10 มี.ค. 2021 เวลา 23:33 • นิยาย เรื่องสั้น
2.21. ทัณฑ์ปักษาพิฆาต
อินทรี 1 พลังจิต - กระตั้ว (กาเซี่ยง) 5 การเมือง - กระเรียน 2 พรางกาย
“ถึงเวลาที่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว พี่ท่าน” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังแทรกดังขึ้นจากเสียงฝนตกกระทบพื้น คาดไม่ถึง ยังหลงเหลือคนอยู่ข้างกายมัน
อ้วนเสี้ยวหันกลับไป พบอ้วนสุด เจ้าน้องชายต่างมารดาจอมโอหัง ที่ดูซอมซ่อมอซอผิดเค้าไปจากเดิม ใบหน้าหมองคล้ำ เสื้อผ้าสกปรก และผมเผ้ายุ่งเหยิง ราวกับขอทานข้างถนน กำลังยืนห่างออกไปหลายวา พร้อมกับเด็กน้อยคนหนึ่ง เป็นอ้วนซง ลูกชายโครงร่างสูงใหญ่วัยสิบห้าปีของมันเอง
อ้วนสุดใช้มือขวารวบแขนของเด็กน้อย ส่วนมือซ้ายย้อนกลับกดอยู่ที่ลำคอของอ้วนซงที่ก้มหน้านิ่งคล้ายหมดสติอยู่ ท่วงท่าเช่นนี้ เพียงฝืนออกแรงสักนิด อ้วนซงก็จะถูกหักคอโดยง่าย อ้วนสุดถึงเป็นญาติร่วมสกุลกัน แต่ก็คล้ายศัตรูคู่อาฆาตมาตั้งแต่เด็ก ย่อมกล้าที่จะลงมือไม่ละเว้น หรือว่าข่าวการตายของอ้วนสุดครั้งนั้นเป็นเพียงข่าวลวง
“อ้วนสุด เจ้ารีบปล่อยลูกซงเดี๋ยวนี้” อ้วนเสี้ยวตะโกนลั่นด้วยความตกใจ
เสียงกร๊อบดังสนั่นสวนกลับมาแทนคำตอบ ลำคอของอ้วนซงหักพับไปด้านข้าง ร่างทรุดฮวบลงกับพื้นทันที อ้วนสุดกลับแหงนหน้าหัวร่ออย่างบ้าคลั่ง “ลูกเจ้าล่วงหน้าไปแล้ว ต่อไป ก็ถึงคราวของเจ้าแล้ว เจ้าอ้วนเสี้ยวเอ๋ย”
อ้วนเสี้ยวใจแทบสลาย เมื่ออ้วนซง ลูกชายสุดที่รัก กลับต้องตกตายไปต่อหน้าต่อตา ความสะเทือนใจยังรุนแรงกว่าเมื่อครู่ที่สูญเสียกองทัพร้อยหมื่น ความตายของบุตรชายสืบสกุลเป็นเรื่องที่ยากจะทำใจสำหรับคนรักครอบครัวอย่างกระสา-อ้วนเสี้ยว
มันรีบคว้ากระบี่พุ่งตรงไปหมายจะสังหารอ้วนสุดให้ตกตายตามกันด้วยความโกรธแค้น อ้วนสุดรีบใช้ทวนเหล็กออกมาต่อสู้ด้วย แต่ทานกำลังและฝีมือของอ้วนเสี้ยวไม่ไหว จนเมื่ออ้วนสุดพลาดท่า สะดุดล้มลงใกล้ๆร่างที่ไร้ชีวิตของอ้วนซง
อ้วนเสี้ยวรีบเงื้อกระบี่ขึ้นสูง หวังจะเผด็จศึกครั้งนี้ แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งแทรกเข้ามาขัดขวาง เห็นเป็นขุนพลหนุ่มในชุดอัศวินหัวสิงห์ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม หลังจากที่ลิโป้ ทวนไร้น้ำใจเคยนำไปใช้งาน อายุอานามประมาณสามสิบปี ใช้ทวนอ่อนเป็นอาวุธ คาดว่าจะเป็นม้าเฉียว ผู้นำขุมกำลังเสเหลียง
“ข้าจะแก้แค้นแทนท่านพ่อ” ม้าเฉียวประกาศ และพุ่งทวนเข้าใส่อ้วนเสี้ยวทันที อ้วนสุดที่เพิ่งล้มลงกับพื้น จึงดีดตัวขึ้น กลับมาช่วยรุมอ้วนเสี้ยวด้วยฝีมือที่แท้จริง เพราะเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบอย่างที่สุด การรุมสองต่อหนึ่งเช่นนี้ คู่ต่อสู้น่าจะไม่อาจหลบหนีได้อีกต่อไปแล้ว
อ้วนเสี้ยวพบพานการจู่โจมของคนทั้งสอง ยิ่งนานยิ่งสูญเสียความเชื่อมั่นลงเรื่อยๆ เพราะมันเดาได้แล้วว่าใครปลอมมาเป็นอ้วนสุด และไม่เคยมีผู้ใดสามารถต้านทานการร่วมมือกันของสองขุนพลผู้เกรียงไกรในระดับแผ่นดินเช่นนี้ได้เลย
เพียงไม่นาน อ้วนเสี้ยวคล้ายชะงักเสียจังหวะไปวูบหนึ่ง ทวนของม้าเฉียวและอ้วนสุดก็แทงทะลุอกของอ้วนเสี้ยวในคราวเดียวกัน ม้าเฉียวกระชากทวนคืนกลับ หวังแทงซ้ำอีกรอบ แต่อ้วนสุดกลับคล้ายบ้าคลั่ง ใช้ทวนดันร่างอ้วนเสี้ยวไปเบื้องหน้า พุ่งตกหน้าผาสูงไปด้วยกัน
ม้าเฉียวมองดูเบื้องล่างที่ลึกล้ำ ไม่อาจเห็นความเคลื่อนไหวใดๆ และเมื่อกวาดตามองโดยรอบ กลับไม่พบแม้แต่ศพของอ้วนซงที่สมควรนอนอยู่กับพื้นด้วยแล้ว พลันตระหนักว่า ต้องมีความไม่ชอบกลแอบแฝงอยู่ และกลายเป็นหนึ่งปริศนาที่ม้าเฉียวขบคิดไม่เข้าใจ
 
หากแต่อีกทางหนึ่ง กองทหารของโจโฉที่นำโดยแฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน ฝ่าสายฝนลัดเลาะขึ้นมาตามเนินผา จนมาถึงในพื้นที่ และเห็นเหตุการณ์ที่อ้วนเสี้ยวกับ “ใครอีกคนหนึ่ง” ตกเหวไปพอดี
ม้าเฉียวที่ยืนอยู่ในมุมอับสายตา รีบอาศัยดงไม้และสายฝนบดบัง ถอนตัวออกไปจากที่นั้นโดยเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกันในยามศึกสงคราม เพราะโจโฉเองก็ถือว่าเป็นต้นเหตุการตายของม้าเท้ง บิดามันเช่นกัน การปรากฏตัวอย่างโดดเดี่ยว อาจจะนำมาซึ่งความตายก็เป็นได้ แม้ว่าจะเป็นเหมือนพันธมิตรร่วมรบต่อกัน
“อ้วนเสี้ยวตายแล้ว โจโฉยังแกร่งเกินไป แต่ฆาตกรผู้ก่อการสังหารท่านพ่อ ยังมีตัวบัดซบที่สอดแทรกเข้ามาอีกสองคน ใครกันนะคือคนที่มีป้ายหยกเมฆขาวติดตัวตามที่น้องม้าต้ายเล่าให้ฟัง” ม้าเฉียวทบทวนต่อในใจ พร้อมฝ่าสายฝนจากไป
...
มุมมองที่ห่างไกลออกไป จูกัดเหลียงที่แฝงตัวอยู่เพื่อดูผลงานที่มันก่อกวนในเรื่องรหัสสัญญาณธงอย่างใกล้ชิดด้วยความเบิกบานใจ กลับสังเกตเห็นเหตุการณ์บนเนินผาโดยตลอด แต่ไม่อาจได้ยินเรื่องราวที่สนทนากันด้วยเสียงสายฝนกระหน่ำและระยะทางที่ห่างไกลเกินไป
สิ่งที่มันพบเห็นพิรุธ ก็คือ จู่ๆคนที่ตายไปแล้วกลับฟื้นคืน และลอบโดดลงไปยังชะง่อนหน้าผาก่อนที่ขอทานซอมซ่อและอ้วนเสี้ยวจะตกลงไปในตำแหน่งเดียวกัน หรือว่านี่เป็นการเตรียมการล่วงหน้า
ขณะที่จูกัดเหลียงจะขยับตามไปดูให้ชัดเจน กองทัพของแฮหัวทั้งสองก็เข้ามาในพื้นที่ และสั่งการให้ทหารเก็บข้าวของ อาวุธและสัมภาระที่ตกหล่นอยู่อย่างวุ่นวาย ทำให้จูกัดเหลียงต้องเปลี่ยนใจ ล่าถอยออกจากพื้นที่นั้นไปด้วยเช่นกันกับม้าเฉียว
นั่นจึงเป็นปริศนาให้มันต้องขบคิดไปอีกนาน โดยตัดสินใจไม่บอกต่อเครือข่ายสุมาให้วุ่นวาย ขุมกำลังลับกลุ่มนี้อาจจะมีที่มาที่ไปซับซ้อนเกินไป มันจึงจดจำโครงสร้างร่างกาย และกระบวนท่าอาวุธเอาไว้ในใจ เผื่อวันหน้าเกิดต้องมาพบเจอกันในที่แคบ แต่ที่แน่ๆคือ วันนี้ อ้วนเสี้ยวคงไม่รอดแล้ว
“แผนการของพี่กาเซี่ยงสุดยอดจริงๆ ทำเอาเจ้าอ้วนเสี้ยวขวัญกระเจิง พ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงมือ” อ้วนซงกล่าวพร้อมกับดึงโครงไม้ตาข่ายที่ทำเป็นรูปทรงกระชอนขนาดใหญ่ที่วางไว้รองรับอ้วนสุดและอ้วนเสี้ยว เข้ามาพับเก็บในถ้ำลับกลางหน้าผา
“ยังตกยกความชอบให้กับหัวขวานที่ออกความคิดจัดสร้างกระชอนดักนกในครั้งนี้ด้วย มิเช่นนั้น คงได้เห็นนกสองตัวตกเหวคอหักตายแน่ๆ”
ถ้ำลับกลางหน้าผาเชื่อมโยงคงจะทะลุถึงประตูข้ามมิติอีกฟากฝั่งหนึ่งของหุบเขา การที่เครื่องมือทันสมัยล้ำยุคถูกจัดเก็บซุกซ่อนไว้ในที่นี้บ้าง จึงไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอันใด เพราะกระเรียนเองก็ได้รวบรวมคัมภีร์ตำรา ทรัพย์สมบัติ และตัวยาสมุนไพรพิสดารเอาไว้มากมาย
“ถูกแล้ว แต่ก็ต้องยกนิ้วให้การปลอมแปลงโฉมของพี่นกฮูกฮัวโต๋ด้วย หน้ากากหนังมนุษย์แบบโบราณแท้ๆถือกำเนิดแล้ว” อ้วนสุดกล่าว พลางกระชากหน้ากากออก กลับกลายเป็นเตียวหุย หรือ นกนางแอ่น แห่งหน่วยปักษาสวรรค์
ส่วนอ้วนซงที่ถอดหน้ากากโบราณออกพร้อมกัน ก็คือ เหยี่ยวดำปลอมแปลงมาด้วยเช่นกัน ยังดีที่อ้วนซงมีโครงร่างสูงใหญ่ เหยี่ยวดำจึงพอสวมรอยได้ง่าย จึงนับว่า งานนี้ เหล่าปักษากลับวางแผนจู่โจมด้วยความหวาดกลัว เพื่อทำลายอ้วนเสี้ยวโดยตรง แม้ไม่มีหน้ากากพิสดารเลียนแบบจากใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็จัดทำหน้ากากหนังมนุษย์ออกมาหลอกลวงอ้วนเสี้ยวในยามกระทันหันได้ทัน
เหยี่ยวดำที่จริงเป็นมือสังหารชั้นเยี่ยม แต่เพราะโดนวางกับดักทำร้ายจากกระสา และถูกพิษแทรกซึมทางกระแสโลหิต จนแทบไม่รอดชีวิตด้วยซ้ำ ดูจากอาการเบื้องต้น ยังคิดว่า ไม่ตายก็ต้องพิการไปตลอดทั้งชีวิต ยากจะฟื้นสภาพดั่งเดิมด้วยตัวยา และวิธีการในยุคสมัยโบราณ
หากแต่ภายหลัง นกฮูกศึกษาตำราโบราณ ค้นพบวิธีการรักษาพิสดารออกมาได้ จึงร่วมมือกับศิษย์เอก โงโพ้ ฮ่วมอา ประสานงานกันสกัดจุดเส้นประสาท เปลี่ยนถ่ายเลือดเข้าไปใหม่ชะล้างไขกระดูกซ้ำๆอยู่ถึงสิบสองรอบ ถึงกับฟื้นคืนชีวิตและพลังยุทธ์กลับมาได้จริงๆ
นับว่า เป็นการทะลุขีดจำกัดการรักษาโรคในยุคสมัยโบราณได้อีกขั้นหนึ่ง เพียงแต่วิธีการรักษามีขีดจำกัด ยังคงต้องอาศัยระยะเวลาและตัวยาบำรุงร่างกายเพ่ิมเติมอีกสักระยะหนึ่ง พลังฝีมือถึงจะกลับคืนมาครบถ้วนได้ดั่งเดิม
ดังนั้น เหยี่ยวดำจึงไม่อาจร่วมปะทะกับอ้วนเสี้ยวได้ในทางตรง และโชคดีที่ีนางแอ่นได้รับความช่วยเหลือจากม้าเฉียวอีกคนหนึ่ง จึงกำราบกระสา-อ้วนเสี้ยวจนได้ ไม่ต้องเดือดร้อนถึงแผนสำรองที่วางเตรียมเอาไว้
ตามแผนการของกาเซี่ยง เตียวหุยในคราบร่างอ้วนสุดจะแสร้งเสียที เปิดโอกาสให้เหยี่ยวดำที่ปลอมเป็นอ้วนซงนอนตาย ลอบทำร้ายอ้วนเสี้ยวจากด้านหลัง แต่เมื่อยอดฝีมืออย่างม้าเฉียวเข้ามาร่วมด้วย เหยี่ยวดำจึงนิ่งเฉยต่อไป จนมีจังหวะยิงอาวุธลับใส่อ้วนเสี้ยวทางด้านหลังได้เช่นกัน อ้วนเสี้ยวจึงหมดสิ้นหนทางสู้แล้ว
ถึงแม้อ้วนเสี้ยวจะเก่งกาจปานใด หากครั้งนี้ที่มันเผชิญนั้น เป็นช่วงสภาวะร่างกายและจิตใจย่ำแย่ถึงขีดสุด และคู่ต่อสู้ก็เป็นถึงระดับสองผู้ห้าวหาญแห่งยุค ทั้งเตียวหุย และม้าเฉียว รุมเข้าพร้อมกัน อีกทั้งยังมี เหยี่ยวดำ มือสังหารจากอนาคตลอบทำร้ายจากด้านข้างด้วย จึงถือว่าเป็นโชคร้ายซ้ำซ้อนแล้ว
อ้วนเสี้ยวกวาดตามองสองปักษาตอบโต้กันด้วยความลำบากยากเย็น อย่างน้อยมันค่อยเบาใจลงที่อ้วนสุด และอ้วนซงเป็นตัวปลอม เพียงแต่บาดแผลมันหนักหนาสาหัสนัก มีแต่หมอฮัวโต๋จะช่วยได้ หากมันอยู่แถวนี้ และยินยอมช่วยเหลือ ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่มันคิดไว้เพียงครึ่งหนึ่ง สุดท้าย กาเซี่ยงกับหมอฮัวโต๋ล้วนเคลื่อนกายออกจากมุมมืดภายในถ้ำจริงๆ แต่ไม่ได้คิดช่วยเหลือมันอีกแล้ว
“พวกเจ้าล้วนพร้อมหน้ากันอยู่ที่นี่แล้ว ไม่นึกเลยว่าข้าจะต้องมาตายที่หน้าผาแห่งนี้ ไม่เช่นนั้น คงเจาะจงทำลายถ้ำแห่งนี้ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว” อ้วนเสี้ยวกล่าวอย่างยากเย็นด้วยพิษบาดแผล
ทางเข้าออกหลักของประตูข้ามมิติจะอยู่ทางด้านหุบเขาต้องห้าม แต่ที่จริงแล้ว ประตูข้ามมิติสามารถเชื่อมโยงไปสู่ถ้ำลึกได้มากกว่าหนึ่งแห่งในเทือกเขาใหญ่ ดังนั้น พออ้วนเสี้ยวคิดการณ์ทรยศ จึงไม่ได้ใส่ใจจะปิดตายประตูกาลเวลา ขัดขวางการมาเยือนของสมาชิกคนอื่นๆ เพราะตระหนักว่า ทางเข้าออกนั้นมีมากมาย จนสุดปัญญาจะป้องกันด้วยวิธีการทำลายไปทีละถ้ำ
“ไม่เพียงมีแต่พวกมัน ยังมีพวกเรากลุ่มที่สองด้วย” เสียงเยือกเย็นดังมาจากภายในถ้ำ เงาร่างอีกหกสายเคลื่อนกายออกมาเพิ่มเติม มีทั้งวัยฉกรรจ์และวัยกลางคนปะปนกัน
“ท่านพี่นกอินทรี” อ้วนเสี้ยวหรือนกกระสาเอ่ยด้วยความตกใจ นกอินทรี พี่ใหญ่ ลำดับแรกแห่งหน่วยปักษาสวรรค์ คนที่มันเกรงกลัวที่สุดในบรรดาเหล่าปักษาทั้งหลายปรากฏตัวขึ้นแล้ว
“ถูกต้อง พวกเราได้รับคำสั่งเพิ่มเติมในนาทีสุดท้ายให้ปรับแก้ไขเวลาการเดินทางมาให้เร็วขึ้นกว่าในแผนการ เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งก็คือการตายของบทบาทอ้วนเสี้ยวในสมรภูมิกัวต๋อนั่นแหละ เจ้านกกระสา” นกอินทรีอธิบายอย่างแช่มช้า แต่หนักแน่น
“ในยามที่ออกเดินทาง พวกเรากลุ่มที่สามยังหลงดีใจ คาดว่าจะได้มาเพื่อร่วมฉลองพร้อมหน้ากันทั้งสิบสามคน หากแต่การตายหลอกๆของเจ้านั้น จะกลับกลายเป็นการตายอย่างแท้จริง เพื่อเซ่นสังเวยพี่น้องเราสองคน คือ ผู้วิเศษกระเรียน และอีกาลิซก ที่ตกตายไปเพราะเจ้า แผนการที่วางไว้หลายเรื่องนับจากนี้ ต้องปรับเปลี่ยนไปหมด เพราะสมาชิกที่ขาดหายไปด้วยน้ำมือของเจ้าทั้งสิ้น”
ที่แท้ พวกนกอินทรีเดินทางมาในเวลาเดียวกัน แต่ตั้งเวลาย้อนมาในช่วงอดีตที่แตกต่างกันหลายปี ดังนั้น สมาชิกกลุ่มที่สามจึงเพิ่งพ้นประตูแห่งกาลเวลามาถึงก่อนแผนการกำจัดอ้วนเสี้ยวเพียงเล็กน้อย แต่ก็พอเพียงสำหรับกาเซี่ยงและหมอฮัวโต๋ที่รออยู่ตามแผนการ ได้มีเวลาเล่าเรื่องให้ฟังเรียบร้อยแล้ว
หลังจากทราบเรื่องราวแล้ว ทั้งหมดรอคอยให้เตียวหุยกับเหยี่ยวดำทำการให้สำเร็จตามแผนในถ้ำแห่งนี้ แสดงว่า ถึงแม้เกิดความผิดพลาดด้านบน พวกนกอินทรีคงพร้อมไปสมทบ และช่วยกำจัดอ้วนเสี้ยวได้อยู่ดีตามแผนสำรองที่เตรียมไว้
และสิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่ง นอกจากสมาชิกกลุ่มที่สามแล้ว ยังมีกระตั้วและนกฮูกที่รับทราบการปรับเปลี่ยนในแผนภารกิจ แสดงว่า การที่กระสามีปัญหานั้น อยู่ในความคาดหมายขององค์กรย้อนเวลามาตั้งแต่ก่อนออกเดินทางแล้ว เพียงแต่ท่านผู้นำอาจจะเลือกบอก เลือกชี้แจงให้กับสมาชิกบางคนเท่านั้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านพี่ผิดแล้ว เพราะตัวท่านเป็นสายทหารนักรบ หัวเก่าคร่ำครึต่ออุดมการณ์ งมงายยึดติดกับประวัติศาสตร์ แต่ข้ากลับพบทางสว่าง เพื่อกอบกู้แผ่นดินให้ประชาราษฎร์เป็นสุขต่างหากเล่า น่าเสียดายนัก หากท่านได้มาเร็วกว่านี้ เราคงได้เสวนากันมากกว่านี้” กระสาไม่ลดละความเชื่อส่วนตัวที่มี
“ไร้สาระ เราเป็นนายทหารแห่งกาลเวลา จะมาปรับเปลี่ยนประวัติศาสตร์ตามอำเภอใจได้อย่างไรกัน” นางแอ่นกล่าวแทรกขึ้นมาอย่างเหลืออด
“พวกเจ้าไม่เข้าใจความเป็นจริงที่เกิดขึ้น วังวนแห่งกาลเวลาหมุนซ้ำแล้วซ้ำอีก เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น พลิกผันไปเรื่อยๆ ตามแต่การกระทำของผู้คน จนเกิดการค้นพบอันยิ่งใหญ่ กลุ่มคนที่พยายามจะฝืนต่อชะตากรรม สร้างเงื่อนปมที่รอคอยการแก้ไข กำหนดจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดเอาไว้ให้คลี่คลาย หากทำได้คือหลุดพ้น หากผิดพลาดคือซ้ำรอยเดิม เราท่านล้วนเป็นส่วนหนึ่งของวงจรอุบาทว์นี้มานานแล้ว” กระสาพยายามอธิบายเงื่อนงำกาลเวลาด้วยภาษาที่เรียบง่าย แต่ยังคงยากจะเข้าใจในทันที
คนหน่วยปักษาสวรรค์คล้ายขบคิดในคำพูดปริศนาของกระสา พลันไม่คาดคิด กระสาที่ดูหมดสิ้นพิษสง กลับคว้าตัวสมาชิกรุ่นใหม่ที่ยืนใกล้ตัว พร้อมสะบัดมีดสั้นที่ซุกซ่อนออกมาขวางไว้ที่ลำคอ “ลำบากเจ้าแล้ว น้องหัวขวาน”
เสียดายที่การต่อต้านไม่ได้ผล อินทรีพี่ใหญ่คล้ายจะตอบสนองได้รวดเร็ว เคลื่อนตัววูบเดียวก็ดึงตัวเหยื่อพ้นไปจากมือของกระสาโดยง่าย พร้อมหักข้อมือกระสาดังกร้อบเป็นการสั่งสอน “ต่อหน้าเราแล้ว เจ้าไม่อาจลงมือทำร้ายพี่น้องได้อีก”
อ้วนเสี้ยวขยับคล้ายจะพูดโต้แย้งเพิ่มเติม แต่อินทรีต้องการยุติเรื่องราว จึงส่งสัญญาณมือวูบหนึ่ง เหล่าทหารหน่วยปักษาทั้งเก้าคนที่เหลือ รวมทั้งนกอินทรีเอง ก็ใช้อาวุธประจำตัวแทงเข้าใส่อ้วนเสี้ยวซ้ำอีกครั้งหนึ่ง อันเป็นการลงทัณฑ์ขั้นสูงสุดต่อผู้ทรยศต่อหน่วยงาน เป็น ทัณฑ์ปักษาพิฆาต
จุดจบจอมทัพผู้เหี้ยมหาญอย่างอ้วนเสี้ยว หรือ นกกระสาแห่งหน่วยปักษาสวรรค์ และยุทธการกัวต๋ออันเลื่องชื่อจึงเป็นเช่นนี้เอง และความในใจที่จะกล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าการเวก สมาชิกลึกลับคนนั้นจึงกลายเป็นความลับไปชั่วนิรันดร์
“จริงหรือที่ไม่อาจปรับเปลี่ยนประวัติศาสตร์ เราท่านย่อมล่วงรู้อยู่แก่ใจแล้ว” อินทรีได้แต่เก็บความคิดเช่นนี้ไว้ในใจ
...
อินทรี หันมาปลุกปลอบใจพี่น้องที่เหลือ และสอบถามรายละเอียดสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นจริงจากกาเซี่ยง จากนั้น จึงกล่าวสรุปงานให้ทั้งหมดรับฟัง “ความแปรปรวนหลักที่เกิดขึ้นนั้น คงจะเป็นที่ตัวนกกระสาเอง ซึ่งก็ถูกกำจัดไปแล้ว ดังนั้น ขอให้ทุกท่านแฝงตัวไปประจำตามจุดต่างๆตามแผนการเดิม หรือปรับเปลี่ยนไปตามสภาพเพื่อควบคุมสถานการณ์ต่อไป และขอให้ระวังตัวด้วย มรสุมภายในของขุมกำลังต่างๆอาจจะนอกเหนือจากหน้าประวัติศาสตร์ที่พวกเรารับรู้กันก็ได้”
บรรดาปักษาทั้งหลายรับคำแล้วจึงใช้เวลาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างกลุ่มที่สองและกลุ่มที่สามอย่างละเอียด เพราะบางเรื่องผิดเพี้ยนไปแล้ว ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่อันสำคัญต่อมนุษย์โลกต่อไป นี่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่หน่วยปักษาสวรรค์ทั้งสิบคนที่เหลือได้ร่วมประชุมพูดคุยกันพร้อมหน้า
“เวลาเท่านั้นคือบทพิสูจน์” นกอินทรีประกาศอีกครั้งก่อนแยกย้ายกันไป มันอยู่รอเป็นคนสุดท้าย พลางหันกลับมาทางซากร่างของนกกระสาอีกครั้งหนึ่ง พลางก้มศีรษะให้สหายเก่าผู้ตายเล็กน้อย
“เสียสละเพียงผู้เดียว เพื่อให้ทุกอย่างกลับคืนสู่วิถีทางของมัน ความคิดของท่านดีร้ายอย่างไร ยังไม่อาจทราบได้ หากแต่วิถีเดิมนั้น กลับเคยปรากฏบนหน้าประวัติศาสตร์ให้เรียนรู้ได้ และไม่ส่งผลกระทบให้เกิดความพลิกผันไปจากเดิมแล้ว ดังนั้น ท่านจะเป็น วีรชนหรือมารร้าย กลับขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนที่จะตัดสิน”
นกอินทรีคือผู้นำหน่วยทหารแห่งกาลเวลา นายทหารผู้ซึ่งต้องซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่กวนใจมันอยู่บ้าง คือ ในขณะที่ทั้งหมดลงมือลงทัณฑ์ประหารนกกระสานั้น มันรับรู้ถึงกระแสความขัดแย้งและความสับสนในใจอย่างรุนแรงจากสมาชิกอย่างน้อยหนึ่งคน
แต่เสียดายที่มันจับไม่ได้ว่ากระแสนั้นมาจากผู้ใด และมันก็ไม่สามารถใช้พลังจิตจู่โจมใส่พวกเดียวกันเสียด้วย คงได้แต่ระมัดระวังตัว และจับพิรุธเอาเองเสียแล้ว เพียงหวังว่า คนนั้นจะไม่ทำลายแผนการอื่นๆที่ถูกกำหนดไว้ก็แล้วกัน
หนุ่มใหญ่ในชุดพ่อค้าเร่่ร่อน ซึ่งก็คือ เตียวล่อ ดาวปกครอง เจ้าเมืองฮันต๋ง พร้อมกับสามในสี่องครักษ์พระกาฬ ซุ่มซ่อนตัวอยู่ในมุมอับสายตาห่างไกลออกไป พวกมันมาแอบดูเหตุการณ์. ตั้งแต่ก่อนเริ่มสงครามสุดท้ายของสมรภูมิกัวต๋อ ที่ชี้ชะตาอ้วนเสี้ยวกับโจโฉแล้ว และพบเห็นการเคลื่อนไหวที่เนินผารอยจารึกมาโดยตลอดเช่นกัน
มันจึงยังคงเฝ้ารอต่อไปคล้ายใจจดจ่ออยู่กับสิ่งใด จนพบเห็นคนในหน่วยปักษาสวรรค์ค่อยๆทะยอยออกจากถ้ำลับกลางเนินผาทีละคนสองคน
และแล้ว เมื่อเห็นกาเซี่ยงเดินออกมาพร้อมประคองปลอบขวัญสมาชิกหน้าใหม่ที่ยังลูบคลำลำคอไปมา จึงเกิดประกายวูบที่ดวงตา กลับเป็นหยดน้ำตาสองสายที่ร่วงรินอาบแก้ม “ขอบคุณท่านพี่ที่ช่วยเหลือ คุ้มค่าแล้วกับการเสี่ยงชีวิต คุ้มค่าแล้วกับความร่วมมือกัน และคุ้มค่าแล้วกับการรอคอยอันยาวนาน ข้าจะต้องทำภารกิจให้สำเร็จ”
เตียวล่อสีหน้าซีดเผือด เพียงพริบตาเหมือนแก่ชราลงไปกว่าเดิมอีกสิบปี ชายหนุ่ม หนึ่งในสี่องครักษ์ไต่ถามอาการ แต่เตียวล่อเพียงแค่โบกมือห้าม และสั่งการให้ล่าถอยกลับเรือโดยสารที่ซ่อนอำพรางอยู่ริมแม่น้ำฮวงโห เงาร่างที่เดินลงจากที่ซ่อนกาย แทนที่จะมีเพียงสี่คน กลับดูคล้ายมีถึงห้าคน เงาร่างสุดท้ายทิ้งห่างจากสี่คนแรกสักช่วงสิบวา เหมือนจะคอยระวังหลังให้อีกชั้นหนึ่ง
ไม่ทราบว่า นี่คือเรื่องราวอันใด เตียวล่อจึงถ่อกายลงเรือล่องมาตามแม่น้ำฮวงโห เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในความล่มสลายของขุมกำลังอ้วนเสี้ยว หรือ มีวาระซ่อนเร้นอื่นใดกับกาเซี่ยง ฮัวโต๋ กันแน่ จึงได้ทำตัวลับๆล่อ มีพิรุธยิ่งนัก
ทางด้านสมาชิกหน่วยปักษาสวรรค์ เมื่อแยกย้ายกันแล้ว นกฮูกกับเหยี่ยวดำ หาเหตุติดตามนางแอ่นด้วยความคิดเป็นห่วง และจริงดั่งคาดคิด นางแอ่นรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องอย่างรุนแรง จนซวนเซเสียหลัก แบบผิดวิสัยจอมยุทธ์ร่างกายแข็งแรง
เหยี่ยวดำรีบตรงเข้าประคอง ขณะที่นกฮูกกระซิบบอก "ถึงเวลาสำคัญของท่านแล้ว ร่างกายของเจ้าไม่เหมือนผู้คนปกติทั่วไป เด็กน้อยจำเป็นต้องออกมาดูโลกก่อนกำหนด รีบไปที่กระท่อมรังนกด้วยกันก่อน เดี๋ยวข้าจะผ่าคลอดให้เอง"
นางแอ่นพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านสับสนลง ตัวมันรับรู้ความผิดปกติมาหลายเดือนแล้ว และอดคิดถึงตัวการผู้ก่อเหตุไม่ได้ "เจ้าเด็กตัวแสบ เหตุไรถึงเลือกมาเกิดในเวลาคับขันเช่นนี้"
หนึ่งทารกปริศนาจึงถือกำเนิดขึ้น และเป็นหมอนกฮูกที่อาสารับตัวเด็กน้อยไปดูแล ณ กระท่อมรังนก พร้อมตั้งชื่อให้เป็นเตียวเปา
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา