Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
1 มี.ค. 2021 เวลา 02:01 • นิยาย เรื่องสั้น
2.11. ทายาทมังกรปรากฏ
ตันฮก กิเลนพิสดาร - จูกัดเหลียง มังกรซ่อน - ป้อเอี๋ยน พยัคฆ์คะนอง
บุรุษเสื้อเทา วัยยี่สิบปีต้นๆ ไว้หนวดเคราเรียวเล็ก เค้าหน้าเรียบเฉยคล้ายเหม่อลอย นั่งพักผ่อนอยู่ด้านหน้ากระท่อมวิเวกกลางป่าลึกตามลำพัง ขวดสุราข้างตัวล้มตะแคงว่างเปล่า แสดงว่า สุราภายในเพิ่งถูกดื่มกินไปจนหมดสิ้นแล้ว
หลายปีที่ผ่านมา อาจารย์ผู้เฒ่าออกเดินทางบ่อยครั้ง ไม่ค่อยได้สั่งสอนมันเท่าไรนัก ปล่อยให้ศิษย์พี่ใหญ่เป็นคนดูแลเสียมากกว่า ทำให้ศิษย์พี่ใหญ่เปรียบเสมือนเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาต่างๆ แทนที่อาจารย์ผู้เฒ่าของพวกมันมานานแล้ว ทั้งที่อายุที่แท้จริงของบรรดาลูกศิษย์ในสำนักทั้งหมดล้วนใกล้เคียงกัน
ภายหลังพอเติบโตจนรู้ความ ค่อยล่วงรู้ว่า อาจารย์ผู้เฒ่ากลับไปเปิดสำนักนักปราชญ์ใหญ่โตโอ่อ่าอยู่ในตัวเมืองอีกแห่งหนึ่ง ใช้จุดนั้นเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนวิชาความรู้ข่าวสารบ้านเมืองกับเหล่าขุนนาง บัณฑิตมีชื่อและนักศึกษาทั่วไป จนตัวท่านเองก็มีชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อย เพียงแต่ปกปิดกระท่อมวิเวกเอาไว้ ไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ความสัมพันธ์กัน นั่นคงเป็นวิถีที่ท่านต้องการปกปิดฐานะของศิษย์เอกกลุ่มนี้ และให้พวกมันมีเวลาฝึกปรือวิชาชั้นสูงด้วยกันเอง
วันนี้ ศิษย์พี่ใหญ่ไปซื้อหาเสบียงกับศิษย์น้องเล็กในตัวเมือง จึงเหลือเพียงมันกับศิษย์น้องอีกสองคนเท่านั้น พวกมันจึงแยกย้ายกันไปยึดครองพื้นที่ส่วนตัว ทำกิจกรรมที่ตนเองชื่นชอบสนใจดังเช่นปกติประจำวัน แต่แล้ว จู่ๆ เงาร่างศิษย์พี่ใหญ่ของมันก็ปรากฏกายที่หน้ากระท่อม เดินโซเซตรงเข้ามาที่กระท่อม พร้อมร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดไหลเปรอะเปื้อน
“ศิษย์พี่ใหญ่ เกิดเหตุอันใดขึ้น” บุรุษเสื้อเทาพุ่งปราดเข้าไปประคองในทันที พร้อมชักมีดสั้นออกมาถือไว้ พลางกวาดตาไปด้านนอก มองหาศัตรูที่อาจจะติดตามมา
ศิษย์พี่ใหญ่ทรุดตัวลงกระทันหัน ทำให้บุรุษเสื้อเทาที่พยุงร่างอยู่ พลอยเสียหลักแทบล้มตามไปด้วย บุรุษเสื้อเทาคล้ายมีเคลื่อนไหวอันใดอีก แต่ในจังหวะนั้น เขาก็หมดสติไปเสียก่อนแล้ว
...
บุรุษเสื้อลายพร้อย วัยประมาณยี่สิบปี ท่าทางดุดัน เจ้าเล่ห์ ไว้หนวดเครารกครึ้ม กำลังนั่งทบทวนตำราพิชัยสงครามอยู่ในห้องพักของตนตั้งแต่ยามเช้า พลันได้ยินเสียงดังผิดปกติภายนอก
มันรีบออกมาดู กลับพบร่างของศิษย์พี่รองในชุดเทาเต็มไปด้วยเลือด นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น รอบข้างไร้ผู้คน มันจึงกวาดตาดูโดยรอบ จนพบชายผ้าสีเขียวโผล่ออกมาจากตู้เก็บของใบหนึ่ง มันจึงชักกระบี่คู่มือ ตรงเข้าแทงผ่านบานปิดตู้เต็มแรง
ยังไม่ทันที่กระบี่บรรลุถึง ตู้เก็บของนั้นก็ถูกผลักออก พร้อมเงากระบี่ในมือพุ่งสวนเข้าใส่บุรุษเสื้อลายทันที เสียงกระบี่กระทบกันดังติดกันอย่างเร่งร้อนหลายครั้ง วิทยายุทธ์ที่ฝีกฝนมาแรมปีถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง เสียดายที่ไม่เพียงรุกคืบได้เท่านั้น กลับถูกบีบกดดันให้ถอยหลังมาอีกหลายก้าว
บุรุษเสื้อลายประเมินออกว่า พลังฝีมือของตนยังด้อยกว่าบุคคลลึกลับนี้ จึงเปลี่ยนแนวทางการรุก หมุนคว้างตามสภาวะกระบี่ไปดึงกับดักลับด้านข้างเสา หวังว่า เกาทัณฑ์ลับหลายสิบดอกจะหยุดยั้งคู่ต่อสู้ลงได้ แต่กลับไม่มีเกาทัณฑ์พุ่งออกมาสักดอกเดียวตามที่ควรจะเป็น
“แย่แล้ว” มันร่ำร้องในใจ แต่ยังมีไม้ตายสุดท้ายหลงเหลือ จึงรีบคว้าตะเกียงน้ำมันใกล้มือ หวังใช้ไฟจู่โจมทำลาย แต่ชั่ววูบที่คำนวณผิดพลาด เสียเวลาไปเพียงเสี้ยวอึดใจ ก็ทำให้มันหมดสติลงแล้ว
...
บุรุษชุดขาว ใบหน้าขาวซีด ไว้หนวดเคราดกดำ ตกแต่งเป็นระเบียบ อายุเกือบยี่สิบปีเช่นกัน กำลังเอนกายอย่างสงบภายในห้องพักของตนเอง พร้อมโบกพัดขนนก เหมือนไม่ได้ยินเสียงอันใดจากภายนอก
รอคอยจนเมื่อเงาร่างผู้บุกรุกพุ่งตรงเข้ามาในห้องพัก มันจึงลืมตาขึ้นแล้วกลับเอ่ยวาจาทักทาย “ศิษย์พี่ใหญ่รีบร้อนกลับมา คงมีเหตุการณ์พิเศษกระมัง”
ผู้บุกรุกที่มีผ้าคลุมหน้าปกคลุม คล้ายงงงันไปวูบหนึ่ง ค่อยขยับกระบี่พุ่งเข้าใส่บุรุษชุดขาวทันที แต่คู่ต่อสู้กลับไม่ขยับเขยื้อนอันใดจนกระบี่จ่อถึงหน้าผากแล้ว บุรุษชุดขาวจึงค่อยยันกายลุกขึ้นนั่ง และแย้มยิ้มให้พร้อมโบกพัดขนนกต่อเนื่องอย่างใจเย็น “ศิษย์พี่ใหญ่คงต้องการให้ข้าลุกขึ้นนั่งแล้วกระนั้นหรือ”
ผู้บุกรุกจึงลดกระบี่ลง และปลดผ้าคลุมหน้าออก กลับเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ แต่ดูคล้ายแก่ชราเกินวัย ผมเผ้าหนวดเคราเริ่มมีสีขาวแซมประปราย เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของมันจริงๆ
ทันใดนั้น บุรุษชุดขาวพลันสะบัดพัด ฟาดใส่ใบหน้าของศิษย์พี่ใหญ่จนตกใจ ผงะถอยหลังไปก้าวใหญ่ สูญเสียตำแหน่งจู่โจมไปแล้ว ฝ่ามือด้านซ้ายของบุรุษชุดขาวพลันพุ่งเข้าจี้ใส่ตำแหน่งลิ้นปีของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งหากโดนกระแทกใส่ คงต้องเจ็บปวดไปอีกครึ่งค่อนวันแล้ว
ศิษย์พี่ใหญ่ทั้งแตกตื่นตกใจ ทั้งโมโหที่ถูกรุกคืน จึงใช้มือเปล่าเหวี่ยงปะทะตรงๆ หวังกระแทกให้รู้สึกเจ็บปวดกลับคืนเป็นการสั่งสอน แต่บุรุษชุดขาวกลับหมุนร่างวนไปอีกครั้ง อ้อมมาฟาดใส่เข้าที่ต้นคอ บีบบังคับให้ศิษย์พี่ใหญ่ต้องทิ้งตัวไปบนเตียงนอนแทน ให้หลุดพ้นสภาวะจู่โจม
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเคลื่อนไหวรุกคืบชิงพื้นที่ได้เปรียบ พลันเกิดเสียงฮ่าฮ่าดังขึ้นจากด้านนอก ทั้งศิษย์พี่ใหญ่กับบุรุษชุดขาวประสานตากันวูบหนึ่ง พลันส่งเสียงหัวร่อตอบรับ พากันออกมาด้านนอก พบอาจารย์ผู้เฒ่านั่งลูบหนวดเคราอยู่บนเก้าอี้ โดยมีบุรุษเสื้อเทา และบุรุษเสื้อลาย ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ด้านข้าง
“ไม่ได้พบเจอกันเสียนาน เราจึงให้ลูกอี้จัดฉากประลองฝีมือยุทธ์ของแต่ละคนอย่างกระทันหัน ตรวจสอบความคืบหน้าของพวกเจ้าดูสักครา” อาจารย์ผู้เฒ่ากล่าว
“นับว่า ลูกอี้สั่งสอนได้ไม่เลวทีเดียว ลูกฮก ศิษย์คนรอง ว่องไว เข้มแข็ง แต่สัตย์ซื่อเกินไป จนขาดความระวังในเรื่องเฉพาะหน้าอยู่บ้าง จึงเป็นเหตุให้โดนลอบทำร้ายเอาได้ ลูกทอง ศิษย์คนที่สาม ตอบสนองได้รวดเร็ว แก้ไขสถานการณ์ได้ดี แต่ลงมือประมาทเกินไป หากมีเกาทัณฑ์จริงๆ เห็นทีลูกฮกที่นอนสลบอยู่ตรงนั้นด้วย คงบาดเจ็บเพิ่มไปด้วยอย่างแน่นอน ส่วนลูกเหลียง ศิษย์คนที่สี่ คงรู้ทันกลอุบายทั้งหมด จึงได้อยู่นิ่งเฉย ไม่ลงมืออันใด แต่พอลงมือ กลับชิงเป็นฝ่ายรุกได้โดยง่าย ไหน ลองบอกมาสิว่า เจ้าล่วงรู้เรื่องราวได้อย่างไรกัน”
จูกัดเหลียงหรือบุรุษชุดขาวแย้มยิ้ม และอธิบายว่า “เรื่องแรก ศิษย์พี่ใหญ่เข้าเมือง เฉพาะต้นเดือนและกลางเดือน ล่าสุดเพิ่งไปเมื่อสี่วันก่อน และก่อนไปก็ไม่เอ่ยถึงสาเหตุอันใดให้ต้องรีบร้อน จึงถือเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับคนที่รอบคอบ มีระเบียบอย่างศิษย์พี่ใหญ่
เรื่องที่สอง เมื่อข้าไปตรวจสอบกับดักในตอนสาย ก็พบว่าปราศจากเกาทัณฑ์ในนั้น ทั้งที่เป็นหน้าที่ประจำของพี่ใหญ่ ซึ่งผิดปกติซ้ำสอง แสดงว่า ศิษย์พี่ใหญ่จงใจละเลยการเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า
สองเรื่องแรกนี้ ทำให้ข้าคาดเดาว่า วันนี้ต้องมีเรื่องพิสดารเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ข้าจึงอยู่รอเหตุการณ์อยู่ภายใน ไม่อ่านหนังสือ หรือเล่นพิณเหมือนปกติ
เรื่องที่สาม ศัตรูบุกเข้ามาทำร้ายศิษย์พี่รอง แล้วกลับเสียเวลาไปซ่อนตัวที่ตู้เก็บของก่อน ไม่รีบรุกไล่ต่อ เหมือนเปิดโอกาสให้คนออกไปหาก่อน จึงถือเป็นเรื่องผิดปกติ และยังเป็นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อจัดการกับศิษย์พี่สามก็ยังรั้งรออยู่อีกพักใหญ่ จึงค่อยบุกมาที่ห้องพักของข้า ราวกับว่า รอคอยแล้วไม่สำเร็จ จึงค่อยเปลี่ยนวิธีการ
และเรื่องสุดท้าย ผู้บุกรุกคนนี้ ปราศจากรังสีฆ่าฟันแม้แต่น้อย เมื่อข้าประเมินจากรูปร่างความสูงก็ใกล้เคียงกันกับศิษย์พี่ใหญ่ จึงกล่าวทักขึ้น มันก็หยุดชะงักไปทันที ข้าจึงมีความมั่นใจอย่างมากว่า เป็นเขาเอง หลังจากที่ข้ากล่าวเปิดโปงเขาสำเร็จ และไม่ตอบโต้ใดๆ ทำให้เขาผ่อนคลายความระมัดระวัง ข้าจึงค่อยจู่โจมให้พ่ายแพ้เสียเปรียบไปโดยง่าย”
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม ความคิดอ่านดีเยี่ยม แต่ที่จริง ตันฮกกับบังทอง ก็มิใช่อ่อนด้อย อย่างข้าบอกไปเมื่อครู่นี้หรอกนะ ลูกฮกมันสังเกตพบพิรุธจากเลือดปลอมของลูกอี้ จึงแสร้งเข้าประคองให้ แต่มันแอบใช้กระบี่แทงเข้าใส่ในระยะประชิด ส่วนลูกทอง ผิดพลาดจากกลไกเกาทัณฑ์ มันก็คว้าตะเกียงน้ำมันหมายจะสาดน้ำมันจุดไฟเผาให้ตกตาย เรื่องเหล่านี้ ลูกอี้ยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดีที่เราแอบสังเกตอยู่ในเหตุการณ์โดยตลอด จึงสามารถยับยั้งเจ้าทั้งสองจากด้านข้างได้ทันเวลา นับว่าพวกเจ้ายังพอมีฝีมืออยู่ หากแต่ลูกทองเจ้าออกจะโหดเหี้ยมเกินไป เพราะอาจจะพลอยเผาทำลายกระท่อมนี้ไปด้วย” อาจารย์ผู้เฒ่าอธิบายละเอียด จนบังทองต้องร่ำร้องละอายอยู่ในใจ
“วันนี้ ข้าขอตั้งฉายาให้พวกเจ้าทุกคนเป็นเครื่องเตือนใจไว้ จูกัดเหลียง ให้เป็น “มังกรซ่อน” บังทอง ให้เป็น “หงส์ผงาด” ตันฮก ให้เป็น “กิเลนพิสดาร” ส่วนลูกอี้ ให้เป็น “เต่าสมถะ” จะได้สอดคล้องกัน”
หมายเหตุ เต่างู หรือ เต่าคองู เป็นสัตว์โบราณ เคียงคู่กันกับ มังกร หงส์ กิเลน ถือเป็นสัตว์เทพประจำสี่ทิศ แต่บางตำรา เรียกเต่างูเป็นแค่เต่าเฉยๆ และนับเอาเสือเข้ามาแทนที่กิเลนก็มี
ทันใดนั้น เกิดระเบิดเป็นกลุ่มควันสีขาวหนาทึบ ครอบคลุมพื้นที่ เงาร่างหนึ่งพลันพุ่งทะยานเข้ามาจากหน้าต่าง พร้อมสะบัดฝ่ามือเข้าใส่อาจารย์ผู้เฒ่า แต่ถูกรวบคว้าจับเอาไว้ และกดให้คุกเข่าลงกับพื้นอย่างง่ายดาย
เป็นหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลา คมเข้ม ใบหน้าเหมือนประดับด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา ในวัยสิบห้าสิบหกปี แม้ว่าจะเหนื่อยหอบ และมีเหงื่อโทรมกาย ราวกับเพิ่งวิ่งมาเป็นเวลานาน ยังฝืนใจกล่าวท้วงติง “ยอมแพ้แล้ว ท่านอาจารย์ คงไม่ลืมเตรียมฉายาให้กับศิษย์คนเล็กคนนี้ด้วยกระมัง”
“ข้าตั้งใจจะให้เจ้าเป็น “พยัคฆ์คะนอง” อยู่แล้ว เจ้าป้อเอี๋ยน นักประดิษฐ์น้อย” อาจารย์ผู้เฒ่ากล่าวด้วยความเอ็นดู “พวกเจ้าทั้งหลายพร้อมกันแล้วก็ดี ถึงเวลาแล้วที่พวกเจ้า จะได้ออกไปแสดงฝีมือให้เป็นที่ปรากฏ กลุ่มทายาทมังกรในเครือข่ายสุมาของข้า สุมาเต๊กโช” อาจารย์ผู้เฒ่า หรือ สุมาเต๊กโช ประกาศก้องด้วยความฮีกเหิม
ที่แท้ สุมาเต๊กโช ก็ทำตนเลียนแบบผู้วิเศษนิรนาม ผู้เป็นอาจารย์ของตนในการอบรมสั่งสอนครั้งสุดท้าย ก่อนจะแยกย้ายออกจากสำนักนั่นเอง หากแต่ปรับเปลี่ยนจากการทำนายโชคชะตาให้เหลือเพียงการตั้งฉายาให้ศิษย์แต่ละคนเท่านั้น
หากแต่เพียงฉายาของผู้คน ก็อาจเปลี่ยนแปลงชะตาไปได้เช่นกัน มิใช่หรือ
…
ศิษย์ทั้งห้า คือ กลุ่มทายาทมังกร ที่แฝงความนัยซ่อนเร้น มังกร หงส์ กิเลน พยัคฆ์ เต่า แม้อิทธิฤทธิ์ทัดเทียม ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน หากแต่ศักดิ์ศรีและบารมีกลับผิดแผกแตกต่างอยู่บ้าง
คำว่า ทายาทมังกร ย่อมหมายถึง ทายาทของมังกร ในเมื่อสุมาเต๊กโช ปรารถนาตั้งตนเองเป็นมังกร (จักรพรรดิ) ไว้ก่อนแล้ว ดังนั้น การตั้งจูกัดเหลียงเป็น มังกรซ่อน ย่อมแสดงว่า สุมาเต๊กโชเล็งเห็นว่าจูกัดเหลียงมีความสามารถเพียงพอ เป็นมังกรน้อยแล้ว (รัชทายาท) เพียงแต่ยังส่งสัญญาณให้ซ่อนตัวไว้ก่อน
ส่วนสุมาอี้ เป็นเต่าสมถะ ก็เป็นการบ่งบอกให้รู้ว่า สุมาอี้จะเปิดทางให้เองเมื่อถึงเวลา ซึ่งรหัสลับเหล่านี้ มีเพียงสุมาเต๊กโชและจูกัดเหลียงที่เข้าใจปรุโปร่ง แต่คนอื่นๆแม้อยู่ในเหตุการณ์สนทนาด้วย กลับไม่ฉุกคิดประเด็นเหล่านี้ได้เลย
จูกัดเหลียงน้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้ง แต่สุมาเต๊กโชแสร้งหัวร่อกลบเกลื่อน พลางโบกมือเป็นนัยให้เก็บงำความลับเรื่องนี้ไว้เพียงสองคน ไม่ต้องให้ผู้อื่นได้ล่วงรู้
ในตอนนี้ ศิษย์พี่น้องทั้งห้าคนน้อมรับคำประกาศของสุมาเต๊กโช บัดนี้ ถึงเวลาที่คนรุ่นใหม่ไฟแรงจะปรากฏในประวัติศาสตร์บ้างแล้ว
...
หลังจากที่ได้พูดคุยกับพอสมควร และคนอื่นแยกย้ายกันไปหมดแล้ว บังทองที่ยังคับข้องใจ รีบคว้ามือจูกัดเหลียงมาสอบถามเรื่องที่ยังค้างคาใจ “เหตุไรเจ้าจึงไม่บอกเรื่องกับดักว่างเปล่าให้ข้ารู้ก่อน”
จูกัดเหลียงจ้องมองกลับอย่างยิ้มแย้ม “ศิษย์พี่สามสังเกตพบความผิดปกติของศิษย์พี่ใหญ่ และตระเตรียมกระบี่เอาไว้ก่อน เรื่องนี้ ท่านก็ไม่บอกให้ข้ารู้เช่นกัน มิใช่หรือ”
มิน่าเล่า พอเกิดเสียงผิดปกติขึ้นภายนอก บังทองก็มีกระบี่อยู่ในมือพร้อมแล้ว ที่แท้ก็มีการเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้านี่เอง กลับถูกจูกัดเหลียงเปิดโปงในประโยคเดียวแล้ว
บังทองจ้องมองจูกัดเหลียงนิ่งๆอยู่ครู่หนึ่ง จึงยกมือขึ้นประสาน พร้อมกล่าวว่า “ศิษย์น้องสี่ ฉลาดรอบรู้ยิ่งนัก วันหน้า หวังว่าจะเหลือทางถอยให้ข้าด้วย”
จูกัดเหลียงประสานมือตอบอย่างสุภาพ “เช่นกัน เช่นกัน”
...
อีกด้านหนึ่ง ป้อเอี๋ยน ศิษย์คนสุดท้าย กำลังสนทนากับตันฮกที่สนิทสนมมากกว่าคนอื่น “ศิษย์พี่รอง ท่านชมชอบฉายาที่ท่านอาจารย์ตั้งมาให้หรือไม่”
“สัตว์พิเศษในตำนาน ผู้คนมักจะนึกถึง มังกร กับ หงส์ ให้เหนือกว่าสัตว์อื่นๆ สัตว์ธรรมดาๆเช่น เต่า กิเลน พยัคฆ์ ถึงจะเหี้ยมหาญอย่างไรก็ด้อยกว่าหนึ่งขั้น แสดงว่า ท่านอาจารย์โปรดปรานน้องสี่กับน้องสามอย่างยิ่งแล้ว” ตันฮกตอบ
“ไม่ยุติธรรมเลย ข้าไม่ได้มีส่วนในบททดสอบครั้งนี้สักหน่อย แล้วท่านอาจารย์ตัดสินไปได้อย่างไร” ป้อเอี๋ยนยังข้องใจต่อการตัดสินครั้งนี้
“เพียงเจ้าไม่สามารถติดตามศิษย์พี่ใหญ่ได้ทัน ปล่อยให้ท่านหลุดรอด กลับมาก่อเรื่องวุ่นวายในครั้งนี้ จนกระทั่งเรื่องราวทั้งหลายยุติเสร็จสิ้น เจ้าจึงได้กลับมาถึง ก็นับว่า เป็นเวลาที่เนิ่นนานเกินพอแล้วที่จะให้ท่านอาจารย์ประเมินเจ้าในครั้งนี้” ตันฮกอธิบายอย่างใจเย็น “ความฉับไวในการตัดสินใจ ปราศจากความล่าช้าลังเล อาจจะเป็นจุดที่เจ้าต้องพัฒนาให้มากขึ้นกว่านี้”
เปลือกนอก ป้อเอี๋ยนรับฟังคำแนะนำของตันฮกอย่างนอบน้อม แต่ภายในใจนั้น ป้อเอี๋ยนเอง ยังคงคิดไม่ยินยอมต่อคำตัดสินของอาจารย์ผู้เฒ่า สุมาเต๊กโช
เพราะเขาเป็นคนสุดท้ายที่ถูกคัดเลือกเข้ามารวมกลุ่ม ล่าช้ากว่าคนอื่นๆดอก หากเพียงให้โอกาสเขาเติบโตเข้าสู่วัยฉกรรจ์เหมือนศิษย์พี่ทั้งหลายแล้ว ฝีมือและความสามารถของเขาต้องไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคนอื่นอย่างแน่นอน
...
ทางด้านของสุมาเต๊กโชกับสุมาอี้พ่อลูก ก็มีบทสนทนาที่น่าสนใจเฉกเช่นกัน
“ลูกอี้ เจ้าประเมินศิษย์น้องทั้งสี่ เช่นไรบ้าง”
“ตันฮก นิสัยเฉยชา ไร้ความทะเยอทะยาน เหมาะจะเป็นที่ปรึกษาชั้นดีได้ แต่คล้ายจะอ่อนไหวง่ายเกินไป เพียงถูกกระตุ้นยั่วเย้า ก็อาจจะผิดพลาดได้ง่าย
บังทอง กลับทั้งทะเยอทะยาน ทั้งโหดเหี้ยมไร้น้ำใจ เพียบพร้อมทั้งฝีมือและกลยุทธ์ น่าจะพอเป็นกุนซือผู้พลิกแผ่นดินได้ดี หากไม่ใจร้อนวู่วามจนเกินเหตุ
ส่วนจูกัดเหลียงนับเป็นมังกรในมวลมนุษย์อย่างแท้จริง มีพร้อมทั้งความทะเยอทะยานและความโหดเหี้ยมที่ซ่อนแอบไว้ภายใน เพียงแต่ความคิดที่ปลีกย่อยซับซ้อนของมันนั้นอาจจะเป็นผลร้ายต่อมันเองได้ และทำให้คนอื่นทำงานร่วมกับมันได้ยากเท่านั้น
สำหรับป้อเอี๋ยนนั้น ที่จริงแล้วก็เฉกเช่นเดียวกันกับบังทอง จูกัดเหลียง ผสมผสานกัน แต่ด้วยความอ่อนวัยกว่า ในเวลานี้ จึงนับว่ายังห่างชั้นอยู่ขั้นสองขั้นแล้ว แต่เพียงทอดเวลาให้อีกสักพักหนึ่ง ข้าเชื่อว่ามันเองย่อมพัฒนาไปได้อีกไกลทีเดียว โดยเฉพาะความสามารถด้านการประดิษฐ์สิ่งของของมันพิสดารล้ำเลิศนัก”
“ความเห็นของเจ้าถูกต้องแล้ว ถือว่าเจ้าสั่งสอนพวกมันได้ดีเยี่ยม อัจฉริยะแห่งยุคทั้งสี่คน จึงได้คิดอ่านตามที่ข้าต้องการให้เป็น หากเป็นไปตามแผนการของข้าแล้ว แผ่นดินฮั่นย่อมปั่นป่วนวุ่นวายด้วยน้ำมือของพวกมันจนเสื่อมถอยพินาศสิ้น ในที่สุด โอกาสที่สุกงอมก็จะตกเป็นของพวกเราสกุลสุมาแล้ว”
“แต่ที่จริง เป็นท่านที่ให้ข้าครอบงำให้ตันฮกมีนิสัยใจคอแตกต่างจากคนอื่นนั้นเป็นเป็นเพราะสาเหตุใดแอบแฝงหรือไม่”
“เพียงเพราะตันก๋ง บิดาของมัน ซึ่งตอนนี้ใช้ชื่อว่า ตันกุ๋น แทนนั้น เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง และโหดเหี้ยมมากเพียงพออยู่แล้ว ข้าย่อมไม่ส่งเสริมให้กุนซือชั้นยอดสองคนที่มีความผูกพันกันลึกซึ้ง มีโอกาสร่วมมือกันทรยศได้หรอก เพราะอาจจะเป็นภัยต่อแผนการของเราได้ ข้าจึงรับมันแยกไว้เป็นศิษย์สายตรงในกลุ่มทายาทมังกร เพื่อให้เจ้าสร้างนิสัยที่เฉยชา สมถะให้กับมันแทน ด้วยความรู้ความสามารถของมันแล้ว มันยังเป็นหมากชั้นดีของเรา แต่คงจะไม่ใช่หมากตัดสินเป็นตายในแผนการได้หรอก” สุมาเต๊กโช เฉลยความนัยสำคัญ
“นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ท่านให้ข้าลงมือทดสอบทุกคนในวันนี้ และมอบฉายาแปลกประหลาดเช่นนั้นออกไปกระมัง” สุมาอี้ตามความคิดได้อย่างรวดเร็ว
“ถูกต้องแล้ว นี่คือ การแบ่งแยกแล้วปกครอง พวกมันที่มีความทะเยอทะยานสูงอยู่แล้วนั้น ย่อมต้องขุ่นเคืองใจกันทุกครั้งที่ได้ยินฉายาเหล่านี้ เพียงแต่เจ้าอดทนให้เพียงพอ ย่อมเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่เป็นกาวประสานใจให้กับพวกมันต่อไปในภายหน้าได้เป็นอย่างดี นั่นจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ข้าให้เจ้าเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาการต่างๆให้กับพวกมันด้วยตนเองตลอดหลายปีที่ผ่านมา ว่าไปแล้ว เจ้าก็เป็นเสมือนอาจารย์ผู้ฝึกสอนของพวกมันกึ่งหนึ่งด้วยแล้ว
นอกจากนี้ หากเจ้านำฉายาเหล่านี้ไปขบคิดต่อด้วยหลักการของเบญจธาตุ ก็จะพบความนัยที่ข้าสร้างไว้ได้เอง”
…
หลักเบญจธาตุเสริมส่ง คร่าวๆ คือ น้ำกำเนิดไม้ ไม้กำเนิดไฟ ไฟกำเนิดดิน ดินกำเนิดทอง และทองกำเนิดน้ำ แต่ในมุมกลับกัน เบญจธาตุทำลาย ก็คือ น้ำทำลายไฟ ไฟทำลายทอง ทองทำลายไม้ ไม้ทำลายดิน และดินทำลายน้ำ
หากจับคู่ฉายากับธาตุที่เหมาะสมแล้ว ก็จะกลายเป็น เต่าน้ำข่มมังกรไฟ มังกรไฟข่มหงส์ทอง หงส์ทองข่มพยัคฆ์ไม้ พยัคฆ์ไม้ข่มกิเลนดิน และกิเลนดินข่มเต่าน้ำนั่นเอง มิน่าเล่า สุมาเต๊กโชถึงวางยา ทำลายตันฮกที่เป็นตัวข่มดวงชะตาไว้แต่เนิ่นๆ เป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับสุมาอี้ ผู้บุตรในแง่มุมเช่นนี้
ที่แท้ สุมาเต๊กโช ถึงกับวางแผนสร้างอัจฉริยะทางสงครามขึ้นมาหลายคน เพื่อเป็นบันไดให้กับแผนการยึดครองบัลลังก์ในรูปแบบของพวกมันเอง หากทายาททั้งหลายกระจายกันไปยึดครองอำนาจทางทหารของก๊กต่างๆได้เป็นผลสำเร็จแล้ว ก็เท่ากับว่าเครือข่ายสุมาถือครองอำนาจในทางลับ เหนือกว่ากำลังของก๊กใดก๊กหนึ่งแล้ว
เมื่อการบ่อนทำลายราชวงศ์ฮั่นจนถึงที่สุดจบสิ้นลง ไม่ว่าใครจะได้เป็นผู้ยึดครอง เครือข่ายสุมาค่อยเริ่มต้นกัดกินผู้มาเยือน ดั่งฝูงจิ้งจอกคอยพึ่งพิงราชสีห์นำทางล่าเหยื่อ จากนั้น การสร้างโอกาสความได้เปรียบในลักษณะถ่ายเทอำนาจย่อมเกิดขึ้น และหากไปถึงขั้นพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้สำเร็จ ก๊กต่างๆที่แตกกระจัดกระจายนั้น ก็กลายเป็นแผ่นดินของตระกูลสุมาแล้วก่อนที่ใครๆจะทันรู้ตัว
ดังนั้น ภารกิจแรกของกลุ่มทายาทมังกร คือการเข้าไปเป็นกุนซือสำคัญของก๊กต่างๆ ให้ได้เสียก่อน แล้วใครจะส่งเสริมใคร หรือใครจะข่มทำลายใคร ค่อยว่ากันในภายหลัง คงต้องปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้ว
ขุมกำลังเปิดเผยประกาศตัวรบกันแทบเป็นแทบตาย แต่ขุมกำลังลับอย่างเครือข่ายสุมาแค่หวังเกาะกุมโครงสร้างผู้อื่น แล้วค่อยดิ้นรนกินรวบในภายหลังเท่านั้น
…
1 บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 2 - ปักษีครองอุดร
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย