21 ก.พ. 2021 เวลา 12:25 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หนุ่มสาวเอเชียยุคใหม่ ทำไมอยากเป็นโสดมากขึ้น?
2
ยิ่งความเจริญเข้าถึงมาก กลับมีคนโสดเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
1
หนุ่มสาวเอเชียยุคใหม่ ทำไมอยากเป็นโสดมากขึ้น?
การแต่งงานมีครอบครัว ของหนุ่มสาวเอเชียในปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเมื่อหลายปีก่อน เรียกว่า... พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะในปัจจุบัน “การเป็นโสด” กลับเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับคนยุคใหม่
สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นปัญหาระดับชาติ ที่หลาย ๆ ประเทศประสบและต้องแก้ไขกันมาอย่างยาวนาน เพราะอัตราการเกิดที่ต่ำ ย่อมนำไปสู่การ “ขาดแคลนแรงงาน” ในวัยทำงาน
ซึ่งนอกจากจะทำให้ผลผลิตมวลรวม (GDP) ของประเทศลดต่ำลง เศรษฐกิจไม่พัฒนาเท่าที่ควรแล้ว รัฐยังจำเป็นต้องให้สวัสดิการยังชีพแก่ผู้สูงอายุมากขึ้น ทำให้ขาดงบประมาณในการพัฒนาประเทศ สิ่งนี้จึงเป็นผลกระทบจาก 2 ทาง ที่ชะลอการพัฒนาและเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
ทำไมคนยุคนี้อยากเป็นโสดมากขึ้น?
ด้วย “ค่านิยม” และ “กระแสสังคม” ที่เปลี่ยนไป โดยสามารถสรุปประเด็นหลัก ๆ ได้ดังนี้
1. ความพึงพอใจที่จะเป็นโสด
เป็นค่านิยมของคนปัจจุบันที่คนโสดพึงพอใจกับชีวิตของตัวเอง มากกว่าจะตั้งเป้าหมายในการสร้างครอบครัว โดยเฉพาะการไม่สามารถหาคู่ครองที่เหมาะสมกับตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฐานะหรือรสนิยม จึงยิ่งเป็นแรงส่งให้คนพอใจกับชีวิตคนโสดที่มีอิสระเสรีมากกว่า
2. ค่าครองชีพสูง เป็นเหตุผลสำคัญ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าค่าครองชีพในปัจจุบันสูงขึ้นมากสำหรับการสร้างครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการแต่งงาน, ค่าใช้จ่ายของการมีบุตร ซึ่งคนยุคใหม่มองว่าพวกเขามีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องแบกรับมากพออยู่แล้ว
3. แต่งงานล่าช้ามากขึ้น ๆ
การแต่งงานช้าย่อมส่งผลต่อการมีลูก โดยเฉพาะผู้หญิงที่แต่งงานช้าจะมีแนวโน้มมีบุตรยาก ซึ่งสิ่งนี้เป็นผลพวงที่เกิดมาจากปัจจัยเรื่องค่าใช้จ่ายและภาระงานที่มากรวม ๆ กัน เป็นผลให้คนไม่มีเวลาหรือไม่มีความสนใจที่จะหาคู่ครอง
อัตราการเจริญพันธุ์ทั้งหมดในเอเชีย
จากรูป คือสถิติที่บ่งชี้ถึงปัญหาอัตราการเกิดต่ำทั่วเอเชีย นั่นเป็นเพราะว่าอัตราการเจริญพันธุ์ที่ลดลง เช่น
- ประเทศไทยมีอัตราการมีบุตรอยู่ที่ 2 คนต่อผู้หญิง 1 คน
- คนโสดในสิงคโปร์ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากในทุกช่วงอายุ ซึ่งในผู้หญิงอายุ 25-29 ปี มีสูงถึง 64.4% ที่ยังไม่แต่งงาน และผู้ชายอายุ 25-29 ปี ซึ่งสูงถึง 78.8%
- อีกทั้ง 3 ใน 10 ของผู้หญิงชาวญี่ปุ่นอายุระหว่าง 30-34 ปี เลือกที่จะโสดไปตลอดชีวิต ซึ่งมีจำนวนสูงขึ้นถึง 3 เท่าจากปี 1985
“การเป็นโสด” ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่จากโครงสร้างประชากรแล้ว การที่เราเลือกโสดกันมากขึ้นไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม นั่นหมายถึงเปอร์เซนต์ การผลิตบุตรก็จะน้อยลง ทำให้มีแนวโน้มว่าบุคลากรวัยแรงงานก็จะลดน้อยตามไปด้วย คิดภาพตามถ้าหากประเทศเราเต็มไปด้วยวัยผู้ใหญ่และวัยชรา เราอาจจะเห็นคนชรามาทำงานหนักๆแทนเราก็ได้
#สาระจี๊ดจี๊ด
หากสุดท้ายเมื่อเป็นโสดยามบั้นปลายชีวิตแล้ว อย่าลืมที่จะวางแผนการเงินเพื่อดูแลตัวเองยามชรา ไม่ว่าจะอยู่คนเดียวยามชราหรือไม่ก็ตาม เพื่อแบ่งเบาตัวเอง คนรอบข้าง และสังคมได้อีกวิธีหนึ่ง
1
#Wasabi ขอเพียงมีส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยให้คุณ!
"เจริญเติบโต ก้าวหน้า สำเร็จ อย่างภาคภูมิใจ"
แหล่งที่มา / แหล่งอ้างอิง
#สาระจี๊ดจี๊ด #Wasabi #ความรู้ขึ้นสมอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา