8 ก.พ. 2021 เวลา 15:52 • ปรัชญา
5. พระบริสุทธิคุณ
ก่อนนี้ได้ยินได้ฟังจากผู้เคยมาแสวงบุญยังสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่งว่า มีความรู้สึกพิเศษ มีความปลาบปลื้ม มีความปีติ มีความสุขใจอย่างอธิบายไม่ได้ ก็ได้เก็บความลังเลสงสัยเปนวิจิกิจฉาในใจเรื่อยมา
จนได้สนทนาธรรมกับท่านโฆสกโพธิภิกขุ ผู้มีพรรษาอ่อนกว่าป่วยด้วยลิวคิเมีย ซึ่งได้ปรารภถึง มรณะ ณ กุฎีสงฆ์วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ระหว่างนั้นเกิดไฟฟ้าดับ ท่ามกลางความมืดมิดนั้น จนมาถึงตอนสนทนาว่า กรรมฐาน๕คือ ผม ขน ฟัน เล็บ หนัง ล้วนเป็นสิ่งน่ารังเกียจเมื่อหลุดล่อนออกจากกายสังขารแล้ว เกิดระลึกได้ว่า แม้สิ่งปฏิกูลจากพระอรหันต์นั้นไม่ได้น่ารังเกียจเช่นของปุถุชนเลย เช่น เลือดของหลวงตาพวงที่เจาะทิ้งไว้ ณ รพ. วิชัยยุทธ แปรสภาพเป็นเกล็ดใสดั่งทับทิม ชานหมากของพระอริยสงฆ์ที่โยมเอามือไปรองจากปากท่านนั้นเกิดเปนเกล็ดเพชรพร่างพราวขึ้น เส้นเกศาที่ปลงออกมาเกิดการรวมกันเปนกระจุกมีหยาดใสอย่างเพชรพร่างพรายอยู่โดยรอบ แม้อัฐิธาตุยังแปรจากกระดูกเปนพระธาตุสุกใส อย่างที่ทราบกันทั่วไปอยู่แล้ว ท่านโฆสกะฯเสริมว่าคงจริงอย่างพี่ว่า กระดาษชำระหลวงตาบัวยังแปรสภาพปฏิกูลเปนเกล็ดใสอย่างเพชรไม่มีกลิ่นเลย
จึงเกิดความกระจ่างขึ้นในใจว่า นี้เองคือสิ่งที่ควรจะเรียกว่า "พระบริสุทธิคุณ" คือความpurity ของคุณธรรมที่พระอริยบุคคลท่านมีนั้น สามารถเเผ่ออกมา มีอำนาจฟอกซัก ทำการpurify สิ่งต่างๆที่อยู่ใกล้ท่านทั้งในกายสังขารของท่านและสิ่งที่ท่านสัมผัสให้บริสุทธิ์เช่นเดียวกับท่านได้
ฉะนั้นแล้วประดาสิ่งปรักหักพังต่างๆ ซึ่งสำนักงานโบราณคดีแห่งอินเดียได้สืบค้นจนยืนยันว่าเปนสถานที่ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทับอยู่ เช่นมูลคันธกุฎีบ้าง เปนสถานที่ซึ่งพระสาวกได้มาเข้าเฝ้าบ้าง เปนสถานที่ซึ่งพระสงฆ์หลายร้อยได้ฟังธรรมแล้ว บรรลุอรหันตผลพร้อมกันบ้าง จึงเปนที่สถิตแห่งพระบริสุทธิคุณอันนั้นๆ อันเกิดเปนผลพวงมาแต่การสำเร็จมรรคผล
เมื่อเดินทางขึ้นมาถึงยอดเขาคิชภูฏ(เขาหัวแร้ง) อันเปนที่ตั้งของซากมูลคันธกุฏีของพระพุทธองค์ ที่ตั้งของกุฎีพระอานนท์ ถ้ำพระโมคคัลลานะ เมื่อได้ทำวัตรสวดมนต์แล้ว พระกรรมวาจาจารย์ให้เข้าสมาธิเจริญจิตภาวนา จึงได้กระจ่างแจ้งแก่ใจตนเองในขณะนั้นว่า จิตใจรวมกันเข้าสู่สมาธิภาวะได้ง่ายอย่างรวดเร็วมาก ไม่ติดขัด ไม่ขุ่นมัว ไม่พะวง ย่อมเปนด้วยอำนาจพระบริสุทธิคุณที่สถิตอยู่ตรงนั้นๆเปนแน่แท้ แลอำนาจนั้นได้แผ่มาถึงเราผู้อยู่ใกล้ เปนอันหมดความสงสัยในกิจการพระศาสนาไปอีกข้อหนึ่ง
ส่วนสาระน่าคิดมีอยู่ประการหนึ่งว่า โดยธรรมดาของบริสุทธิ์จะไม่ปนเปื้อนอยู่กับสิ่งโสโครก ฉะนั้นแล้วการจะได้รับเอาพลังแห่งพระบริสุทธิคุณมาได้ตัวเราเองควรต้องกระทำจิตกระทำใจให้บริสุทธิ์เสียก่อน ซึ่งอาจทำได้โดยการรักษาศีล ชำระร่างกายให้สะอาด สงวนประคองวาจาไม่ให้ทุจริต รักษากายวาจาใจเปนอย่างที่เรียกว่าเปนการบูชาพระบริสุทธิคุณ โดยนัยนี้จึงได้รับเอาอำนาจแห่งพระบริสุทธิคุณมาได้เพราะคติดั้งเดิมมีว่าเมื่อผู้ใดตั้งใจบูชาแล้วย่อมได้รับการบูชาตอบ
ทั้งนี้เคยได้ศึกษาและทำความเข้าใจเรื่องกระดูกคนกลายเปนพระธาตุมาก่อนหน้านี้แล้วว่าเปนไปได้อย่างไรหนอ จนมาเข้าใจเมื่อมีข่าวฝรั่งสามารถนำกระดูกคนตายไปอัดควบผ่านกรรมวิธีจนกลายเปนอย่างเพชรได้เพื่อให้ลูกหลานเลี่ยมทำหัวแหวนเก็บเปนที่รฤกถึงผู้วายชนม์ จึงกระจ่างว่าแท้จริงเพชรนั้นก็เป็นสารประกอบคาร์บอน กระดูกก็เปนสารประกอบคาร์บอน โดยธรรมชาติเมื่อหมื่นแสนล้านปีก่อนเพชรก็เคยเปนกระดูกเปนซากพืชซากสัตว์มาก่อน ฉะนั้นเทคโนโลยีสมัยนี้ เอากระดูกคนตายเมื่อผ่านกรรมวิธีอัดคอมเพรสทางวิทยาศาสตร์ย่นเวลาก็แปรสภาพให้เปนอย่างเพชรได้ มีความบริสุทธิ์สวยงามดีไม่มีปฏิกูลน่ารังเกียจอันเปนลักษณะเดิมเหลืออยู่เลย พระอริยะท่านก็มีเทคโนโลยีของท่านในการย่นเวลาฟอกซักธาตุขันธ์ของท่านจนเปนพระธาตุได้ฉะนั้น
----------------
โฆษณา