Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
7 มี.ค. 2021 เวลา 01:49 • นิยาย เรื่องสั้น
2.17. แผนไต่บันไดเมฆ
ซุนฮก กุนซือค้างคาว - จิวยี่ ขุนพลสำอาง - ม้าเฉียว ขุนพลหัวสิงห์
ซุนกวนย่อมรู้จักท่านอาที่เหลวไหลคนนี้อยู่บ้าง แต่ก็ยังงงงันกับการปรากฏตัวของซุนฮก กุนซือใหญ่ฝ่ายโจโฉ จึงหันมาทางจิวยี่ คู่เขยคนสนิทของพี่ชาย เหมือนต้องการคำตอบที่ชัดเจน
จิวยี่จึงกล่าวว่า “เมื่อครั้งที่พวกเราลอบบุกเข้าสังหารผู้นำทัพในศึกสามประสานนั้น ท่านอาซุนฮกได้ลอบส่งสัญญาณลับให้ข้าทราบ และเปิดหนทางถอยให้กับพวกเรา มิฉะนั้น พวกเราทั้งหมดคงสิ้นชื่อไปในครั้งนั้นแล้ว จากนั้น ข้ากับท่านอาก็ได้มีการติดต่อกันมาระยะหนึ่งแล้ว เรื่องนี้ ข้าต้องขออภัยต่อน้องเราด้วย”
“ทั้งนี้ ก็เพื่อสืบหาความจริงว่าใครคือตัวการผู้สังหารท่านซุนเกี๋ยน และซุนเซ็ก รวมทั้งค้นหาว่าใครคือไส้ศึกในหมู่ของพวกเรา” ซุนฮกกล่าวเสริม “ข้าจึงเรียกให้พวกท่านมาในที่นี้ เพราะข้าสืบพบแล้วว่าไส้ศึกที่ว่านั้นอยู่ใกล้ตัวพวกท่านอย่างยิ่ง”
“เป็นผู้ใดหรือ ท่านอา” ซุนกวนร้อนใจ รีบไต่ถาม
“เป็นเตียวเจียว และอุยกาย” ซุนฮกกล่าวเสียงราบเรียบ แต่ทำให้บรรยากาศในห้อง กลับเคร่งเครียด เพราะทั้งสองเปรียบเสมือนเสาหลักรุ่นใหญ่ในแคว้นกังตั๋งมานานแล้ว การที่ทายาทเหลวไหลใส่ความต่อเสาหลักอย่างกระทันหันเช่นนี้ อย่างไรก็ยังกล้ำกลืนรับฟังได้ยากอยู่
“ท่านซุนเกี๋ยนในคืนก่อนวันที่ท่านตาย ได้มายังลกเอี๋ยงเพื่อมาพบปะกับข้าโดยเฉพาะ และเอ่ยถึงพฤติกรรมผิดสังเกตของเตียวเจียวที่ลักลอบติดตามมายังที่นี่ด้วย ทำให้ท่านแยกตัวไปตรวจสอบความชัดเจน แต่แค่เพียงข้ามคืน ข่าวการตายของท่านที่เมืองเกงจิ๋วก็แพร่สะพัดออกมาจากอีกทิศทางหนึ่ง เตียวเจียวจึงน่าสงสัยที่สุด ข้าทิ้งเวลาปล่อยเบาะแสออกไป หวังให้มีการตรวจสอบจากทางแดนใต้ แต่มันกลับไม่นำพากับเรื่องนี้เท่าที่ควร จึงมีพิรุธอย่างยิ่ง เสียดายที่ยังไม่รู้ว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังในเหตุการณ์นี้ เพราะตัวมันเองไร้วิทยายุทธ์ ควรจะมียอดฝีมืออยู่เบื้องหลังอีก พวกท่านจึงควรยังคงลอบจับตาดูมันต่อไปก่อน”
ซุนฮกกล่าวต่อ “ส่วนซุนเซ็กนั้นถูกฆ่าตายในดินแดนเรา โดยอุยกายเป็นคนแรกที่พบศพ เราที่แฝงอยู่กับโจโฉกลับพบความผิดสังเกตในกลุ่มนี้ที่โจโฉ ตันกุ๋น และสองพี่น้องแฮหัว ซึ่งหายตัวไปหลายวัน ทั้งๆที่เป็นช่วงทำศึกสงครามอยู่ ครั้นพวกมันกลับมาถึง ก็ดูคึกคักยินดีอย่างยิ่ง จนข่าวการตายของซุนเซ็กมาถึง มันก็ไม่แปลกประหลาดใจใดๆ ทำให้ข้าเชื่อว่า เป็นการกระทำอำพรางของพวกมัน เพียงแต่ยังขาดหลักฐานมาประกอบเท่านั้นเอง แต่ที่แน่ๆก็คือ อุยกายมีปัญหาอย่างแน่นอนที่ปล่อยข่าวเท็จเช่นนั้น”
ซุนกวนใบหน้าซีดเผือดด้วยความแค้นใจ หากแต่จิวยี่ชิงปลอบ “พวกมันยังไม่ทันรู้ตัวว่ามีพิรุธ ทางที่ดี เราควรนิ่งเฉยไว้ก่อน ค่อยๆลิดรอนอำนาจทางการเมืองและการทหารของพวกมันให้หมดสิ้นก่อน แล้วจึงจัดการในภายหลัง จึงจะไม่สร้างความยุ่งเหยิงภายใน เพราะพวกพ้องของมันก็มากโขอยู่ ขอเพียงท่านสนับสนุนให้ถ่ายโอนอำนาจจากพวกมันมายังเราสอง ย่อมจะควบคุมสถานการณ์ได้ไม่ยาก"
ซุนกวนมองหน้าจิวยี่ และโลซก ต่อไปทั้งสองจะต้องกลายเป็นเสาหลักรุ่นใหม่ให้กับกังตั๋งแล้ว หากเตียวเจียว อุยกายล้วนเป็นตัวปัญหาจริงๆ “ท่านพี่จิวยี่จงยึดกุมด้านการทหารจากอุยกาย ส่วนท่านโลซกยึดกุมด้านการเมืองจากเตียวเจียว สนับสนุนเฉพาะคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนที่พวกอาวุโสทั้งหลายให้หมดสิ้น ข้าให้เวลาพวกท่านหนึ่งปี กำจัดเส้นสายพรรคพวกฝ่ายตรงข้าม แล้วอุยกาย เตียวเจียวจะต้องถูกเซ่นสังเวยให้ ท่านพ่อ และท่านพี่ของข้า”
จิวยี่กับโลซกรีบยกมือรับคำสั่งอย่างเป็นทางการ นี่คงเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการขุนนางของแคว้นกังตั๋งแล้ว
“สองคนนี้มีน้ำหนักต่อขุมกำลังเรามากโข ไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามเกินเลยไปนัก จงรับฟังคำปรึกษากันก่อนค่อยจัดการจริงจังในภายหลัง ก็ไม่สายเกินไป” ซุนฮกกล่าวเสริมคล้ายกำชับอีกครั้ง “ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อการทหาร และการเมืองเข้มแข็งแล้ว ยังมีปัจจัยการเงินที่ท่านควรเข้าไปดูแลให้มากเพื่อเป็นฐานกำลังสำคัญในอนาคต ตอนนี้ เกียวชวนเริ่มแก่ชราแล้ว ท่านควรเข้าไปจัดส่งทายาทรับช่วงสืบต่อไว้แต่เนิ่นๆ จึงจะดีงามกับทุกฝ่าย”
“เรื่องนี้ ข้าจะเข้าไปดูแลด้วยตนเอง รอให้ทุกอย่างราบรื่น เราค่อยจัดคนที่เหมาะสมไปดูแลต่อในภายหลัง” ซุนกวนกล่าวด้วยความมั่นใจ เพราะเรื่องเศรษฐกิจการค้าขายกลับเป็นเรื่องที่เขาถนัดที่สุด อีกทั้ง ด้วยสายสัมพันธ์ผ่านไต้เกี้ยว – เสียวเกี้ยวแล้ว เขากับเกียวชวนเป็นเสมือนญาติสนิท และอาจารย์ด้านการค้าขายมาเนิ่นนานหลายปีแล้ว
“ดีแล้ว ในเมื่อปัจจัยภายในแคว้นทั้งการทหาร การเมือง และการเงินเข้มแข็งมั่นคงแล้ว ก้าวต่อไปคือการรุกคืบสู่การรวบรวมแผ่นดินส่วนอื่น พวกท่านจงรอให้โจโฉ – อ้วนเสี้ยว ต่อสู้กันจนบาดเจ็บล้มตายกันก่อน ค่อยฉวยจังหวะสอดแทรกขึ้นมา ตัวข้าจะคอยยุยงให้ผู้ชนะปราบปรามดินแดนที่เหลือรอท่าไว้ก่อน จนกว่าจะถึงวันนั้น เราท่านค่อยสอดรับประสานกัน ทำลายผู้ที่เป็นใหญ่ให้หมดสิ้นในคราวเดียว ขอให้พวกท่านใจเย็น สร้างสมกำลังไว้รอคอยเถิด” ซุนฮกร่างแผนไว้ถึงอนาคตด้วยตัวมันสามารถเข้าถึงได้ทั้งโจโฉ – อ้วนเสี้ยว จึงอยู่ในสถานะที่เหมาะสมอย่างยิ่งแล้ว
แผนรอคอยเพื่อช่วงชิงนั้น เสมือนเป็นแม่แบบเดียวกันกับทุกๆขุมกำลังลับในขณะนั้น อันได้แก่ เครือข่ายสุมาของสุมาเต๊กโช พรรคฟ้าเหลืองของจูล่ง จนมาถึงพวกตระกูลซุน ก็คิดเห็นเช่นเดียวกันทั้งสิ้น ใครๆก็ไม่อยากก้าวขึ้นไปเป็นเป้าหมายให้ถูกจู่โจมก่อนทั้งสิ้น
แต่หากไม่มีใครยอมเสี่ยงแล้ว แผ่นดินจะรวมเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร นับว่า ผู้เหี้ยมหาญอย่างอ้วนเสี้ยว – โจโฉ หรือย้อนไปถึง ตั๋งโต๊ะ อ้องอุ้น ทั้งหลาย ต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่ง หรือไม่ก็ต้องโง่บัดซบยิ่งนักแล้ว
“สุดท้าย ข้ายังมีบุคคลหนึ่งจะขอแนะนำไว้กับพวกท่าน เพื่อเป็นกำลังสนับสนุนต่อไปในภายหน้า แต่จงปิดงำไว้เป็นความลับสุดยอด” ซุนฮกปรบมือสามครั้ง บุรุษหนุ่มในชุดชาวนา วัยเกือบสามสิบปี ท่าทางเข้มแข็งห้าวหาญ จึงเดินเข้ามาในห้อง
“มันคือ ม้าเฉียว บุตรของท่านม้าเท้งผู้ล่วงลับ ที่จริงแล้ว ม้าเท้งเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับท่านซุนเกี๋ยน และตระกูลม้าก็เป็นขุมกำลังลับให้กับตระกูลซุนมาเนิ่นนานตั้งแต่ชั้นบรรพบุรุษแล้ว เสียดายนักที่ท่านม้าอ้วนยี่ บิดาท่านม้าเท้ง ที่ปลอมปนเข้าไปแทรกซึมในพรรคฟ้าเหลืองตั้งแต่สมัยเตียวก๊กมีชีวิตอยู่ เกิดพลาดพลั้งถูกฝ่ายรัฐบาลสังหารตายในที่รบ ทำให้ขุมกำลังสกุลม้าต้องหลบหนีภัยสงครามออกไปนอกด่านหลายปี ครั้นเมื่อท่านม้าเท้งมีกำลังเข้มแข็งเพียงพอ จึงได้กลับเข้ามายึดเสเหลียง แทนที่ตั๋งโต๊ะ จนภายหลัง ท่านก็ถูกลอบสังหารโดยอ้วนเสี้ยว โจโฉไปเสียอีก อย่างไรก็ตาม พวกพี่น้องตระกูลม้ารุ่นต่อมาก็ยังเป็นพวกพ้องของเราต่อไปเช่นเดิม การที่ม้าเฉียวยังไม่ยกทัพ ออกมาแก้แค้นกับใคร ก็เป็นเพราะเราเองที่ห้ามปรามไว้”
ที่จริงแล้ว ครานั้น ซุนฮกเอง เป็นผู้วางแผนจัดฉากให้ม้าเท้งเข้าเมืองหลวง เพื่อให้มีโอกาสลอบสังหารอ้วนเสี้ยว และเข้ายึดครองแผ่นดินภาคเหนือแทน หากแต่แผนการผิดพลาด เพราะม้าเท้งประมาท นำกำลังคนมาน้อยเกินไป และเตียวคับบังเอิญเข้ามาแทรกแซง (ที่จริงแล้ว ยังมีจูล่งร่วมด้วยในเหตุการณ์ แต่อ้วนเสี้ยวไม่ได้เปิดเผยให้คนอื่นทราบ เพราะมีสัญญาใจกันอยู่ – ผู้เขียน) ทำให้ม้าเท้งต้องตายไปอย่างงมงาย แผนยึดครองภาคเหนือล้มเหลว แต่กลับไม่มีผู้ใดรับทราบแผนการเบื้องหลัง นอกจากม้าเท้งผู้ตาย และแน่นอนว่า ซุนฮกไม่ปริปากบอกใครให้เป็นภัยต่อตนเองในความผิดพลาดครั้งนั้น จึงโยนความผิดให้กับ โจโฉ อ้วนเสี้ยวไป
ซุนกวน จิวยี่ และโลซก ตกตะลึงถึงขุมกำลังแฝงของตระกูลซุน ที่แท้ฝังรากลึกมาอย่างยาวนานเช่นนี้ ตระกูลม้าทางภาคเหนือนั้นเลื่องชื่อเรื่องการรบการสงคราม ส่วนตระกูลซุนทางภาคใต้มั่นคงแข็งแกร่งด้วยเศรษฐกิจการค้าขาย ในยุคสมัยนี้ ย่อมเป็นที่ยอมรับกันว่าทั้งสองขุมกำลังเข้มแข็งเกรียงไกรยิ่งนัก ไม่นึกเลยว่าที่แท้ก็มาจากรากเหง้าเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การรวบรวมแผ่นดินแทนที่ราชวงศ์ฮั่น ย่อมไม่ใช่เรื่องเกินเอื้อมอย่างแน่นอน และเท่าที่ผ่านมา ขุมกำลังนี้ก็เคยมีการเคลื่อนไหวบ้างแล้ว แต่ยังไม่อาจบรรลุผลอย่างชัดเจนเท่านั้น
“แผนไต่บันไดเมฆนี้ เพียงแค่รอจังหวะเวลาเท่านั้น แล้วข้าจะเป็นห่วงโซ่สัมพันธ์ในการแจ้งกำหนดการให้ทราบเมื่อถึงเวลาอันสมควร” ซุนฮกกล่าวสรุปทิ้งท้าย “ซุนกวนหลานเรา รักษาตัวด้วย เจ้าคือทายาทตระกูลซุนคนเดียวที่ยังใช้การได้แล้ว”
ค้างคาวที่เดียวดาย ที่แท้กลับเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องราวมากมาย ราวกับเป็นห่วงประสานเชื่อมโยงไปตามข้อต่อกลไกต่างๆมากมาย ต่อไป ตระกูลซุน - ม้า เพียงตระเตรียมความพร้อม และรอคอยสัญญาณจากซุนฮกเท่านั้น
เครือข่ายตระกูลซุนที่มีกุนซือชั้นดีอย่างซุนฮก ขุนพลผู้ปราดเปรื่องระดับจิวยี่ ขุนศึกผู้เกรียงไกรอย่างม้าเฉียว ขุนนางมีฝีมือเช่นโลซก นับเป็นขุมกำลังที่เพียบพร้อมสมบูรณ์ยิ่งนัก ยังไม่นับรวมถึงบุคคลลึกลับกลุ่มคนเล่นพิณทั้งสาม และเครือข่ายใต้ดินของซุนแจ้ง ผู้นำตระกูลอีกด้วย เพียงแต่ซุนกวน ผู้นำหนุ่มน้อยจะสามารถนำพาให้ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่เท่านั้นเอง
…
ห้องลับว่างเปล่า พวกซุนกวนและม้าเฉียวล้วนจากไปสิ้น หลงเหลือเพียงซุนฮกที่แอบรั้งรออยู่ เพื่อเข้ามาในห้องลับอีกแห่งหนึ่งที่มีกลุ่มของคนเล่นพิณ และบังเต๊กกง ประมุขหุบเขา นั่งล้อมวงกันอยู่
ซุนฮกคล้ายคุ้นเคยกับพวกสำนักหุบเขาปีศาจอยู่แล้ว จึงเริ่มบทสนทนา “บังเต๊กกง ศิษย์ของเจ้านับว่าไม่เลวเลย เพียบพร้อมทั้งบุ๋นทั้งบู๊ ป่านนี้ คงได้รับการฝึกฝนเป็นการส่วนตัวไม่น้อยแล้วกระมัง”
บังเต๊กกงคารวะไม่ตอบคำ ปล่อยให้กุนซือค้างคาวหันไปพูดคุยกับคนเล่นพิณแทน “ท่านพี่ คงต้องเร่งกำชับให้หุบเขาละทิ้งอดีตฝึกฝนกองทัพลับให้พร้อมอีกกลุ่มหนึ่ง หลังจากศึกตัดสินระหว่างอ้วนเสี้ยวกับโจโฉ สมควรจะถึงเวลาลงมือของพวกเราแล้ว”
“ช้าก่อน” ซินแสผิวดำที่เงียบเสียงมานาน รีบทักท้วง “ฤกษ์ยามยังไม่มาถึง ไม่ต้องรีบร้อนเกินไป”
ซุนฮกตาเขียวที่ถูกคัดค้านจากหมอดูนักทำนาย “สติปัญญาคนคือลิขิต จะมัวรอคอยดวงดาวอันใดให้มากความ ท่านก็เอาแต่ยกเรื่องพรรค์นี้มากล่าวอ้างอยู่เรื่อย”
นักทำนายขยับจะตอบโต้อีก ทำให้คนเล่นพิณต้องรีบห้ามทัพ “เอาเถิด น้องเรา เมื่อถึงเวลาสุกงอมแล้ว พวกเราค่อยมาว่ากล่าวกันก็ได้ แล้วข้าจะเป็นคนตัดสินใจเอง”
ทั้งหมดจึงยุติเรื่องราวไว้เพียงแค่นี้ คงมีแต่ซุนฮกที่แอบเก็บความเจ็บปวดภายในสมองเอาไว้ ไม่กล้าให้คนอื่นล่วงรู้จุดเปราะบางของตนได้อีก แต่ดูเหมือนจะไม่รอดพ้นสายตาของบังเต๊กกงไปได้
…
ในขณะที่ขุมกำลังตระกูลซุนหรือสำนักหุบเขาปีศาจในอดีตกำลังเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ พรรคฟ้าเหลืองที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นขุมกำลังลับสัตตดารากลับมีทิศทางที่ตรงกันข้าม เพราะประสพแต่ความล้มเหลวติดต่อกันหลายครั้งที่ผ่านมา
การประชุมลับของขุมกำลังสัตตดารา คราก่อนเคยมีอยู่หกเจ็ดคน ในยามนี้กลับหลงเหลือเพียงจูล่ง เตียวเจียว เตียวเลี้ยว เตียวคับ เพียงสี่ดวงดาราเท่านั้น เตียวหุยทรยศ เตียวสิ้วตาย เตียวเสี้ยนเป็นหญิงข้างกายโจโฉ ไม่สะดวกในการเคลื่อนไหว และเตียวล่อที่จงใจไม่เข้าร่วมประชุมมาหลายครั้งแล้ว
“เตียวล่อ นับวันก็ยิ่งมีปัญหาเยอะ ข้ากังวลถึงความภักดีจริงใจกับพวกเราบ้างแล้วจริงๆ” เตียวเจียวในฐานะมันสมองใหญ่ กล่าวเปิดประชุม “คราก่อน หากมิใช่จนตรอกต่อแรงกดดันของพวกตระกูลม้า คงขาดการติดต่อไปนานแล้ว”
“ตัวท่านกับท่านอาเตียวสิ้ว เตียวล่อ ล้วนเป็นผู้อาวุโสพรรค ร่วมต่อสู้ฝ่าฟันก่อตั้งพรรคฟ้าเหลืองกันมาตั้งแต่สมัยท่านพ่อมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ ความจงรักภักดีดั้งเดิมไม่น่าเป็นห่วง แต่กาลเวลาอาจจะกัดกร่อนน้ำใจผู้คน ท่านอาเตียวล่อเป็นเจ้าเมืองใหญ่อยู่สุขสบายจนเคยชิน อาจจะทอดทิ้งพวกเราแล้วจริงๆ” จูล่ง ผู้นำก็มีความเห็นคล้อยตามเช่นกัน “ยินว่า บัดนี้ ข้างกายท่านยังมีสี่องครักษ์พระกาฬที่เป็นยอดฝีมือชนเผ่านอกด่าน คอยดูแลอารักขาตลอดเวลา อาจจะเป็นการป้องกันพวกเรากันเองด้วย”
“สี่องครักษ์พระกาฬนับเป็นตัวกระไร เพียงพวกเราคิดลงมือสังหาร มีหรือจะขัดขวางพวกเราได้” เตียวคับเพิ่งปะทะกับยอดฝีมือจากนอกด่านเมื่อไม่นานมานี้ จึงไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก
“น้องเราไม่อาจกล่าวเช่นนั้น ท่านอาเตียวล่ออาศัยอยู่ในเมืองฮันต๋ง ย่อมคบหายอดฝีมือชนเผ่าอยู่มากมาย การที่สี่องครักษ์ที่เป็นลูกศิษย์ร่วมสำนักกัน สามารถไต่เต้าขึ้นมาอยู่แถวหน้าได้ทั้งสี่คน ย่อมสมควรมีวิชาเก่งกาจไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่” เตียวเลี้ยวกลับไม่กล้าประมาทฝีมือฝ่ายตรงข้าม
เตียวคับทำเสียงเฮอะฮะไม่พอใจ ในขณะที่เตียวเจียวพยายามเปลี่ยนเรื่อง “เตียวล่ออยู่ห่างไกล มีความผูกพันกับพรรคมานาน ยังไม่ค่อยน่าเป็นห่วงนัก กลับเป็นฌ้อเอี๋ยน (ชื่อเดิมของเตียวเอี๋ยน) โจรป่าที่เปลี่ยนนายเป็นว่าเล่นต่างหาก บัดนี้ มันถือกำลังพลทางเหนือ ซึ่งเป็นกองทัพกลุ่มสุดท้ายของพวกเราเอาไว้ที่มณฑลเปงจิ๋วส่วนเหนือ และอาจจะหวาดหวั่นต่อขุมกำลังอ้วนเสี้ยว จนคล้อยตามเข้าร่วมไปในที่สุด”
จูล่งทั้งสามคิดหนักในประเด็นนี้ เพราะไม่เห็นหนทางในการขัดขวางเตียวเอี๋ยนเลย นอกจากการบุกสังหารชิงอำนาจแทน จูล่งจึงเสนอว่า “ถ้างั้นให้เตียวคับที่แฝงตัวอยู่กับอ้วนเสี้ยว หาทางไปเกลี้ยกล่อมมันไว้ก่อน หากเห็นท่าไม่ดี ก็ยึดอำนาจชิงกองทัพมาไว้ในมือเสียก่อนเลย”
เตียวเจียวพยักหน้าเห็นพ้อง ประเด็นต่อไปจึงถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณา โดยจูล่ง “ทางด้านเตียวหุย คนทรยศ ไม่มีทีท่าจะล่วงรู้ว่า มันครอบครองขุมทรัพย์พรรคฟ้าเหลืองอยู่ แต่ตัวมันอาจจะมีเบื้องหลังความเป็นมา หรือพวกพ้องอีกพอสมควร เราจึงยังคงคิดว่า จับตาดูมันไปก่อน หากมีจังหวะดี เราค่อยลงมือตามสถานการณ์เอง”
เตียวเจียวจึงเสริมขึ้น “หากเป็นเช่นนั้น จงปล่อยเรื่องที่ซ่อนขุมทรัพย์ให้เป็นความลับไปก่อน อย่าเพิ่งหยิบยกให้เป็นประเด็นเผยแพร่ออกไปเลย”
ทั้งสามรับคำ เตียวเลี้ยว เตียวคับเอง ที่จริงก็ยังไม่ล่วงรู้รายละเอียดอันใดเลยเช่นกัน ได้แต่พยักหน้าตามๆกันไป
“สุดท้าย คือ เตียวเสี้ยน ที่เข้าไปอยู่ข้างกายโจโฉแล้ว ยังดีที่มีเตียวเลี้ยวอยู่คอยช่วยเหลือ และตัวนางเองก็มีความสามารถพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ น่าจะพอเอาตัวรอดได้สบาย” จูล่งกล่าว “แต่เราเองกลับเกรงว่า ถ้าอ้วนเสี้ยวได้ชัย นางอาจจะพลอยมีอันตรายไปด้วย หรือว่า...”
“ท่านไม่ต้องเป็นห่วงกังวลในเรื่องนั้น ไม่ว่าอ้วนเสี้ยวหรือโจโฉจะได้ชัยในการศึกกัวต๋อ ก็ต้องใช้เวลายาวนานในการผสานขุมกำลังและดินแดนสองฝ่ายเข้าด้วยกัน คงไม่หักหาญทำร้ายผู้คนให้วุ่นวายเหมือนเมื่อในอดีต เตียวเสี้ยนอยู่ในตำแหน่งที่ดี อาจจะกลายเป็นหมากสำคัญต่อไปในอนาคตเสียด้วยซ้ำ” เตียวเจียวอธิบาย
“แล้วตัวท่านเองที่อยู่ในกังตั๋ง จะปลอดภัยดีหรือไม่ เพราะตัวท่านก็มีส่วนพัวพันอยู่ในคดีการตายของซุนเกี๋ยนด้วยบางส่วน ระวังเสือหนุ่มจะทำร้ายท่านอย่างกระทันหันเอาได้” จูล่งกล่าวเป็นห่วงต่อกุนซือคนเดียวในกลุ่ม “หรือว่า ให้ท่านโยกย้ายออกมาอยู่กับขุมกำลังอื่น อาจจะปลอดภัยมากกว่า”
“ไม่ต้องดอก สถานะเตียวเจียวในแดนกังตั๋งค่อนข้างมั่นคงปลอดภัยดีอยู่ พวกตระกูลซุนเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสนใจ ไม่ควรละเลยไปก่อนเวลาอันควร หากเราคาดเดาไม่ผิด ผู้ชนะของศึกกัวต๋อ ย่อมจะมุ่งหน้ากวาดล้างไปทางดินแดนตะวันออกและใต้ให้ฝั่งขวาของแผ่นดินเป็นอาณาจักรเดียวกัน ดังนั้น การที่เรายังคงอยู่ในฝ่ายซุนกวน ย่อมจะเกิดผลดีต่อพวกเรา ไม่เร็วก็ช้าเท่านั้น” เตียวเจียวรีบกล่าวห้ามปราม
“เพียงแต่พวกเราสมควรจะสงวนท่าทีเอาไว้ให้มาก การสูญเสียกองทัพลับที่แทรกซึมในหลายหัวเมืองเมื่อคราวก่อน ทำให้กำลังพลของพรรคฟ้าเหลืองยิ่งอ่อนแอลงไปมากนัก แนวทางการแทรกซึมของขุมกำลังสัตตดาราอาจจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบไปบ้างเล็กน้อย”
จูล่งทั้งสามพยักหน้าเห็นด้วย เตียวเจียวจึงสาธยายต่อ “ท่านทั้งสามล้วนเป็นขุนพลมีชื่อ จงอาศัยข้อได้เปรียบนี้แฝงกายอยู่ในขุมกำลังหลัก สร้างความคุ้นเคยเชื่อถือ จนสามารถมีกองกำลังในมือให้มากเข้าไว้ รอวันที่สามารถระดมพลมารวมตัวก่อการชิงอำนาจในจังหวะโอกาสที่เหมาะสม เรื่องนี้ พวกท่านจงรับไปแจ้งต่อพรรคพวกที่เหลือให้รับรู้ไว้ด้วย”
แผนไต่บันไดเมฆาของตระกูลซุนกำลังเข้าสู่ยุครุ่งเรืองรุ่งโรจน์ หากแต่แผนของพรรคฟ้าเหลืองทำได้เพียงแค่ประคองตัวให้อยู่รอดเสียแล้ว โดยที่เตียวเจียวก็ไม่ล่วงรู้ว่่า ตอนนี้ ตนเองกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายรอกำจัดของฝ่ายตระกูลซุนเสียแล้ว
…
ณ ใจกลางทุ่งหญ้าทะเลทรายอันกว้างใหญ่นอกด่าน เฒ่าเนินทราย ฮูฉูเฉียนจัดกองทัพต้อนรับพี่ชายร่วมสาบาน เฒ่าหินผา เซ็กเหียน อย่างสมศักดิ์ศรี จนแทบไม่เชื่อว่า เซ็กเหียนเพิ่งแตกทัพเสียฐานที่มั่นใหญ่ของเผ่าซงหนูให้กับเผ่าโกกุเรียวจนสูญเสียราชินีบุปผาทะเลทราย ผู้เป็นปราชญ์หญิงไปเมื่อไม่นานมานี้
เปลือกนอก ผู้นำเซ็กเหียนยังคงดูเปราะบาง อ่อนไหว สูญเสียความมั่นใจลงไปเรื่อยๆ ขัดแย้งกับฮูฉูเฉียนที่เข้มแข็งหนักแน่นดั่งเทพเจ้านักรบแห่งซงหนูไปแล้ว แต่เฒ่าเนินทรายรับรู้แก่ใจว่า แผนการของพี่ร่วมสาบานลึกซึ้งอย่างยิ่ง และเลือดเย็นเพียงใด
นับจากคดีลอบสังหารกองซุนตู้ครั้งนั้น เซ็กเหียนตระหนักถึงขุมกำลังใหม่ที่กำลังก่อตัวบนดินแดนเหลียวตง คุกคามชนเผ่าพเนจรโดยตรง จึงแสร้งทำตัวอ่อนด้อย ลดทอนบารมีอิทธิพล อันสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ขู่ขวัญ ทิ้งให้ฮูฉูเฉียนออกหน้าค้ำจุนเผ่าเพียงลำพัง เพื่อลดทอนแรงกดดันที่อาจจะเกิดขึ้นต่อเผ่าซงหนู
เป็นดั่งที่คาดคิด ภายในเวลาสองปี เผ่าอื่นๆก็เร่ิมมีความเปลี่ยนแปลงให้เห็น เผ่าอูหวน ผู้นำตงหวงเกิดเหตุขัดแย้งกันกับกลุ่มนายทหารอย่างหนัก จนถูกเป๊กตุนคู่หูชิงบัลลังก์ ตงหวงหายสาบสูญ ส่วนเผ่าเซียนเปย ผู้นำทัวปาลี่เวยก็บาดหมางกับม่อหยงเว่ยจนกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมาต่อกัน ภายในแบ่งแยกเป็นสองกลุ่ม อิสระต่อกัน ซึ่งล้วนเป็นการลดทอนอิทธิพลของขุมกำลังชนเผ่าทุ่งหญ้าลงทั้งสิ้น
เซ็กเหียนเชื่อมั่นว่า การแทรกแซงเช่นนี้ ย่อมสืบเนื่องมาจากความเสื่อมโทรมของราชวงศ์ฮั่น ดินแดนหลักที่อยู่บริเวณใกล้เคียง จนก่อให้เกิดผลกระทบแผ่ขยายออกมารอบนอก อาจจะมีบางกลุ่มการเมืองอาจต้องการสร้างฐานที่มั่นตามตะเข็บชายแดนที่เปราะบางและห่างไกลความวุ่นวาย เพื่อรอคอยก่อการใหญ่ในภายหลัง
ดังนั้น เซ็กเหียนจึงไม่ยอมนิ่งเฉย พาลก่อกวนน้ำให้ขุ่นมัวยิ่งขึ้น มันจึงทิ้งเปลือกนอกที่อ่อนด้อยไว้เป็นเกราะกำบัง หลอกล่อผู้คนให้หลงเชื่อ แต่ตัวตนที่แท้จริงกลับลอบเข้าไปสร้างมรสุมลูกใหญ่ที่ใจกลางวังวนแห่งอำนาจบ้าง
สิบกว่าปีที่ผ่านมา เฒ่าหินผาจึงเปลี่ยนแปลงรูปโฉมปะปนเข้าไปเป็นจารชนในกลุ่มก้อนต่างๆ เช่น บทบาทของกุนซือไร้นามที่อยู่กับอ้วนสุดผู้เหิมเกริมแห่งลำหยง จนถึงจุดสิ้นสุดของกษัตริย์ต๋องซือ และยังแอบชี้แนะผู้เฒ่าโจโก๋แห่งกองกำลังกุนจิ๋วในช่วงเริ่มต้น เพื่อสานต่อวลีเด็ดที่ว่า “รวมกลุ่มจ้าวนคร รุมล้อมเมืองหลวง” เป็นอาทิ
หากแต่เซ็กเหียนมิได้หยุดยั้งเพียงแค่นั้น ดินแดนโกกุเรียวที่เคยรามือจากการบุกฝั่งตะวันตก หันกลับไปจัดการกับอาณาจักรคู่ปรับ แพกเจ ซิลลา ทางตะวันออก อยู่หลายปี คล้ายจะได้บทสรุปชั่วคราว เพราะโกกุเรียวเหมือนพึงพอใจที่มีอิทธิพลบารมีเหนือกว่าสองเผ่าเล็ก การรุกคืบต่อไปอาจจะไม่คุ้มค่าต่อการสูญเสียกำลังพลอีก
เมื่อพิจารณาตัวผู้นำแดนโกกุเรียว อ๋องโคกุกซอนผู้สูงวัยเจ็บป่วยตามอายุขัยมาแล้วสักระยะหนึ่ง และกำลังจะยกบัลลังก์ให้กับรัชทายาทซันซังที่ยังหนุ่มแน่น และกระหายสงคราม ผลงานศึกที่ซันซังเคยมีกับเผ่าอูหวนเมื่อหลายปีก่อนเป็นเพียงก้าวแรกของการแผ่ขยายอำนาจเหนือดินแดนเหลียวตงอีกครั้ง ทำให้มันจึงจำเป็นต้องวางหมากลับไว้ข้างตัวเป้าหมายคนใหม่ เพื่อรักษาเผ่าซงหนูเอาไว้ก่อน
นางซัวบุ้นกีจึงกลายเป็นเพชรน้ำงามที่มันค้นพบ เพราะทางหนึ่ง ซันซังคลั่งไคล้ศาสตร์ฮั่น และอีกทางหนึ่ง รัฐบาลฮั่นย่อมไม่อาจละเลยปราชญ์หญิง มันจึงจัดฉากครั้งใหญ่และหวังว่า ศึกชิงนางระหว่างโกกุเรียวกับฮั่นคงจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 2 - ปักษีครองอุดร
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย