10 มี.ค. 2021 เวลา 02:08 • นิยาย เรื่องสั้น
2.20. เด็ดปีกนกกระสา
สามทายาทกิจิ๋ว อ้วนซง อ้วนถำ อ้วนฮี
ในช่วงเวลาคับขัน ขุมกำลังต่างๆเริ่มต้นเคลื่อนไหวเป็นการใหญ่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตนเองตั้งไว้ และสอดคล้องกันกับวัตถุประสงค์ของหน่วยงานต้นสังกัด
เริ่มจากกลุ่มกุนซือหลักในสังกัดฝ่ายรัฐบาล กุนซือเต่าสมถะ สุมาอี้เดินทางไกลขึ้นเหนือด้วยม้าเร็วตามลำพัง ผ่านด่านกำแพงใหญ่ เลียบลัดทะเลทราย มุ่งหน้าสู่ดินแดนโกกุเรียว ด้วยเส้นทางลัดที่คุ้นเคย ทำให้ใช้เวลาไปไม่มากนัก เพียงไม่กี่วัน ก็บรรลุถึงเขตแดนของชนเผ่าต่างถิ่นแล้ว
สถานะของคนแซ่สุมาเป็นที่ต้อนรับของเผ่าโกกุเรียวอยู่แล้ว ทำให้สุมาอี้สามารถเข้าถึงตัวอ๋องซันซังได้ไม่ยากเย็น และยื่นข้อเสนอที่ท่านอ๋องไม่อาจปฏิเสธได้
ดังนั้น อ๋องแห่งโกกุเรียวจึงประกาศเรียกประชุมทหาร “เตรียมทัพใหญ่สิบหมื่นโดยเร็ว เราจะไปทำความรู้จักกับสหายใหม่ที่ด่านกำแพงใหญ่สักครา”
กุนซือเงาปีศาจ กาเซี่ยงรับคำสั่งอนุมัติอยู่ที่เมืองหลวง ในใจนึกยินดีปรีดา เพราะแผนการลับที่มันวางไว้ น่าจะสอดรับกับการบุกจู่โจมในครั้งนี้ได้เป็นอย่างดีแล้ว เมื่อพบเห็นกองทัพร้อยหมื่ีนล่มสลายไปตรงหน้า นกกระสาเองก็คงหวั่นไหว แล้วการล้างแค้นให้กับพี่น้องที่ตายไป คงสำเร็จได้ในไม่ช้า
“เตรียมตัวถึงจุดจบได้แล้ว อ้วนเสี้ยว เจ้านกกระสา คนทรยศ” กาเซี่ยงหรือกระตั้ว ร่ำร้องภายในใจ มันยังต้องเร่งรีบทำเวลามากกว่าปกติสักหน่อย เพราะยังมีภารกิจลับรอคอยอยู่อีกแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะย้อนกลับไปรายงานตัวต่อโจโฉในภายหลัง
กษัตริย์เหี้ยนเต้รับฟังคำเพ็ดทูลจากกาเซี่ยงที่ท้องพระโรง ประกาศต่อให้อาลักษณ์จัดการตามประสงค์ พลางสบตากับสมุหนายกฮกอ้วนที่พยักหน้าสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล “ราชอำนาจกลับคืนสู่องค์ฮ่องเต้ ราชโองการถึงเจ้าเมืองล้วนเป็นไปตามพระประสงค์ขององค์ราชันย์ บัญชาให้มหาอุปราชปราบขบถแดนเหนือ”
กุนซือค้างคาว ซุนฮก แม้เป็นสายลับสองหน้าให้อ้วนเสี้ยวอยู่ แต่ไม่อาจออมมือละเว้นให้เสียงานใหญ่ จึงไม่รอคอยพระราชโองการอภัยโทษจากเมืองหลวง มองเห็นการกระทำเป็นเจตนารมย์ จึงร่างจดหมายถึงเล่าปี่และม้าเฉียวคนละฉบับ ชี้แจงคุณโทษต่อการร่วมมือกับคนชั่วปล้นแผ่นดิน และสั่งการให้เข้าร่วมทำศึกประสานสามเส้ากับอ้วนเสี้ยวตามเวลาที่นัดหมาย
สำหรับม้าเฉียว เนื้อหานั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่นัยยะของหนังสือที่ส่งให้ คือสัญญาณให้ม้าเฉียวพันธมิิตรรับรู้โอกาสในการล้างแค้นให้กับม้าเท้ง บิดาของตนเองแล้ว จึงเตรียมกองกำลังเงาหิมะที่บัณฑิตคิ้วขาว ม้าเลี้ยงสร้างขึ้น เอามาทดลองใช้ในการออกศึกใหญ่เป็นครั้งแรก
สำหรับเล่าปี่ จดหมายสั่งการกลับส่งผลแตกต่างกัน เมื่อพวกเล่าปี่ได้รับทราบเนื้อหาแล้ว กวนอูไม่มีความคิดเห็นอันใด แต่เตียวหุย จูล่ง ประสานเสียงให้เชื่อมั่นในพันธมิตรอ้วนเสี้ยวต่อไป ทำให้เล่าปี่ลังเลใจ
แต่สุดท้าย เล่าปี่ก็นึกออก ให้กวนอู จูล่งจัดเตรียมทัพยกไปตามเวลานัดหมาย แต่ให้แสร้งชะลอดูท่าทีก่อน หากเห็นว่าฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำ ฝ่ายใดได้เปรียบ ค่อยลงมือแสดงท่าทีอย่างชัดเจน เพื่อสนับสนุนฝ่ายที่ชนะ
ดังนั้น กองทัพสนับสนุนสองฝ่ายสองทิศทางจากเมืองเสเหลียงและชีจิ๋ว จึงเตรียมพร้อมเคลื่อนทัพเข้าสู่สมรภูมิสงครามกัวต๋อแล้ว
กุนซือ ตันกุ๋น ปกติไม่มีสมญานาม หากแต่ตามท้องตลาดหลังจากเกิดเหตุการณ์ขบถพิทักษ์ฮั่นในเมืองหลวง กลับมีคนเรียกหาเป็นกุนซือจอมโหดโดยไม่มีที่มา แต่โจโฉกลับชอบใจ เรียกหาล้อเล่นกับตันกุ๋น สหายเก่าจนติดปากไปด้วย
ตันกุ๋นรั้งอยู่ที่กองทัพใหญ่ อาสาฝึกฝนกระบวนทัพเกลียวคลื่น พัฒนาจากกระบวนทัพเดิม ต้องคลุกคลีอยู่กับพวกแม่ทัพนายกองบ่อยครั้ง จึงพลอยรับอาสาดูแลงานประดิษฐ์เครื่องยิงก้อนหิน และฝึกซ้อมกำลังพลพร้อมกันไปด้วย
ตันกุ๋นเป็นสายลับสองหน้าให้กับเครือข่ายสุมา ย่อมล่วงรู้วิธีการสอบถามจากป้อเอี๋ยน เจ้าของความคิด หากมีข้อสงสัยติดขัดประการใดในการจัดทำ สุดท้าย ผลงานสิ่งประดิษฐ์ของสุมาอี้ ก็จะมีชื่อมันปรากฏอยู่ด้วย จึงเป็นสถานการณ์ที่ดีต่อคนทั้งสอง
ข้ามสายมาทางด้านทายาทมังกรบ้าง กิเลนพิสดาร ตันฮก เสนอแผนการไว้สามเรื่อง บัดนี้ รู้สึกหนักใจอยู่บ้าง ยังดีที่ พยัคฆ์คะนอง ป้อเอี๋ยนว่่างอยู่ จึงอาสาช่วยเหลือแบ่งเบาภาระให้เรื่องนึงแทน
ตนเองจึงปลอมตัวปะปนอยู่ในกองทัพสกุลอ้วน สังเกตพฤติกรรมของแม่ทัพสามคน เป็นอ้วนถำ อ้วนฮี กับอ้วนซง ขุนพลสองคน เป็นสิมโพย กับเตียวคับ และที่ปรึกษาสองคน เป็นกัวเต๋า กับซินผี
หลังจากสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด ตันฮกพบว่า เตียวคับเป็นขุนพลนักรบที่มีวินัยเคร่งครัด ยากจะหาจุดอ่อนช่องว่างให้ทำลายได้ แต่ความแตกแยกของสามพี่น้องกลับมีหนทาง สามารถจัดการผ่านกัวเต๋า ซินผี และสิมโพย คนใกล้ตัวที่หมางเมินใส่กันจนวงสนทนาแตกเมื่อวันก่อน นี่เอง
ขุนพลสิมโพยมีความสามารถทั้งบุ๋นทั้งบู๊ เป็นเหยื่อที่ยากจะจู่โจม เป้าหมายของตันฮกจึงมุ่งสู่กัวเต๋าและซินผี สองกุนซือข้างกายอ้วนถำกับอ้วนฮี ตันฮกจึงเริ่มใส่ไฟปล่อยข่าว สองกุนซือกล่าวหากันว่าอีกคนตกลงใจเข้ากับโจโฉแทน สร้างประเด็นไส้ศึกจารชน ซึ่งเป็นเผือกร้อนประจำขุมกำลังอ้วนเสี้ยวมาโดยตลอด
อ้วนเสี้ยวเรียกหาตัวคนทั้งสองมาสอบสวนอย่างเคร่งเครียด แม้สุดท้ายจะยังปล่อยตัวไปไม่เอาผิด แต่ทั้งสองพาลคิดทึกทักเอาว่าเป็นฝีมือการฟ้องนายขายเพื่อนของฝ่ายตรงข้าม หรือสิมโพยที่ร่วมวงสนทนากันคราวก่อน ไปเสียอีกจนได้
รอยแตกร้าวระหว่างกองทัพซ้าย-ขวา-หลัง นับวันจึงยิ่งแผ่ขยาย ลุกลามไปจนถึงแม่ทัพนายกอง และกำลังพลที่อยู่ในสังกัด จนสุดท้าย ก็กลายเป็นกระแสชิงชังบาดหมางกันระหว่าง ทหารเมือง-ทหารรับจ้าง-ทหารพันธมิตรชนเผ่าไปอีกชั้นหนึ่ง
หงส์ผงาด บังทอง รับอาสาเรื่องการวางยาพิษ ปะปนเข้ากองทัพเช่นกัน จึงอาศัยช่องว่างของความบาดหมางชิงชังต่อกันนั้น แทรกซึมเข้ามาถึงฝ่ายเสบียง เสาะหาลำธารหลักที่ใช้ดื่มกิน และฝังขวดยาพิษที่มีลงไปจนหมดสิ้นให้ยาพิษค่อยๆซึมซับออกมาสัมผัสสายน้ำ กลายเป็นพิษตกค้าง มหันตภัยครั้งใหญ่ต่อชีวิตมนุษย์ละแวกนั้น
อันที่จริง ยาพิษร่ำไห้หดหู่นั้น มีสรรพคุณรุนแรงยิ่งนัก ปกติ เพียงไม่กี่หยดก็สามารถก่อกวนผู้คนได้ทั้งกองทัพ แต่บังทองเกรงว่า กระแสน้ำในลำธารจะพัดผ่านเจือจางตัวยา จึงฝังยาพิษทั้งขวดลงไป ดังนั้น แทนที่ตัวยาจะออกฤทธิ์แค่มึนงง ทำลายประสาทรับรู้ เป็นการชั่วคราว กลับทำให้ลำธารติดพิษไปหลายเดือน และทำให้ผู้คนที่ดื่มกิน เกิดอาการเรื้อรัง บัดเดี๋ยวงุนงงเซื่องซึม บัดเดี๋ยวคลุ้มคลั่งฆ่าฟัน แต่พอผ่านไปหลายชั่วยามค่อยคืนสติ แล้วกลับไม่ล่วงรู้ว่ากระทำอะไรออกไป
เนื่องจากอาการติดพิษไม่ได้ออกฤทธิ์รุนแรงในทันที กองทัพจึงไม่ทันยับยั้ง กลับปล่อยให้ทหารเลวมากมายดื่มกินต่อไป จนภายหลังเกิดแสดงอาการผิดปกติ สร้างความโกลาหลแตกตื่นไปทั้งกองทัพ และหมู่บ้านใกล้เคียง
แม่ทัพนายกองลองสืบค้นหาสาเหตุ กลับรับรู้เรื่องราวเล่าขานของตำนานหุบเขาต้องห้ามกับเซียนผู้วิเศษที่ดุร้าย ซึ่งอยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของเทือกเขา นำมาปะติดปะต่อกันได้อย่างลงตัวตามความเชื่อด้านเวทย์มนต์คุณไสย
ที่แท้ หุบเขาอาถรรพ์กลับอยู่คนละฟากฝั่งกับเนินผารอยจารึกเฉลิมพระเกียรติของกษัตริย์ฮั่นอูตี้โดยบังเอิญ ทำให้แต่ละคนไม่กล้ารายงานตามความเป็นจริงเชิงไสยศาสตร์ เสแสร้งระบุว่า เป็นเพียงกลุ่มทหารเมาสุราอาละวาดใส่กัน
พยัคฆ์คะนอง ป้อเอี๋ยน เตรียมออกเดินทางไปช่วยเหลือเขาฮิว หงส์ผงาด บังทองกลับมา พอดีทราบเรื่อง จึงอาสาไปด้วยกันอีกคน เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ไปในตัว
ทั้งสองปิดหน้าอำพรางตัว ลอบเข้าสู่คุกหลวงเมืองกิจิ๋ว พบเห็นเตียนห้อง จอสิว เขาฮิว สามกุนซือหลัก ถูกส่งมาจับขังคุกร่วมกัน กลับยากจะหาคำอธิบาย หากลำเอียงช่วยเหลือเฉพาะเขาฮิวออกไปตามลำพัง คนสายกุนซือน่าจะดูพิรุธออก
บังทองหัวไวใจเหี้ยม คิดอุบายปลอมเป็นนักฆ่าในสังกัดอ้วนเสี้ยว แสร้งสังหารเตียนห้อง จอสิวไปก่อน ป้อเอี๋ยนจึงรับมุกต่อ หันมาลงมือกับเขาฮิว แต่แสร้งแทงไปด้านข้างลำตัวให้ไม่ถูกจุดสำคัญ แล้วพูดดังๆให้ได้ยินใจความ “ทิ้งซากศพไว้ที่นี่ พวกเรายังต้องรีบกลับไปดูแลเสบียงหลักของกองทัพที่ตำบลอัวเจ๋ากันต่อ”
สองมือสังหารจากไปแล้ว ยังทิ้งช่วงดูเหตุการณ์อีกสักครู่ เขาฮิวจึงค่อยๆคืบคลานลุกขึ้น มองดูซากร่างของสองกุนซือที่ตกตายไร้ความผิด นึกขอบคุณสวรรค์ที่รอดพ้นจากบ่วงมรณะโดยบังเอิญ และหลบหนีไปหาโจโฉสหายเก่า พร้อมข่าวสำคัญที่สามารถทำให้ตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น
จากการบ่อนทำลายของกลุ่มทายาทมังกร และเหล่ากุนซือหลักของโจโฉ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์หน้าไหน อ้วนเสี้ยว จอมทัพผู้ทรงอำนาจด้วยกองทัพร้อยหมื่น จึงได้รับข่าวร้ายอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ข่าวย่อยของคนไม่กี่คน ไปจนถึง ข่าวใหญ่ระดับกองทัพนับหมื่น
ข่าวปลีกย่อย ย่อมเป็นเรื่องที่กุนซือเตียนห้อง จอสิว ถูกสังหารตายไปในคุกหลวง และเขาฮิวหายสาบสูญไป ยินว่า เป็นฝีมือคำสั่งประหารของตนเอง ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด เห็นที กองทัพจะถูกแทรกซึมจากฝ่ายตรงข้ามเสียแล้ว แต่ยังดีที่มันได้ป้องกันเรื่องราวไว้บ้างแล้ว
ข่าวระดับกลาง คือ กำลังพลของอ้วนถำ อ้วนฮี กับ อ้วนซง ยังเกิดผิดใจ หันมาทะเลาะบาดหมางกันเองด้วยปัญหาเรื่องเชื้อชาติ จนเกิดการบาดเจ็บล้มตาย กระเทือนต่อขวัญกำลังใจของกองกำลังส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพวกกองทัพพันธมิตรต่างแดนที่อยู่ในสังกัดอ้วนฮีเป็นหลัก
ข่าวใหญ่ที่สุด คือ ข่าวทัพโกกุเรียวจากนอกด่านเตรียมกำลังพลนับหมื่น เข้ารุกรานชายแดน ทำให้อ้วนเสี้ยวต้องพลิกตำรายิงนกสองตัว สั่งการให้อ้วนฮี บุตรชายคนกลาง และขุนพลสิมโพย นำทัพยี่สิบหมื่น พร้อมกับทัพพันธมิตรผสม ซงหนู เซียนเปย ทั้งหมด จำนวนหลายหมื่นนาย ย้อนกลับไปรักษาเมืองกิจิ๋ว และแยกย้ายไปตรึงชายแดนสำคัญของชนเผ่าท้องถิ่น เป็นการแก้ไขปัญหากลาง-ใหญ่ในคราวเดียวกัน
เพิ่งแก้ไขไปได้เปลาะหนึ่ง ยังติดตามมาด้วยข่าวทัพโจโฉเข้ายึดเสบียงหลักตำบลอัวเจ๋าไปได้ เพราะเขาฮิวลอบหนีออกจากที่คุมขังไปบอกกล่าว อีกทั้งกองกำลังสำคัญของโจโฉมาพร้อมกับอาวุธพิสดารนอกเหนือความคาดหมายอย่างเครื่องยิงก้อนหินขนาดใหญ่ ที่สามารถทำลายกำแพงเมือง ค่ายทหาร และทำร้ายเหล่าทหารได้ในระยะไกล จนเป็นเหตุให้ทหารบางส่วนเริ่มปั่นป่วนด้วยความกลัว และความหิวโหย ส่วนกองเสบียงเอง ก็เริ่มส่งสัญญาณเข้มงวดการเบิกจ่ายอาหารมากขึ้น เพื่อยืดเวลาการใช้ไปให้นานที่สุด หวังจะรอเสบียงรอบใหม่เข้ามาทดแทน
ที่จริง อ้วนเสี้ยวระมัดระวังเหตุการณ์ซ้ำรอย ถึงขนาดกำชับไว้ไม่ให้ใช้ตำบลเจ้าปัญหานี้ในการจัดเก็บ แต่ด้วยโครงสร้างกองทัพที่ใหญ่โต ทำให้กุนซือจอสิว ผู้ดูแลด้านเสบียงกรัง เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ ผลักดันให้ใช้คลังเสบียงดังกล่าว เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมที่สุดของสมรภูมิแห่งนี้ และการที่ไม่ได้มีรายงานมาถึงแม่ทัพใหญ่ ก็เพราะเป็นจังหวะที่จอสิวถูกจับตัวเข้าคุกพอดี เรื่องราวจึงตกหล่นขาดตอนไป
บัดนี้ อ้วนเสี้ยวจึงรู้สึกได้ว่าความได้เปรียบเหนือโจโฉนั้นลดลงไปอย่างรวดเร็วจนน่าตระหนก เหตุการณ์ดังประวัติศาสตร์เริ่มส่อเค้าใกล้เคียง แม้ว่าเขาจะพยายามป้องกันไว้แล้ว แต่ความจริงที่ผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่ก็เริ่มเข้าใกล้ความเป็นจริงเดิมอีกครั้ง หรือว่าฟ้าได้ลิขิตชีวิตของ “อ้วนเสี้ยว” ไว้เช่นนี้เอง
ความเคร่งเครียดจากข่าวร้ายต่างๆ ผสมผสานกับพิษร้ายจากหัวหน้าองค์กรป่วนอดีต ที่เริ่มส่งผลก่อกวนจิตใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะยังไม่ได้รับการรักษาเพิ่มเติมอย่างจริงจัง เหล่านักฆ่าจับตัวหมอฮัวโต๋ไม่สำเร็จ ทำให้อ้วนเสี้ยวตกอยู่ในสภาวะกดดัน หงุดหงิดและอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา ใกล้จะเหมือนคนขาดสติ หันไปทางไหน ก็ไม่มีผู้ใดกล้าสู้หน้าอยู่รองรับอารมณ์กราดเกรี้ยวได้เลย
เมื่อข่าวการอภัยโทษให้เจ้าเมืองทั้งหลายของฝ่ายรัฐบาลรายงานมาถึง มันจึงยิ่งหวาดระแวงพันธมิตรใกล้ชิดที่ยังเหลืออยู่ ดังนั้น เมื่อมีข่าวการเคลื่อนไหวของกองทัพจากทางตะวันตก และทางใต้ เข้ามาใกล้โดยไม่มีการแจ้งข่าวบอกกล่าวล่วงหน้าตามกระบวนการทัพ
มันจึงตีความเอาเองด้วยนิสัยหวาดระแวงว่า ทั้งสองกองทัพอาจจะมุ่งร้ายต่อมันทั้งสิ้น มันจึงส่งกองทัพย่อยกองละยี่สิบหมื่นให้อ้วนถำกับเตียวคับ แยกย้ายออกไปสกัดทางรับหน้ากองทัพทั้งสองเอาไว้ก่อน
กองทัพด้านตะวันตกนั้นเป็นกองทัพม้าเฉียวที่เคลื่อนมากดดันจริงๆตามกระแสการเมืองที่เปลี่ยนไป และแฝงด้วยความแค้นส่วนตัว ฝีมืออ้วนถำย่อมไม่อาจทัดเทียมม้าเฉียวได้เลย ข่าวการสู้รบจนอ้วนถำได้รับบาดเจ็บสาหัส กุนซือกัวเต๋าต้องรีบพาตัวล่าถอยกลับไปทางกิจิ๋ว และเสียทัพต่อม้าเฉียวที่ประกาศเปลี่ยนฝ่ายอย่างชัดเจน จึงย้อนกลับมารวดเร็ว ทำให้อ้วนเสี้ยวสูญเสียความเชื่อมั่นในพันธมิตรที่เหลืออยู่
จอมทัพกระสารีบส่งคนไปเร่งสำทับให้ฝ่ายเตียวคับอีกฟากด้านให้เร่งโจมตีก่อน อย่าให้ฝ่ายตรงข้ามได้ตั้งตัวทัน เพราะขุนพลสำคัญฝั่งใต้มีทั้งกวนอู เตียวหุย จูล่ง ยังมีฝีมือเหนือกว่าเตียวคับอยู่ช่วงหนึ่ง การชิงลงมืออาจจะพอทำให้ได้ชัยในกระบวนศึก
หากแต่กองทัพทางใต้นั้น ที่จริงแล้วคือทัพที่กวนอูกับจูล่งยกมาช่วยตามคำสั่งของเล่าปี่ หากแต่เกิดความผิดพลาดซ้ำซ้อนด้วยปัญหาเพียงเพราะทหารส่งข่าวสื่อสารถูกกลุ่มทายาทมังกรแยกย้ายกันสกัดจับไว้ได้ก่อนทั้งสองด้าน จึงกลับกลายเป็นเหตุให้กองทหารหลักกับกองทัพเสริมขาดการติดต่อสื่อสาร และเกิดการปะทะกันเอง
กวนอู จูล่งพลอยเข้าใจผิด ตีความไปว่าอ้วนเสี้ยวเปลี่ยนท่าที ตัดความสัมพันธ์กับเหล่าพันธมิตร ทั้งสองจึงสั่งให้กองทัพตอบโต้กลับอย่างรุนแรงเช่นกัน
จูล่ง ผู้นำขุมกำลังสัตตดารา ลอบส่งสัญญาณพรรคฟ้าเหลืองให้เตียวคับล่าทัพกลับไป ในขณะที่กวนอู จูล่ง ก็รีบร้อนถอยทัพคืนกลับไปยังเมืองชีจิ๋ว พันธมิตรเปิดเผยอย่างเล่าปี่ และพันธมิตรแฝงอย่างพรรคฟ้าเหลืองจึงถอนตัวไปจากอ้วนเสี้ยวจนหมดสิ้น กระสา-อ้วนเสี้ยวเอย เจ้าเป็นคนโดดเดี่ยวไปเสียแล้ว
สุดท้าย มังกรซ่อน จูกัดเหลียง ทอดเวลารอคอยจังหวะมายาวนานกว่าเพื่อน ค่อยลงมือจัดการในยามที่เกิดวิกฤติภายในกองทัพ ลอบเข้าไปกระโจมหน่วยสื่อสารในกองทัพหลวงอันเข้มงวด ดำเนินการสับเปลี่ยนรูปแบบคำสั่งสัญญาณธง และความหมายกระบวนทัพ ให้เกิดความสับสนวุ่นวายด้วยเนื้อหาจะไม่ตรงกับชุดรหัสลับที่ผู้นำได้รับไปก่อนหน้านั้น
ปกติแล้ว สัญญาณธงและความหมายเช่นนี้ จะถูกปรับเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้ง สามวันบ้าง เจ็ดวันบ้าง เพื่อไม่ให้ศัตรูอ่านความคิดของแม่ทัพฝ่ายเราออก เช่น วันนี้ การใช้ธงแดงยกขึ้นเป็นการหยุดทัพ ใช้ธงเขียวชูไปข้างหน้าคือการบุก แต่พอถึงวันพรุ่ง ความหมายของสัญญาณทั้งสองอาจจะสลับเปลี่ยนกัน เป็นต้น
ซึ่งชุดรหัสเหล่านี้เป็นสุดยอดความคิดจากอดีตสมุหกลาโหมเก่าสายข่าวอย่างอ้วนเสี้ยวเองด้วยซ้ำ และเคยสร้างความได้เปรียบในการบังคับบัญชากองทัพ จนโดดเด่นเหนือกว่าขุนศึกทั้งหลายในแผ่นดินอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง
เพียงแต่ครั้งนี้ มีการสอดแทรกแก้ไขจากคนนอกที่ฝีมือสูงส่งเกินไป ทหารสื่อสารจึงรับทราบรหัสลับที่ผิดเพี้ยน และส่งชุดข้อมูลเหล่านั้นออกไปเผยแพร่ทั่วทั้งกองทัพ ราวกับเชื้อโรคร้ายที่แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายไม่ทันรู้ตัว
หลังจากที่เขาฮิวนำความลับสำคัญมาแจ้งแก่โจโฉ จนนำไปสู่การบุกทำลายเสบียงครั้งใหญ่ และการทดสอบประสิทธิภาพของสิ่งประดิษฐ์ใหม่แล้ว โจโฉก็เห็นทางสว่างในการต่อสู้กับกองทัพส่วนที่เหลือของอ้วนเสี้ยว โดยชี้จุดไปยังทุ่งหญ้าแคบตามแนวเนินผารอยจารึกกษัตริย์บู๊เต้ ใช้ยุทธวิธีเดียวกันกับที่ชาวฮั่นกำราบพวกซงหนู
เป็นการบีบบังคับให้กองทัพใหญ่ให้ทะยอยเข้าสู่สมรภูมิรบคับแคบ ลดทอนประสิทธิภาพของกองทัพฝูงม้า และกองทัพที่มีจำนวนมากกว่าไปโดยปริยาย
อ้วนเสี้ยวเป็นจอมทัพมากประสบการณ์ เพียงมองปราดก็อ่านทะลุปรุโปร่งถึงความได้เปรียบเสียเปรียบของสมรภูมิรบเช่นนั้น หากแต่ตัวมันทะนงตน คิดว่าความรู้คนโบราณ หรือจะสู้กับตัวมันที่ย้อนเวลากลับมาได้
กระสาจึงไม่แยแส แสร้งทำเป็นรู้ไม่เท่าทัน หวังอาศัยสัญญาณสื่อสารระยะไกลที่มันเก็บไว้เป็นความลับ เชื่อมโยงกลุ่มก้อนกองทัพที่เหลือประมาณห้าหกสิบหมื่นนี้ ปรับเปลี่ยนกระบวนทัพ หวังบดขยี้กองทัพสิบหมื่นของฝ่ายตรงข้ามอย่างกระทันหัน
ความพลิกแพลงในกระบวนการนำทัพ ขึ้นอยู่กับแม่ทัพผู้สั่งการ ทำให้อ้วนเสี้ยวต้องลงมือด้วยตัวเอง ตัวมันพร้อมกับกุนซือนายทหารทั้งหลาย ยืนสังเกตการณ์รบจากที่ราบโล่งบนเนินผาที่มีรอยจารึกของพระเจ้าฮั่นบู๊เต้นั้นเอง และหากจะจดจำได้ มันเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่อีกา-ลิซกเคยถูกกระสา-อ้วนเสี้ยวฆ่าตาย
กองทัพร้อยหมื่นที่ถูกแยกย้ายไปทางเหนือ ตะวันตก และใต้ กลุ่มละยี่สิบหมื่น ทำให้ตัวมันเหลือต้นทุนทหารที่สี่สิบหมื่น ถูกจัดเป็นสี่ขบวน ทะยอยไล่เข้ามาตามพื้นที่บังคับ หวังจะยึดครองชัยภูมิให้ได้มั่นคงก่อน และแล้ว อีกด้านหนึ่ง ทัพหลวงสิบหมื่นของโจโฉก็รุกคืบเข้ามาถึงอย่างรวดเร็วตามกระบวนทัพเกลียวคลื่น
ยังไม่ทันจะเริ่มปะทะกัน ทหารข่าวเข้ามารายงานสถานการณ์ พวกทหารที่เหลือประมาณกึ่งหนึ่ง มีอาการคล้ายถูกพิษร้ายครอบงำ บางส่วน เซื่องซึม เฉื่อยชา บางส่วนบ้าคลั่ง เข่นฆ่าสังหารกันเอง ปั่นป่วนไปทั้งสี่ขบวนศึกที่จัดเตรียมไว้
“หรือว่า นี่คือการบ่อนทำลายด้วยยาพิษแห่งอนาคตของหมอฮัวโต๋ และพวกปักษาสวรรค์ที่ยังหลงเหลืออยู่” อ้วนเสี้ยวคำนึงขึ้นในใจด้วยความเจ็บปวดใจ
เสียงเปรี้ยงของฟ้าผ่าดังขึ้นราวกับสัญญาณเริ่มต้น สมรภูมิรบกัวต๋อตกอยู่ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนัก สัญญาณเสียงกลองรบ หรือ การสื่อสารด้วยวิธีอื่นถูกตัดขาดไปโดยปริยาย แต่ทำให้อ้วนเสี้ยวกระหยิ่มใจเพราะสอดคล้องกับกลยุทธ์สัญญาณธงที่เลือกใช้ ฝ่ายตรงข้ามจะกลายเป็นเป้านิ่งให้ถูกฆ่าฟันโดยง่าย
คำสั่งจัดกระบวนรบด้วยสัญญาณธงจึงเป็นสิ่งเดียวที่ใช้ได้ในขณะนั้น แต่เมื่อสัญญาณธงพิฆาตถูกส่งออกไปตามคำสั่งรบ กลับไม่มีการตอบสนองใดๆจากกองทัพที่เรียงรายยาวเหยียดเบื้องล่าง
อ้วนเสี้ยวเริ่มรู้สึกถึงความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง เหตุไรคำสั่งจอมทัพไม่ได้รับการ ตอบสนองเล่า มันจึงให้ส่งคำสั่งใหม่ออกไป แต่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผิดเพี้ยน คำสั่งรุกคืบกลับกลายเป็นการถอยร่นอย่างสะเปะสะปะ ไม่เป็นขบวน เปิดช่องให้ทัพโจโฉที่น้อยกว่า รุกเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว และบดขยี้จนกองกำลังแตกกระจายไปหมดสิ้น
ทหารข่าวเข้ามารายงานเพิ่มเติม ซิหลง งักจิ้น นำพากองทัพบางส่วน พร้อมด้วยเครื่องยิงก้อนหิน ใช้เส้นทางลัดบุกยึดค่ายหลวงกิจิ๋วไปเสียแล้ว อ้วนซง ซินผี ที่อยู่เฝ้าค่าย ล้วนหายสาบสูญ อ้วนเสี้ยวเริ่มหน้าเสีย รับมือกับข่าวร้ายได้ยากลำบาก
เมื่อภาพความสูญเสียอย่างหนักปรากฏอยู่เบื้องหน้า เหล่ากุนซือและนายทหารรอบกายจึงเริ่มเคลื่อนตัวล่าถอยไปจากที่นั้นอย่างเร่งรีบและลนลาน ปล่อยให้จอมทัพอ้วนเสี้ยวมึนงงกับสภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามลำพัง เค้าลางแห่งความพ่ายแพ้ปรากฏขึ้นต่อหน้ามันอย่างชัดเจนยิ่งนัก
หลายสิบปีมานี้ กระสา-อ้วนเสี้ยวไม่เคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน เป็นความหวาดกลัวผสมผสานกับอารมณ์สิ้นหวังท้อแท้ หรือว่า นี่คือ จุดจบที่ถูกกำหนดไว้จริงๆ ชะตากรรมของจอมทัพแดนเหนือไม่อาจฝืน แม้ว่า จะไม่ใช่ตัวจริงก็ตาม
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา