22 ก.พ. 2021 เวลา 01:22 • นิยาย เรื่องสั้น
2.4. ความในใจคนทรยศ
เตียวเลี้ยว ขุนพลเสือโคร่ง - สองขุนพลแดนเหนือ งันเหลียง บุนทิว
ทางเมืองชายแดนปักเป๋ง คุณชายรองอ้วนฮีถูกบิดาเรียกตัวเข้าพบที่กระโจมทหาร อ้วนเสี้ยวเพียงอธิบายสั้นๆ “หัวหน้าชนเผ่าเซียนเปย ทัวปาลี่เวย ต้องการผูกสัมพันธ์ยกลูกสาวนาม เอียนมี่ ให้กับสกุลอ้วน ในเมื่อลูกถำก็มีคู่ครองไปแล้ว เราจึงคิดยกนางให้กับเจ้าที่ยังเป็นโสดก็แล้วกัน”
อ้วนฮี หนึ่งในสี่คุณชายเมืองหลวง ปกติเป็นคุณชายกรุ้มกริ่ม เจ้าสำราญ ไม่ชอบผูกมัดอันใด ขยับตัวเงยหน้าหมายจะปฏิเสธ พลันเห็นสาวน้อยเค้าหน้างดงามที่ยืนอยู่ทางด้านหลังหัวหน้าทัวปา กำลังจ้องมองมาทางตนแน่วนิ่ง ในใจเกิดความรู้สึกราวกับรักแรกพบในทันที รีบเปลี่ยนข้อความเป็น “ขอบคุณท่านพ่อที่ส่งเสริม”
พิธีวิวาห์ระหว่างอ้วนฮีกับเอียนมี่ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายตามวิสัยนักรบ หากยังทำให้ทอดเวลาเดินทางล่าช้าไปอีกหลายวัน อ้วนเสี้ยวยังมีห่วงกังวลต่อสถานการณ์เมืองกิจิ๋วอยู่บ้าง แต่ข้อมูลไม่ปรากฏว่า มันจะเสียเมืองก่อนศึกกัวต๋อ ทำให้มันกล้าที่จะสุ่มเสี่ยง อย่างน้อย มันก็ได้พันธมิตรชนเผ่าเพิ่มมาอีกทั้งกองทัพ
สามชนเผ่าทุ่งหญ้า ประกอบด้วย ซงหนู เซียนเปย และอูหวนตามลำดับ ผู้เฒ่าหินผา เซ็กเหียน ประมุขแห่งเผ่าซงหนู นับว่า ฝีมือเข้มแข็ง กำลังพลมากที่สุด ครอบครองพื้นที่ตอนเหนือได้กว่าครึ่งค่อนอาณาเขต ทัวปาลี่เวย ประมุขเผ่าเซียนเปย ได้เปรียบเรื่องกลอุบาย และยุทโธปกรณ์ จึงรบพุ่งได้อย่างสูสี พอจะได้พื้นที่มาสักสามสี่ส่วน ส่วนเป๊กตุน ประมุขเผ่าอูหวนกลับถือสันโดษ สมถะ พึงพอใจกับเขตแดนเล็กๆ ไม่ค่อยออกมาวุ่นวายกับขุมกำลังอื่นๆมากนัก แต่ก็มีผลงานการตั้งรับที่ยอดเยี่ยมไม่น้อย
การที่เผ่าซงหนูกับเผ่าเซียนเปยจะรีบเข้ามาทำความรู้จักกับขุมกำลังกิจิ๋วของอ้วนเสี้ยว ย่อมเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ไม่ยาก ต่างฝ่ายต่างไม่ลงรอยต่อกัน ล้วนต้องการพรรคพวกหนุนหลัง และขยับขยายพื้นที่เพิ่มเติม พอสกุลกองซุนล่มสลายเพราะอ้วนเสี้ยว จึงรีบแย่งชิงติดต่อเข้ามา เพื่อเสนอผลประโยชน์ต่างตอบแทน
แต่ครั้งนี้ ประมุขเฒ่าทัวปากลับพลิกแพลงเพิ่มเติม ถึงกับเสนอลูกสาวให้เป็นหมากการเมือง เชื่อมสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นไปก่อน หากเป็นเช่นนี้ สมรภูมิทุ่งหญ้าในอนาคต เซียนเปยย่อมมีคนสนับสนุนอย่างแน่นอน
อ้วนเสี้ยวลอบพิจารณาทัวปาลี่เวย ผู้นำต่างถิ่นที่ดูเหมือนไร้พิษสง แต่เปี่ยมด้วยกลอุบาย ในใจทบทวนสงครามต่างเผ่าว่ามีบทบาทเช่นไรในหน้าประวัติศาสตร์ หากแต่เรื่องพรรค์นี้มิได้บันทึกไว้ในเรื่องราวสามก๊กมากนัก มันจึงไม่กระจ่างชัดเช่นกัน
ทัวปาลี่เวยรู้สึกได้ถึงท่าทีของอ้วนเสี้ยว หากแต่ทำเป็นไม่ทันรู้ตัว กลมกลืนไปกับบรรยากาศงานวิวาห์ ทั้งๆที่มันก็เพิ่งจะพบหน้ากับเจ้าสาวมาได้ไม่นานเท่าไรนัก แต่แผนการขั้นแรกของมันก็ถือว่าสำเร็จลุล่วงไปแล้ว
...
ค่ำคืนแล้ว อ้วนเสี้ยวนั่งทบทวนอนาคตของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง การเป็นนายทหารย้อนเวลาในหน่วยปักษาสวรรค์นั้น เคยเป็นงานอาชีพที่ตนเองภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ทำหน้าที่เพื่อแผ่นดินมาตุภูมิ และรักษาโครงสร้างประวัติศาสตร์ให้คงอยู่อย่างถูกต้อง
สัญญาขายวิญญาณที่เรียกกันในหน่วยปักษาสวรรค์ คือ พันธะสัญญามูลค่าสูงลิ่วให้กับครอบครัว เพื่อชดเชยกับการแลกเปลี่ยนชีวิตตลอดทั้งชีวิตให้กับภารกิจการเดินทางย้อนเวลาแบบทางเดียว ไปแล้วไม่คิดถอยหลัง ย้อนอดีตแล้วไม่หวังกลับคืน เช่นเดียวกันกับระบบจารชนองค์กรลับระดับสากลทั่วไป
ทุกคนล้วนได้รับการเตรียมตัวมาทั้งหลักสูตรพื้นฐานและวิชาเฉพาะด้านเป็นอย่างดีหลายปี เพื่อให้เหมาะสมกับบทบาทที่ตนเองได้รับ พร้อมปลูกฝังทัศนคติอุดมการณ์เพื่อส่วนรวมเป็นสำคัญ แทบไม่แตกต่างจากโรงเรียนการทหารทั่วไป
สำหรับโลกภายนอก พวกมันถือว่า ตายจากกันไปแล้วในภารกิจลับพิเศษ คนในครอบครัวได้รับรู้ถึงเกียรติยศบรรดาศักดิ์ และบัญชีเงินฝากก้อนใหญ่เป็นการตอบแทนที่เกินคาดคิด
ณ ยามนี้ สิ่งเดียวที่พวกมันอาจจะเชื่อมโยงกับคนในครอบครัวก็มีเพียงแต่การกระทำของพวกมันที่อาจจะส่งผลกระทบสืบทอดไปถึงตัวมันเอง ครอบครัว ชุมชน หรือประเทศชาติของพวกมันในอนาคตอีกเกือบสองพันปีข้างหน้า
หลังจากการเดินทางย้อนเวลามาจริงๆและได้คลุกคลีใช้ชีวิตยุคโบราณมาสักระยะหนึ่งแล้ว มันได้พบเห็นสภาพชีวิตของราษฎรในอดีตที่ตกทุกข์ได้ยาก เพราะภัยสงครามเป็นจำนวนมากในศึกสิบแปดหัวเมืองนั้น ทำให้มุมมองชีวิตมันเริ่มเปลี่ยนแปลงไป อนาคตควรเป็นสิ่งที่มันลิขิตเองได้ อำนาจก็อยู่ในมือของมันแล้วนี่นา มันสามารถลดทอนปัญหาสงครามยืดเยื้อหลายสิบปีนี้ได้ เพราะมันคืออ้วนเสี้ยว ขุนศึกคนดังแห่งภาคเหนือ หนึ่งในขุมกำลังที่เข้มแข็งที่สุดในยุคต้นสามก๊ก
ความพยายามครั้งแรกของมันในการร่วมมือกับโจโฉต่อสู้กับจอมทรราชย์ตั๋งโต๊ะ-ลิโป้ไม่สามารถทำได้สำเร็จ เพราะการขัดขวางของเหล่าปักษาสวรรค์ พี่น้องร่วมเป็นร่วมตายของมันเองที่ยังคงยึดมั่นในภาระหน้าที่ของตน ทำให้มันกระทบกระเทือนใจอย่างมาก พวกนั้นสามารถฆ่าได้ทุกคนเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง ไม่เว้นแม้แต่เด็กทารก มันจึงต้องยอมล่าถอยกลับมาก่อน นั่นคือเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน
แต่อีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากเป็นไปตามแผนการแล้ว อ้วนเสี้ยวจะต้องพ่ายแพ้ต่อโจโฉ ทั้งๆที่กำลังทหารมากกว่าหลายเท่าตัว และอ้วนเสี้ยวจะต้องตายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ แล้วกระสาก็จะเปลี่ยนบทบาทไปเป็นขุนนางอีกคนหนึ่งที่อาจจะเป็นเบื้องหลังอยู่คอยช่วยเหลือปักษาอื่นๆต่อไปจนกว่าภารกิจทุกอย่างจะเสร็จสิ้น เช่นเดียวกันกับภารกิจยาวนานที่เฒ่ากระเรียน ลำดับสอง ทำมาหลายสิบปีจนแก่ชรา ผมเปลี่ยนสี ซึ่งสำหรับโครงการครั้งนี้ คือ มันต้องดูแลไปจนถึงวาระสุดท้ายของหน่วยปักษาสวรรค์ตามประวัติศาสตร์ ซึ่งหมายถึงภารกิจตลอดชีพของมันเลยทีเดียว
ชีวิตของนักย้อนเวลาก็เป็นเช่นนี้ ปกติ สำหรับภารกิจเฉพาะเหตุการณ์ หัวหน้าทีมจะมีการนำเครื่องมือย้อนเวลาติดมาด้วย เพื่อให้สามารถกลับคืนสู่เวลาปกติของมันได้ แต่คราวนี้ มีการทะยอยเดินทางมาหลายรอบ เครื่องมือนั้นจึงถูกกำหนดให้อยู่ในมือของนกอินทรี ลำดับหนึ่ง หัวหน้าทีมตัวจริง ซึ่งจะมาสมทบในช่วงเวลาถัดไป พร้อมกับปักษาที่เหลืออยู่ ห่างจากพวกมันกลุ่มแรกถึงสิบกว่าปี ถึงตอนนั้นไปจนเสร็จสิ้น ภารกิจจริงๆ มันคงแก่ชราไปมากแล้วกระมัง
ตามสัญญาพ่วงท้ายในภารกิจย้อนเวลาที่พวกมันทำไว้กับองค์กรนั้น คือ หนึ่งชีวิตที่แลกกับอนาคตอันสดใสของคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น ลูกเมีย พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ที่สามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปอีกนาน แต่มันกำลังนึกทบทวนใหม่ หากมันลงมือเปลี่ยนชะตากรรมคนตระกูลอ้วนในอดีตเช่นนี้ อนาคตย่อมจะเป็นไปด้วยดีได้เช่นกัน และอาจจะยิ่งเจริญรุ่งเรืองกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ชีวิตในอดีตของมันในครั้งนี้ เป็นชีวิตในฝันของมันแล้ว ขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ ลูกเมียอยู่พร้อมหน้า ผู้ช่วยและกองทหารมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงแผ่นดินได้ อำนาจที่แท้จริงกำลังอยู่ในมือของมันเอง ประวัติศาสตร์สามก๊ก มันก็ล่วงรู้ไปตลอดทั้งช่วงเวลา การป้องกันหรือจู่โจมใดๆในสงครามต่างๆในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องนอกเหนือความคาดหมายสำหรับมันเลย มันย่อมได้เปรียบในด้านข้อมูลพื้นฐานกว่าขุมกำลังอื่นๆ
แล้วยิ่งตอนนี้ มันได้ทั้ง ซุนฮก เตียวคับ และจูล่ง มาร่วมทีมด้วยแล้ว อีกทั้งข้อมูลประวัติศาสตร์จะเป็นตัวช่วยให้มันทำในสิ่งที่ “ถูกต้อง” ได้มากกว่าคนอื่นๆ การเป็นเพียงเจ้าเมืองใหญ่อาจจะเล็กน้อยเกินไป การเป็นราชันย์เพียงหนึ่งเดียวอาจจะดูเหมาะสมกว่า มันฝึกมาเป็นจอมทัพ ผนวกกับเทคโนโลยีที่สั่งสมมานานกว่าคนอื่นเป็นร้อยเป็นพันปี มันย่อมจะสามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นจอมคนได้อย่างไม่ยากเย็น
ราชวงศ์ของคนแซ่อ้วน หรือจะเปลี่ยนเป็นสกุลแท้จริงในภายหลังก็ยังได้ ในเมื่อเป็นจอมราชันย์แล้ว ย่อมสามารถกำหนดได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
มันนึกย้อนไปถึงวันแรกที่ได้รับภารกิจ และบทความได้รับฟังผ่านจอภาพอีกครั้งหนึ่ง “ในยุคปลายราชวงศ์ฮั่น กษัตริย์อ่อนแอ ขุนนางครองอำนาจ ทำให้บ้านเมืองระส่ำระสาย อย่างหนัก จนเกิดขบถโจรโพกผ้าเหลือง ปลุกระดมชาวบ้านให้เปลี่ยนแปลงราชวงศ์ แต่เหตุการณ์ผันแปรไป ทำให้เกิดขุนนาง และเจ้าเมืองมากมายช่วงชิงอำนาจ และ แผ่นดิน มีศึกสงครามเกิดขึ้นหลายครั้ง จนในที่สุด จึงเหลือเพียงสามก๊ก อันประกอบ ไปด้วย ก๊กของโลซก ขุนนางผู้ซื่อสัตย์ ทายาททางการเมืองของอ๋องซุนกวนทางภาคใต้, ขงเบ้ง อุปราชผู้ช่วงชิงอำนาจมาจากอ๋องเล่าเสี้ยนแห่งภาคกลาง และ อ๋องอ้วนเสี้ยว ผู้ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวทางภาคเหนือ ซึ่งทั้งสามก๊กแย่งชิงความเป็นใหญ่อยู่อีกหลายสิบปี จนกระทั่ง สุมาเอี๋ยน หลานของสุมาอี้ ขุนนางเก่าของราชวงศ์ฮั่น เข้ามายึดอำนาจจากอ๋องอ้วนเสี้ยวได้สำเร็จ และสามารถปราบสองก๊กที่เหลือลงได้ จึงได้สถาปนาราชวงศ์จิ้นขึ้น แผ่นดินจีนจึงรวมเป็นหนึ่งได้อีกครั้งหนึ่ง”
หรือว่าชะตาชีวิตของมัน คือ การเปลี่ยนประวัติศาสตร์ให้เป็นเช่นนี้ด้วยตัวของมันเอง มันมิใช่หรือที่เป็น อ๋องอ้วนเสี้ยว ผู้ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวทางภาคเหนือ
ดังนั้น ตัวแปรที่จะขัดขวางแผนการยึดแผ่นดินนั้น มิได้อยู่ที่พวกคนโบราณอย่างโจโฉ เล่าปี่ หรือซุนกวน แต่อย่างใด หากแต่เป็นพวกหน่วยปักษาสวรรค์ทั้งหลายนั่นแหละ ที่มันต้องหาทางกำจัดให้หมดสิ้น ก่อนที่จะเปิดเผยท่าทีทีชัดเจน มันได้แต่ชักใยอยู่เบื้องหลังและปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินไปตามรูปแบบของประวัติศาสตร์ไปพลางๆก่อน เก็บตัวละครส่วนเกินไปทีละคนๆ ไม่ให้คนอื่นได้ทันรู้ตัว
อีกประการหนึ่ง ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของมันเป็นอย่างมาก ก็คือการตายของหมอหลวงเกียดเป๋ง ตัวละครเล็กๆคนหนึ่งที่ถูกคัดเลือกเข้ามาเป็นศิษย์คนโตของหมอเทพยดานกฮูก-ฮัวโต๋ อย่างไม่ทันคาดคิดมาก่อน ทั้งๆที่ไม่เคยมีบันทึกใดเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของศิษย์อาจารย์คู่นี้เลย
ตามแผนการดั้งเดิม หมอหนุ่มจะถูกส่งตัวเข้าไปเป็นสายลับในวังหลวง เพื่อเชื่อมโยงภารกิจให้กับกุนซือกระตั้ว-กาเซี่ยง จัดการกับกระแสคลื่นใต้ดินชิงอำนาจในราชสำนัก แต่เพิ่งเริ่มต้นแฝงตัวเข้าไป เกียดเป๋งกลับถูกลงชื่อใส่ความเป็นพวกขบถในพระราชโองการโลหิต จนถูกประหารชีวิตไปอย่างงมงายไร้ความผิด
ความตายนั้นไม่ได้ทำให้มันประหวั่นพรั่นพรึง หากแต่เพียงตอกย้ำให้รู้ว่า ประวัติศาสตร์พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกเมื่อ หมอหลวงเกียดเป๋งในพงศาวดารที่มันรับรู้มานั้น คือ หมอคนสำคัญคู่ราชบัลลังก์ในยุคสมัยสามก๊ก ที่มีชื่อเสียงทัดเทียมกันกับหมอฮัวโต๋แบบไม่น้อยหน้าเลยต่างหาก ไม่ใช่ขบถแผ่นดินในเหตุการณ์ชิงอำนาจคืนเช่นนี้ แสดงว่า ประวัติศาสตร์บางส่วนได้เริ่มปรับเปลี่ยนจนผิดเพี้ยนไปแล้ว
หากมันจะเป็นอีกคนหนึ่งที่ผันแปรไปด้วย ประวัติศาสตร์ย่อมต้องถูกจารึกขึ้นมาใหม่ในลักษณะที่เป็นคุณประโยชน์ต่อมันเอง และอ้วนซง ทายาทสกุลอ้วนของมันอย่างแน่นอน นี่จึงเป็นภารกิจใหม่ที่มันกำหนดชะตาชีวิตให้กับตัวเอง
นับจากที่ได้กลับมาครองเมืองชีจิ๋วอีกครั้งนั้น เล่าปี่ก็เริ่มต้นสร้างครอบครัวอย่างจริงจัง โดยเตียวหุยน้องสาม จัดแจงให้แต่งงานกับทายาทสาวสวยของเศรษฐีใหญ่สกุลกำ และขุนนางเก่าแก่สกุลบิ เพื่อสร้างสายสัมพันธ์แนบแน่นต่อกลุ่มอิทธิพลประจำเมืองใหญ่
สกุลกำ กำฮูหยินนำพาความร่ำรวยมั่งคั่ง และชื่อเสียงมาให้เพิ่มเติม ในขณะที่สกุลบิ บิฮูหยินส่งมอบศรัทธาความหวัง พ่วงแถมมาด้วยความสัมพันธ์ฉันท์ญาติสนิทกับตระกูลท้องถิ่นที่โด่งดังแห่งเมืองชีจิ๋ว ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก
เว้นแต่น้องรอง กวนอู ที่ต้องทนน่าชื่นอกตรมอยู่คนเดียว เพราะที่จริงแล้ว กวนอูเคยแอบชอบพออยู่กับสาวสวยสกุลกำมาตั้งแต่ระยะครั้งแรกที่เล่าปี่มาช่วยเหลือโตเกี๋ยม จนได้ครอบครองเมืองชีจิ๋วแล้ว
ในครั้งนั้น เมื่อขุนศึกลิโป้หลบหนีมาขออาศัยพักพิงกับเล่าปี่ กวนอูได้แอบชมชอบเตียวเสี้ยน ภรรยาสาวสวยของลิโป้ จนเกิดความหวั่นไหวใจ ออกไปเดินเล่นผ่อนคลายอารมณ์ในตลาด ระหว่างทาง กลับมีโอกาสช่วยเหลือคุณหนูคนสวยสกุลกำที่กำลังถูกนักเลงท้องถิ่นลวนลาม ทำให้คนทั้งสองรู้สึกมีใจชอบพอต่อกัน แต่ไม่ทันได้พูดคุย คุณหนูวัยเยาว์ก็ถูกสาวใช้ลากจูงหายลับตาไปเสียแล้ว
กวนอูพยายามสืบเสาะหาภายในตลาดร้านค้าด้วยตนเองอีกหลายครั้ง แต่ไม่เคยพบหน้าสาวสวยนางนั้นอีกเลย ภายในใจไม่กล้าเอ่ยปากไหว้วานคนอื่นให้ช่วยเหลือสืบหา เลยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ความนัยเรื่องนี้ แม้แต่พี่น้องร่วมสาบานทั้งสองคน
ต่อมา เกิดเหตุการณ์สับเปลี่ยนเมืองกับลิโป้จอมอำมหิต ทำให้กวนอูต้องย้ายไปอยู่เมืองเสียวพ่ายพร้อมกับเล่าปี่ เตียวหุย จนภายหลัง ต้องหลบหนีเข้าเมืองหลวงไปอีกหลายเดือน ยิ่งทำให้ไม่อาจสานต่อความสัมพันธ์กันได้ต่อเนื่อง
พอกลับมาถึงเมืองชีจิ๋ว กวนอูมัวแต่สาละวนอยู่กับการฝึกฝนกองทัพตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ลืมเลือนหญิงงามไปชั่วคราว พอมารู้ตัวอีกที ก็เกิดข่าววิวาห์ของพี่ใหญ่กับหญิงงามประจำเมืองถึงสองคน เบื้องแรก ตนเองก็มีความยินดีไปด้วยโดยไม่ได้คิดอะไร แต่แล้ว กลับพบว่า หนึ่งในอาซ้อ กลับกลายเป็นคนที่ตนหลงรักไปเสียอีก
ตั้งแต่เสร็จสิ้นงานวิวาห์คู่ครั้งนั้น กวนอูก็ยิ่งเก็บตัวฝึกฝนกองทัพ ไม่ค่อยมาพบหน้ากันกับเล่าปี่และอาซ้อทั้งสองเท่าใดนัก เฉกเช่นเดียวกันกับซ้อใหญ่ที่ไม่ค่อยสุงสิงกับน้องร่วมสาบานของสามี แต่ยามใดที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ ทั้งสองกลับตกอยู่ในสภาวะเงียบงันซึมเซา ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตากันจนผิดสังเกตจากคนรอบข้าง
นางแอ่น-เตียวหุย เป็นหญิงสาวปลอมแปลงมา ย่อมมีความรู้สึกว่องไว จับเค้าเรื่องราวได้ตั้งแต่แรก แต่ไม่อาจว่ากล่าวอันใด ตามติดมาด้วยบิฮูหยิน ผู้เป็นเหมือนสหายที่อยู่ใกล้ชิด ซึ่งรีบออกตัวไม่ยุ่งเกี่ยวความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงของคนทั้งสองนี้ สุดท้าย จึงเหลือเพียงเล่าปี่ที่ยังถูกปิดบังเรื่องราวอยู่เพียงคนเดียว และกลับสร้างความกระอักกระอ่วนใจให้คนทั้งสองอยู่เนืองๆโดยไม่ตั้งใจ
ฝ่ายเล่าปี่ติดตามข่าวการศึกทางเหนืออย่างใกล้ชิดเช่นกัน รับรู้ว่า โจโฉกำลังจะยกทัพประชิดชายแดน หมายตลบหลังอ้วนเสี้ยว จึงประเมินว่า คงเกิดศึกใหญ่ระหว่างสองขุมกำลังในไม่ช้า ใจหนึ่งก็มีความกังวล ใจหนึ่งก็เห็นว่า หากมีใครเพลี่ยงพล้ำ ขุมกำลังชีจิ๋วจะพอฉกฉวยโอกาสอันใดได้บ้าง ทำให้ลังเลในการเลือกข้างสนับสนุน
กวนอู เตียวหุย เข้าใจในสถานการณ์ดีเช่นกัน จึงผลัดเปลี่ยนกันออกไปฝึกซ้อมกำลังพลอยู่เนืองๆ จนสายข่าวรายงานว่า มีกองทัพจำนวนหนึ่งมุ่งหน้ามาทางนี้แล้ว แต่มาจากทางด้านเหนือ พร้อมยกธงจูล่งแห่งเสียงสาน
เล่าปี่ตาลุกวาว นึกยินดีที่จูล่งนำกำลังทหารจากกองทัพม้าขาวจำนวนหนึ่งมาสวามิภักดิ์ถึงเมืองชีจิ๋ว นายทหารผู้นี้เข้มแข็งองอาจนัก แต่มันยังไม่อาจวางใจเท่าไหร่ เพราะรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่มีต่อเตียวหุยมาตั้งแต่พบหน้ากันครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม การผูกสัมพันธ์ด้วยการสาบานเป็นพี่น้อง คงใช้กับคนผู้นี้ไม่ได้ เพราะจูล่ง นั้นมีอายุมากกว่าตนเองเล็กน้อย ขืนร่วมน้ำสาบานไป มันก็กลับกลายเป็นพี่รองไปเปล่าๆ การเลี้ยงดูไว้เป็นองครักษ์ หรือทหารเอกน่าจะดีกว่า ต้องขอบใจกองซุนจ้าน สหายเก่าที่ด่วนตายไปก่อนเพราะทำศึกกับอ้วนเสี้ยว ทำให้มันได้ขุนพลคนเก่งพร้อมกำลังพลจำนวนมากเข้ามาร่วมกลุ่ม
แต่ทางด้านสถานการณ์การเมืองกลับแตกต่างกัน เล่าปี่นั้นไม่ทันรู้ตัวในเรื่องพระราชโองการโลหิตแต่อย่างใด ข่าวการตายของม้าเท้งที่เผยแพร่ออกมา ระบุเป็นเพียงถูกลอบสังหารตายระหว่างทางการเข้าเมืองหลวง บางคำร่ำลือว่า โจโฉ อ้วนเสี้ยวเป็นตัวการ แม้นับเป็นข่าวใหญ่ แต่มิได้เชื่อมโยงมาถึงตัวเอง ทำให้มันไม่ได้เตรียมพร้อมทำศึกกับโจโฉแม้แต่น้อย ข่าวการเคลื่อนทัพบุกอ้วนเสี้ยวของโจโฉ ที่เปลี่ยนเส้นทางวกมาหาตนเองอย่างรวดเร็ว จึงเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย
กองทัพหน้านำมาโดยสองพี่น้องแซ่แฮหัว พันธมิตรที่เคยร่วมรบในฝั่งเดียวกันเมื่อปีกลายกลับยกพลมาถึงประตูเมืองชีจิ๋วเสียแล้วด้วยการเคลื่อนทัพแบบระลอกคลื่น เช่นเดียวกันกับที่พวกมันทำกับเตียวสิ้วที่เมืองอ้วนเซียเมื่อครั้งก่อน เป็นข่าวลวงชั้นเยี่ยมด้วยฝีมือของอดีตหัวหน้าสายเสนาธิการแห่งราชวงศ์ฮั่นอย่างแท้จริง
เล่าปี่กับองครักษ์จูล่งกำลังตรวจสถานการณ์ศึกบนกำแพงเมือง เพื่อประเมินกำลังกองทัพฝ่ายตรงข้าม กลับพบเห็นทหารทั้งหลายซึ่งล้วนแต่เป็นทหารเก่าของโจโฉที่ให้ยืมมา ชักชวนกันย้ายข้างกลับไปสวามิภักดิ์ต่อฝ่ายตรงข้าม จนกองกำลังสับสนวุ่นวาย ไม่มีความพร้อมต่อการสู้รบ จนถึงขั้นแย่งชิงกันเปิดประตูเมืองเสียแล้ว
ทั้งสองต่างคิดเห็นตรงกันว่า หากปล่อยไว้คงถูกล้อมจับ รีบหนีก่อนภัยมาถึง น่าจะปลอดภัยกว่า และขืนย้อนไปแจ้งความต่อครอบครัวหรือน้องร่วมสาบานทั้งสองภายในตัวเมือง ก็อาจจะไม่ทันการณ์ ครั้งนี้ มันคงต้องยึดหลัก "ไร้สิ้นญาติมิตร" ตามที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากเตียวหุยเสียแล้ว
เล่าปี่ตระหนักถึงเภทภัยเฉพาะหน้า ยังไม่ทันมีความคิดเห็นอื่นใด นอกจากการหนีออกจากเมืองโดยเร็ว มีเพียงองครักษ์จูล่ง ติดตามมาด้วยพร้อมเหล่าทหารหน้าใหม่ ทั้งสองจึงตกลงใจนำกำลังเท่าที่มี หนึขึ้นเหนือไปอาศัยกับ “ศัตรูของศัตรู” นั่นคือ อ้วนเสี้ยว แห่งกิจิ๋วที่มีกองกำลังเข้มแข็ง พอจะสู้กับโจโฉได้ในช่วงเวลานี้
“โจโฉ ช่างเจ้าเล่ห์นัก พันธมิตรกันแท้ๆ ยังทำเช่นนี้ได้” เล่าปี่ครุ่นคิดแค้นใจ
น่าแปลกใจนักด้วยเปลือกนอก เล่าปี่หวังพึ่งอ้วนเสี้ยว ศัตรูผู้ที่เพิ่งฆ่ากองซุนจ้านเพื่อนสนิท ทั้งตนเองยังเป็นต้นเหตุผู้สังหารอ้วนสุด น้องต่างแม่ของอ้วนเสี้ยวด้วย ส่วนจูล่ง ก็ต้องถือว่าอ้วนเสี้ยวเป็นผู้ที่ฆ่านายเก่า แต่ทั้งสองกลับไม่ได้นำประเด็นนั้นมาขบคิดท้วงติงเลยแม้แต่น้อย แทนที่จะหนีไปทางเล่าเปียวที่ใกล้ชิดเป็นเครือญาติร่วมแซ่ และเพิ่งร่วมรบเคียงข้างกันในศึกอ้วนสุด กลับเลือกที่จะร่วมกับอ้วนเสี้ยวที่แข็งแกร่งกว่า นับว่า ผลประโยชน์เฉพาะหน้าร่วมกัน ก็สานสัมพันธ์กันได้ทันที
อืม...การเมืองก็เป็นเช่นนี้มาทุกยุคสมัยจริงๆ
...
เตียวหุย - นางแอ่นแอบซ่อนตัวอยู่นอกเมืองก่อนหน้าแล้ว มองทั้งสองพร้อมกองทัพย่อยๆควบม้าผ่านไปทางทิศเหนือ ก็เดาได้ว่าหนีไปอยู่กับอ้วนเสี้ยวตามเรื่องราวเดิม “เล่าปี่อยู่กับจูล่งเช่นนี้ พี่สามคงทำอะไรผลีผลามไม่ได้” มันคิด แต่มันเองไม่ควรพบกับกระสา การพบหน้าครั้งสุดท้าย ทั้งสองเกือบต้องลงมือกันอยู่แล้ว หากไม่มีผู้วิเศษกระเรียนยอมปรากฏกายออกมาคลี่คลายสถานการณ์ให้
ดังนั้น เตียวหุยจึงหลบหนีภัยสงครามไปอีกทางหนึ่งแทน ปล่อยให้เมืองชีจิ๋วตกอยู่ในสงครามโดยไร้แม่ทัพขุนพลต่อต้านแต่อย่างใด “มันคือหน้าที่ของหน่วยปักษาสวรรค์ ไม่อาจฝืนชะตาฟ้าลิขิตได้ แล้วเวลาจะเป็นบทพิสูจน์เอง”
...
จึงเหลือแต่กวนอูอยู่ในตึกที่พัก ต่อสู้กับทหารโจโฉที่หลั่งไหลเข้ามามากมาย อย่างดุดันห้าวหาญ และแล้ว เหมือนมีกลุ่มนักฆ่าต่างสังกัดปะปนเข้ามาด้วยทีหลัง มันต่อสู้กับพวกนักฆ่ากลุ่มนี้ด้วยง้าวมังกรเขียว และกระบวนท่าสยบมังกรอย่างหนักแรง จนกระทั่ง มีนายทหารหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันโผล่เข้ามาช่วย กลับเป็นเตียวเลี้ยว ขุนพลฝ่ายโจโฉ สหายเก่าที่รอดตายเพราะมันขอชีวิตไว้เมื่อคราวก่อน
ทั้งสองช่วยกันปราบกลุ่มนักฆ่าจนหมดสิ้น รอบกายไม่ปรากฏผู้อื่นอีกแล้ว “พวกนี้ไม่ใช่คนของโจโฉ” เตียวเลี้ยวกล่าว พลางสำรวจซากศพทั้งหลาย พบแต่เพียงรอยสักประหลาดทรงคล้ายต้นไม้ใหญ่ที่ข้อมือ
เตียวเลี้ยวหันมาเผชิญหน้ากับกวนอู พลางกล่าวว่า “พี่ท่าน หนีไปไหนไม่พ้นหรอก ตามข้าไปพบกับท่านโจโฉเถอะ”
กวนอูโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ถึงจะเป็นความจริง แต่มันก็ยอมรับไม่ได้ จึงขยับง้าวคิดจะลงมือแทนคำตอบ แต่แล้ว เสียงหญิงสาวดังขึ้นจากด้านหลัง “ท่านรอง ช่วยพวกเราด้วย”
กวนอูหันตามเสียง พบว่า กำฮูหยิน บิฮูหยิน สองภรรยาของเล่าปี่ ถูกกลุ่มทหารฝ่ายโจโฉควบคุมตัวไว้เสียแล้ว และเป็นกุนซือเงาปีศาจ กาเซี่ยงที่ก้าวเข้ามาแสดงตน เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์หลัก
“แข็งขืนต่อไป นางทั้งสองอาจจะเป็นอันตราย หากหยุดยั้งเพียงแค่นี้ นับเป็นทางถอยที่ดีต่อท่านได้บ้าง” กาเซี่ยงเกลี้ยกล่อมกวนอู ตามจุดประสงค์เดิมคือ การนำพากวนอูไปประเคนต่อโจโฉ ภารกิจซ้อนที่มันตั้งเป้าไว้แต่แรก
“ข้าจำต้องติดตามไปด้วย เพียงเพื่อดูแลอาซ้อทั้งสอง หวังว่าพวกท่านจะเข้าใจ” กวนอูประกาศพร้อมส่งง้าวคู่มือ ให้กับสหายเก่าอย่างเตียวเลี้ยวได้ทันเวลาก่อนที่แฮหัวตุ้นจะเข้ามาถึง มิเช่นนั้น ขุนพลตาเดียวคงไม่ยอมรับการควบคุมตัวง่ายดายเช่นนี้ เพราะตนเองเคยมีเรื่องราวในอดีตต้องการสะสางกับกวนอู-เผิงเสียนอยู่ก่อน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา