13 ก.พ. 2021 เวลา 03:33 • นิยาย เรื่องสั้น
1.26. ตอกย้ำรอยอาฆาต
กาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจ - เตียนอุย องครักษ์ทวนวชิระ - โจงั่ง ทายาทผู้วายชนม์
เตียวสิ้ว ดาวองครักษ์แห่งขุมกำลังสัตตดารา ที่สู้อุตส่าห์ประคองตนท่ามกลางลมฝนพายุทางการเมืองมานาน ตามแนวทางของขุมกำลังสัตตดารา จู่ๆกลับมีเผือกร้อนมาเยือน ลิฉุย กุยกี คนสนิทคุ้นเคยกับเตียวเจ ผู้อา ดันเลือกตนเองเป็นที่พึ่งหลบภัย แล้วข่าวลับนี้ดันรั่วไหลเข้าหูของโจโฉเสียจนได้
เมื่อเตียวสิ้วได้ข่าวการเคลื่อนทัพของโจโฉ ย่อมรู้สึกกังวลใจ แต่กาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจที่หนีมาพร้อมกันกับลิฉุยกุยกีแท้ๆ กลับเสนอแผนการพิสดาร โดยแนะนำให้เตียวสิ้ววางยาลอบสังหารลิฉุยกับกุยกี ผู้เป็นต้นเหตุเสียก่อนเพื่อให้โจโฉคลายความระแวงสงสัยลง
จากนั้น ให้เตียวสิ้วแสร้งทำเป็นอ่อนแอถึงที่สุด ด้วยการเปิดเมืองต้อนรับกองทัพโจโฉ ปรนเปรอด้วยสุราอาหาร และหญิงงาม โดยเฉพาะโจโฉนั้น สมควรจะต้องเป็นระดับนางเจ๋าซือ ผู้เลื่องชื่อเรื่องความงาม ปล่อยเรื่องราวไว้สักสองสามวันให้ตายใจก่อน แล้วค่อยอาศัยจังหวะยามค่ำคืน บุกเข้าโจมตีทั้งภายในและภายนอกเมืองในคราวเดียว
เตียวสิ้วเห็นชอบกับแผนการนางงามเหยื่อล่อ หากแต่หญิงม่ายใจเด็ดซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงอาสะใภ้ของเตียวสิ้วนาม เจ๋าซือ ไม่ยินยอมพร้อมใจไปกับแผนการนี้ และชิงผูกคอฆ่าตัวตายไปเสียก่อน
เตียวสิ้วจึงจำเป็นต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ และจัดหาหญิงงามระดับสะท้านแผ่นดินคนอื่นมาสวมรอยแทนโดยด่วน ซึ่งก็สร้างความลุ่มหลงมัวเมาให้กับโจโฉได้จริงๆ ทำเอาจอมเจ้าชู้หลับใหลตื่นสายติดต่อกันหลายวัน
จากการที่นำกองทัพจำนวนมากเข้ามารักษาการอย่างแข็งขันในเบื้องต้น เพียงนางเจ๋าซือเอ่ยปากว่า ถูกรบกวนด้วยเสียงอื้ออึงอลหม่านตลอดทั้งวัน โจโฉที่ลุ่มหลงหญิงงาม ถึงกับยินยอมสั่งการให้ ซุนฮก เคาทู และสามขุนพลรอง โยกย้ายกองทัพใหญ่ออกไปตั้งอยู่ที่นอกเมืองห่างไกลออกไป เหลือไว้เพียงแค่โจงั่ง โจอันบิ๋น และเตียนอุย พร้อมองครักษ์ไม่กี่สิบคนเข้ามาเสพความสุขอยู่ในเมืองด้วยกัน ด้วยความประมาทเกินเหตุ
เมื่อขั้นตอนดำเนินต่อไปถึงการลอบโจมตี แผนการจึงบรรลุผลได้อย่างง่ายดาย ทำให้โจโฉมือไม้ปั่นป่วน และต้องหลบหนีอย่างสุดชีวิตอีกครั้ง และนับว่าโชคดีที่มีองครักษ์อย่างทวนวชิระ เตียนอุยคอยอารักขาอยู่เคียงข้าง ด้วยความเข้มแข็งของคนผู้นี้ ยากนักจะหาใครมาต่อกรได้ แม้จะถูกกรอกสุราให้มึนเมา และหาอาวุธคู่ใจไม่พบ ก็ยังถึงกับคว้าซากศพศัตรูมาเป็นอาวุธเบิกทางได้อย่างห้าวหาญเกินคนธรรมดาทั่วไป สมดั่งขุนพลองครักษ์ชั้นดี
แต่แล้วสิ่งที่มันไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ทวนไร้น้ำใจ ลิโป้ คู่อาฆาตเก่าจากศึกครั้งที่ผ่านมา กลับปรากฏกายขึ้นในที่นั้นด้วยความได้เปรียบกว่าทุกประการ ทั้งอาวุธ ชุดเกราะ และม้าศึก เตียนอุยที่ไร้ทวนวชิระคู่กาย จึงได้แต่เหวี่ยงซากศพเข้าขัดขวาง และยอมเสียสละชีพตนเอง เพื่อถ่วงเวลาเปิดทางให้โจโฉหนีไปได้อีกครั้ง
สมแล้วที่ลิโป้มีฉายา “ทวนไร้น้ำใจ” ในเมื่อมีเปรียบทั้งอาวุธ เกราะ และม้าศึก ก็ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยให้เตียนอุยมีโอกาสต่อสู้อย่างทัดเทียมกันแบบธรรมเนียมการต่อสู้ทั่วไปให้สุ่มเสี่ยงอีกเลย ใช้ทวนคู่มือที่ว่องไวแทงซ้ำแล้วซ้ำอีก จนแน่ใจว่า เตียนอุยตายแน่นอนแล้ว ลิโป้ จอมอำมหิตจึงนำทัพออกไปจัดการกับทัพโจโฉทางนอกเมืองต่อไป
น่าเสียดายยอดฝีืมือเตียนอุยที่ตายเร็วอย่างเปล่าประโยชน์เช่่นนี้ มิฉะนั้น ด้วยฝีมือเชิงทวนระดับนี้ สมควรเป็นขุนพลสะท้านแผ่นดินได้เลย แต่นั่นก็เป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว มิอาจเปลี่ยนแปลงได้
...
เพิ่งพ้นจากประตูเมืองอ้วนเซียด้วยความเสียสละจากเหล่าองครักษ์พลีชีพ โจโฉยังคงวนเวียนหาทางไปสมทบกับพวกพ้อง และแล้ว เงามัจจุราชในชุดเกราะสีขาวก็ปรากฏขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เตียวจูล่งมาร่วมในเหตุการณ์นี้ได้อย่างไรกัน สายตาที่จ้องตรงมาเหมือนดั่งนายพรานที่มองเหยื่อที่ใกล้ตาย ทวนยาวถูกกระชับขึ้นตรงหน้า และพุ่งม้าตรงเข้ามาเช่นเดียวกันกับคราวก่อน
โจโฉไม่อาจเสี่ยงรอคอยให้ผู้วิเศษล่องหนแสดงปาฏิหาริย์เฉกเช่นคราวก่อน จึงรีบพุ่งตัวหลบไปข้างทางด้วยตนเอง เสียงคว้ากดังซ้ำพร้อมโลหิตทะลักออกจากไหล่ขวาซ้ำแผลเดิมอีกครั้ง คราวนี้ มันคงจบสิ้นแล้วกระมัง
“ท่านพ่อ รีบขึ้นม้าหนีไป” เสียงโจงั่งดังลั่นจากทางด้านหลัง โจโฉเห็นโจงั่ง ลูกชายคนโตโดดลงจากหลังม้า วิ่งเข้าขัดขวางต้านทานจูล่งพร้อมกันกับโจอันบิ๋นหลานชายอีกคน โดยละทิ้งม้าไว้ให้มันใช้หนีออกไปจากสถานการณ์คับขันครั้งนี้ได้ แต่เสียงร้องก่อนตายของทั้งสองคนก็ยังก้องอยู่ในสองหูมันไปตลอดทาง
“ลิโป้ จูล่ง บัญชีเลือดครั้งนี้ ต้องมีวันได้ชดใช้” โจโฉกล้ำกลืนความแค้นไว้ในใจ
ทางด้านกองทัพโจโฉนอกเมืองกำลังถูกกองทัพอ้วนเซียที่นำทัพมาโดยขุนพลลึกลับใส่หน้ากากสองคน ตีแตกพ่ายด้วยฝีมือที่เหนือชั้นกว่าเช่นกัน การจู่โจมกระทันหันในยามราตรีพร้อมกันจากกองทัพในเมืองและนอกเมือง ทำให้กองทัพโจโฉโดนตีกระหนาบ จำเป็นต้องล่าถอย และหาทางช่วยเหลือเหล่าผู้นำที่ติดอยู่ในเมืองก่อนเป็นลำดับแรก
ยามนี้ โจโฉผมเผ้ากระเซิงยุ่งเหยิง เนื้อตัวมอมแมม หมดสิ้นทั้งกำลังใจและกำลังกายแล้ว ปล่อยให้ม้าวิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่งเข้าใกล้กองทหารลาดตระเวนของฝ่ายเตียวสิ้วที่มีหนุ่มใหญ่ในชุดกุนซือเป็นหัวหน้ากองโดยไม่รู้ตัว
เผอิญกองทหารยังวุ่นวายสาละวนกับการเก็บริบข้าวของเครื่องใช้จากผู้ตายอยู่ มีเพียงสายตาชายหนุ่มนั้นที่หันมามองยังตัวมันอย่างตกตะลึงชั่ววูบหนึ่ง แล้วรีบบดบังสายตาผู้อื่น สั่งการให้กองทหารรีบเคลื่อนตัวออกจากที่นั้น เหมือนเป็นการเปิดทางให้มันหนีรอดไปได้
เสียงขานรับของกองทหารทำให้มันรับรู้ว่าคนคนนี้นี่เอง ก็คือกาเซี่ยง อดีตกุนซืออันดับหนึ่งของแผ่นดิน เป็นอีกครั้งที่กาเซี่ยงลอบส่งเสริมมันแล้วกระมัง
ซุนฮก เคาทู พร้อมทหารฝีมือดีไม่กี่สิบคนออกจากที่ซ่อน ปรากฏกายขึ้นทางด้านหน้า เมื่อเห็นโจโฉขี่ม้าอยู่ตามลำพัง มันงุนงงต่อคำสั่งของกาเซี่ยงอยู่บ้างที่เคลื่อนพลออกไป เป็นการเปิดทางให้มีช่องว่างเชื่อมต่อคนในวงล้อมอย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากนั้น คนแรกที่หลุดรอดร่างแหนี้ได้ กลับเป็นบุคคลแรกที่ควรหมายเอาชีวิตอย่างโจโฉเสียด้วย หากเพียงกองกำลังนี้ยังนิ่งอยู่ พวกมันที่มีจำนวนน้อยนิดก็คงยากจะจัดการคลี่คลายสถานการณ์นี้ได้ในเวลาอันสั้น
“ไม่น่าเชื่อว่ากุนซืออันดับหนึ่งอย่างกาเซี่ยงจะพลาดง่ายๆเช่นนี้ หรือว่ามันมีความนัยซ่อนอยู่เช่นกัน” ซุนฮกเก็บเรื่องนี้ไว้ขบคิดต่อในภายหลัง ขณะที่นำพาโจโฉกลับไปยังสถานที่ปลอดภัยก่อน
ที่จริง ซุนฮกย่อมอ่านแผนนางงามของเตียวสิ้วออกโดยตลอดตั้งแต่แรก ยังนึกยินดีที่จะได้ยืมมือคนอ้วนเซียสังหารโจโฉ แก้แค้นให้กับครอบครัวตน จนถึงกับชักชวนเคาทูมาประชิดสมรภูมิรบ แสร้งเหมือนจะหาทางแก้ไข แต่ในใจหวังจะได้เห็นซากศพตรงหน้า
แต่สุดท้าย กลับกลายเป็นสถานการณ์เฉพาะหน้ากดดันให้ซุนฮกต้องรับเอาความชอบในการช่วยเหลือโจโฉออกจากวงล้อมไปแทน มิเช่นนั้น ตนเองอาจจะถูกเคาทูอ่านเจตนาออก และสังหารทิ้งเสีย
คนอื่นอาจจะไม่ล่วงรู้ผลงานขององครักษ์เคาทู หากแต่ซุนฮกย่อมต้องรู้ดี เพราะเป็นคนเสนอแผนการเด็ดหัวเอียวฮอง สยบทั้งสกุลเอียว ให้กับโจโฉ และมือสังหารลึกลับคนนั้น ก็คือ เคาทู องครักษ์ร่างยักษ์ที่เพิ่งเข้าสังกัดไม่นานนี้นี่เอง
เมื่อพวกโจโฉทั้งหมดได้พบพร้อมหน้ากันแล้ว จึงได้แต่ล่าทัพกลับเมืองหลวงไปตั้งหลักใหม่เสียก่อน แต่ความสูญเสียของโจโฉจากเหตุการณ์อื้อฉาวที่เมืองอ้วนเซียยังไม่หมดสิ้นเพียงแค่นั้น การตายของโจงั่ง โจอันบิ๋น ทำให้นางเต็งสี แม่ใหญ่แห่งสกุลโจที่รักเอ็นดูทายาทวัยหนุ่มทั้งสองคน เศร้าโศกเสียใจถึงขีดสุด ประกาศตัดขาดจากโจโฉ และนำบรรดาข้าทาสบริวารฝ่ายหญิงที่สนิทสนมกัน หนีไปบวชชีบำเพ็ญพรตที่วัดม้าขาว เพิ่มความอับอายภายในครอบครัวให้กับโจโฉมากขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง
เบื้องหน้าในศึกนี้ นับเป็นผลงานสำคัญของเตียวสิ้ว เจ้าเมืองเล็กๆใกล้จุดยุทธศาสตร์สำคัญอย่างอ้วนเซีย ที่ร่วมมือกับกาเซี่ยง อดีตกุนซืออันดับหนึ่งของแผ่นดิน แต่เบื้องหลังแล้ว นับเป็นการวางแผนอย่างแยบยลของเตียวสิ้ว ดาวองครักษ์ในสังกัดขุมกำลังสัตตดาราของพรรคฟ้าเหลืองที่ส่งข่าวให้ลิโป้ และจูล่ง สองขุนศึกใหญ่แห่งพรรคฟ้าเหลืองรุ่นปัจจุบัน ลอบนำกองทัพแฝงเข้ามาร่วมโจมตี ทำให้สามารถถล่มกองทัพใหญ่ของโจโฉจนยับเยิน
ถึงแม้ว่าสุดท้าย โจโฉยังหนีรอดไปได้ แต่ก็สูญเสียไพร่พลไปตั้งมากมาย องครักษ์ชั้นดีอย่างเตียนอุย และทายาทอนาคตไกลอย่างโจงั่ง โจอันบิ๋น ล้วนตกตายในสนามรบด้วยฝีมือของลิโป้และจูล่งตามลำดับ จึงเป็นการตอกย้ำรอยอาฆาตให้กับโจโฉอย่างล้ำลึก
งานนี้ หากมิได้กาเซี่ยงจงใจลอบเปิดทางรอดให้ เห็นที โจโฉก็กลายเป็นมัจฉาที่ติดในร่างแหของพรรคฟ้าเหลืองไปเสียแล้ว
ที่สำคัญก็คือ สาวงามที่มาสวมรอยแทนเจ๋าซือ ถึงกับเป็นเตียวเสี้ยนคนรักของลิโป้ปลอมแปลงโฉมมาร่วมแผนด้วยนั่นเอง ในเมื่อจารชนคนสวยร่วมลงมือสุดตัวเช่นนี้ มีหรือโจโฉ จอมเจ้าชู้จะหลุดรอดจากวังวนความลุ่มหลงไปได้
แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่ล่วงรู้ภารกิจสำคัญในครั้งนี้ โดยเฉพาะลิโป้ที่เหมือนจะมีบทบาทร่วมในแผนการ แต่กลับไม่รู้เรื่องนี้เลย เพราะพอมันออกเดินทางเพื่อมาสู้รบ เตียวเสี้ยนก็ชิงล่วงหน้ามาสวมรอยตามแผนลับก่อนแล้ว
การที่ลิโป้เข้าร่วมพรรคฟ้าเหลือง ยอมรับเป็นผู้นำลึกลับแห่งทัพโจรโพกผ้าเหลืองรุ่นสองนั้น ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเตียวเสี้ยนเท่านั้นที่เกลี้ยกล่อมมันได้สำเร็จ ด้วยเงื่อนไขเดียวของมันคือห้ามประกาศว่ามันเป็นพวกโจรโพกผ้าเหลืองจนกว่ามันจะยินยอมเอง ดังนั้น เมืองชีจิ๋วจึงถือเป็นฐานที่มั่นลับของพรรคฟ้าเหลืองอย่างเต็มตัว แต่ไม่ได้เปิดเผยให้คนทั่วไปได้รับรู้เท่านั้น
ตันก๋งทนกล้ำกลืนเรื่องราวดังกล่าวด้วยความลำบากใจยิ่งนัก เพราะลิโป้กลับกลายเป็นแค่หุ่นเชิดให้กับขุมกำลังสัตตดาราของเตียวเสี้ยน เตียวเลี้ยว และผู้นำสูงสุดที่ลึกลับอย่างยิ่งอีกหนึ่งคน ซึ่งมันเองยังไม่ได้รับรู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร ทำให้มันคับข้องใจมากยิ่งขึ้น เพราะเสมือนว่ามันยังไม่อาจเจาะเข้าไปในขั้วอำนาจนี้ได้เลย
และเมื่อมันรับรู้ว่าเตียวสิ้ว แห่งอ้วนเซียก็เป็นอีกหนึ่งเมืองที่อยู่ในสังกัดของขั้วอำนาจนี้ มันก็ไม่อาจนิ่งเฉยแล้ว เพราะขุมกำลังนี้อาจจะมีเครือข่ายกว้างใหญ่และเข้มแข็งเกินกว่าที่มันคาดคิดไว้มากนัก หรือว่าท่านสุมาจะชะล่าใจเกินไป แต่มันยังมุ่งหวังเข้าเบาะแสของผู้นำลึกลับให้ได้ จึงยังคงรั้งรอดูท่าทีต่อไป
แม้ว่าตันก๋งจะมีทายาทตันฮกอยู่ในเงื้อมมือของสุมาเต๊กโช แต่ก็รู้ดีว่า เครือข่ายสุมา ดูคล้ายเข้มแข็งหยั่งรากลึกไปทั่วทุกขุมกำลัง แต่ก็ยังมีจำนวนคนน้อยอยู่ หากจำเป็นต้องลงมือกระทันหัน ก็ยังสามารถจัดการได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องระมัดระวัง อย่าพลาดไป “จุดไต้ตำตอ” เลือกอาศัยจารชนคนอื่นที่แอบแฝงตัวมาเช่นเดียวกันกับตนเองเท่านั้น เหมือนอย่างครั้งที่เคยเกิดขึ้นกับกุนซือลิยู
ในช่วงเวลาที่ชื่อเสียงของโจโฉกำลังตกต่ำจากการพ่ายศึกต่อเมืองเล็กนั้นเอง ซุนเซ็ก พยัคฆ์หนุ่มหน้าหยก กลับกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุด เพราะสามารถเผด็จศึกสองพยัคฆ์ชิงกังตั๋ง ปราบเงียมแปะฮอ จ้าวเสีือขาวได้สำเร็จพอดี
ซุนเซ็กแห่งชีสองเป็นเพียงขุมกำลังหนึ่งเดียวที่ได้ประโยชน์จากประกาศิตฮ่องเต้ ชูป้ายปราบโจรขบถเงียมแปะฮอตามคำสั่งของโจโฉ ระดมทหาร เสบียง และยุทโธปกรณ์สงครามทั้งหลาย แยกออกเป็นสองทัพ ทางบกนำโดยซุนเซ็ก ไทสูจู้ ทางเรือนำโดยจิวยี่ อุยกาย มุ่งหน้าโจมตีเมืองต๋องง่อ
ฝ่ายเงียมแปะฮอ แต่เดิมนั้นคือโจรสลัดเก่ามีกำลังพลไม่น้อยที่มาจากซ่องโจรด้วยกัน หากแต่พอเวลานานไป พรรคพวกสมุนเก่าเริ่มแก่ชรา จึงถูกผลัดเปลี่ยนด้วยกำลังพลชุดใหม่ ที่มาจากการเกณฑ์ไพร่พลชาวบ้านบ้าง และการเปิดรับอาสาสมัครบ้าง ซึ่งบัดนี้ ลูกสมุนที่มีชื่อเสียงนั้นมีสี่คน ก็คือ กำเหลง ฉายามังกรพิโรธ อดีตหัวหน้าโจรสลัดกลุ่มผ้าแพร จิวท่าย อดีตแกนนำโจรสลัดแถบทะเลใต้ เป็นผู้นำทัพตัวฉกาจ เล่งโฉ นายทหารสายอาชีพ เป็นองครักษ์คุ้มกัน และผู้วิเศษอิเกียด จอมเวทย์ผู้ทรงอิทธิพล เป็นเหมือนราชครูที่ปรึกษา
ล่าสุด เมื่อโจโฉประกาศโทษต่อเงียมแปะฮออย่างโจ่งแจ้ง เสือเฒ่าจึงประชดคำสั่งด้วยการตั้งตนขึ้นเป็นไต้อ๋องแห่งอาณาจักรต๋องง่อ สร้างความปั่นป่วนให้กับวงการการเมือง เพราะุเท่าที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเจ้านครทั้งหลายจะไม่ส่งส่วยบรรณาการให้กับรัฐบาลก็จริง แต่ไม่เคยที่จะห้าวหาญถึงขั้นประกาศตนเป็นใหญ่ในรูปแบบเช่นนี้มาก่อนเลย นับเป็นครั้งแรกที่ีมีคนกล้าแยกตัวตั้งแผ่นดินใหม่เช่นนี้
จากประเด็นการตั้งตนเป็นใหญ่นี้เอง จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จิวยี่เกาะกุม เพื่อนำไปขยายผลสู่การทำลายล้างชุมโจรถ้ำเสือของจ้าวเสือขาว เงียมแปะฮอ
ก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนทัพทำศึกสองพยัคฆ์แดนใต้ จิวยี่ส่งโลซกกับไทสูจู้ให้ลอบเข้าไปเกลี้ยกล่อมบุคคลสำคัญสองคน ถึงใจกลางเมืองฝ่ายตรงข้าม
คนแรกคือองครักษ์เล่งโฉ ซึ่งปกติ ติดตามเงียมแปะฮออย่างใกล้ชิด จิวยี่ประเมินความคิดของฝ่ายตรงข้ามในฐานะนายทหารอาชีพเหมือนกัน แม้อับจนผิดหวังต่อระบบราชการ แต่ย่อมไม่อาจยอมรับโจรให้เป็นจ้าวแผ่นดินอย่างแน่นอน
ส่วนคนที่สอง ก็คือ ราชครูอิเกียด คนดังประจำท้องถิ่นในฐานะเซียนผู้วิเศษ สามารถเรียกลมฝน และใช้มนต์รักษาโรคได้ ซึ่งเพิ่งจะปรากฏชื่อไม่นานนัก อิเกียดจึงถูกเชื้อเชิญให้เข้าสังกัด เพื่อเกาะกุมฐานเสียงชาวเมืองเป็นสำคัญ
บุคคลเช่นนี้ จิวยี่ โลซกกลับมองเห็นว่า น่าจะชักจูงได้ไม่ยากด้วยชื่อเสียงบารมีที่ดีงามของซุนเซ็ก และเป็นไปตามคาด พวกโลซกกลับมาพร้อมกับข่าวดี เล่งโฉและอิเกียดต่างก็ยินดีเป็นไส้ศึกให้กับซุนเซ็กแล้ว
เพียงก่อนวันเปิดศึกสองพยัคฆ์แดนใต้ อิเกียดหลบซ่อนตัว ปล่อยข่าวแจ้งให้สานุศิษย์ละทิ้งเงียมแปะฮอ รอการสวามิภักดิ์ต่อซุนเซ็ก เพื่อแสดงความภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น สร้างความสับสนอลหม่านภายในขุมกำลังอย่างใหญ่หลวง จนเงียมแปะฮกวุ่นวายใจไม่น้อย และเกิดลังเลที่จะใช้กำลังพลด้วยเกรงจะเกิดการหักหลังกันเอง จนนำพาทหารไปเข้ากับฝ่ายตรงข้าม
พอสายข่าวเข้ามาแจ้งว่าจิวยี่ อุยกายนำทัพเรือเพียงห้าพันเศษล่องมาตามลำน้ำ หมายเริ่มต้นสงครามเหนือน่านน้ำไต้กัง สองขุนพลเอก กำเหลงกับจิวท่าย จึงอาสานำทัพเรือแค่เฉพาะคนสนิทที่ไว้วางใจได้จำนวนไม่มาก ออกไปต้านรับที่ชายแดน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
ขุนพลกำเหลง เจ้าของฉายามังกรพิโรธ หวังอาศัยจุดแข็งด้านฝีมือยุทธ์ของตนเอง สยบฝ่ายตรงข้าม และไม่เคยมีใครล่วงรู้ระดับวิทยายุทธ์ของจิวยี่มาก่อนเลย จึงประกาศท้าดวลต่อจิวยี่ ผู้นำทัพที่เคยเป็นหนึ่งในสี่ยอดคุณชายเมืองหลวง
จิวยี่ในชุดนายทหารปรากฏกายขึ้นบนเพดานเรืออย่างเปิดเผย แทนที่จะชักกระบี่เตรียมต่อสู้ กลับยกเอาพิณกู่เจิ้งมานั่งบรรเลงเพลง จนเสียงดนตรีดังก้องกังวานไปทั่วลำน้ำ กลบเสียงอื่นรอบข้างด้วยพลังกำลังภายในทั้งๆที่มีผู้คนนับหมื่นจ้องมองดูอยู่ ทำเอามังกรหนุ่มโกรธจนตัวสั่น ส่งเสียงด่าทอ พร้อมล่องเรือตรงเข้ามาใกล้เป้าหมายมากขึ้น หมายจะใช้เกาทัณฑ์จู่โจมในระยะไกล
เพียงระยะห่างแค่สองช่วงธนู และแล้ว จิวยี่ค่อยหยุดมือลงจากการบรรเลงพิณ หยิบลูกเกาทัณฑ์ที่ผูกกระบอกไม้ไผ่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาแสดงอย่างเปิดเผย และยิงเกาทัณฑ์ตามกระแสลมไปปักตรึงที่แผ่นพื้นเรือใกล้ตัวกำเหลง แสดงว่า มีข้อความต้องการส่งถึงขุนพลโจรสลัดเป็นการส่วนตัว
ขุนพลกำเหลงเปิดกระบอกไม้ไผ่ หยิบเอาม้วนกระดาษออกอ่าน แล้วถึงกับมีใบหน้าซีดขาว นิ่งอึ้งไปชั่ววูบ ก่อนจะกระอักโลหิตคำโต เดินโซเซร่วงลงสู่ลำน้ำไต้กัง หายลับไปต่อหน้าต่อตาคนทั้งหลายที่กำลังงงงัน
ขุนพลจิวยี่ อุยกายไม่ยอมพลาดโอกาสทอง สั่งโจมตีกองทัพเรือฝ่ายตรงข้าม จิวท่าย และทหารที่ยังตกใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จึงหลบหนีแตกพ่ายไปอย่างง่ายดาย ในที่สุด ศึกทางน้ำรอบแรก ซุนเซ็กกลับเป็นฝ่ายได้ชัยแล้ว
เงียมแปะฮอรับฟังข่าวความพ่ายแพ้ด้วยความโมโห ถึงกับสั่งให้ประหารชีวิตจิวท่ายที่หลบหนีกลับมา ยังดีที่องครักษ์เล่งโฉขอชีวิตไว้ได้ทัน และแล้ว ทหารสายข่าวก็มารายงานถึงศึกทางบกที่นำมาโดยซุนเซ็กกับไทสูจู้ สองขุนพลชื่อดัง
เล่งโฉชิงอาสาออกไปตั้งทัพที่ด่านหน้าในทันที โดยขอตัวจิวท่ายให้ออกไปช่วยกัน พอเงียมแปะฮอหลงกลอนุญาต เล่งโฉจึงกะเกณฑ์ไพร่พลออกไปครึ่งค่อนเมือง แล้วชักชวนกันกับจิวท่ายผู้ซึ่งกำลังผิดหวังต่อตัวโจรเฒ่า ให้เปิดด่านสวามิภักดิ์ต่อฝ่ายซุนเซ็กเสียเลย ทำให้พวกพยัคฆ์หนุ่มหน้าหยกกลับเป็นฝ่ายได้เปรียบ และมีกำลังพลเพิ่มเติมขึ้นเป็นอันมาก โดยไม่ต้องเสียแรงกำลังทหารเลยด้วยซ้ำ
เมื่อยุทธการรบพลิกผันเช่นนี้แล้ว เงียมแปะฮอจึงไม่อาจรั้งรอต่อไป ตระเตรียมจะหลบหนี แต่แล้ว ราชครูอิเกียดกลับแสดงอิทธิฤทธิ์ปรากฏตัวขึ้นบนกำแพงเมือง ชักชวนให้ผู้คนเปิดประตูเมืองต้อนรับซุนเซ็ก ซ้ำรอยเล่งโฉไปด้วยอีกคนหนึ่ง
เงียมแปะฮอ จ้าวเสือขาวผู้ยิ่งใหญ่ เปลี่ยนชุดหลบหนี แต่ยังไม่ทันพ้นประตูเมือง กลับต้องเผชิญกับฝ่ายตรงข้าม เมื่อเห็นว่าหมดสิ้นหนทางถอยแล้ว จึงตัดใจชักกระบี่ท้าดวลกับพยัคฆ์หนุ่มที่กำลังควบม้าเหยาะย่างมาตามถนนอย่างซึ่งหน้า
ทันใดนั้น เงาร่างสายหนึ่งโดดลงมาจากหลังคาบ้านเรือนมายืนข้างกายเงียมแปะฮอ เป็นกำเหลง มังกรพิโรธที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อหลายวันก่อน เห็นชักอาวุธคู่มือออกมาพร้อมรบด้วยเช่นกัน
ซุนเซ็กแย้มยิ้มพยักหน้าให้กับไทสูจู้ ทั้งสองลอยตัวลงจากหลังม้า ซุนเซ็กตรงเข้าฟาดฟันใส่เงียมแปะฮออย่างองอาจ ในขณะที่ไทสูจู้จับคู่กันกับกำเหลงด้วยพร้อมกัน สองคู่ปะทะกันอย่างดุเดือดร่วมครึ่งค่อนวัน และแล้วพยัคฆ์หนุ่มก็เป็นฝ่ายได้ชัย สะบัดกระบี่ผ่านลำคอของเสือเฒ่าได้ด้วยกระบวนท่าที่งดงามหมดจด
กำเหลงเห็นว่าฝ่ายตนจบสิ้นแล้ว จึงหันอาวุธหมายฆ่าตัวตายอย่างทรนง แต่เป็นซุนเซ็กที่โดดเข้ายึดอาวุธไว้ด้วยมือเปล่า และเอ่ยปากชักชวนให้เข้ามาเป็นพวกด้วยกันแบบใจนักเลง อดีตโจรสลัดจึงยอมลดทิฐิ รับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
ภายหลัง หลายคนพยายามไต่ถามกำเหลง จิวยี่ ถึงข้อความในม้วนกระดาษที่ทำให้ศึกแรกทางน้ำพลิกผัน แต่คนทั้งสองไม่ยอมเปิดเผยความลับนั้นเลย จนผู้คนลืมเลือนเหตุการณ์นั้นไปเอง ยกเว้นเพียงกำเหลงที่ดูจะหม่นหมอง เก็บตัวมากกว่าเดิม คล้ายกับคนอกหัก ดวงใจแหลกสลาย
ที่จวนเจ้าเมืองเกงจิ๋ว เล่าเปียวเพิ่งจะยินดีที่ได้ลูกชายคนแรกที่เกิดจากชัวเตี๋ยชัวฮูหยิน พร้อมตั้งชื่อให้เป็นเล่าจ๋อง โดยมีเล่ากี๋ บุตรคนโต และขุนพลชัวมอ เตียวอุ๋นยืนแสดงความยินดีอยู่ด้านข้างโดยพร้อมเพรียงกัน
เสียงฟึ่บดังขึ้น ลูกเกาทัณฑ์ปริศนาทะลุผ่านหน้าต่างเข้ามาในตำแหน่งที่เล่าเปียวยืนอยู่ หากแต่มิใช่ก้มตัวลงพิจารณาใบหน้าของทารกน้อยบนเปลนอนอย่างกระทันหัน เห็นที ลำคอคงจะทะลุเป็นรู เช่นเดียวกันกับเล่าหงีไปแล้ว
ชัวมอ เตียวอุ๋นรีบวิ่งออกไปสำรวจร่องรอยคนร้าย พบเห็นเพียงแต่ลูกเกาทัณฑ์ที่ยังไม่ทันได้ใช้ หล่นตกอยู่กลางสวน พอพลิกพิจารณาดู พลันพบชื่อเจ้าของเกาทัณฑ์สลักอยู่ เป็นคำว่า “ฮองตง”
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา