5 มี.ค. 2021 เวลา 01:01 • นิยาย เรื่องสั้น
2.15. ความฝันเพียงตื่นเดียว
นางแอ่น (เตียวหุย) 9 ยอดยุทธ์ - จูล่ง ขุนพลม้าขาว - บังทอง หงส์ผงาด
จูล่ง ฟื้นสติขึ้นมาอย่างงุนงงในกระท่อมแห่งหนึ่ง เขาสำรวจพบตนเองอยู่ในชุดชาวบ้านธรรมดา และมีผ้าพันบาดแผลอยู่รอบตัว โดยเฉพาะแผลที่มีพิษร้ายนั้นก็ ดูเป็นปกติขึ้นมากแล้ว เขาจึงออกสำรวจภายในกระท่อมแห่งนั้นทันที เจ้าของกระท่อมคงไม่ได้คิดร้ายต่อมัน มิฉะนั้นคงจัดการมันไปตั้งแต่ตอนที่มันหมดสติไปแล้ว
กระท่อมนั้นดูเรียบง่าย หากแต่กว้างใหญ่ไม่น้อย ภายในแบ่งแยกห้องด้านนอกกับด้านในเป็นสัดส่วน ด้านนอกมีตู้ยา และสมุนไพรเรียงรายอยู่เด่นชัด ดูละลานตา ซ้ำยังมีห้องเล็กพร้อมอุปกรณ์สารพัด ตั้งแต่การหั่น บด ตำ ต้ม แยกกั้นไว้สำหรับการผสมตัวยาโดยเฉพาะ ส่วนด้านใน ซอยแบ่งเป็นห้องเล็กๆแยกกัน คล้ายเตรียมพร้อมรองรับคนเป็นการส่วนตัวได้อีกจำนวนหนึ่ง
ห้องแรกที่กว้างใหญ่ที่สุด ถูกปิดสนิทคล้ายผนึกตายมาเนิ่นนานแล้ว คาดเดาว่าเป็นห้องเก็บสิ่งของสำคัญอันใด ห้องนอนถัดมา มีผู้ชายโครงร่างใกล้เคียงกันกับเขา นอนหมดสติ แช่ร่างอยู่ในอ่างน้ำใบใหญ่บนเตาฟืนบางเบาคล้ายกับหม้อต้มยาขนาดยักษ์ ร่างกายและใบหน้าเกือบทั้งหมดของคนป่วย พันแน่นไปด้วยผ้าขาวจนเหมือนรังไหมขนาดใหญ่สีขาว ตัวยาส่งกลิ่นสมุนไพรคละคลุ้งอบอวลทั่วทั้งห้อง
“คนผู้นี้ คงได้รับบาดเจ็บสาหัสยิ่งนัก ดูจากวิธีการรักษาก็แปลกประหลาด เกินกว่าหมอธรรมดาสามัญจะจัดการแล้ว” จูล่งประเมินในใจ
ห้องนอนอีกแห่งหนึ่ง เห็นเป็นหญิงสาวร่างอวบอิ่มในชุดบางเบา กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอน มีเข็มเล่มเล็กฝังอยู่เต็มร่างกาย เค้าหน้าคมเข้มของนางดูคุ้นตา แต่ยามกระทันหัน กลับคิดไม่ออกว่าเคยพบเห็นมาจากที่ใด
“คงเป็นคนไข้เช่นเดียวกันเราแล้ว แต่รูปโฉมช่างงดงาม ถูกใจยิ่งนัก” จูล่งตกตะลึงในความงามที่ถูกชะตาตั้งแต่แรกพบ
“ท่านจูล่งฟื้นแล้ว น่ายินดีนัก” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากหน้าประตูกระท่อม เป็นหมอเทพยดาฮัวโต๋ แบกสมุนไพรสดๆเดินเข้ามา
“ที่แท้เป็นท่านหมอฮัวโต๋ที่ช่วยชีวิตไว้ คนไข้มาถึงมือหมอเทวดาโดยบังเอิญ ตัวข้าช่างโชคดีนัก” จูล่งคารวะทักทาย ทั้งสองเคยพบกันที่เมืองชีจิ่ว เมื่อครั้งที่เตียวหุยชักนำให้มารักษาอดีตเจ้าเมืองโตเกี๋ยมเมื่อหลายปีก่อน
และที่จริง จูล่งเคยเห็นหน้าหมอฮัวโต๋ด้วยเมื่อครั้งเตียวก๊กบาดเจ็บสาหัส เพียงแต่ครั้งนั้น มันต้องหลบซ่อนตัว ปิดบังฐานะเอาไว้เป็นความลับ หมอฮัวโต๋จึงรับรู้คนในพรรคฟ้าเหลืองเพียงเตียวเสี้ยน เตียวล่อ และเตียวเลี้ยวที่ออกหน้าต้อนรับผู้คนเท่านั้น
“มิกล้า มิกล้า ตัวท่านยังคงมีพิษร้ายแฝงไว้ไม่หมดสิ้น ช่วงหลายวันนี้อาจต้องลำบากท่านแล้ว” หมอฮัวโต๋กล่าวตอบ “แต่เจ้าสิ่งนี้น่าจะช่วยชีวิตท่านได้” ฮัวโต๋หันข้องไม้ไผ่ใบเล็กที่สะพายเอวไว้ให้ดู
ที่แท้ นางแอ่น-เตียวหุยพบพานจูล่งถูกพิษทำร้าย นอนหมดสติอยู่ในป่าไม้นอกเมืองหลวง เพื่อเห็นแก่การศึกในภายหน้า จึงจำยอมนำจูล่งเข้ามารักษาตัวกับหมอฮัวโต๋ที่กระท่อมรังนก ณ เมืองอ้วนเซียโดยเร็ว ทั้งๆที่ภายในสถานที่เดียวกันยังมีเหยี่ยวดำพักฟื้นอยู่ก่อนแล้ว และตนเองก็ต้องเข้ารับการรักษาตัวด้วยเช่นกัน
จากการตรวจสอบจูล่ง แผลอื่นๆไม่เลวร้ายมากนัก มีแต่พิษจากกระบี่ที่ท้องแขนนั้นที่ยากจะรักษาด้วยตัวยาสมุนไพรธรรมดา ฮัวโต๋จึงออกไปเสาะหางูพิษกลับมา เพื่อรักษาแบบพิษสะกดพิษ
หมอฮัวโต๋ หรือนกฮูกแห่งหน่วยปักษาสวรรค์ก็ไม่รอช้า รีบนำพาจูล่งมาพักที่ห้องนอน เพื่อถอดเสื้อผ้าออกจนเกือบเปลือยเปล่าให้ระบายพิษร้อนได้ดียิ่งขึ้น และเริ่มฝังเข็มไปทั่วร่างกาย ทำให้คนไข้หมดสติและเปิดเฉพาะตำแหน่งชีพจรที่ต้องการ แล้วใช้งูพิษดูดพิษจากท้องแขนของจูล่งทันที เป็นงูพิษที่ร้ายกาจนัก
เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียว หน้าประตูกระท่อมก็มีเสียงเรียกดังขึ้น หมอฮัวโต๋นึกแปลกใจที่ผู้มากลับผ่านด่านของศิษย์เอกโงโพ้ ฮ่วมอาได้อย่างไร กระท่อมรังนกในยามนี้ก็มิใช่ว่างเปล่าไร้ผู้คน จึงคาดเดาว่าต้องเป็นจอมยุทธ์ระดับสูงลอบมาพบพาน
นกฮูกจึงต้องรีบออกไปรับหน้าก่อน ทิ้งให้งูพิษทำหน้าที่ต่อไป ไม่อาจหยุดยั้ง แต่หากพิษน้อยไปหรือมากไป ย่อมเป็นผลร้ายต่อจูล่งได้ทั้งสิ้น มันจำเป็นต้องรีบจัดการสถานการณ์เฉพาะหน้า ส่วนงูพิษยังคงเพลินกับการดูดเลือดอยู่ คงไม่หลบหนีไปไหน
“ตัวข้า บังทอง ขอคารวะท่านหมอเทวดา ขออภัยที่ลักลอบมาพบเป็นการส่วนตัว” ผู้มาคือบังทอง บุรุษคลุมหน้าที่เดินลากขาเข้ามาในกระท่อม “โปรดช่วยรักษาเข่าขวาที่โดนกระบี่บาดลึกถึงเส้นเอ็นให้ด้วยเถิด”
แสดงว่า คนชุดดำผู้โชคร้ายโดนกระบี่ของจูล่งฟันใส่ในคืนลอบสังหารกลางเมืองหลวง ก็คือมันนี่เอง แผลลึกแบบนี้ หากปล่อยให้หมอทั่วไปรักษา ก็คงกระเผลกไปอีกนานหลายเดือน บังทองจึงจำต้องดั้นด้นมาพึ่งการรักษาจากหมอเทวดาฮัวโต๋แล้ว
“ไม่ยาก จงรับยาประสานแผลนี้ไปทาให้ทั่วทั้งบริเวณ งดการเคลื่อนไหวสักเจ็ดวันสิบวัน ก็จะหายดีดังเดิม” ฮัวโต๋กล่าวอย่างเร่งร้อน พร้อมหยิบตัวยาปรุงสำเร็จจากตู้ใหญ่ด้านข้างส่งให้เพื่อตัดบท “เผอิญข้า กำลังรักษาผู้อื่นอยู่ในช่วงคับขัน เสร็จธุระแล้วค่อยออกมาสนทนากัน” ว่าแล้วเดินหายกลับไปในห้องผสมยาโดยเร็ว
บังทองไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก เพราะมันเองยังไม่ใช่ผู้มีชื่อเสียงอันใด จึงไม่ได้ คาดหวังการต้อนรับพิเศษมากมายนัก มันเคยได้ยินกิตติศัพท์ของสถานที่นี้มานานแล้วว่าเป็นแหล่งพักพิงของหมอฮัวโต๋ เปิดรับรักษาคนทั่วไปโดยไม่สนใจสังกัดการเมือง และเบื้องหลังความเป็นมา มันจึงลองเสี่ยงเข้ามารักษาดูเท่านั้น
หากแต่มันยังต้องการรั้งรออยู่ต่อตามลำพังในห้องโถงของหมอเทวดา เพื่อปรึกษาเรื่องการรักษาร่องรอยแผลเป็นที่ใบหน้า มันจึงลองเดินลากขาไปสำรวจตู้ใหญ่นั้นที่มีตัวยาสรรพคุณพิสดารมากมายเขียนไว้ เผื่อว่าจะพอหยิบยืมตัวยาได้เอง แต่พอกวาดตามองเห็นว่าปลอดคน จึงรีบคว้าขวดยาที่น่าสนใจมาจำนวนหนึ่ง พอให้ซ่อนในอกเสื้อได้ และรีบจากไปอย่างรีบร้อน ก่อนที่จะมีใครมาพบเข้า
หากไม่มีตัวยาพิสดารเหล่านี้มาทำให้บังทองเกิดความคิดขโมยสิ่งของไปใช้ประโยชน์แล้ว มันอาจจะเดินเพ่นพ่านไปถึงห้องนอน และพบตัวการที่ทำให้มันต้องเดินลากขาอยู่เช่นนี้อยู่ภายในห้องแล้ว ซึ่งเพียงมันอยู่ให้เนิ่นนานขึ้นสักเล็กน้อยเท่านั้น เหตุการณ์น่าสะเทือนใจของคนสองคนคงจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
...
เพียงเวลาห่างกันไม่กี่มากน้อย ห้องนอนที่จูล่งอยู่พลันมีเสียงร้องก้องออกมา เป็นจูล่ง ได้รับพิษงูมากเกินขนาด กลับทำให้พิษร้ายทั้งสองชนิดปะทะกันภายในร่างกาย จนเกิดคลุ้มคลั่ง ไม่อาจควบคุมสติไว้ได้
หมอฮัวโต๋ที่ยุ่งอยู่กับการผสมตัวยาเพิ่มเติม รีบย้อนกลับมาคว้างูพิษเก็บไปในข้องได้เสร็จไปก่อน แต่ก็โดนจูล่งที่กำลังคลุ้มคลั่ง ผลักกระเด็นไปชนผนังห้องจนหมดสติ
ในช่วงเวลานี้ จูล่งเป็นเสมือนสัตว์ป่าที่ไล่ล่าเหยื่อที่คงค้างคาใจอยู่ เป็นเหยื่อสาวที่ได้พบก่อนที่สติรับรู้จะสูญเสียความควบคุมไป มันจำได้อย่างเลือนรางว่านางนอนหลับอยู่เพียงห้องข้างๆนี่เอง
ที่ห้องด้านนอก มือสังหารของอ้วนเสี้ยวที่ได้รับคำสั่งเพิ่มเติมภายหลังให้มาตามตัวหมอฮัวโต๋ไปรักษาตัว เดินทางมาถึงพอดี ครั้งนี้ ภารกิจของพวกมันเป็นการลอบเข้ามาหวังเกาะกุมเฉพาะตัวหมอเทวดา แตกต่างจากการบุกรุกโดยเปิดเผยในคราก่อน จึงคัดเลือกเฉพาะคนที่มีฝีมือดีไม่กี่คนย้อนกลับมา
แต่นับว่าโชคร้ายที่ต้องมาเผชิญสัตว์ร้ายที่กำลังคลุ้มคลั่งอาละวาด สองฝ่ายจึงเกิดการปะทะกันขึ้น จูล่งเพียงฟาดมือเหวี่ยงเท้าก็สามารถสังหารเหล่านักฆ่าตายไปจนหมดสิ้น ยิ่งกระตุ้นให้สัญชาตญาณสัตว์ป่าลุกโชนมากยิ่งขึ้น จนส่งเสียงกู่ร้องอวดศักดาที่เอาชนะศัตรูได้แล้ว
เสียงร้องก้องดัง ทำให้หญิงสาวในห้องข้างเคียงพลันรู้สึกตัว นางรีบลุกขึ้น ถอนเข็มเล่มเล็กๆที่ปักอยู่ตามร่างกายออก แต่ยังไม่ทันหมดสิ้น ก็พอดีร่างของหนุ่มฉกรรจ์ถาโถมเข้าใส่นาง กลับกระทบถูกเข็มจุดสลบไปด้วยทำให้นางหมดสติลงไปอีกครั้ง
ชายหนุ่มที่กำลังบ้าคลั่งอยู่ ซึ่งก็คือจูล่ง จึงฉีกกระชากเสื้อผ้าบางเบาของนางออก และลงมือกระทำไปตามสัญชาตญาณสัตว์ป่าทันที
เป็นเวลาเนิ่นนานผ่านไป หญิงสาวค่อยๆรู้สึกตัวขึ้น พร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวด ภายในร่างกาย หากเพียงนางมีสติอยู่คงไม่เป็นปัญหาในการจัดการกับชายหนุ่มผู้นี้ เพราะมันรู้ฝีมือกันดีอยู่แล้ว จูล่ง เป็นมันที่ยังนอนเปลือยเปล่าหมดสติอยู่ด้านข้างกาย
นางค่อยๆลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดวิ่น มาคลุมปกปิดร่างกาย พร้อมกับทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทันใดนั้น นางจึงหยิบอาวุธที่ซ่อนไว้ข้างใต้ที่นอนออกมา เล็งไปยังจูล่ง ชายหนุ่มที่ทำให้นางต้องสูญเสียพรหมจรรย์อย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ
“ช้าก่อน น้องเก้า” เสียงฮัวโต๋ร้องห้ามไว้ พลางเดินโซเซเข้ามาภายในห้อง “มันกระทำไปโดยไม่รู้ตัวหรอก เป็นเพราะการใช้พิษสะกดพิษเกิดผิดพลาดไป จึงทำให้มันเกิดบ้าคลั่งขึ้นมา แล้วทำให้ข้าสลบไป”
หญิงสาวคนนี้คือ นางแอ่น แห่งหน่วยปักษาสวรรค์ หรือผู้ที่สวมบทบาทเป็นเตียวหุย ในยุคนี้ มิน่าเล่า ตัวมันจึงต้องไว้หนวดเคราให้รุงรัง พอกหน้าให้ดำคล้ำ และสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาใหญ่ตลอดเวลาเพื่อบดบังทรวดทรงที่อิสตรีพึงมี
ที่แท้ เตียวหุย หรือนางแอ่น ก็คือหญิงสาวที่มีจิตใจห้าวหาญดั่งชายคนหนึ่ง และด้วยปัญญากับความสามารถที่แกร่งเกินหญิงเหนือชายเช่นนี้ จึงทำให้หน่วยปักษาสวรรค์ต้องยกให้เป็นกรณีพิเศษ เพราะคนผู้นี้ต้องรับบทบาทที่สำคัญ ใกล้ชิดตัวละครสำคัญ และใช้เวลาเนิ่นนานตลอดทั้งชีวิต
หมอฮัวโต๋กวาดตาแว่บเดียว ก็เข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว พลางกล่าวปลอบใจหญิงสาว “ข้าเองไม่น่ารีบร้อนฝังเข็ม ลดอาการข้างเคียงของระบบมดลูกกับเจ้าในครั้งนี้ จนทำให้เจ้ากลับคืนเป็นรูปลักษณ์ของอิสตรีอย่างสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง แล้วยังต้องมาถูกทำร้ายเช่นนี้เลย”
ด้วยวิชาการแพทย์อันก้าวหน้าของนกฮูก-ฮัวโต๋ ถึงกับประยุกต์ใช้การฝังเข็ม ศาสตร์โบราณมารักษาบรรเทาระบบการทำงานของมดลูกได้ ในเมื่อนางแอ่นสวมบทบาท เตียวหุยผู้ห้าวหาญ ย่อมไม่สะดวกจะมีเลือดระดูประจำเดือน นางจึงต้องใช้บริการของฮัวโต๋ ปรับลดการทำงานของรังไข่ โดยใช้การฝังเข็มยับยั้งครั้งใหญ่ทุกๆปี และอาศัยเหล้าผสมตัวยาพิเศษ ระงับอาการข้างเคียงไว้ตลอดเวลา
นั่นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เตียวหุยจำเป็นต้องมีสุราพิเศษกลิ่นฉุนเฉียวติดตัวไว้ตลอด และต้องปลีกตัวมาพบพานกับหมอฮัวโต๋เป็นคนไข้ประจำปีละหนึ่งครั้งเช่นนี้
“มันจะจดจำเหตุการณ์นี้ได้หรือไม่” เตียวหุย นางแอ่นกระชากเสียงไต่ถาม
“สำหรับมันจะเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น น้องเราจงใคร่ครวญเพื่อหลักการของหน่วยเรา มันยังมีความสำคัญอีกมากนักในหน้าประวัติศาสตร์”
“ความฝันเพียงตื่นเดียว ข้าต้องเสียสละเช่นนี้หรือ ฮ่าฮ่าฮ่า” นางแอ่นหัวร่ออย่างคลุ้มคลั่ง “เพื่อหลักการ ข้าต้องทนอยู่ร่วมศึกเคียงข้างกับคนที่ทำลายพรหมจรรย์ของข้าไปตลอดทั้งชีวิต โดยที่มันเข้าใจว่าเป็นเพียงความฝันเช่นนั้นน่ะหรือ”
นางแอ่นนึกย้อนไปถึงวันเวลาที่อยู่ในยุคสมัยแท้จริงของตนเอง นางเป็นเพียงสาวห้าวแก่นแก้วที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่า เอาชนะผู้ชายมาได้โดยตลอด นางเองยังเคยกล่าวล้อเล่นกับเพื่อนฝูงว่า คนรักของนางต้องเป็นยอดขุนพลรูปงามที่สาวๆใฝ่ฝันถึง ขนาดจูล่งในยุคสามก๊กประมาณนั้น
แต่แล้ว วันนี้ ความคึกคะนองปากในวัยเยาว์นั้นกลับมาเป็นจริงขึ้นมาในรูปแบบที่เจ็บปวดจิตใจเกินกว่าจะบรรยาย “ความฝันเพียงตื่นเดียว”
นางแอ่นเดินจากไปนอกกระท่อมเพื่อสงบสติอารมณ์ หมอฮัวโต๋เองก็หมดสิ้นคำเกลี้ยกล่อมแล้ว หากแต่ยังไม่ได้บอกกล่าวความลับอีกประการหนึ่งที่อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นไปอีก
ด้วยกระบวนการฝังเข็มเช่นนี้ มันจะส่งผลข้างเคียง กระตุ้นระบบภายในของหญิงสาวให้ทำงานได้ดีเกินกว่าปกติในช่วงเวลาที่วุ่นวายยุ่งเหยิงครั้งนี้ด้วย
“อีกสามสี่เดือนข้างหน้า นางก็จะค่อยๆรับรู้ และคงยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เอง แล้วข้าคงต้องจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งให้กับนางแอ่นในลำดับต่อไป” หมอฮัวโต๋-นกฮูก คล้ายยอมรับกับสภาพปัญหาได้อย่างง่ายดาย พลางย้อนออกมาพิจารณาซากศพมือสังหารสามสี่คนด้านนอก ที่ปรากฎสัญลักษณ์บ่งบอกสังกัดชัดเจน
“แต่นกกระสา-อ้วนเสี้ยว นี่สิ กลับกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนสำหรับพวกเราเสียแล้วกระมัง” นกฮูกเริ่มหวั่นใจถึงภัยคุกคามจากจอมทัพผู้ทรยศต่อหลักการ ในขณะที่คนของหน่วยปักษาเริ่มลดน้อยถอยลงไปทุกที
...
หลายวันต่อมา อาการพิษร้ายของจูล่งค่อยหายเป็นปกติดี และได้พบกับเตียวหุยที่ “บังเอิญ” ผ่านมารักษาบาดแผลกับหมอฮัวโต๋เช่นกัน ทั้งสองจึงได้กลับไปสมทบกับเล่าปี่ที่เมืองชีจิ๋วอีกครั้งหนึ่ง
ตลอดทาง ดูเหมือนเตียวหุยจะขุ่นเคืองใจบางอย่างจึงไม่พูดคุยอะไรกับมัน เอาแต่ปลีกตัวนั่งดื่มสุราอยู่ตามลำพัง อาจจะเป็นเพราะความผิดพลาดของแผนการลอบสังหารในครั้งนั้นที่ทำให้มันหมดอารมณ์สนุกสนานไปสิ้น
แต่ก็ดีแล้ว ขณะนี้ มันไม่มีอารมณ์แม้แต่จะลอบทำร้ายคนที่สังหารบิดาตนในยามนี้ เพราะมันเองเพียงอยากทบทวนความฝันที่สวยงามของมันในคืนวันก่อน นางในฝันคนนั้น กลับเป็นหญิงสาวในชุดบางเบาที่อยู่ห้องนอนใกล้ๆ ซึ่งหายตัวไปจากกระท่อม ก่อนที่มันจะได้พูดคุยกันด้วยซ้ำ
หรือว่านี่คือรักแรกพบ หวังว่ามันจะได้พบกับหญิงสาวผู้นั้นอีกสักครั้ง
...
ณ เมืองชีจิ๋ว เล่าปี่ได้รับเรื่องที่น่ายินดีสองเรื่องในวันเดียวกัน เรื่องแรก คือการกลับมาของเตียวหุย และจูล่ง ความผิดพลาดของการลอบสังหารผ่านมาแล้วครึ่งค่อนเดือน ทำให้เขานึกว่าต้องสูญเสียขุนศึกคนสำคัญทั้งสองไปแล้วด้วยซ้ำ
ส่วนเรื่องที่สอง หญิงรับใช้ลอบกระซิบให้เขารับทราบแล้วว่า ฮูหยินใหญ่กำลังตั้งครรภ์แล้ว “ข้ากำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว เรื่องที่ข้าสังหรณ์ใจเป็นเรื่องจริง โอ..แต่ช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่ข้ากับกำฮูหยินผิดใจกันอยู่ ข้าจึงไปอยู่แต่กับบิฮูหยินที่ดูมีอารมณ์แปรปรวนเป็นเดือนๆ และไม่ได้มีโอกาสไปอยู่ร่วมค้างคืนกับนางเลยนี่นา หรือว่า...”
ตอนที่หญิงรับใช้มากระซิบให้ฟัง น้องรองก็ร่วมดื่มน้ำชาอยู่ด้านข้าง เหตุไรจึงดูเหมือนหน้าตาจะซีดอย่างผิดสังเกต และรีบอำลาไปพักผ่อน เล่าปี่ทบทวนเรื่องราวอย่างกังวลใจจนนอนหลับฝันไป
เป็นมันกับกำฮูหยินอยู่ร่วมกันในห้องหอวันวิวาห์ เพียงแต่ว่า ตัวมันกลับมีหนวดเครายาวงาม และใบหน้าแดงฉานราวกับทาชาดไว้ เป็นความฝันที่เลวร้ายเพียงตื่นเดียว
...
กำฮูหยินมองตามเงาหลังของขุนพลสยบมังกร กวนอู ผู้เป็นน้องรองร่วมสาบานของเล่าปี่จากห้องพักด้านบน กวนอูเหมือนหยุดชะงัก แล้วหันมาสบตากับนาง สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสับสนเสียใจ ก่อนหันกายเดินจากไป
นางได้แต่ปิดหน้าต่างไปอย่างเชื่องช้า “พวกมันคงรู้เรื่องกันแล้วสินะ แต่หากยืนกรานไม่บอกความลับนั้นออกไป ใครจะล่วงรู้ได้”
ค่ำคืนนั้น ความฝันของนางมิใช่เรื่องอดีต แต่กลับเป็นเรื่องในอนาคต นางอุ้มลูกน้อยส่งให้กับเล่าปี่ เป็นทารกที่มีใบหน้าสีแดงฉาน เหมือนบิดาที่แท้จริงของมัน
บิฮูหยินสะดุ้งตื่นจากความฝันอันน่าสะพรึงกลัวอีกครั้ง นับจากกลับมาจากเมืองหลวง นางเฝ้าวนเวียนนึกถึงเหตุการณ์น่าละอายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มิกล้าเอ่ยปากบอกกับสามี หรือพี่ชายทั้งสองแต่อย่างใด คำขู่ของกวนอูยังเป็นเครื่องตอกย้ำให้น่ากังวลใจมากยิ่งขึ้น และรู้สึกหวาดระแวงทุกครั้งที่พบเจอน้องสามีคนนั้น
แรงกดดันภายในใจถาโถมใส่คุณหนูสกุลบิ จนเกิดเป็นโรคซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวนไม่แน่นอน สร้างความกังวลต่อเล่าปี่มาโดยตลอด ยังดีที่กำฮูหยินช่วยอาสาดูแลให้ทุกเรื่องราว จึงพอทำให้บิฮูหยินไม่ต้องเผชิญกับผลกระทบต่อเนื่องอื่นใดอีก
หากแต่ข่าวการตั้งครรภ์ของกำฮูหยินกลับทำให้บิฮูหยินคลุ้มคลั่งขึ้นอีกครั้ง ร่ำร้องอันใดวุ่นวาย จนฟังไม่ได้สรรพ บิต๊ก บิฮอง พี่ชายจึงได้แต่ไหว้วานให้เตียวหุยเชื้อเชิญหมอเทวดาฮัวโต๋มาตรวจรักษาให้สักครา
เทียบเชิญถูกส่งออกไป หมอฮัวโต๋ไม่อาจเดินทางมาเอง แต่ส่งศิษย์เอกสายภายใน ฮ่วมอามาโดยด่วน บิฮูหยินจึงถูกฝังเข็มสะกดข่มจิตใจให้ผ่อนคลาย กลับมาอยู่ในพฤติกรรมสวดมนต์ไหว้พระเหมือนช่วงแรกๆอีกครั้ง
ผู้คนในเมืองชีจิ๋วจึงค่อยผ่อนคลายความกังวลใจที่แตกต่างกันลงไปได้ หากแต่ฮ่วมอายังขาดประสบการณ์ ลืมเลือนใช้ตัวยารักษาโรคซึมเศร้าซึ่งเป็นอาการแปลกใหม่ในยุคสมัยโบราณให้ต่อเนื่อง ทำให้ความซึมเศร้าของบิฮูหยินถูกเก็บกดไว้ภายใน มิได้ระบายออกตามสมควร และรอคอยวันเวลาที่จะปะทุขึ้นอย่างรุนแรงสักวันหนึ่ง
บิฮูหยินลอบมองกำฮูหยินสะท้อนผ่านกระจกทองเหลือง ในใจแฝงความเคียดแค้นต่อหญิงสาวร่วมสามีโดยไม่มีเหตุผล หรือ อาจจะมี เพียงแต่นางจดจำสาเหตุนั้น มิได้เสียแล้ว บิฮูหยินทำตาลุกวาว ร่ำร้องในใจ “เป็นเด็กทารกในท้อง มันสมควรต้องตาย”
ท่ามกลางทุ่งหญ้าทะเลทรายนอกด่าน ชนเผ่าซงหนูเคยทรงอิทธิพลอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ถูกเบียดบังบารมีด้วยชนเผ่าอื่นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อเซ็กเหียน เฒ่าหินผา ขึ้นเป็นผู้นำด้วยการยึดอำนาจจากนายเก่า ยิ่งทำให้เสื่อมถอยอำนาจอย่างหนัก
แต่เดิม ผู้เฒ่าหินผาคือหนึ่งในสองยอดฝีมือสูงสุดของเผ่าซงหนู แต่เมื่อยี่สิบปีก่อน มันคล้ายเกิดเรื่องราวอันใดกระทบกระเทือนจิตใจรุนแรง ทำให้ฝีมือถดถอย ความคิดเชื่องช้า และขาดความเป็นผู้นำที่เคยมี กลายเป็นจุดอ่อนที่เด่นชัด
ยังดีที่ข้างกายเฒ่าหินผายังมีน้องชายอันเข้มแข็ง คือ ผู้เฒ่าเนินทราย ฮูฉูเฉียน คอยค้ำจุนบัลลังก์ให้ และยังภักดีแบบไม่หวังผล ทำให้เซ็กเหียนยังคงเกาะกุมบัลลังก์ผู้นำได้เรื่อยมา แม้จะมีคลื่นใต้น้ำภายในเผ่าเกิดขึ้นมากมายหลายครั้งแล้ว
หากแต่ค่ำคืนนี้ ในยามที่เฒ่าเนินทรายทำศึกติดพันอยู่กับเผ่าเซียนเปยทางด้านอื่น ชนเผ่าศัตรูที่บุกรุกเข้ามาอย่างกระทันหันถึงกระโจมที่พักใหญ่ของเผ่า กลับกลายเป็นพวกโกกุเรียว ที่นำมาโดยกษัตริย์หนุ่มใหญ่คนใหม่นามว่า ซันซัง
การศึกยากต้านทาน ยามกระทันหัน บุคคลสำคัญจำต้องหลบหนีกันไปเองตามมีตามเกิด ราชินีสาวสวยเกือบถูกทหารองครักษ์เผ่าเดียวกันลากตัวไปข่มขืน หากมิใช่อ๋องโกกุเรียวยื่นมือช่วยเหลือด้วยเห็นแก่มนุษยธรรม และจับกุมตัวไปในฐานะเชลยศึกพิเศษพร้อมกับแรงงานชายหญิง และทรัพย์สมบัติที่สะสมไว้อีกมากมาย
เมื่อกลับถึงราชวังโกกุเรียว อ๋องซันซังมิได้ชมชอบรูปโฉมใบหน้าอิสตรี หากแต่กลับชื่นชมหลงใหลในศิลปะแผ่นดินฮั่น จึงจัดนางให้มาอยู่ในกลุ่มนางกำนัล เพื่อให้ฝึกสอนศาสตร์ด้านบันเทิงต่างๆ เพราะอดีตราชินีซงหนูผู้นี้มีชื่อเสียงเลื่องลือดั่งสมญาคำเรียกขาน “บุปผาทะเลทราย” และมีนามเดิมว่า ซัวบุ้นกี
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา