26 ก.พ. 2021 เวลา 04:10 • นิยาย เรื่องสั้น
2.8. กับดักสุดพิสดาร
นกฮูก (ฮัวโต๋) 4 แพทย์พิษ - อีกา 6 สั่งฟ้า - เหยี่ยวดำ 13 นักฆ่า
เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย สามพี่น้องร่วมสาบาน รวมทั้งจูล่ง ขุนพลม้าขาว ผู้มีเบื้องหลังอันซับซ้อน ได้พบปะกันพร้อมหน้าอีกครั้งหนึ่งด้วยความยินดีปรีดา และเป็นครั้งท่ี่สองที่ร่วมเส้นทางมุ่งหน้าสู่เมืองชีจิ๋ว แต่คราวนี้ ผู้นำสูงสุดปรับเปลี่ยนจากจูล่งเป็นเล่าปี่แล้ว และภารกิจคือการยึดครองเมืองชีจิ๋ว มิใช่การช่วยป้องกันเมืองเหมือนคราวก่อน
เล่าปี่ซึ่งได้รับการชี้แนะจากเตียวหุยให้ทุ่มเทศึกษาเรื่องความรู้สึกนึกคิดของผู้คนมาหลายปี ยามนี้ พอจะอ่านจิตใจสัมผัสอารมณ์คนรอบข้างได้เร็วไว พลันพบเห็นว่า จูล่งที่ติดตามตนเองมาสักระยะหนึ่งนั้น มีความอึดอัดคับข้องใจซุกซ่อนอยู่ภายในตลอดเวลา จนมันเองหวั่นเกรงว่า จูล่งจะเปลี่ยนใจแปรพักตร์ไปอยู่กับขุมกำลังอื่น
หากประเมินสถานการณ์แล้ว ขุมกำลังของมันยังอ่อนแอในด้านกำลังพล แต่สามขุนพลในมือกลับแข็งแกร่งยิ่งนัก เพียงเสียดายที่ความผูกพันระหว่างพี่น้องร่วมสาบานเริ่มมีความชืดชาห่างเหิน กวนอูที่ปกติมีบุคลิกซับซ้อน ยิ่งมีความลับดำมืดปกปิดไว้ชัดเจน นับจากกลับมาจากเมืองหลวง น้องรองดูคล้ายไม่กล้าสบตาสู้หน้าตนเอง เฉกเช่นกำฮูหยิน บิฮูหยิน ที่มีท่าทีเปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อน
ส่วนเตียวหุยน้องสามนั้นเล่า แม้ว่ามีความจริงใจสนับสนุนพวกมันสองคนมานานหลายปี แต่ก็มีเรื่องปิดบังซ่อนเร้นอยู่อย่างแน่นอน หลายครั้งหลายหนที่น้องสามชักนำตนเองไปในหนทางที่อับจนผิดเพี้ยนอย่างจงใจ หรือผลักดันให้เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องในรูปแบบที่พิกลพิสดารเกินไป
อีกทั้งน้องสามไม่เคยเปิดเผยความจริงเรื่องหนึ่งต่อผู้ใดมาก่อน เตียวหุยผู้ดุดันที่แท้จริงแล้วมิใช่ชายชาตรี แต่เป็นหญิงสาวปลอมแปลงมา จึงไม่น่าแปลกใจที่ต้องอำพรางกายด้วยหนวดเคราที่รกรุงรัง และกล่ินสุราคละคลุ้งอยู่ตลอดเวลา
มันพอจับผิดเค้ารางดังกล่าวได้เพราะเตียวหุยมักปลีกตัวไปต่างเมืองตามลำพัง อ้างว่า แวะเวียนไปเยี่ยมญาติสนิท ซึ่งสายข่าวเคยแอบติดตามไป จนพบเห็นหญิงสาวร่างอวบใหญ่ ท่าทางห้าวหาญ นาม เสี่ยวเอียนจื่อ (นางแอ่นน้อย) ซึ่งอ้างว่าเป็นพี่น้องกันกับน้องสาม แต่มันกลับสังเกตเห็นพิรุธให้ระบุได้ว่า ทั้งสองสมควรจะเป็นคนคนเดียวกัน เพียงแต่มันไม่เห็นประโยชน์่ที่จะเปิดโปงเรื่องนี้ จึงแสร้งเออออไปตามนั้น
เล่าปี่รู้ซึ้งในเคล็ดวิชา “ไร้สิ้นญาติมิตร” ที่ไม่อาจเชื่อถือต่อผู้อื่น แม้แต่น้องสามผู้เป็นอาจารย์ที่สั่งสอนวิชาอำมหิตนี้ จึงมิได้บอกกล่าวความลับแก่ผู้ใดอื่น ได้แต่แผ้วถางสร้างเส้นทางใหม่ให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม และเป้าหมายของมันก็คือ จูล่ง ขุนพลม้าขาวแห่งปักเป๋ง ซึ่งอาจจะความแค้นเคืองอันใดกับน้องสามด้วยอีกทางหนึ่ง
ตั้งแต่พักพิงอยู่กับอ้วนเสี้ยว จูล่งถูกแต่งตั้งให้เป็นขุนพลสายองครักษ์อย่างเป็นทางการ เพื่อมันจะได้ใช้กับดักที่แยบยลอีกประการหนึ่งกับขุนพลคนเก่ง เป็นกับดักความผูกพันทางสังคมมนุษย์ที่มีตัวมันเองเป็นเหยื่อล่อ
นับแต่ต้นยุคสมัยตังฮั่น ความผูกพันระหว่างชายกับชายนั้นเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้แปลกแยกออกไปจากการคบหาระหว่างชายกับหญิง ผู้คนมากมายที่มีรสนิยมดังกล่าว ยอมแบ่งปันความรักให้ได้ทั้งชายหญิง ดังนั้น ระดับความสัมพันธ์ของชายกับชายจึงมีตั้งแต่นายกับบ่าว มิตรสหาย พี่น้องร่วมสาบาน และคู่รักร่วมเตียงนอน ในเมื่อมันไม่อาจเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับจูล่งได้อีก มันจึงจำเป็นต้องพัฒนาไปให้ถึงขั้นถัดไป
การที่จัดวางจูล่งไว้ในตำแหน่งองครักษ์ ร่วมเดินทางในบรรยากาศกองทัพ ทำให้คนทั้งสองใกล้ชิดกันมากแม้ในยามค่ำคืน จนเริ่มมีเสียงร่ำลือถึงเรื่องราวที่ไม่แตกต่างจากกษัตริย์ฮั่นอ้ายตี้ที่มีต่อคนสนิทตั๋งเชียนจากตำนานตัดชายเสื้อที่งดงามในยุคสมัย
แม้ว่าเล่าปี่จูล่งจะไม่ยืดอกเปิดเผยความสัมพันธ์ลับ แต่ก็มิได้ปฏิเสธคำกล่าวหาดังกล่าว และอาจจะเป็นสาเหตุที่เล่าปี่พลอยห่างเหินจากสองฮูหยินคนสวย ไม่เคยร่วมหลับนอนเลยตั้งแต่กลับมาพบกัน
ที่จริงแล้ว เล่าปี่กลับมีวาระซ่อนเร้น ต้องการจับตาดูความผิดปกติในบางสิ่งที่มันแอบสังหรณ์ใจอยู่ระหว่างน้องรองกับสองฮูหยิน จึงจงใจสร้างกระแสลวงไปเช่นนั้น
ปล ตำนานตัดชายเสื้อ กล่าวถึงเรื่องราวชายรักชายระหว่างกษัตริย์อ้ายตี้กับขันทีปลอมต่งเสียน วันหนึ่ง ฮ่องเต้อ้ายตี้ตื่นบรรทม มองเห็นต่งเสียนนอนทับแขนเสื้อของพระองค์อยู่ ครั้นจะดึงออกก็กลัวทำให้ชายคนรักตื่น พระองค์จึงจำต้องตัดแขนเสื้อของพระองค์ให้ต่งเสียนได้นอนหลับสบายต่อไป
ผู้วิเศษกระเรียน และเหยี่ยวดำ รับฟังคำบอกเล่าการตายของลิซก-อีกาจากหมอฮัวโต๋ หรือนกฮูกด้วยความแค้นใจ ตอนนี้ หน่วยปักษาสวรรค์ที่ยังหลงเหลือก็มีเพียงเตียวหุย หรือนางแอ่นที่เพิ่งร่วมเดินทางไปเมืองชีจิ๋ว พร้อมกับเล่าปี่ กวนอู ส่วนกาเซี่ยงหรือกระตั้ว ก็ยังติดศึกป้องกันเมืองเตียงอันทางตะวันตกที่อยู่ห่างไกลเกินไป ทำให้ทั้งสองคงยากจะตามตัวกลับมาร่วมทีมได้ทันเวลา ส่วนปักษาอื่นๆก็ยังไม่ถึงเวลาปรากฏกาย พวกมันสามคนต้องหาทางแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้ากันเองแล้ว
จากสถานการณ์การศึกสงครามกองทัพอ้วนเสี้ยวเกรียงไกร อีกทั้งยังมีกองทัพพันธมิตร อย่าง เล่าปี่ เล่าเปียว ซุนกวน เล่าเจี้ยง เตียวล่อ และม้าเฉียวร่วมเป็นพวกอีกด้วย ทำให้กองทัพโจโฉอ่อนด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับข่าวลือที่ตันหลิมระดมป้ายสีใส่ไคล้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ขุนพลกุนซือในราชสำนักมากมายพากันทะยอยส่งหนังสือสวามิภักดิ์ไปทางอ้วนเสี้ยวเป็นการล่วงหน้า เหล่าทหารและราษฎรต่างก็สงสัยกังขาในท่าทีของจอมทรราชย์คนใหม่ ไม่มีใจในการร่วมมือ หากไม่มีกลยุทธ์พิสดารใดๆ เห็นที โจโฉจะเป็นฝ่ายพลาดท่า พ่ายแพ้ทั้งกระดานเป็นแน่แล้ว
“ครั้งนี้ พวกเราต้องใช้แผนเดียวกันกับเมื่อครั้งเล่าปี่เผชิญหน้าโจโฉในงานเลี้ยงครั้งก่อน แล้วกระมัง คือการพรางตัวเข้าไปก่อการลับ หากเพียงแค่การลอบสังหารหัวหน้าใหญ่ เรากับเหยี่ยวดำน่าจะเพียงพอต่อการลงมือจู่โจมอย่างกะทันหันได้” ผู้วิเศษกระเรียนเสนอแผนต่อเหยี่ยวดำ และนกฮูก
พลังฝีมือของเฒ่ากระเรียนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากระสาจอมทัพสักเท่าไหร่นัก เมื่อผนวกกับเหยี่ยวดำมือสังหาร ร่วมมือกันจู่โจมกระทันหัน สมควรจะจัดการกับคนทรยศได้ไม่ยากเย็นนัก ดังนั้น จึงนับว่าเป็นแผนฉุกเฉินที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง
กระเรียนยังสั่งความเพิ่มเติม “นกฮูก จงอาศัยสายสัมพันธ์กับกุยแก ยุยงให้ส่งกองทัพไปตีชิงคลังเสบียงของฝ่ายอ้วนเสี้ยวในทันที เพื่อก่อกวนสมาธิด้วยอีกทางหนึ่ง”
...
กุยแกที่อยู่รักษาการณ์ในเมืองหลวงถามย้ำหมอฮัวโต๋เพื่อความแน่ใจ แหล่งข่าวนี้เป็นที่เชื่อถือได้ในการศึกคราวก่อน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนและลับเฉพาะ ไม่อาจล่าช้าหรือปล่อยให้การข่าวรั่วไหลจนเกิดความเปลี่ยนแปลงได้
มันจึงรีบสั่งการให้อิกิ๋ม งักจิ้น รีบยกทัพรักษาการณ์ออกไปตีชิงเสบียงของอ้วนเสี้ยวโดยเร็ว ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายอย่างมากในการละทิ้งเมืองออกไป ด้วยหวังให้เกิดผลงานทดแทนที่ตนเองป่วยหนักอยู่แต่ในบ้านพักมาโดยตลอด ไม่มีโอกาสออกไปสร้างผลงานการรบเหมือนคนอื่นๆ
แต่แล้วกลับกลายเป็นข่าวร้าย เนื่องจากอ้วนเสี้ยวได้ซ้อนแผนเปลี่ยนประวัติศาสตร์ ด้วยการย้ายเสบียงไปที่อื่นแล้ว และเปิดเป็นหลุมพรางให้เตียวคับรอทำลายทัพฝ่ายโจโฉเสียยับเยินไปอีกรอบหนึ่ง ยังดีที่อิกิ๋ม งักจิ้นทั้งสองขุนพลยังเอาตัวรอดกลับไปร่วมสมทบกับโจโฉที่นอกเมืองได้อย่างปลอดภัย
เมื่อกุยแกได้รับข่าวความสูญเสียพลิกความคาดหมาย และโดนโจโฉคาดโทษกลับมาโทษฐานละเมิดหน้าที่อีกด้วย จึงสะเทือนใจอย่างหนัก และวิตกกังวลต่อสถานะของตนเองในอนาคต
หมากคราวนี้ สูญเสียทั้งความไว้วางใจจากโจโฉ และสูญเสียทั้งหมอฮัวโต๋ที่คงไม่กล้ากลับมาสู้หน้าได้อีก อาการเจ็บป่วยเรื้อรังจึงกำเริบขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จนสุขภาพทรุดโทรมลงอย่างหนักหน่วง ไม่อาจออกจากบ้านพักได้แล้ว
เทียลิด พ่อบ้านใหญ่สกุลโจ รับทราบเรื่องราวป่วยไข้ จึงหาโอกาสแอบมาเยี่ยมเยียนสหายรู้ใจถึงบ้านพักผ่านเส้นทางลับตามปกติ หมายนำตัวยาพิสดารตำรับหมอเทพฮัวโต๋ที่เคยเก็บสะสมไว้ มามอบให้ฟื้นฟูสุขภาพ กลับพบพานเรื่องไม่คาดคิดอีกเรื่องหนึ่ง
เป็นหลวงจีนร่างใหญ่วัยประมาณสี่สิบกว่าปีที่กำลังคุกเข่าร่ำไห้ต่อหน้ากุยแก บัณฑิตอมโรคที่นั่งหน้าตึงอยู่ที่ศาลากลางสวนตามลำพังแค่สองคน เทียลิดเห็นผิดปกติ มิควรสอดแทรก จึงซ่อนตัวแอบฟังบทสนทนา
“น้องรอง ยามนี้ เจ้ามีฐานะการงานมั่นคงยิ่งนัก ขอแค่เจ้าออกหน้าช่วยเหลือคลี่คลายคดีความให้กับเรา มีหรือโจโฉมันจะไม่ยอมรับปากต่อเจ้า ช่วงนี้ ชีวิตประจำวันของเราลำบากย่ิงนัก จับเจ่าอยู่ในอารามวิเวก ตรากตรำทำงานรับใช้ผู้อื่นเยี่ยงข้าทาส เราจึงคิดถึงความสุขสบายเมื่อวันวาน อยากหวนคืนสู่ตำแหน่งราชการอีกครั้ง ได้โปรด ช่วยเหลือพี่ชายร่วมสายเลือดของเจ้าสักครั้งเถอะนะ นึกว่าเห็นแก่บรรพชนที่จากไป” หลวงจีนกล่าววิงวอนจนน่าเห็นใจนัก
กุยแกถอนหายใจใหญ่ จ้องมองหน้าหลวงจีนเขม็ง พลางกล่าว “ข้าย่อมไม่เคยลืมเลือนอดีตครั้งที่พวกเราอพยพกันมาจากดินแดนโกกุเรียว รับอาสาองค์ราชันย์ หวังสละชีพก่อกวนดินแดนไต้ฮั่นผู้รุกราน ตั้งแต่การเข้าร่วมลอบสังหารกองซุนตู้จนสำเร็จ แต่ข้าก็ได้รับบาดเจ็บเรื้อรัง สูญเสียพลังฝึกปรือแทบหมดสิ้น กลายเป็นคนอมโรคอย่างที่เห็น จนกระทั่งพวกเราแยกย้ายทำหน้าที่จารชนพลัดถิ่นในขุมกำลังหลัก ท่านไปเข้าอยู่กับตั๋งโต๊ะที่เมืองเสเหลียง เราพักอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยวที่เมืองกิจิ๋ว จนค่อยย้ายข้างมาอยู่กับโจโฉที่เมืองกุนจิ๋ว
ช่วงเวลาที่ตั๋งโต๊ะเหลิงในอำนาจ เราเคยทักท้วงตักเตือนท่านไปตั้งหลายครั้ง ไม่ให้ร่วมมือกับจอมทรราชย์จนพลอยเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ท่านเคยเชื่อถือเราบ้างหรือไม่ ลดทอนความโหดเหี้ยมอำมหิตหรือไม่ ถึงกับตัดขาดความเป็นพี่น้องต่อกันกับเราเสียด้วยซ้ำ ยังดีที่เราท่านไม่เคยต้องพบปะกันในศึกสงครามโดยตรงกันสักครา มิเช่นนั้น บรรพชนผู้ล่วงลับคงก่นด่าพวกเราอยู่บนสรวงสวรรค์แล้ว”
กุยแกพูดพลางกระแอมไอด้วยความสะท้อนใจ “ไปตามเส้นทางของท่านเถอะ ชีวิตทางธรรมอาจจะเป็นผลดีต่อท่านมากกว่าการกลับมาในวงการการเมืองอีกครั้ง ชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ของท่านมิอาจลบล้างไปได้หรอก ท่านจุนกอล (ผู้ยิ่งใหญ่) ”
หลวงจีนตัวสั่นเทาคล้ายพลุ่งพล่านใจ แม้เสียใจในความผิดพลาด แต่ไม่อาจยอมรับได้ จึงกำมือแนบแน่น ดวงตาเบิกโพลงเหมือนจะลงมือทำร้ายผู้คน เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรี พร่ำย้ำแต่คำว่า “จุนแจ (อัจฉริยะ) จุนแจ” ซ้ำๆ ส่วนกุยแกหลับตานิ่งไปแล้ว คงไม่คาดคิดว่าฝ่ายตรงข้ามหมายจะเอาชีวิตตนจริงๆ
เทียลิดกังวลใจ เกรงว่าสหายรักจะตกตายอย่างโง่งม พลันพบเห็นกระถางต้นไม้ใบย่อมใกล้มือ จึงแสร้งกระแทกกระถางให้ร่วงหล่นเสียงดัง พลางร้องโอดโอยซ้ำ จนทหารประจำการได้ยิน และกรูกันเข้ามาในสวนด้านหลังบ้าน หลวงจีนเห็นท่าไม่ดี จึงชิงโดดข้ามกำแพงหลังบ้าน หนีออกไปอีกทางหนึ่ง
กุยแกเดินมาดูอาการของสหายรักที่อยู่ในฐานะพ่อบ้านใหญ่สกุลโจ จึงประคองให้เข้ามานั่งในศาลาแทน พบเห็นท่าทีหยอกล้อจากฝ่ายตรงข้าม “เจ้าติดหนี้ชีวิตข้าอีกครั้งแล้วล่ะ น้องฟงเสี้ยว”
กุยแกย่อมไม่ต้องการเอ่ยถึงหลวงจีนลึกลับต่อผู้ใด หากแต่เทียลิดมีปัญญาพอคาดเดาได้ว่า คนผู้นั้นคือใคร เครือข่ายสายข่าวของมันมีมากมายเพียงพออยู่แล้ว ร้ายกาจยิ่งนัก จุนกอล จุนแจ สองพี่น้องนักฆ่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากดินแดนโกกุเรียวเมื่อสิบกว่าปีก่อน กลับกลายมาปกปิดฐานะดั้งเดิม ทำงานวงการการเมืองอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้งในรูปแบบจารชนสายลับมาโดยตลอดเช่นนี้
ค่ำคืนในที่พักแม่ทัพใหญ่ คำร่ำลือถึงการถูกปล้นเสบียงแพร่สะพัดเมื่อช่วงก่อนพลบค่ำ ทำให้เหล่าทหารสับสนวุ่นวายใจ จับกลุ่มพูดคุยกันอย่างเอิกเกริก แม่ทัพนายกองไม่อาจออกคำสั่งห้ามปราม จึงทำให้กองทัพใหญ่ดูชุลมุนไร้ระเบียบมาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว
ผู้วิเศษกระเรียน และเหยี่ยวดำ ลอบอำพรางกายเข้าไปในจังหวะเหตุการณ์ที่อ้วนเสี้ยวน่าจะอยู่ในช่วงเวลาว้าวุ่นใจที่สูญเสียเสบียงไปให้กับฝ่ายโจโฉ และวิตกกังวลต่อสถานการณ์กองทัพตรงหน้า ตลอดทั้งเส้นทางจึงดูปลอดโปร่งยิ่งนัก จนถึงที่หมายสำคัญแล้ว อ้วนเสี้ยว นั่งอยู่ตามลำพังในกระโจมแม่ทัพใหญ่ หันหน้าออกมาสู่ด้านนอก เหมือนกำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่อย่างจริงจังเคร่งเครียด
ทั้งสองอยู่ในสภาวะล่องหนหายตัว จึงเดินเข้าไปภายในกระโจมอย่างชะล่าใจ ฉับพลัน เหยี่ยวดำรู้สึกได้ถึงความร้อนและแสงสว่างเกินความจำเป็นของคบไฟภายในกระโจม รวมทั้ง กระจกทองเหลืองแวววาวที่แขวนวางรอบผนังกระโจม จนเกิดแสงเงาขึ้นอย่างชัดเจน ของประดับเหล่านี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการอำพรางตัวแน่นอน จนทั้งสองต้องระมัดระวังการเคลื่อนไหวย่ิงขึ้น
และแล้ว เสียงกรอบแกรบดังขึ้นที่ทางเดิน ทำให้อ้วนเสี้ยวกวาดตาขึ้นมาเพ่งมอง ราวกับเห็นถึงการเข้ามาของคนทั้งสองได้ เหยี่ยวดำมองลงบนพื้น พบเห็นแนวชั้นก้อนกรวดเล็กละเอียดสีขาวสะอาดเป็นวงกว้าง และเงาร่างสีดำรางๆของพวกตนปรากฏลงบนพื้นตัดกันกับสีขาวอย่างชัดเจน
พื้นดินที่โรยกรวดขาวต่างหาก นี่คือกับดักที่แท้จริงสำหรับนักพรางกายโดยเฉพาะแล้ว ความร้อน แสงสว่างและกระจกเมื่อครู่เป็นเพียงตัวหลอกให้พวกมันเบี่ยงเบนความสนใจไปเท่านั้นเอง ถึงตอนนี้ คิดจะถอยหลังกลับก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
ผู้วิเศษกระเรียนก็รับรู้ถึงความผิดปกติเช่นกัน แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อตัวมันเดินลึกเข้ามาห่างจากปากทางเข้ากระโจมเกินกว่าจะล่าถอยได้ทันแล้ว อ้วนเสี้ยวกระตุกกลไกที่ซ่อนอยู่ ทำให้กลุ่มก้อนสีขาวหล่นโปรยปรายลงมาทั่วทั้งกระโจมส่วนด้านหน้า กลับเป็นผงแป้งมันจำนวนมากมาย ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายและใบหน้าของมันทั้งสองแล้ว ยากทั้งการหายใจ การมองเห็น และการเคลื่อนไหวใดๆจากจุดนั้น และในขณะเดียวกัน พอกลุ่มก้อนแป้งที่เกาะตามร่างกายเสื้อผ้าปรากฏขึ้น ก็เป็นการเปิดเผยตำแหน่งของมือสังหารล่องหนแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น กลไกชุดที่สองเริ่มทำงาน กลับเป็นน้ำร้อนจำนวนมากสาดเทลงมายังเงาร่างที่เต็มไปด้วยผงแป้งมันโดยเร็ว เมื่อน้ำร้อนสัมผัสกับผงแป้ง ก็เริ่มทำปฏิกิริยากลายเป็นกาวเหนียวข้นในเวลาอันไม่นาน ความแสบร้อนของแป้งมัน น้ำร้อน และกาวข้นเหนียว ทำลายการมองเห็นของทั้งสองอย่างสิ้นเชิง และหยุดการเคลื่อนไหวที่ควรจะเป็นจุดเด่นของทั้งสองได้อย่างได้ผล
อ้วนเสี้ยวจึงลำบากเพียงขว้างมีดสั้นเข้าใส่เป้าหมายแล้ว เพียงแต่อ้วนเสี้ยวไม่ทันคาดคิดว่า กลุ่มเงาร่างที่ปรากฏครั้งนี้จะกลับกลายเป็นคนสองคนยืนซ้อนกันอยู่ ไม่ใช่เพียงผู้วิเศษกระเรียนคนเดียว
หากเป็นกลไกอาวุธลับทั่วไป ทั้งสองน่าจะพอรับมือได้ แต่ในเมื่อเป็นผงแป้งและ สายน้ำเช่นนี้ ก็เป็นเรื่องที่สุดวิสัยแล้ว ผู้วิเศษกระเรียนตอบสนองต่อการโจมตี อย่างรวดเร็วสมกับเป็นขิงแก่มากประสบการณ์
มันใช้กำลังทั้งหมดที่มีผลักใส่เหยี่ยวดำ ดันร่างส่งไปทางด้านบนของกระโจม ซึ่งน่าจะเป็นจุดที่กับดักเปราะบางที่สุดอย่างรวดเร็ว แล้วตะโกนสั่งให้รักษาชีวิตหนีรอดออกไปก่อนที่มีดสั้นจะพุ่งทะลุลำคอ ตัดเสียงร้องให้ขาดช่วงไปในทันที
แต่มันก็ยังพอมีเวลาอีกอึดใจหนึ่งที่จะฟาดใส่เครื่องอำพรางกายที่ติดตัวนั้นให้สิ้นสภาพไปพร้อมกับชีวิตของมันเอง อย่างน้อย อ้วนเสี้ยวก็จะไม่ได้เครื่องมือพิสดารไปเสริมอำนาจให้บ้าคลั่งร้ายกาจยิ่งไปกว่านี้
คาดไม่ถึงว่า ผู้วิเศษกระเรียน อาจารย์ผูัมากประสบการณ์ และคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงยุคสมัยโบราณมานานหลายสิบปี กลับถูกกับดักพิสดารของพวกเดียวกันเอง จนตอบโต้อะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
กับดักสุดพิสดารของกระสา ช่างร้ายกาจนัก!
เหยี่ยวดำดีดกายใช้กระบี่กรีดผ่านผนังกระโจมแม่ทัพใหญ่ด้านบนตามแรงส่งเฮือกสุดท้ายด้วยสายตาที่มองเห็นสรรพสิ่งได้เพียงเลือนราง มันรีบวิ่งตรงไปยังทิศทางด้านหลังของกระโจมตามความทรงจำอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เหล่าทหารองครักษ์เริ่มส่งเสียงเอะอะ เพื่อสั่งการให้ติดตามไล่ล่าคนร้ายอย่างไม่ลดละ
มาถึงบัดนี้ ไม่ต้องบอกก็พอคาดเดาได้ว่า กองทัพที่ไร้ระเบียบแบบแผนก็เป็นหนึ่งในกลลวงที่ทำให้พวกตนชะล่าใจ กล้าเดินเท้าเข้าสู่กับดักอย่างท้าทาย
เสียงลำธารใหญ่ไหลดังอยู่ด้านหน้า ลำธารที่หมอฮัวโต๋เคยวางยาพิษไว้ คือทางล่าถอยที่ผู้วิเศษกระเรียนและตนได้ศึกษามาล่วงหน้าก่อนแล้ว แต่ตอนนี้ ต้องโดนใช้เพียงเพื่อให้มันมีชีวิตรอดออกไปให้ได้
ด้านหน้าคือลำธารคดเคี้ยวที่มีแรงน้ำหนุนเนื่องมหาศาล ด้านหลังคือ กองทัพทหารจำนวนมากที่พร้อมจะฆ่าฟันมือสังหารเพื่อชิงรางวัลตอบแทน รอบข้างคือป่าดงพงไพรที่ไม่รับรู้ต่อชะตากรรมของผู้คน
แรงฮึดสุดท้ายของเหยี่ยวดำ คือการดีดตัวทิ้งร่างลงสู่ลำธารใหญ่ที่ขวางหน้า เกาทัณฑ์สังหารจำนวนหนึ่งพุ่งเข้าใส่ร่างกายของมันบางแห่งเป็นความรู้สึกสุดท้าย ก่อนที่มันจะดำดิ่งลงไปในลำธารใหญ่อย่างรวดเร็ว และปล่อยให้กระแสน้ำพัดพาร่างของมันไปจากค่ายทหาร
หากแต่ลำธารนี้คือลำธารที่ถูกวางยาพิษเมื่อหลายวันก่อน แม้ว่า ด้านบน พิษร้ายจะเจือจางไปแล้ว แต่ด้านล่าง สารพิษยังตกค้างอีกไม่น้อย ทำให้พิษร้ายของพรรคพวกเดียวกันกลับแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผลซ้ำอีก จนออกฤทธิ์ทำร้ายถึงเส้นประสาทและอวัยวะภายในจนทั่วร่างกาย ยังดีที่เหยี่ยวดำหมดสติไปก่อนแล้ว จึงมิได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดอื่นใดอีก
ขุนพลเตียวคับมองดูร่องรอยผู้บุกรุกไปตามกระแสน้ำ พลางส่งสัญญาณให้ทหารติดตามลงไปที่ปลายลำธาร ค้นหาซากศพ หรือผู้รอดชีวิตให้จงได้ ใครกันหนอที่บังอาจมาลอบสังหารจอมทัพถึงกระโจมกลางกองทัพได้เช่นนี้
...
หมอฮัวโต๋ซึ่งรอคอยอยู่ที่จุดนัดพบปลายลำธารอย่างร้อนใจ จนเมื่อพบเห็นร่างของเหยี่ยวดำที่เต็มไปด้วยลูกเกาทัณฑ์ และร่องรอยการเผาไหม้แปลกประหลาด ก็ตระหนักถึงความล้มเหลวของแผนการ และรีบลากร่างของเหยี่ยวไฟขึ้นม้าหลบหนีไปยังสถานที่ปลอดภัยโดยเร็ว ก่อนที่จะมีกองทัพของอ้วนเสี้ยวติดตามมาได้ทัน
“พี่กระเรียนคงล่วงลับไปอีกหนึ่งคนแล้ว” มันร่ำร้องกึกก้องอยู่ในใจอย่างขื่นขม
ทั้ง อีกา และ กระเรียน ที่กระสากริ่งเกรงล้วนลาลับไปตามกัน อินทรีก็อีกเนิ่นนานจึงจะปรากฏกาย ครานี้ หน่วยปักษาสวรรค์พ่ายแพ้อย่างหมดรูป และคงไม่มีใครสามารถหยุดยั้งกระสา-อ้วนเสี้ยว ได้อีกแล้วกระมัง
กองทัพเล่าปี่เข้าสู่ช่วงเวลาปักหลักตั้งฐานที่เมืองชีจิ๋ว การยึดครองเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย เป็นบทพิสูจน์ที่ดีประการหนึ่งว่า ภาพพจน์ของเล่าปี่ที่สร้างเอาไว้ สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง เพราะเพียงส่งบิต๊กเป็นทูตเจรจาความเมืองกับซุนเขียน อดีตขุนนางเก่าตั้งแต่สมัยโตเกี๋ยมที่รักษาการตำแหน่งเจ้าเมือง และให้บิฮอง กันหยง ช่วยกันปล่อยข่าวการกลับคืนถิ่นเดิมเท่านั้น ซุนเขียนและผู้คนเมืองชีจิ๋วก็แซ่ซ้องยินดีที่อดีตผู้นำอันเป็นที่รักจะมาถึงอีกคำรบหนีึ่ง
ขุนนางนายทหารทั้่งหลายจึงแยกย้ายกันทำหน้าที่สร้างความมั่นคงให้กับเมืองชีิจิ๋วที่หมายมั่นให้เกิดเป็นขุมกำลังแห่งใหม่ให้กับเล่าปี่ต่อไป เตียวหุยรับหน้าที่สรรหากำลังคนรุ่นใหม่เพิ่มเติม ได้แต่ตั้งโต๊ะรับอาสาสมัครเข้ามาเป็นกองกำลังพล และลงมือคัดกรองรายชื่อคนเข้าออกอย่างละเอียดด้วยตนเองไม่เว้นวัน ยกตัวอย่างรายชื่อที่ถูกตัดทิ้ง เช่น ลิบอง พัวเจี้ยง เทียนอู เตาจี๋ เป็นต้น ทำให้คนมีฝีมือติดตัวเหล่านั้นต้องร่อนเร่พเนจรไปสมัครกับขุมกำลังอื่นแทน
และแล้ว วันหนึ่ง ขณะที่กำลังตรวจตรากำลังพล เตียวหุยกลับพบเห็นหมอพเนจรท่าทางคุ้นเคยโบกมือมาจากรถม้าโดยสารที่จอดอยู่ไม่ไกล เป็นนกฮูกแห่งหน่วยปักษาสวรรค์ที่คนทั่วไปรู้จักกันในนามหมอเทพยดา ฮัวโต๋
หมอฮัวโต๋ตรงเข้าสวมกอดเตียวหุยตามประสาสหายสนิทพร้อมกระซิบ “ท่านคงต้องปลีกตัวมาช่วยเหลือเราสักระยะหนึ่งแล้ว น้องเก้า”
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา