่ามีสิ่งเดียวคือพระนิพพาน สภาพใดที่หลุดพ้นจากอำนาจปรุงแต่ง สภาพนั้นทรงอยู่อย่างนั้น เรียกว่าพระนิพพาน
กระแสธารของธรรมชาตินั้นอยู่นอกเหนือความคิดนึก พูดอีกแง่หนึ่งว่า กาลเวลาที่แท้จริงนั่นแหละคือธรรมทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายกับกาลเวลาเป็นสิ่งเดียวกัน
เวลาจริงๆ นั้นคือขณะที่ต่อเนื่องกันนั้นเอง และเวลานั้น เวลาอันเกี่ยวกับการหมุนของโลกรอบดวงอาทิตย์นั้นก็เรื่องหนึ่ง แต่ช่วงกาลเวลาที่จิตรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ต้องทำความเข้าใจ เราวัดขณะจิตหนึ่ง กาลเวลาของความรู้สึกหรือของจิต
กาลเวลาคือขณะจิตหนึ่งๆ ถึงขณะจิตหนึ่ง ขณะจิตที่แล้วก็ล่วงไปแล้ว ขณะจิตนี้ล่วงลับไป ขณะจิตหน้ามาไม่ถึง กระแสของเวลาสืบต่อกระแสอยู่ มีแต่ขณะหนึ่งและขณะถัดมา และทุกขณะจิต คือขณะแห่งความคิดนึกรู้สึก เวลาเป็นความรู้สึกทางจิต
เมื่อสิ่งที่เรียกว่าวิกัลลปะลักษณะปรากฏนั้น หมายความว่า เราไปยึดติดกับความจำบางสิ่งบางอย่าง และไม่รู้เท่าทันต่อสภาพจริงในปัจจุบันนั้น เป็นเหตุให้เกิดสภาพขัดแย้ง
สภาพขัดแย้งนี้แหละที่ทำให้เราต้องดิ้น จิตเราดิ้น ดิ้นรนไปในอารมณ์ต่างๆ ตามแต่ความจำนำไป ดิ้นรนไปในห้วงของเหตุการณ์อดีต-อนาคต ทุรนทุรายไปในห้วงของเวลา การดิ้นกระสับกระส่ายก็เนื่องจากยึดติดการจำแนกแจกแจงของกาลเวลา สถานที่
ในขณะที่จิตสิ้นการแบ่งแยกโดยความประจวบเหมาะ ขณะนั้นกาลเวลาทางจิตสิ้นสุดลง ตรงนี้เป็นการชำแรกพ้นจากวงจรซ้ำซากของชีวิต เข้าสู่การดำรงอยู่ที่ไม่เหมือนเก่าก่อน ความเร่าร้อนอันเกิดแต่การแสวงหาระงับลง
โดยหลักพุทธธรรมแล้ว การแสวงหานี้มี ๓ อย่าง ประการแรกที่สุดท่านเรียกว่า กามปริเยสนา-การดิ้นกระสับกระส่ายเพื่อได้เสวยกาม กามคืออารมณ์ใคร่ จิตที่ดำรงไปด้วยความกำหนัดนั้นคือกามของบุคคล
ดังนั้นจิตที่ดิ้นรนเพราะอำนาจของความกำหนัดที่จะได้เสวยกามวัตถุ ชื่อว่าการแสวงหากาม
การแสวงหาอย่างที่สองคือ ภวปริเยสนา-แสวงหาภพชาติ ความมีความเป็น อันนี้ไม่เกี่ยวกับกาม
การแสวงหา ๒ ประการนี้ไม่ประเสริฐเลย ปุถุชนธรรมดานั้นย่อมแสวงหากามกับแสวงหาภพ โยคีฤาษีอาจจะไม่แสวงหากามแต่แสวงหาภพ เช่น ฌานในระดับต่างๆ
การแสวงหาที่ประเสริฐนั้นท่านเรียกว่า พรหมจริยะปริเยสนา-การแสวงหาพรหมจรรย์ คือความประพฤติอันนำไปสู่ความเป็นพรหม พรหมจรรย์หรือแปลว่าประพฤติอย่างประเสริฐ ประพฤติเพื่อเข้าถึงความเป็นผู้ประเสริฐบริสุทธิ์
การไม่แสวงหากาม ไม่แสวงหาภพแต่ก็แสวงหาพรหมจรรย์หรือแสวงหามรรคผล แสวงหาวิมุตติ แต่เมื่อแสวงหามรรคผลก็หนีไม่พ้นจากการต้องดิ้น เพราะยังเป็นการแสวงหา จิตก็ดิ้นรนกระสับกระส่ายที่จะได้บรรลุมรรคผล แม้เป็นสิ่งประเสริฐเพราะยังมีวิกัลลปะและดังนั้นเมื่อแสวงหาก็ย่อมได้ แล้วก็หวงแหนมัวเมา สยบ
ผู้ที่ถึงการหลุดพ้นก็สิ้นแสวงหาการหลุดพ้น นี้เป็นหลักธรรมเกี่ยวกับการแสวงหา โดยย่อแล้วการแสวงหานำไปสู่ความเร่าร้อน ได้แล้วแหนหวง ปกป้อง ปะทะ แก่งแย่ง นั่นคือทุกข์ การสิ้นสุดการแสวงหาคือการสิ้นทุกข์โดยปริยาย
เราเบื่อหน่ายชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่า เราอยากจะฆ่าตัวตาย เราอยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราครั้งแล้วครั้งเล่า เราอยากจะเปลี่ยนแปลงเป็นโน่น เป็นนี่ เนื่องจากวิกัลลปะลักษณะของจิต
จิตที่แบ่งแยก จิตที่แตกแยก ทำให้ระหกระเหิน ทำให้ต้องการ ปรารถนาแสวงหาและเร่าร้อน สุดท้ายก็รุนแรงเบียดเบียน จากสิ่งนี้ทำให้มองสู่ความรัก ความไม่แบ่งแยก
สภาพรู้อยู่จะเรียกมาซึ่งความรักซึ่งไม่ใช่ความแบ่งแยก ความรักนั้นเป็นการไม่แบ่งแยก มีสมภาพ กลมกลืน เป็นแสงโคมปกครองชีวิตของเรา ชีวิตของเราน่าจะนิ่มนวลและสุภาพกว่านี้ สิ่งดีๆ ทั้งหลายจะเกิดขึ้น และท่ามกลางแสงสว่างของความรู้อันถูกต้อง สิ่งเลวร้ายน่าจะสูญสิ้นไป
สิ่งเลวร้ายทั้งหมดจะเกิดขึ้นในท่ามกลางของความไม่รู้ ในคืนเดือนมืด ในหุบเหวอันกว้างใหญ่และลึก เราเห็นหิ่งห้อยตัวเล็กๆ บินไปในที่มืด หิ่งห้อยเหล่านั้นไม่ได้อาศัยแสงสว่างที่อื่นเลย นอกจากแสงสว่างในตัวมันเอง แต่มันก็ร่อนเหินไปได้ ใต้ใบไม้ เข้าไปในถ้ำหรือในที่มืด ซอกมืดสักเท่าใด หิ่งห้อยก็ไม่หลง เพราะแสงในตัวของมัน แสงสว่างเช่นนั้นฉันใด
แม้เราเองก็เหมือนกัน แม้ว่าเรามีสภาพรู้อยู่ตื่นอยู่ เช่นนั้นก็ชื่อว่าเรากำลังปกครองชีวิตด้วยแสงโคมของสติปัญญาหรือโพธิ เป็นธรรมนูญปกครองชีวิตอยู่
การเห็นสภาพเป็นเองเป็นอยู่เช่นนั้นอย่างไร การเห็นเช่นนั้นเรียกว่าเห็นธรรม การรู้จักชีวิตนั้น เป็นการรู้จักพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยการไม่รู้จักชีวิตจิตใจของตัว ป่วยการที่มาปฏิบัติในพุทธศาสนา
เปลวไฟกลางสายธาร (ประกายไฟกลางสายธาร)
การบรรยาย ท่ามกลางป่าเขา น้ำตก และความหนาวเหน็บบนดอยในเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๒ หลายชีวิตไปรวมกันอยู่บนม่อนผาลาด ดอยสุเทพ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา