14 มี.ค. 2021 เวลา 00:03 • นิยาย เรื่องสั้น
2.23. ตัดให้หมดเชื้อไฟ
สิมโพย ขุนพลภักดี- สองผู้นำกองทัพภูตมรณะ กองซุนอวด กองซุนของ
แม้ว่าจอมทัพอ้วนเสี้ยว อันดับหนึ่ง จะถูกสังหารตายที่สมรภูมิกัวต๋อ และอ้วนสุด อันดับสอง ก็จากโลกไปนานแล้วเช่นกัน แต่คนสกุลอ้วนยังคงมีอำนาจบารมีหลงเหลืออยู่ไม่น้อย ตามประสาครอบครัวใหญ่ตระกูลขุนนางหลายแผ่นดิน อาทิเช่น บัณฑิตนักสถาปัตย์ อ้วนยู แห่งกลุ่มเจ็ดนักปราชญ์เจี้ยนอาน อ้วนอุ๋ย เจ้าเมืองซุนหยง หรืออดีตฮูหยินแห่งบ้านสกุลเอียว ผู้เป็นภรรยาของเอียวปิวที่ล่วงลับ เป็นต้น
แต่เดิม โจโฉหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับคนสกุลอ้วนสายอื่น เพื่อลดทอนแรงกดดันรอบด้าน หากแต่ยามนี้ อ้วนเสี้ยวเสาหลักพินาศแล้ว มันจึงพร้อมที่จะเดินหน้าจัดการถอนรากถอนโคนคนสกุลดังตามระเบียบความผิดฐานะขบถแผ่นดินได้แล้ว
เป้าหมายใหญ่ในเมืองหลวงย่อมจะเป็นอ้วนฮูหยินแห่งบ้านสกุลเอียว ผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวของอ้วนเสี้ยวและอ้วนสุด เพราะสกุลอ้วนกับสกุลเอียวล้วนถือเป็นตระกูลขุนนางดัง เป็นดั่งตัวแทนชนชั้นสูงในเมืองหลวงมานาน ดังนั้น การทำลายโครงสร้างของชนชั้นสูงทั้งสองตระกูลได้พร้อมกัน จะทำให้กลุ่มคนจำพวกนี้เกรงกลัวต่ออิทธิพลสกุลโจที่กำลังจะครอบคลุมแผ่นดินในไม่ช้า
หากแต่ข่าวลับกลับเหมือนจะรั่วไหล เอียวตัน เอียวหงี ทายาทของเอียวปิด กับเอียวสิ้ว ทายาทของเอียวปิว ถึงกับร่วมกันยื่นฎีกาถึงองค์ฮ่องเต้ ผ่านทางสมุหนายกฮกอ้วน และขงหยง เสนาบดีการศึกษา ผู้นำลัทธิขงจื้อ ขอให้ละเว้นคนในสกุลเอียว รวมทั้งคนสกุลอ้วนสายอื่่น เพื่อเห็นแก่คุณความดีของบรรพชนในอดีตกาล
ยิ่งไปกว่านั้น อ้วนยู นักปราชญ์ดังแห่งเกงจิ๋วนั้น ถึงกับประกาศถวายตัวรับใช้ราชสำนักในเมืองหลวง เพื่อแสดงความจริงใจ และความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น ทำให้คนสายวิชาการล้วนซาบซึ้งสะเทือนใจ พร้อมใจกันคุกเข่ารับรองต่อหน้าพระพักตร์ของกษัตริย์หนุ่มเป็นจำนวนมาก จนเหี้ยนเต้ต้องเอ่ยพระราชทานอภัยโทษให้
โจโฉรับฟังกระแสข่าวครึกโครม ถึงกับต้องขมวดคิ้วขัดใจ หากแต่พลังสามัคคีของคนสายวิชาการคล้ายจะเริ่มต้นก่อเกิด มันจึงไม่ควรหักหาญน้ำใจจนเกินไป สั่งความยกเลิกคำสั่งการล่าสังหารล้างตระกูล แต่พลันสะดุดใจถึงชื่อคนคนหนึ่ง เป็นเอียวสิ้ว ลูกชายของเอียวปิวกับอ้วนฮูหยินนั่นเอง
ดังนั้น โจโฉจึงสั่งความให้เทียลิด พ่อบ้านใหญ่จัดการนำตัวเอียวสิ้วที่เคยเป็นบัณฑิตพี่เลี้ยง ร่วมเรียนกับลูกผี ให้เข้ามาอยู่ในกลุ่มกุนซือรุ่นใหม่ หวังใช้บัณฑิตหนุ่มน้อยปากไวเป็นหมากสังหารในโอกาสต่อไป
ทางด้านตระกูลอ้วนรุ่นที่สองของอ้วนเสี้ยว อันมี อ้วนถำ ที่พ่ายศึกม้าเฉียว ถอยกลับไปทางเปงจิ๋ว ฝ่ายหนึ่ง และอ้วนฮี ที่รับคำสั่งไประวังชายแดน เฝ้าเมืองกิจิ๋ว อีกฝ่ายหนึ่ง ก็ยังมีเรื่องราวบาดหมางกันเกินกว่าจะเยียวยา เพราะทั้งสองฝ่ายยังคงแย่งชิงกันเป็นใหญ่แทนบิดา ทั้งๆที่คุณสมบัติยังไม่โดดเด่นนักทั้งคู่
ทางอ้วนถำนั้นมีจิตใจคับแคบ หยิ่งทะนงเป็นนิสัย พอยิ่งแตกทัพเสียทีจากม้าเฉียวในครั้งนั้น จนคล้ายเป็นจุดเร่ิมต้นของความล่มสลาย ก็ยิ่งดุดันเอาแต่อารมณ์เป็นที่ตั้ง จนแม้แต่กุนซือกัวเต๋ายังสู้หน้าไม่ไหว
ส่วนทางอ้วนฮีก็ไม่ใคร่ใส่ใจงานบ้านเมือง เอาแต่สุขสำราญกับนางเอียนซีเป็นหลักขุนนางนายทหารที่จงรักภักดี เช่น กุนซือฮองกี๋ ขุนพลสิมโพย จึงแตกแยกทางความคิด ไม่อาจชูภาพลักษณ์คุณชายคนใดให้เป็นผู้นำแทนอ้วนเสี้ยวได้
ในที่สุด ผู้หลักผู้ใหญ่ในสกุลอ้วนยังส่ายหน้า ไม่อาจตกลงใจกันเป็นข้อยุติ ได้แต่ส่งสาส์นถึงอ้วนอุ๋ย ผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทสนมกับอ้วนเสี้ยวอ้วนสุด ให้มารั้งตำแหน่งผู้นำตระกูลเป็นการชั่วคราว
ในขณะที่กองกำลังของโจโฉกำลังขยายผลกินดินแดนส่วนล่างของขุมกำลังกิจิ๋วไปทีละน้อยๆ ใกล้จะมาถึงเมืองหลักแล้ว การขาดผู้นำสูงสุดที่เหมาะสม จึงทำให้กลุ่มขุนนางนายทหาร และคนสกุลอ้วนทั้งหลายยิ่งพลอยกังวลกันหมดสิ้น
พออ้วนซงที่หายสาบสูญไปร่วมเดือนนั้น กลับมาถึงเมืองกิจิ๋วได้ในที่สุด สร้างความแตกตื่นยินดีกับผู้อาวุโสสกุลอ้วนไม่น้อย เพราะอ้วนซงซึ่งเป็นที่รักของอ้วนเสี้ยวนั้น กลับมีภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำเหนือกว่าพี่ชายทั้งสอง แม้ว่าอายุยังน้อยก็ตาม จึงพากันให้การสนับสนุนต่อทายาทคนเล็กในทันที
ฮองกี๋กับสิมโพยเห็นแก่บ้านเมืองเป็นสำคัญ จึงจัดแจงให้อ้วนซงได้เจรจากับอ้วนฮี รวมพลังกันเป็นแกนหลักในการปกครองเมืองกิจิ๋ว เมื่อสองคนรวมตัวตกลงกันได้ อ้วนถ้ำคนเดียวย่อมถูกโดดเดี่ยว ไร้อำนาจต่อรองได้อีก
มิคาดว่า เรื่องแรกที่อ้วนซงกระทำ ก็คือการแก้แค้นต่อกุนซือซินผีที่ผลักไสมันตกแม่น้ำจนปางตาย ด้วยการสั่งให้สิมโพยไปฆ่าล้างครอบครัวซินผีให้หมดสิ้น เพราะโทษฐานทรยศต่อเจ้านาย แสดงว่า อ้วนซงมิได้เข้าใจในจุดประสงค์เลยว่า ซินผีลงมือกระทำไปนั้น เพียงเพื่อช่วยเหลือตนเองแท้ๆ
แต่ อ้วนฮีกับเอียนซีที่สนิทสนมกับกุนซือชนเผ่า ถึงกับสั่งความให้ครอบครัวทะยอยหลบหนีไปตั้งแต่แรกแล้ว ทำให้อ้วนซงย่ิงหัวเสีย ขุ่นเคืองใจที่พี่สะใภ้แทรกแซงการตัดสินใจของตนเอง
ต่อมา อ้วนซงจึงรับฟังความเห็นของฮองกี๋ มองว่าเอียนซีเป็นต้นตอปัญหาเรื้อรัง แสร้งชี้แจงให้อ้วนฮีส่งตัวนางเอียนซีให้กลับไปอยู่บ้านเกิดเผ่าเซียนเปยเป็นการชั่วคราว ทางหนึ่ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในยามศึกสงครามตามหนังสือขอร้องของหัวหน้าเผ่าผู้เป็นบิดา อีกทางหนึ่ง เพื่อให้อ้วนฮีได้มีเวลาใส่ใจในการทำงานให้มากขึ้น เพราะการศึกแดนใต้ที่ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
อ้วนฮีย่อมไม่พอใจในแนวทางเช่นนี้ หากแต่ยังไม่ต้องการขัดแย้งต่อกัน จึงได้แต่จัดส่งนางเอียนซีกลับสู่เผ่าเซียนเปยเป็นการชั่วคราว
แต่แล้ว ศึกใหญ่จากแดนใต้ยังไม่ทันจะมาถึง ศึกสายเลือดกลับเกิดปะทุขึ้นก่อน ฟากอ้วนถำแห่งเปงจิ๋ว ถือว่าเป็นพี่ใหญ่ ประกาศไม่ยอมรับคำสั่งของนายน้อยอ้วนซง ทำให้กำลังทหารของทั้งสองฝ่ายที่มีอยู่ฝ่ายละยี่สิบกว่าหมื่นนาย ยกมาเตรียมประจันหน้ากันที่เมืองกิจิ๋วแบบไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
หากแต่อ้วนซงฉายแววผู้นำ อาศัยอ้วนอุ๋ยกับกลุ่มผู้อาวุโสแห่งบ้านสกุลอ้วนให้ช่วยออกหน้าไกล่เกลี่ย ขอให้ร่วมรบกับข้าศึกแดนใต้จนจบสิ้นก่อน อ้วนถำกองหนึ่ง อ้วนฮีกองหนึ่ง อ้วนซงกองหนึ่ง จึงตกลงแยกย้ายกันตรึงชายแดน ป้องกันเขตแดนฝั่งกิจิ๋วไว้จนสุดความสามารถ โดยเฉพาะอ้วนซงที่อวดอ้างว่า สามารถใช้เวทมนต์รักษาบาดแผล สร้างความได้เปรียบให้กับกองทัพได้
จังหวะการศึกของฝ่ายรัฐบาลจึงเปลี่ยนแปลง การรบพุ่งคืบหน้าช้าลงกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาจนกินเวลาไปอีกหลายเดือน จนผ่านเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวอีกครั้งหนึ่ง กาเซี่ยงจึงเสนอให้โจโฉล่าทัพกลับมายังเขตเมืองกุนจิ๋ว คนละฟากฝั่งแม่น้ำฮวงโหก่อน เพื่อสับเปลี่ยนกำลังพลจากจุดอื่นๆมาทดแทนให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น และป้องกันตนเองไม่ให้ห่างไกลจากเมืองหลวงที่มั่นมากจนเกินไป
ที่จริงแล้ว ตั้งแต่หลังจบศึกกัวต๋อนั้น โจโฉก็ได้จัดสรรให้กลุ่มสี่เทวะ พร้อมกับกุนซือหลัก และขุนพลรองในสังกัด แยกย้ายกันไปตรึงชายแดนด้านอื่นบ้าง ขยายผลกินดินแดนกิจิ๋วบ้าง รวมทั้ง ควบคุมสถานการณ์ในเมืองหลวงบ้าง ทำให้ความเข้มแข็งของกองทัพหลวงลดน้อยลงไปบ้าง แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ภาพรวมของกองทัพรัฐบาลดีขึ้น เพราะลูกสมุนคนสนิททั้งหลายได้ฝึกปรือสะสมประสบการณ์สงครามเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม โจโฉก็ไม่อาจวางใจต่อขุมกำลังรอบด้าน อันได้แก่ เล่าปี่แห่งชีจิ๋ว เล่าเปียวแห่งเกงจิ๋ว หรือม้าเฉียวแห่งเสเหลียง ที่รอซ้ำเติม หากฝ่ายรัฐบาลเกิดข่าวเพลี่ยงพล้ำเสียที หรือรุกคืบจนง่ายต่อการถูกตัดขาดการเชื่อมโยงกับฐานที่มั่น
ช่วงแรกนั้น การศึกกิจิ๋วคืบหน้าด้วยดี เพราะฝ่ายตรงข้ามกำลังเสียขวัญกำลังใจ ด้วยไม่มีผู้นำสูงสุดมาทดแทนจอมทัพอย่างอ้วนเสี้ยว จนกินดินแดนกิจิ๋วไปได้กว่าครึ่งค่อนแล้ว แต่ครั้นสามพี่น้องเกิดความสามัคคี ร่วมมือกันยอมรับสถานะสามผู้นำเป็นการชั่วคราว กลับทำให้ขุมกำลังกิจิ๋วกลับคืนสู่สภาพเดิม กองทัพร้อยหมื่นในอดีตที่ถูกทำลายเสียหายไปก็จริง แต่อย่างน้อย ก็ยังมีร่วมห้าสิบหมื่นที่อยู่ในการควบคุมของกองทัพสามพี่น้อง และยังมีกองทัพรับจ้าง หรือกองทัพชนเผ่าพันธมิตรที่สามารถเรียกหาได้อีกในยามจำเป็น จึงยังเป็นสงครามที่ต้องอาศัยเวลาจัดการ
ดังนั้น แผนการของกาเซี่ยงที่ให้ชะลอศึกลงชั่วคราว จึงถูกต้องตรงใจของโจโฉยิ่งนัก เปลี่ยนยุทธวิธีการรบจากการประจันหน้าท้ารบ เป็นการบดขยี้ด้วยชั้นเชิงการทูต ด้วยการส่งสุมาอี้ กุนซือเต่าสมถะ ให้ไปเจรจาเกลี้ยกล่อมเตียวเอี๋ยนแห่งเปงจิ๋วเหนือ และกองซุนอวด ผู้นำของสกุลกองซุนที่หลบหนีไปอาศัยอยู่กับชนเผ่าพเนจรกลางทะเลทราย รอวันนัดหมายถล่มกองกำลังกิจิ๋วพร้อมกัน
ภายหลัง สุมาอี้กลับมารายงานผลอย่างเหนือความคาดหมาย เตียวเอี๋ยน ขุนโจรเก่า ถึงกับมีบุคคลสำคัญในขุมกำลังกิจิ๋วที่ต้องการสวามิภักดิ์ ฝากกลับมาให้ใช้งาน ซึ่งนับว่า เป็นคนสำคัญที่ทำให้การทำงานง่ายดายขึ้นมากนัก
ส่วนตัวโจโฉเอง กลับใช้เวลาช่วงนี้ไปศึกษาชัยภูมิสำคัญแห่งหนึ่งร่วมกับกุนซือกาเซี่ยง บัณฑิตอ้วนยู และองครักษ์เคาทู ในเมืองน้อยริมฝั่งน้ำฮวงโห เพื่อพิจารณาก่อสร้างเมืองใหม่ให้เป็นอาณาเขตของครอบครัวสกุลโจ และสกุลแฮหัว รายล้อมเคียงข้างปราสาทประจำตำแหน่งเจ้าพระยา ซึ่งอาจต้องใช้เวลาก่อสร้างอีกหลายปี
สามพี่น้องสกุลอ้วน อดทนจับมือกันเพื่อต้านศึกแดนใต้มาได้หลายเดือน พอสถานการณ์เริ่มผ่อนคลายลง ต่างฝ่ายต่างก็นำเรื่องผู้นำตระกูลสูงสุดกลับมาพูดคุยอีกครั้งหนึ่ง ทางหนึ่ง โจมตีความไม่เหมาะสมของคนอื่น อีกทางหนึ่ง ต่างก็โทษกันว่า เป็นต้นเหตุให้กองทัพใหญ่ของอ้วนเสี้ยวอ่อนแอ จนล่มสลายไปในที่สุด
ครั้งนั้น อ้วนถำพลาดท่าพ่ายแพ้ต่อม้าเฉียวจนได้รับบาดเจ็บ อ้วนซงเฝ้าค่ายใหญ่ถูกข้าศึกปล้นชิงจนหายสาบสูญ คงมีแต่อ้วนฮีที่รอดพ้นความพ่ายแพ้เพราะกลับมาเฝ้าเมืองหลักก่อนการตัดสินครั้งสุดท้าย แต่ไร้ความทะเยอทะยาน ทำให้ยามนี้ สามพี่น้องล้วนมีทั้งข้อดีข้อเสียปะปนกัน ยากจะตัดสินได้ชัดเจน
หากตัดสินกันด้วยแรงผลักดันของขุนนางนายทหารยังอาจดูทัดเทียมกันบ้าง แต่หากกล่าวถึงอิทธิพลหนุนหลัง อ้วนฮีเป็นที่ชื่นชอบของพวกชนเผ่าด้วยความเป็นเขยขวัญของเผ่าเซียนเปย อ้วนซงเป็นที่รักใคร่ของคนอาวุโสสกุลอ้วน ทำให้อ้วนถำรู้สึกโดดเดี่ยว และคับแค้นใจ ทั้งๆที่เป็นพี่ใหญ่ของคนทั้งสอง
พอกุนซือกัวเต๋าประเมินกำลังดูแล้ว ไม่เห็นโอกาสที่จะชนะฝ่ายตรงข้ามได้สักคน จึงทำให้แค้นเคืองยิ่งนัก และเริ่มแสวงหาพันธมิตรเพิ่มเติมด้วยการเปิดหน้าเจรจากับเตียวเอี๋ยนแห่งเปงจิ๋วเหนือที่ตัวเองพอคุ้นเคยอยู่บ้าง ในขณะที่อ้วนฮี อ้วนซงกลับประสานมือกัน คิดอาศัยกองทัพรับจ้างนาม ภูตมรณะ เข้ามาช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนจะพลาดท่า ถูกฝ่ายอ้วนถำเกทับ เสนอราคาสูงกว่าไปแล้ว
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ทำสงครามเย็นเข้าใส่กัน เพียงเพื่อหวังขึ้นเป็นใหญ่สืบทอดจากอ้วนเสี้ยวแทน สุดที่เตียวคับ สิมโพยและขุนนางนายทหารอื่นๆที่เป็นคนกลาง จะห้ามปรามอยู่ และเป็นเหตุให้ทัพซงหนู เซียนเปย ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขมานาน รีบถอนตัวกลับถิ่นฐาน ให้พ้นออกจากเค้าความยุ่งเหยิงของศึกสายเลือดนี้ไปก่อน แม้แต่นางเอียนซีที่เพิ่งได้กลับมาอยู่กับสามี ก็ถูกพาตัวกลับเผ่าเดิมอีกครั้งหนึ่ง
และแล้ว วันนัดหมายลงมือก็มาถึงหลังจากพ้นช่วงฤดูหนาวได้ไม่นาน กองทัพประสานสามเส้าของอ้วนถำก็เลือกที่จะลงมือก่อน เป็นกองทัพเปงจิ๋วใต้ของอ้วนถำ กับกองทัพเปงจิ๋วเหนือของเตียวเอี๋ยนเดินทางมาจากด้านตะวันตก กองทัพภูตมรณะนำมาโดยผู้นำนิรนามเดินทางมาจากทางเหนือ รุกเข้าโจมตีกองทัพกิจิ๋วของอ้วนฮีกับอ้วนซงที่เลือกแผนการตั้งรับอยู่ในเมือง
กองทัพสามประสานจึงตั้งทัพล้อมเมืองกิจิ๋วอยู่หลายสัปดาห์ จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เสบียงกรังเริ่มร่อยหรอลงไปทุกที กุนซือฮองกี๋ จึงส่งสัญญาณให้ขุนพลสิมโพย เตียวคับ ยกทัพเข้าโจมตีกองทัพอ้วนถำโดยเร็ว
สถานการณ์การรบพุ่งเป็นไปอย่างดุเดือด ธงรบของเตียวเอี๋ยนเคลื่อนเข้ามาสมทบ แต่แทนที่จะช่วยเหลืออ้วนถำ กลับเป็นการกระหน่ำซ้ำเติม พันธมิตรเตียวเอี๋ยนถึงกับเปลี่ยนท่าที ช่วยพวกอ้วนฮีอ้วนซงแทน ทำให้กองทัพอ้วนถำพลาดท่าเสียที ตกเป็นฝ่ายตั้งรับด้วยความฉุกละหุกร้อนรนใจ
แต่แล้ว กองทัพรับจ้างทางฝ่ายเหนือกลับปรากฏกายขึ้นคล้ายดั่งภูตผีปีศาจ ด้วยความสามารถเคลื่อนทัพอย่างลี้ลับไร้ร่องรอย ทำให้กองทัพขนาดเล็กลักษณะนี้ มีประสิทธิภาพน่ากลัวยิ่งนัก จนสร้างชื่อเสียงโด่งดังในแถบทะเลทราย และเป็นที่น่าเกรงขามของกลุ่มขุนโจร โดยเฉพาะพวกของเตียวเอี๋ยนนั่นเอง ดังนั้น เพียงแค่กองทัพภูตมรณะมาถึง กองทัพเปงจิ๋วเหนือก็ส่งสัญญาณถอยทัพกันในทันที
กองทัพอ้วนถำเพิ่งคลายใจไปเปลาะหนึ่งที่พวกเตียวเอี๋ยนล่าถอย แต่กองทัพปีศาจนั้นกลับลงมือซ้ำเติมเข้าใส่อีกรอบหนึ่ง จนครานี้ กองทัพอ้วนถำอ่อนกำลัง หมดสิ้นหนทางต่อสู้ ได้แต่ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว
กองกำลังฝ่ายอ้วนฮี อ้วนซง รู้สึกยินดีที่แผนการหักหลังสำเร็จผลด้วยดี ที่แท้ อ้วนซงได้ส่งคนไปติดสินบนต่อกองทัพเตียวเอี๋ยน และกองทัพรับจ้าง เกลี้ยกล่อมให้ทั้งสองทัพแสร้งเคลื่อนตัวช่วยเหลือพี่ใหญ่ แต่กลับซ้ำเติมทำร้ายอ้วนถำนั่นเอง ดังนั้น กองทัพสิมโพย เตียวคับเป็นเพียงตัวหลอก แต่ตัวจริงกลับเป็นพวกเตียวเอี๋ยน กับกองทัพภูตมรณะนั่นเองที่ผลัดเปลี่ยนกันโจมตีใส่พวกอ้วนถำ
ในเมื่อรูปการเป็นเช่นนี้แล้ว อ้วนอุ๋ยและคนอาวุโสสกุลอ้วนยังคิดประสานไมตรี ขอให้อ้วนฮี อ้วนซง เห็นแก่สายเลือดเดียวกัน ยอมรับอ้วนถำกลับคืนสู่สังกัดเดิมในฐานะสายเลือดเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง อ้วนซงจึงจำใจยอมส่งหนังสือเกลี้ยกล่อม ยินยอมให้อ้วนถำกับพวกวางอาวุธเดินทางเข้ามาเจรจากันอย่างสันติในตัวเมือง เพราะไม่เชื่อว่า อ้วนถำจะกล้าเดินเข้าถ้ำเสืออย่างมือเปล่าตามข้อตกลงนั้น
แต่แล้ว อ้วนถำกลับใจกล้าเกินคาด ยอมรับข้อเสนอ เดินทางเข้าเมืองมากับกุนซือกัวเต๋า และทหารผู้ติดตามเพียงไม่กี่สิบคน โดยเป็นขุนพลเตียวคับกำกับเข้ามาเอง อ้วนฮี อ้วนซง เหล่าผู้อาวุโสสกุลอ้วน กับกุนซือฮองกี๋ ขุนพลสิมโพย และขุนนางนายทหารทั้งหลาย จึงอยู่พร้อมหน้ากันที่ลานกว้างใจกลางเมืองอย่างกระอักกระอ่วนใจ
ยังไม่ทันได้เริ่มต้นเจรจาความเมือง กุนซือกัวเต๋ากับขุนพลเตียวคับกลับส่งสัญญาณไฟ ชิงสั่งการให้ทหารไล่สังหารผู้คนฝ่ายกิจิ๋วจนชุลมุนวุ่นวาย โดยที่อ้วนถำก็ไม่รับรู้ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ กองทัพปีศาจรับจ้างปรากฏตัวขึ้นในเมือง ลงมือไล่ฆ่าฟันไปทั่ว จึงเป็นเหตุให้อ้วนอุ๋ยและพวกผู้อาวุโสสกุลอ้วนเป็นกลุ่มแรกที่ตกเป็นเหยื่อสังหาร ติดตามด้วยขุนนางนายทหารที่ไม่ทันตั้งตัวอีกจำนวนมาก สุดวิสัยที่สามพี่น้อง และฮองกี๋ สิมโพย จะปรับตัวได้ทัน นอกจากคับแค้นใจที่ถูกหลอกลวงซ้ำๆ
ท่ามกลางความอลหม่านนั้นเอง อ้วนถำยังพอลงมือล้างแค้น สังหารกัวเต๋าตัวแสบได้ทัน ในขณะที่ฮองกี๋กลับถูกผู้นำนิรนามสังหารตายไป เตียวคับจับกุมตัวสิมโพยไว้ได้ สามพี่น้องเห็นว่าแกนนำตัวหลักของตนล้วนแต่แปรพักตร์ หรือถูกจับกุมบ้าง ถูกสังหารบ้าง จึงชิงหลบหนีไปคนละทิศคนละทาง อ้วนถำหนีมาสมทบกับกองทัพด้านนอก ในขณะที่อ้วนฮี อ้วนซงพากันหนีไปตั้งหลักที่หัวเมืองทางด้านเหนือแล้ว
ขณะที่เมืองกิจิ๋วเกิดความวุ่นวายขึ้นด้วยการรบกันเองของศึกสายเลือด และการผสมโรงซ้ำเติมของกองทัพภูตมรณะอยู่นั้นเอง กองทัพของอ้วนถำก็ถูกกองทัพเตียวเอี๋ยนบุกโจมตีซ้ำอีกครั้งหนึ่ง และแล้ว กองทัพของโจโฉที่ชำนาญในการเดินทัพรวดเร็ว กลับปรากฏขึ้นมาช่วยบดขยี้กองทัพอีกด้านหนึ่ง ราวกับนัดหมายกันไว้แล้ว
อ้วนถำที่เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำซ้ำซ้อน ขาดกุนซือข้างกายจึงเกิดหน้ามืดตามัว หวังว่าโจโฉจะเห็นแก่มิตรภาพสามขุนศึกในอดีต ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ต่อฝ่ายโจโฉ ทั้งๆที่กำลังทหารส่วนตัวนั้นยังพอมีอยู่ร่วมสิบหมื่น และหากผนวกเข้ากับทหารกิจิ๋วในเมืองก็ยังพอที่จะรักษาเมืองได้อยู่สักพัก เพราะอย่างไรก็เป็นพวกสกุลอ้วนด้วยกัน จึงเป็นการทิ้งโอกาสพลิกฟื้นให้กับขุมกำลังกิจิ๋วไปอย่างน่าเสียดาย
ดังนั้น โจโฉจึงเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์เมืองกิจิ๋วไว้ได้โดยง่าย กองทัพเตียวเอี๋ยนกับกองทัพภูตมรณะล้วนแสดงตัวเป็นพรรคพวกฝ่ายรัฐบาลด้วย แสดงว่า ทั้งหมดล้วนเล่นละครหลอกลวงให้พวกสกุลอ้วนหัวปั่นกันไปเอง จนขุมกำลังกิจิ๋วอันยิ่งใหญ่ต้องล่มสลายลงตรงหน้า สูญเสียกองทัพในมือจนหมดสิ้น
หลังจากเข้ามายึดครองภายในเมืองกิจิ๋วได้แล้ว โจโฉจึงปรึกษาเป็นการลับกับกลุ่มคนสนิทและกุนซือแล้วสร้างเหตุผล หาเรื่องสั่งประหารชีวิตอ้วนถำ และสมาชิกในครอบครัวที่เหลือรอดอยู่ทั้งตระกูล พร้อมทั้งขุนพลสิมโพย ผู้จงรักภักดีไปในคราวเดียว ด้วยข้อหาขบถต่อแผ่นดิน เช่นเดียวกันกับอ้วนเสี้ยว บิดา และอ้วนสุด ผู้เป็นอา
นับเป็นการขุดรากถอนโคนผู้ก่อการกบฏแห่งดินแดนเหนือ ตรงตามคำแนะนำที่อ้วนเสี้ยวเคยกล่าวแนะนำไว้ในครั้งสุดท้ายที่พบกัน และยกเมืองกิจิ๋วให้กองซุนอวด ซึ่งก็คือผู้นำนิรนามแห่งกองทัพภูตมรณะขึ้นดูแลแทน เพื่ออาศัยสายสัมพันธ์ดั้งเดิมของตระกูลกองซุนเปลี่ยนขั้วอำนาจ ล้มล้างอิทธิพลฝ่ายตระกูลอ้วนทางเหนือให้หมดสิ้น
ส่วนขุนโจรเก่า เตียวเอี๋ยนที่อุตส่าห์ลงมือช่วยเหลือตั้งมากมาย จึงตั้งให้เป็นเจ้าเมืองเปงจิ๋วปกครองทั้งมณฑลอย่างเป็นทางการ และอยู่คอยประสานงานกับกองซุนอวด ผู้ปกครองคนใหม่ของมณฑลกิจิ๋ว กวาดล้างอิทธิพลเก่าสกุลอ้วนในเขตแดนต่อไป
นอกจากนี้ โจโฉยังมีความคลางแคลงใจต่อท่าทีของเตียวคับ นายทหารคนสำคัญอีกคนหนึ่งอยู่บ้าง และมีความรู้สึกไม่ชอบหน้าอย่างรุนแรงโดยไม่รู้สาเหตุตั้งแต่แรกพบแล้ว หากแต่เตียวคับมีผลงานสำคัญในการหักหลังขุมกำลังสกุลอ้วนผ่านมาทางเตียวเอี๋ยน เจ้าเมืองเปงจิ๋วเหนือตั้งแต่ต้น และกาเซี่ยงกับเตียวเลี้ยวช่วยกันสนับสนุน ทำให้เตียวคับ ขุนพลผู้แปรพักตร์ หรือ อดีตเตียวคี ผู้สังหารโจโก๋ บิดาของโจโฉ จึงได้กลายมาเป็นหนึ่งในขุนพลในร่มธงของโจโฉได้ด้วยอีกผู้หนึ่ง
กาเซี่ยงถึงกับใช้โอกาสครั้งนี้ ประกาศก่อตั้งกลุ่มขุนพลห้าพยัคฆ์ ประกอบด้วย เตียวเลี้ยว เตียวคับ ซิหลง อิกิ๋ม งักจิ้น ตามลำดับ เพื่อสร้างความสามัคคีให้กับขุนพลรุ่นที่สอง ที่มีทั้งคนเก่าแก่ และคนใหม่กลุ่มนี้ สืบต่อจากกลุ่มขุนทัพสี่เทวะที่เริ่มสูงวัยแล้ว
การที่กาเซี่ยงช่วยไว้ ก็เพื่อให้ถูกต้องตรงกับประวัติศาสตร์ แต่ส่วนเตียวเลี้ยวร่วมด้วยนั้น ก็เพื่อตบตาต่อพรรคฟ้าเหลืองไปตามสถานการณ์ และเขาเองก็ล่วงรู้ว่าเตียวคับนั้น คือใครในอดีต การไว้ชีวิตคราวนี้ อาจก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเครือข่ายสุมาได้ในภายภาคหน้า
เตาจี๋ เทียนอู สองขุนพลรอง พร้อมกับอุยเอี๋ยน นายกองหนุ่ม เป็นสหายต่างเผ่าต่างวัยที่เข้ามาสมัครร่วมสังกัดของอ้วนเสี้ยวในช่วงเวลาที่ขุมกำลังกิจิ๋วอยู่ในช่วงรุ่งเรือง และบังเอิญถูกจัดมาลงอยู่ในสังกัดอ้วนฮีพร้อมกัน เตาจี๋วัยสามสิบห้าปี เทียนอูวัยสามสิบปี และอุยเอี๋ยนในวัยยี่สิบปี จึงสนิทสนมคุ้นเคยกันพอสมควร หวังอาศัยขุมกำลังกิจิ๋วเติบโตในวงการทหารต่อไป
ท่ามกลางความล่มสลายของสมรภูมิกัวต๋อ จนมาถึงการช่วงชิงยื้อแย่งอำนาจระหว่างสายเลือดสามพี่น้อง คนทั้งสามก็เป็นเพียงเบี้ยหมากในกระดานที่ถูกสั่งการให้สู้รบไปตามสายบัญชาการของกองทัพ เหนื่อยยากลำบากอย่างไร ก็ยังเป็นแค่นายทหารระดับล่างที่พอมีความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าพวกทหารเลวอยู่บ้าง แต่ห่างชั้นกว่าพวกนายทัพขุนพลอีกหลายช่วงตัวนัก
พอเกิดเหตุการณ์พลิกผันในเมืองกิจิ๋ว อ้วนถำถูกจับ อ้วนฮี อ้วนซง ผู้เป็นเจ้านายหลบหนีไปก่อนแล้ว คนทั้งสามจึงรู้สึกสิ้นหวังต่อการศึกสงครามที่ไร้โอกาสชนะ พากันซ่อนตัวเพียงรอจังหวะหลบหนีกันในยามค่ำคืน แต่แล้ว กุนซือกาเซี่ยงกลับป่าวประกาศในเมือง ตามหาชนเผ่านอกด่าน เพื่อให้ช่วยนำทางในการทำศึกชายแดน
เตาจี๋เป็นคนอูหวน เทียนอูเป็นคนเซียนเปย และล้วนเคยอยู่ในตำแหน่งนายทหารรอง จึงเห็นเป็นโอกาสในการสร้างผลงานแบบก้าวกระโดดได้อีกครั้ง ชักชวนเพื่อนตายให้อยู่ต่อ หากแต่อุยเอี๋ยนเป็นแค่นายกองชาวฮั่น ไม่เห็นโอกาสอันใด และคล้ายมีความลับในใจ จึงตัดสินใจแยกทางลงใต้ไปแสวงหาเจ้านายใหม่ตามลำพัง
เตาจี๋ เทียนอู รายงานตัวต่อกุนซือเงาปีศาจ ถึงกับผ่านการคัดเลือกให้เป็นนายทหารพิเศษประจำกองทัพที่ตระเตรียมเส้นทางการบุกตะลุยดินแดนนอกด่าน เพื่อทำภารกิจสร้างความสงบสุขชายแดนทางเหนือให้กับราชวงศ์ฮั่นในระยะยาว
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา