Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
14 ก.พ. 2021 เวลา 08:26 • นิยาย เรื่องสั้น
1.27. ศึกประสานสามเส้า
กำเหลง มังกรพิโรธ - เล่งโฉ องครักษ์มืออาชีพ - จิวท่าย อดีตแกนนำโจรสลัด
ผลกระทบจากข่าวความพ่ายแพ้ของโจโฉที่มีต่อเตียวสิ้ว แห่งอ้วนเซีย เมืองเล็กๆที่เปลือกนอกไม่มีความแข็งแกร่งมากนัก บั่นทอนอำนาจบารมีของโจโฉในฐานะผู้สำเร็จราชการให้ลดด้อยลงหลายส่วน ทำให้ศึกยืดเยื้อตามชายแดนที่เกิดขึ้นหลายจุดตามคำบัญชาการของโจโฉค่อยๆเลิกรากันไปเองจนหมดสิ้น
อ้วนสุดแห่งฉิวฉุน หนึ่งในขบถแผ่นดินตามที่โจโฉประกาศนั้น ประเมินสถานการณ์ของตนเองโดยรอบ เห็นว่า เงียมแปะฮอแห่งต๋องง่อก็ถูกซุนเซ็ก กองกำลังอิสระที่เป็นพันธมิตรของตนเองโค่นล้มไปแล้ว ส่วนลิโป้แห่งชีจิ๋วและเล่าเปียวแห่งเกงจิ๋วก็มิได้จริงจังต่อการสู้รบกับตนเองสักเท่าไหร่ ทำให้ชายแดนฝั่งที่มีปัญหาจริงๆคือทางด้านบน ซึ่งมีโจโฉแห่งฮูโต๋เป็นเป้าหมายสำคัญ หากสามารถขยายผลการปราบโจรเสือขาวให้เป็นผลงานของฝ่ายตนเอง ย่อมเป็นจังหวะให้เกิดประโยชน์ทางการเมืองอย่างมหาศาล
อ้วนสุดจึงถือโอกาสใช้ตราหยกจักรพรรดิ และพระราชสาส์นลับ ที่ได้มาจากซุนเซ็ก ประกาศตนเป็นไต้อ๋องผู้รับมอบหมายให้กอบกู้แผ่นดินฮั่น บิดเบือนทรราชย์จากตั๋งโต๊ะเป็นโจโฉไปเสีย และเปิดตัวซุนเซ็กให้เป็นขุนพลใหญ่ในสังกัด เชื่อมโยงขุมกำลังฉิวฉุนเข้ากับดินแดนกังตั๋งทั้งแคว้น คิดแผนการสามเส้า หวังประสานลิโป้แห่งชีจิ๋ว อ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋ว ร่วมกันเป็นสามพันธมิตรหลักในการบุกเมืองหลวงล้มล้างทรราชย์คนใหม่นามโจโฉ
ซึ่งเมื่อเตียวเสี้ยนสอบถามกับประมุขจูล่งแล้ว จูล่งก็เห็นดีด้วย เพราะจะทำให้ฝ่ายของตนมีกำลังเพิ่มขึ้นอีกมากมายจากทัพของอ้วนเสี้ยว และอ้วนสุด หลังจากที่ขั้วอำนาจของโจโฉ-อ้วนสุด ฟาดฟันกันจนบาดเจ็บล้มตายแล้ว หากขุมกำลังสัตตดาราค่อยออกโรงยึดเมืองหลวงไว้ในภายหลังย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย
ดังนั้น พันธมิตรอ้วนสุดกับลิโป้จึงถือกำเนิดขึ้นในทันที รวดเร็วยิ่งกว่าอ้วนเสี้ยว ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมบิดากันแท้ๆเสียด้วยซ้ำ เพราะฝ่ายอ้วนเสี้ยวยังประวิงเวลา ขอไปจัดการกับกองซุนจ้านทางฝั่งเหนือให้เด็ดขาดเสียก่อน
…
ความขัดแย้งระหว่างอ้วนเสี้ยวกับกองซุนจ้านนั้น ก่อตัวขึ้นนับจากการหักหลังแย่งชิงเมืองกิจิ๋วจากฮันฮกเป็นต้นมา โดยหากประเมินตามสถานการณ์แล้ว อ้วนเสี้ยวสมควรจัดการขุมกำลังปักเป๋งได้ไม่ยากนัก เพราะขุมกำลังกิจิ๋วกำลังไปได้ดียิ่ง
ในช่วงเวลาหนึ่ง กระสา-อ้วนเสี้ยวสามารถยึดครองสองมณฑลเปงจิ๋ว กิจิ๋ว ตัดเส้นทางการเดินทางสู่แผ่นดินส่วนกลางทั้งหมดได้แล้ว แถมยังมีพันธมิตรชนเผ่าเร่ร่อนอย่าง ซงหนู เซียนเปย ช่วยก่อกวนกองซุนจ้านอยู่เนืองๆ แต่กลับไม่อาจทำลายความแข็งแกร่งของกองทัพม้าขาว และขุนพลม้าขาว จูล่ง ได้เลย
มุมมองในสายตาขุนศึกที่ย้อนอดีตกลับมา ย่อมงุนงงสงสัยที่ฝ่ายตนเองมีขุนนางนายทหารมากมาย แต่กลับฝ่าด่านจูล่งคนเดียวไม่ได้ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะสิ่งที่ประวัติศาสตร์ไม่เคยรับรู้ นั้นคือ จูล่ง ประมุขขุมกำลังสัตตดารา ทายาทอดีตผู้นำพรรคฟ้าเหลือง ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญนั่นเอง
การที่จูล่งแฝงตัวอยู่กับกองซุนจ้าน ย่อมเป็นเพราะกำลังพลบางส่วนที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากองทัพเมืองชีจิ๋วนั้น กระจายกันซ่อนตัวเป็นกลุ่มโจรป่าเขา และชนเผ่าเร่ร่อนนอกกำแพงใหญ่ หาทางเพาะบ่มกองทัพลับขึ้นอีกกลุ่มใหญ่นั่นเอง โดยปัจจุบัน อยู่ภายใต้การดูแลของสมุนคนสำคัญอีกคนหนึ่ง นาม เตียวเอี๋ยน
การเดินหมากของจูล่ง จึงอาศัยกองกำลังพรรคฟ้าเหลือง แอบช่วยเหลือในการทำสงครามอย่างลับๆ จนเตียวเอี๋ยนในคราบของโจรป่าภูผาดำ อดีตคนของพรรคฟ้าเหลือง สามารถรุกคืบกินเมืองบางส่วนทางด้านมณฑลเปงจิ๋วของอ้วนเสี้ยว กลายเป็นอีกเมืองหนึ่งที่ตกอยู่ในเครือข่ายของพวกสัตตดาราไปแล้ว และกลับมาผูกมิตรไมตรีกับกองซุนจ้าน เพื่อร่วมกันต่อต้านอ้วนเสี้ยวอีกครั้ง
ทุกอย่างดำเนินการมาตามแผนการอย่างดี หากแต่อ้วนเสี้ยว-กระสาก็ไม่ใช่จะไร้พิษสง ถึงกับอาศัยจารชนจากชนเผ่าเร่ร่อนยุแยงให้กองซุนจ้านหวาดระแวงต่อชุมโจรเตียวเอี๋ยน และสงครามใต้ดินรอบด้าน ด้วยการข่มขู่จะทำร้ายครอบครัววงศ์ตระกูล จนสุดวิสัยที่จูล่งในฐานะขุนพลใต้สังกัดจะทัดทานได้ ทั้งๆที่รู้ความจริงอยู่แก่ใจด้วยความเป็นหัวหน้าใหญ่ตัวจริงของเตียวเอี๋ยนเอง
ดังนั้น กองซุนจ้านจึงปรับเปลี่ยนกระบวนการรบ จากการต่อสู้รูปแบบดาวกระจายที่พร้อมรับพร้อมรุก มาเป็นกระบวนทัพตั้งรับสุดขั้ว ดึงกำลังพลที่ประจำจุดสมรภูมิสำคัญให้มาเน้นป้องกันเมืองตนเองแทน กลับสร้างความยุ่งยากใจให้กับจูล่ง เพราะมองเห็นข้อบกพร่องในวิธีการดังกล่าวที่เหมือนต้นไม้ใหญ่รอวันให้แห้งเหี่ยวตายไปเอง ไม่อาจสร้างคืบหน้าต้านทานแรงอิทธิพลพวกสกุลอ้วน
จูล่งจึงจำเป็นต้องเดินหมากอื่นมาค้ำจุน มิอาจคาดหวังความเปลี่ยนแปลงใดๆจากกองซุนจ้านได้ต่อไป คนอื่นอาจล่มสลาย แต่พรรคฟ้าเหลืองต้องรุ่งโรจน์นิรันดร
เพียงน่าเสียดายนักที่พรรคฟ้าเหลืองตัดสินใจ เลือกที่จะยอมเห็นด้วยเห็นงามไปกับอ้วนสุด ถึงกับชักจูงให้กองซุนจ้านประกาศยุติศึกสงครามชายแดนเป็นการชั่วคราวกับอ้วนเสี้ยวแล้วก็ตาม แต่อ้วนเสี้ยวก็ยังดึงดันประวิงเวลา ไม่แสดงท่าทีเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในการทำศึกกับโจโฉแต่อย่างใด
…
แม้ว่าขุมกำลังลับพรรคฟ้าเหลืองจะตกลงปลงใจ อาศัยอ้วนสุดเป็นหัวหอกก่อการไปแล้ว แต่อีกหนึ่งขุมกำลังลับ เครือข่ายสุมากลับไม่ใคร่ยินดีกับแนวทางเช่นนี้ เพราะมีความคิดเห็นในการยึดครองแผ่นดินที่แตกต่างกัน
สุมาเต๊กโชหวังว่าศึกยืดเยื้อระหว่างลิโป้กับอ้วนสุด จะลดทอนกำลังของทั้งสองฝ่ายลงไป และทำให้สายลับของฝ่ายตนอย่างตันก๋ง และสายลับสองหน้าอีกคนหนึ่ง จะมีน้ำหนักมากขึ้นในขุมกำลังที่แฝงตัวอยู่
ดังนั้น เมื่ออ้วนสุดหวังผลให้ความเกี่ยวดองกับลิโป้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ด้วยการส่งคนมาขอลูกสาวของลิโป้ให้กับลูกชายของตน กลับกลายเป็นช่องว่างให้จารชนจากเครือข่ายสุมาสามารถเข้าแทรกแซงกลุ่มพันธมิตรใหม่นี้จนได้
ขั้นแรก ตันก๋งจึงเกลี้ยกล่อมให้ลิโป้ตามไปชิงตัวลูกสาวกลับมา ทั้งๆที่อยู่ในระหว่างทางในการส่งตัวเจ้าสาวไปแล้ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณความไม่เชื่อใจ และเป็นการฉีกหน้าอ้วนสุดที่กำลังทะนงตนว่า เป็นผู้มีอำนาจบารมีเหนือผู้ใด จนเริ่มไม่ค่อยฟังใคร นอกจากความคิดตนเองเป็นสำคัญ
จากนั้น สุมาเต๊กโชยังออกโรงลอบขโมยตราหยกแผ่นดิน ของสำคัญราวดวงใจของอ้วนสุดไปด้วยตนเอง โดยทิ้งร่องรอยลวงที่ได้มาจากตันก๋ง ทำให้อ้วนสุดสำคัญผิดว่า ลิโป้เป็นผู้กระทำการปล้นชิง
ในที่สุด อ้วนสุดจึงหลงกล โกรธแค้นลิโป้จนประกาศตัดขาดความสัมพันธ์ และถึงกับนัดแนะกับเล่าปี่แห่งเมืองเสียวพ่ายที่เป็นอริิิอยู่กับลิโป้ ให้บุกตีเมืองชีจิ๋วโดยพร้อมเพรียงกัน นับว่าหมากตานี้ของอ้วนสุดไม่เลวนัก เพราะจู่ๆกลับยื่นข้อเสนอที่เย้ายวน ชักจูงให้เล่าปี่มาเป็นพวกไปแล้ว
นั่นย่อมเป็นคมความคิดของบรรดากุนซือทั้งหลายในสังกัดของอ้วนสุดที่ยังสอดแทรกขึ้นมาได้บ้าง ต้องทราบว่า ระบบการบริหารกองทัพของอ้วนสุดนั้นมีความสลับซับซ้อนกว่าขุมกำลังอื่น ดังนั้น จึงไม่มีกุนซือหรือนายทหารที่โดดเด่นขึ้นมาชัดเจน แต่เป็นกลุ่มคนที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ซุนเซ็กต้องยอมเสียเวลาไปศึกษาวิธีการอยู่นานหลายปีทีเดียว
…
ฝ่ายเล่าปี่ก็ปรีกษากันเองในกลุ่มด้วยเกรงว่าจะเป็นเครื่องมือให้กับอ้วนสุดแล้วอาจจะเสียเมืองชีจิ๋วไปให้กับอ้วนสุดด้วย เพราะกองกำลังเมืองเสียวพ่ายเองอ่อนด้อยเกินกว่าจะยึดเมืองไว้ได้ตามลำพัง ซึ่งอาจจะสร้างความขุ่นเคืองให้กับโจโฉที่ตนเองสังกัดอยู่ในเวลานั้น
เตียวหุยขบคิดแล้วจึงเสนอให้ส่งซุนเขียน นักการทูตลิ้นทอง ไปลอบติดต่อกับโจโฉให้ส่งทัพใหญ่เข้าร่วมการรบด้วยอีกเส้นทางหนึ่ง และร่วมกันชิงเข้าเมืองให้ได้ก่อนอ้วนสุดจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ครั้งนี้ไป
นางแอ่น ลำดับเก้าแห่งหน่วยปักษาสวรรค์อยู่ในสถานการณ์ที่เหมาะสมที่สุดแล้วอีกครั้งหนึ่ง ศึกครั้งนี้ครั้งเดียว สามารถทำลายฐานกำลังใหญ่ของพรรคฟ้าเหลือง และทำลายแผนการแทรกซึมของเครือข่ายสุมาไปพร้อมกัน ด้วยจุดเด่นของกองทัพฝ่ายโจโฉ เป็นการเคลื่อนทัพแบบระลอกคลื่น
…
การรบแบบสามเส้าประสานของโจโฉ เล่าปี่ และอ้วนสุด จีงเกิดขึ้นที่เมืองชีจิ๋วแทนอย่างไม่คาดฝัน หมากตานี้ของเล่าปี่นับว่า เกินความคาดเดาของพรรคฟ้าเหลืองและเครือข่ายสุมา ทำให้จูล่งไม่ทันส่งกำลังทหารเข้าช่วยไว้ได้ทัน สุมาเต๊กโชเองก็ไม่คาดคิดว่าผลสรุปจะออกมาเช่นนี้ เพราะหวังผลเพียงให้ลิโป้-อ้วนสุดปะทะกันให้ยืดเยื้อเท่านั้น ศึกชีจิ๋วจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลิโป้เท่านั้นแล้ว
ลิโป้ ตันก๋งจึงตัดสินไปตามสถานการณ์ โดยเห็นว่าทัพหน้าที่มาถึงเป็นทัพเล่าปี่สามพี่น้องที่เคยพ่ายแพ้ต่อฝ่ายตนมาก่อน และเป็นเพียงกองทัพจากเมืองเล็ก จำนวนคนไม่น่ามากมายนัก จึงรีบเร่งนำทัพออกโจมตีในทันที หวังจะเผด็จศึกโดยเร็ว เพื่อตัดกำลังฝ่ายตรงข้าม
แต่ศึกครั้งนี้ กลับสร้างชื่อให้กับเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยขึ้นอีกอย่างมากทีเดียว เพราะการดวลกันระหว่างลิโป้กับสามพี่น้องในครั้งนี้ เตียวหุยไม่ได้ยั้งมือกันท่าไว้เหมือนอย่างคราวก่อน กวนอูเองก็ฝึกฝนกระบวนท่าสยบมังกรจนพัฒนาฝีมือไปมาก ส่วนเล่าปี่ก็ใช้กระบี่คู่ผ่านศึกมาหลายครั้งแล้ว พลังประสานสามพี่น้องจึงรุนแรงขึ้นมากมายกว่าคราวก่อนหลายเท่านัก
แม้ว่าลิโป้จะส่งพลังผ่านทวนไร้น้ำใจกระแทกใส่ทวนอสรพิษของเตียวหุยจนหักสะบั้น แต่ก็ยังพลาดท่า ให้เตียวหุยยื้อยุดทวนเอาไว้ จนถูกง้าวของกวนอูฟันซ้ำเข้ากลางหลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องอาศัยฝีเท้าของม้าเซ็กเทา หลบหนีออกไปจากสนามรบทันที ส่วนตันก๋ง โกซุ่น เตียวเลี้ยว ที่ต้านรับกองทัพพันธมิตรโจโฉ-เล่าปี่ไม่ไหว ได้แต่ทิ้งเมืองนำพรรคพวกหลบหนีตามลิโป้ออกไปเช่นกัน
เมืองชีจิ๋วจึงถูกกองทัพพันธมิตรโจโฉ-เล่าปี่เข้ายึดครองไว้ได้ก่อนที่กองทัพของอ้วนสุดจะมาถึง และโจโฉฉวยจังหวะเข้าทาง แพร่ข่าวบิดเบือนคำประกาศของอ้วนสุด จากการเป็นผู้กอบกู้แผ่นดินตามพระราชโองการ ไปเป็น การที่อ้วนสุดเหิมเกริม คิดตั้งตนเป็นกษัตริย์เสียเอง ตอกย้ำความเป็นขบถแผ่นดินที่อ้วนสุด-อ้วนเสี้ยวโดนตั้งข้อหาอยู่ก่อนแล้ว
กองทัพสองประสานโจโฉ-เล่าปี่ จึงวกเข้าใส่ทัพอ้วนสุดที่เพิ่งจะเป็นพันธมิตรในศึกสามเส้าที่ผ่านมา จนต้องล่าถอย ขุนพลเอกนามกิเหลงก็ถูกเตียวหุยสังหารตายไปด้วย โดยอ้วนสุดที่อุตส่าห์เป็นต้นคิดการรบนี้ต้องสูญเสียทั้งไพร่พลไปเปล่าๆ และทั้งไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆติดมือกลับไปเลยอย่างน่าเจ็บแสบที่สุด
ที่จริงแล้ว อ้วนสุดยังมีแผนการลับซุกซ่อนอยู่ ก็คือ อ้วนสุดได้นัดหมายให้ซุนเซ็กใช้กองทัพเรือแอบลัดเลาะเข้าโจมตีเมืองชีจิ๋วจากฝั่งทะเลอย่างกระทันหันอีกทางหนึ่ง หวังจะตีชิงเมืองให้ได้ก่อนพวกเล่าปี่เสียด้วยซ้ำ
แต่พอถึงเวลาสู้รบกันจริงแล้ว อ้วนสุดกลับไม่ได้ยินข่าวการเคลื่อนไหวจากทางซุนเซ็กเลยแม้แต่น้อย หรือว่า “ขุนพลใหญ่ในสังกัด” ของตนเอง ก็มีปัญหาไปแล้วเช่นกัน จนทำให้งานใหญ่พังพินาศไปเป็นทอดๆ
น่าเสียดายตรงจุดนี้ที่ทำให้ต่อมา อ้วนสุดเริ่มระแวงแคลงใจต่อพรรคพวกของตนเอง เกรงว่าจะเป็นสายให้กับซุนเซ็กที่เคยมาอาศัยอยู่พักใหญ่ จนไม่เชื่อถือรับฟังความคิดเห็นเหมือนแต่ก่อน
ในที่สุด บรรดากุนซือนายทหารคนสำคัญจึงค่อยๆถอนตัวหายไปจากขุมกำลังแห่งนี้ทีละคน ทำให้ขุมกำลังฉิวฉุนยิ่งตกต่ำลงไปอย่างมาก และไม่อาจปลุกพลังแห่งความรุ่งเรืองขึ้นมาได้อีกเลย
…
ส่วนโจโฉรีบขยายผลสงครามนี้ เพื่อเรียกอำนาจบารมีกลับคืนมาอีกครั้ง โดยยอมฝากเมืองชีจิ๋วไว้กับพวกเล่าปี่อีกครั้ง ก่อนนำสี่เทวะและกองทัพตามล่าลิโป้ต่อไปด้วยตนเอง จนพบกองทัพไร้พ่ายที่แตกพ่ายยับเยินของเสือลำบากลิโป้ กำลังมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือ แสดงว่า ลิโป้คงมุ่งหวังพึ่งพาอ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋ว
โจโฉนึกโล่งอก หากปล่อยให้อ้วนเสี้ยวได้ตัวลิโป้ไปอีกคน เห็นทีศึกเหนือจะลำบากหนักขึ้น จึงสั่งการให้ตามจับตัวลิโป้ให้ได้ ไม่่ว่าจะเป็นหรือตายก็ตาม
เพียงสิ้นเสียงคำประกาศ เห็นเกาทัณฑ์ลอยฝ่าอากาศมาจากด้านบนต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลนัก ทุกคนล้วนตกตะลึงกับเหตุการณ์ มีแต่แฮหัวตุ้นที่อยู่ใกล้ตัวโจโฉที่สุด รีบบังคับม้าชนใส่ม้าของโจโฉให้เคลื่อนตัวห่างออกไป ลูกเกาทัณฑ์ปริศนาจึงปักทะลุหมวกรบปักเข้าที่ตาซ้ายของขุนพลญาติผู้น้องไปแทน
ลิโป้ โกซุ่น เตียวเลี้ยว พุ่งตัวออกจากที่ซ่อนกาย ตรงเข้าสังหารผู้นำโจโฉตามแผนการที่ตันก๋งจัดวางไว้ ตันก๋งมองเห็นชัยภูมิตรงนี้ ดูชอบกลนัก จึงคาดเดาว่า โจโฉจะต้องหยุดอยู่ตรงนี้ เพื่อมองดูกองทัพหลบหนีทางด้านล่าง หากเพียงซ่อนคนมีฝีมือไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อสังหารผู้นำ ย่อมสามารถทำได้อยู่ แต่ผู้ลงมือย่อมสุ่มเสี่ยงที่จะหลบหนีได้ในภายหลัง
คาดไม่ถึงเช่นกันที่พวกลิโป้ทั้งสาม ยอมเป็นผู้ลงมือด้วยตนเอง เพื่อเพ่ิมโอกาสให้ได้มากที่สุด และนักรบชั้นดีสามคนเกือบทำได้สำเร็จ หากไม่ใช่องครักษ์เคาทู และขุนพลรองอิกิ๋ม งักจิ้น ช่วยกันรับอาวุธแทน ยื้อเวลาไว้ก่อน แทนที่จะเป็นโจโฉที่นอนทอดกาย จึงกลายเป็นเคาทูกับพวกที่บาดเจ็บล้มกลิ้งอยู่ตรงนั้น แต่โจโฉก็ยังถูกโกซุ่นฟันใส่กลางหลังไปหนึ่งแผลฉกรรจ์อยู่ดี
แฮหัวตุ้นที่ใบหน้าโชกเลือดและสามเทวะที่ตามกลับมาทันเวลา จึงอาศัยค่ายกลสี่เทวะรุมลงมือต่อลิโป้อีกครั้ง หวังจะจัดการวายร้ายโดยเร็ว เคาทูลุกขึ้นท้าดวลเดีี่ยวกับโกซุ่นตามลำพัง ในขณะที่อิกิ๋ม งักจิ้น กัดฟันรุมเตียวเลี้ยวอีกกลุ่มหนึ่ง
โจโฉตั้งหลักหายใจได้แล้ว ค่อยบรรจงใช้เกาทัณฑ์ช่วยยิงโกซุ่นที่กลางหลังเป็นการเอาคืน ทำให้เคาทูทุ่มฟาดโกซุ่นลงไปนอนสลบเหมือด แล้วค่อยร่วมกันกับสองขุนพลรอง ใช้จำนวนคนสามรุมหนึ่ง เอาชนะเตียวเลี้ยวได้ในที่สุด
หันมาอีกทางหนึ่ง ลิโป้ที่บาดเจ็บสาหัสยังคงต่อต้านค่ายกลสี่เทวะได้อยู่สูสี เพราะแฮหัวตุ้นที่ฝีมือสูงสุด ก็บาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนเช่นกัน โจโฉจึงไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป ยิงเกาทัณฑ์เข้าใส่ม้าเซ็กเทา เป้าใหญ่ ต่อเนื่องกันถึงสามดอก
ลิโป้หลงกลด้วยความหวงพาหนะ ยอมเสียเวลาใช้ทวนไปปัดป้องลูกเกาทัณฑ์ จึงพลาดท่าถูกแฮหัวตุ้นลอยตัวกระแทกใส่จนลิโป้พลัดตกจากหลังม้า และสามเทวะที่เหลือรีบประสานอาวุธสะกดศัตรูไว้ได้
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แฮหัวตุ้น ผู้ที่สูญเสียดวงตาเพื่อพี่ชาย จึงมีฉายาเพิ่มจาก “เทพคุ้มครอง” เป็น “เทพคุ้มครองตาเดียว” และพัฒนากระบวนท่าโจมตีครั้งล่าสุดนั้นเป็นไม้ตายประจำตระกูลชื่อ “หยกกระเบื้องล้วนแหลกสลาย”
...
เนื่องจากศึกสามเส้าเมืองชีจิ๋วครั้งนี้ เล่าปี่มีความชอบยิ่งใหญ่กว่าใครในฐานะผู้ประสานสามทัพ โจโฉจึงให้ตำแหน่งเจ้าเมืองชีจิ๋วคืนกลับไปเป็นการตอบแทนผลงานในครั้งนี้ และมอบกระบี่ฟ้าสังหาร กระบี่เดิมของตั๋งโต๊ะที่ยึดกลับมาจากลิโป้ ให้เป็นของรางวัล และกวนอู ก็ได้รับม้าเซ็กเทา อาชาวิเศษ พร้อมกับตำแหน่งขุนพลเอก ส่วนเตียวหุย ที่สูญเสียทวนประจำกายไปในการต่อสู้ ก็ได้รับทวนไร้น้ำใจของลิโป้ กับตำแหน่งขุนพลเอก เป็นของตอบแทนเช่นกัน ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อเป็นตัวอย่างให้คนทั้งหลายเห็นชัดทั่วกันถึงความใจกว้างของตนเอง
ฟังดู เหมือนว่า เตียวหุยได้รับรางวัลด้อยกว่าพื่น้องคนอื่น เนื่องจากเตียวหุยกำชับไม่ให้เล่าปี่ กวนอู แพร่งพรายความลับใดๆออกไป เล่าปี่รับความชอบเรื่องการออกความคิดสร้างทัพสามประสาน กวนอูรับความชอบเรื่องทำร้ายลิโป้จนบาดเจ็บ ส่วนเตียวหุย-นางแอ่นจงใจลดตัวเองเป็นเพียงคนสนับสนุนข้างกาย ไม่แสดงตนให้เป็นที่โดดเด่นอันใดนั่นเอง
การปราบขุมกำลังของลิโป้ อดีตขุนพลอันดับหนึ่งของแผ่นดินได้ด้วยกำลังทัพของโจโฉเอง จึงทำให้อำนาจบารมีของฝ่ายโจโฉกลับคืนมาสูงส่งขึ้นยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ ในขณะที่กองกำลังพรรคฟ้าเหลืองต้องบอบช้ำไปอย่างยับเยินที่สุดอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับชื่อเสียงของคนตระกูลอ้วนที่มัวหมอง เพราะกลายเป็นขบถแผ่นดิน
ผู้มีอำนาจบารมีทั้งหลาย นับจาก ขันทีทั้งสิบ โฮจิ๋น ตั๋งโต๊ะ อ้องอุ้น ลิฉุยกุยกี ที่ล่วงลับไปแล้ว รวมทั้ง ขบถลิโป้ อ้วนสุด ที่เพิ่งพ่ายแพ้ไปหมาดๆ ส่งผลต่อให้บัดนี้ ผู้สำเร็จราชการโจโฉครอบครองพื้นที่ใจกลางแผ่นดินไปจรดฝั่งตะวันออก กลับกลายเป็นปลาตัวใหญ่ที่ไล่กินปลาเล็กปลาน้อยที่อยู่รายรอบบัลลังก์ราชวงศ์ฮั่น จึงเป็นเป้าหมายหลักในการโจมตีของฝ่ายอื่นๆที่ต้องการยึดครองอำนาจแผ่นดินในลำดับต่อไปเสียแล้ว
…
ที่เมืองอ้วนเซีย กระตั้ว-กาเซี่ยงในฐานะกุนซือสำคัญของเตียวสิ้ว นับเป็นอันดับสองของขุมกำลังตามตำแหน่ง ย่อมมีฐานะความเป็นอยู่สูงส่งไม่น้อย แต่ก็ยังไม่เป็นปัญหาต่อการเข้าพบอย่างกระทันหันของหมอฮัวโต๋ ที่เป็นแพทย์ประจำตัวมานาน
ภายในห้องหนังสือ พอปราศจากคนนอกแล้ว ทั้งสองจึงคุยกันได้สะดวกขึ้น กาเซี่ยงจึงเริ่มต้นก่อน “พี่สี่ เกิดเหตุด่วนอันใด จึงเสี่ยงมาพบข้าด้วยตนเองเช่นนี้หรือ”
หมอฮัวโต๋ถอนหายใจหนักหน่วง พลางกล่าว “ปัญหาเกิดขึ้นแล้วน่ะสิ ข้าเพิ่งถูกลักพาตัวไปโดยขุมกำลังลึกลับกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้รักษาปัญหาทางจิตของคนคนหนึ่งที่น่าจะเป็นคนสำคัญของพวกมัน เบื้องแรก พวกมันคิดจะกักตัวข้าเอาไว้เลย แต่ยังดีที่มีคนออกหน้ารับประกันให้ปล่อยให้ข้ากลับไปใช้ชีิวิตได้ตามปกติ”
กาเซี่ยงฟังดูคล้ายมีพิรุธในน้ำเสียง จึงเอ่ยถามตรงๆ “ปัญหาคงอยู่ที่คนออกหน้ารับประกันกระมัง”
“ถูกต้องแล้ว มันคือคนที่พวกเราหวั่นเกรงมาโดยตลอด เราเองไม่แน่ใจในท่าที จึงพูดให้น้อยที่สุด จนก่อนจากกัน มันยังข่มขู่ซ้ำ หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป มันจะลงมือสังหารพี่น้องเราจนกว่าจะหมดสิ้นในทันที และมันมีตัวประกันอีกคนอยู่ในมือแล้วด้วย” ฮัวโต๋อัดอั้นใจมานาน รีบระบายความลับให้สหายสนิทโดยเร็ว
กาเซี่ยงตะลึงลาน นึกหวั่นใจในภารกิจที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ในขณะที่ฮัวโต๋พลันได้ยินเสียงคนเคลื่อนไหวจากภายนอก จึงร้องทักขึ้น“นั่นใครกัน”
เสียงหัวร่อฮาฮาดังขึ้นพร้อมกับเงาร่างของหนุ่มใหญ่ในชุดพ่อค้าเร่ร่อนที่ก้าวเดินเข้ามาอย่างเปิดเผย ฮัวโต๋ตกใจหน้าซีด ในขณะที่กาเซี่ยงจับมือปลุกปลอบใจ “ไม่ต้องกังวล เป็นพวกเดียวกันเอง ใจเย็นเอาไว้ก่อน”
กาเซี่ยงทำตัวลึกลับยังพอทำเนาอยู่บ้าง หากแต่ครั้งนี้ กลับไปสุมหัวเป็นพวกเดียวกันกับหนุ่มใหญ่ในชุดพ่อค้าเร่่ร่อนได้อย่างไร ในเมื่อคนผู้นี้ ก็คือ เตียวล่อ ดาวปกครอง เจ้าเมืองฮันต๋ง ซึ่งเป็นผู้อาวุโสของพรรคฟ้าเหลืองชัดๆ
เตียวล่อแย้มยิ้มพลางเอ่ยปาก “คราวนี้ พี่ห้าต้องเชื่อใจข้าได้แล้วล่ะนะ ปัญหาใหญ่ได้เริ่มปรากฏขึ้นแล้วจริงๆ และเหตุไรข้าถึงต้องห้ามไม่ให้บอกกับผู้อื่น”
กาเซี่ยงพยักหน้าคล้ายจนใจไร้คำพูด เพราะตกอยู่ในภวังค์ความคิดไปแล้ว ปล่อยให้ฮัวโต๋งุนงงกับความสัมพันธ์ของคนทั้งสองต่อไป
…
ด้านนอก ยังมีเงาร่างคนอีกคนหนึ่งลอบโล่งอกที่มีคนอื่นรับหน้าในเสียงเคลื่อนไหวเมื่อครู่แทนตัวมันที่พลาดพลั้งไป แต่ภายในใจ กลับสับสนอย่างหนัก เพราะคาดเดาว่า บุพการีตัวจริงของมันได้ตายจากไปแล้วด้วยฝีมือของคนพวกนี้กระมัง
หากสิ่งที่มันคาดคิดเกิดขึ้นจริง แสดงว่า ท่านพ่อต้องถูกสังหารตายไปนานแล้ว และกลายเป็นคนอื่นปลอมตัวสวมรอยเป็นบิดามาเนิ่นนานแล้ว เพียงแต่พวกคนเหล่านี้เป็นคนของพวกไหน ฝ่ายใด ยังไม่อาจล่วงรู้
“ตัวมันเองเป็นเพียงบัณฑิตไร้ทางต่อสู้ หากขอความช่วยเหลือผิดคนผิดฝ่าย ก็รังแต่จะตายเปล่า ดังนั้น สิ่งที่มันทำได้ตอนนี้ ก็คือ การอดทนรอคอย สืบเสาะให้ชัดเจน แล้วค่อยลวงมาสังหารให้หมดสิ้นในคราวเดียว” กากุ๋ยครุ่นคิดในใจ
...
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 1 - มัจฉากลางวารี
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย