Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
16 มี.ค. 2021 เวลา 01:16 • นิยาย เรื่องสั้น
2.25. ลำนำทะเลทราย
ซันซัง กษัตริย์โกกุเรียว - สองผู้นำเผ่าซงหนู เซ็กเหียน (เฒ่าหินผา) ฮูฉูเฉียน (เฒ่าเนินทราย)
หลายวันต่อมา อ๋องซันซังและกองทัพโกกุเรียวล่าทัพกลับถิ่นฐานไปแล้ว เหลือเพียงกองทัพรัฐบาลที่ยังรั้งรออยู่ อ้วนฮีที่ถูกทารุณกรรมด้วยวิธีการแล่เนื้อทีละชิ้นมาหลายวัน ก็จบสิ้นชีวิตลง อันเป็นการลงทัณฑ์ที่โหดเหี้ยมจากโจผี ซึ่งเป็นผู้ดูแลการประหารด้วยตนเอง เพราะโกรธแค้นชิงชังที่อ้วนฮีบังอาจลักลอบเข้ามาสังหารบิดาของตน และต้องการบีบบังคับให้สารภาพแผนที่แท้จริงออกมา
นับตั้งแต่ตัวมันรับรู้ความตายอย่างอนาถของท่านปู่โจโก๋ พบเห็นท่านอาโจซุนพิการทุพพลภาพและสติเลอะเลือน นางเปียนสีตัวจริง ผู้เป็นมารดา ถูกฆ่าตายด้วยภัยสงคราม ล้วนแต่เป็นเรื่องราวที่รุนแรงสาหัสทั้งสิ้น ทำให้หนุ่มน้อยโจผี เติบโตมาพร้อมกับปมหลังฝังใจให้มีอารมณ์โกรธเกลียดรุนแรงเกินกว่าปกติ โดยเฉพาะใครก็ตามที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับตนเอง หรือคนในครอบครัวของมัน
โจผีเหม่อมองกองทัพโกกุเรียวที่เคลื่อนผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจีด้วยสายตาครุ่นคิด อ้วนฮีมิใช่ยอดฝีมือเลิศล้ำ กลับสอดแทรกผ่านกองทัพเกรียงไกร ปะปนเข้าไปอยู่ในกลุ่มนักแสดงได้อย่างกลมกลืน หรือว่า นี่เป็นการจัดฉากลอบสังหารผู้นำมาตั้งแต่แรก เพียงแต่พออ้วนฮีลงมือผิดพลาด อ๋องซันซังรีบตัดขาดความสัมพันธ์ได้ในทันที
“ที่แท้ มันก็ไม่ได้คิดจะทำศึกสงครามตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแค่จัดฉากโหมโรง เพื่อนำมาสู่การลงมือของนักฆ่านี่เอง เพียงแต่ว่า เพื่อการณ์อันใดกัน” โจผีกลับมีมุมมองกระจ่างชัด เพียงแต่น่าเสียดายที่คนบงการแท้จริงอาจจะมิใช่อ๋องซันซังดอก
…
วันรุ่งขึ้น ซากศพของอ้วนฮียังคงถูกทิ้งประจานอยู่ที่เดิม จนมีสตรีชนเผ่าแต่งกายชุดไว้ทุกข์ สวมหมวกปีกกว้างคลุมหน้า ปรากฏกายขึ้นที่หน้าค่ายทหาร เพื่อขอรับศพของอ้วนฮีไปทำพิธีตามประเพณีชนเผ่าทางเหนือ พอโจผีทราบเรื่อง จึงตามตัวให้เข้ามาพบในกระโจมนายทัพ ด้วยความขุ่นเคืองใจที่ยังไม่จางหายลง
เมื่อสตรีไว้ทุกข์เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า คุกเข่าตรงหน้าโจผี ทันใดนั้น กลับใช้มีดบินที่ซ่อนในหมวก ซัดใส่หมายสังหารชีวิต แต่โจผี ถึงแม้ยังมีอายุไม่มากนัก ก็เรียนรู้วิชาการต่อสู้มาจากกลุ่มสี่เทวะมาพอตัว จึงป้องกันมีดบินไว้ได้ ครั้นรุกเข้าประชิดจับกุมตัวไว้ได้ ค่อยเปิดหมวกให้เห็นใบหน้าสตรีไว้ทุกข์เป็นหญิงงามสะคราญ อายุมากกว่าตนสักสองสามปี จึงเกิดชอบใจในสาวงามตรงหน้าทันที
เมื่อสอบถามได้ความว่า นางชื่อเอียนซี ภรรยาสาวสวยของอ้วนฮี พื้นเพเดิมเป็นบุตรีของหัวหน้าเผ่าเซียนเปยกับชนชาวฮั่น จึงมีความชำนาญทั้งบุ๋นทั้งบู๊อยู่บ้าง ช่วงที่ตระกูลอ้วนถูกสั่งประหารล้างโคตร นางถูกส่งตัวกลับบ้านเกิดไปก่อน จึงรอดตัวไปได้
ดังนั้น โจผีจึงสั่งให้จับกุมนางไว้เป็นการลับ เพื่อหวังจะพิชิตใจนางให้ได้ในภายหลัง
...
เวลาต่อมา ภายในกองทัพเกิดคำร่ำลือหนาหูว่า โจโฉตกลงใจจะยกทัพบดขยี้ชนเผ่านอกด่านที่เคยให้การช่วยเหลือตระกูลอ้วนต่อไปอีก เพื่อให้เป็นที่หลาบจำ สร้างความหวั่นวิตกให้กับเผ่าซงหนู และเผ่าเซียนเปย ชนเผ่าที่พัวพันคลุกคลีอยู่กับการเมืองแถบชายแดนกำแพงใหญ่มานาน
กลุ่มคนที่คุ้นเคยการเมืองท้องถิ่นย่อมรับรู้อยู่ว่า ชนเผ่าซงหนูยังคงรู้สึกอาฆาตแค้นต่อพวกฮั่นไม่สร่างซา เพียงแต่รอคอยวันเวลาในการสะสางเรื่องราว ดังเช่น ในสมัยที่ราชวงศ์ฮั่นเริ่มร่วงโรยเพราะปัญหาเรื่องพรรคฟ้าเหลืองของเตียวก๊ก ข่านโมตุน ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าถึงกับให้การสนับสนุนพวกขบถในทางลับ และจัดทหารเอกสองคนในรหัสลับชื่อ หินผา และเนินทราย ให้เป็นผู้นำกองกำลังอาสา ช่วยดูแลจัดตั้งชุมโจรลับสาขาทะเลทรายนอกด่านให้กับพรรคฟ้าเหลืองอีกทางหนึ่ง
จนเมื่อพรรคฟ้าเหลืองล่มสลาย ผู้เฒ่าทั้งสองจึงใช้กองกำลังที่มีอยู่นั้น หันมายึดอำนาจเผ่าซงหนูจากข่านโมตุนที่เป็นเจ้านายเก่าเสียเอง และตั้งตนเป็นหัวหน้าเผ่าแทน บารมีของเผ่าซงหนูภายใต้การนำของเซ็กเหียน ผู้เฒ่าหินผานั้นจึงเสื่อมถอยลงไปกว่าเดิมไม่น้อยด้วยชื่อเสียงเบื้องหลังที่อื้อฉาว
หมายเหตุ ชุมโจรเก่าที่ว่างเปล่านั้น ภายหลัง ได้ถูกเตียวเอี๋ยนนำมาใช้เป็นที่ทำการพรรคฟ้าเหลืองต่อไป เปิดรับนักสู้พเนจรเข้ามาทำงานมืด ในนาม กองทัพภูตมรณะ จนสุดท้าย ค่อยผ่องถ่ายการบริหารไปให้กับพวกสกุลกองซุนในที่สุด
ในขณะที่ชนเผ่าเซียนเปยกลับมีสถานะผิดแผกแตกต่างกัน ความแค้นระหว่างบรรพบุรุษไม่เคยมีต่อกัน แต่ทัวปาลี่เวย ผู้เป็นหัวหน้าเผ่ากลับมีความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติกับพวกสกุลอ้วนเสียด้วยซ้ำ และมีแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ อ้างอิงชัดเจนว่า พบเห็นอ้วนฮีอาศัยหลบซ่อนอยู่ในกระโจมของนางเอียนซี บุตรสาวคนงามของทัวปาลี่เวยมาก่อนการลงมือลอบสังหารที่ผ่านมา
ดังนั้น กลุ่มคนจึงมีความคิดเห็นตรงกันว่า เป้าหมายต่อไปของฝ่ายโจโฉ สมควรเป็น เผ่าเซียนเปยก่อน กองทัพพยัคฆ์เสือดาวเริ่มตระเตรียมยุทโธปกรณ์และเสบียงกรัง เพื่อออกตะลุยศึกทะเลทรายอีกครั้ง
…
เบื้องแรกที่มีข่าวแพร่กระจายออกมา ชนเผ่านอกด่านคล้ายจะมีการนัดเจรจาหารือ เพื่อรวมตัวกันต่อต้านพวกฮั่น แต่ในขณะที่ผู้เฒ่าหินผาแห่งเผ่าซงหนูยังมีความลังเลใจว่าสมควรวางตัวอย่างไร ทัวปาลี่เวยแห่งเผ่าเซียนเปยกลับเปลี่ยนใจ ส่งทูตเข้ามายื่นข้อเสนอขอเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์ฮั่น แต่มีเงื่อนไขพ่วง คือการขอให้โจโฉส่งคืนตัวลูกสาวนางเอียนซีในทันที
โจโฉงุนงงกับข้อเรียกร้อง จึงเรียกโจผีมาสอบถามในที่ประชุม ค่อยทราบความทั้งหมด สุมาอี้ซึ่งรอบรู้การเมืองของชนเผ่านอกด่านเป็นอย่างดี จึงเสนอให้โจโฉรับนางเอียนซีประกาศเป็นลูกสะใภ้ให้กับโจผีเสียเลย เป็นการสร้างความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติกับชนเผ่านอกด่านแทน นับว่า สุมาอี้หวังใช้ทั้งไม้แข็งไม้อ่อนกับชาวอนารยชนเหล่านี้ตามสถานการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้น
ทัวปาลี่เวย หัวหน้าเผ่าเซียนเปยกลับยอมรับข้อเสนอโดยดุษฎี ถึงกับยอมส่งมอบ นกยูงทองแดง สัญลักษณ์ประจำสกุลอ้วน ที่อ้วนฮีฝากให้เก็บรักษาไว้ชั่วคราว มาให้เป็นสินสอดแลกเปลี่ยน สร้างความแตกตื่นยินดีต่อโจโฉยิ่งนัก เพราะอ้วนเสี้ยว สหายเก่า เคยเล่าไว้ว่า สัญลักษณ์ประจำตระกูลชิ้นนี้เป็นสิ่งของพระราชทานจากกษัตริย์ฮั่น มาตั้งแต่สมัยโบราณกาล
ด้วยความยินดีปรีดาที่ได้รับพันธมิตรชนเผ่าแบบไม่สูญเสียกำลังพล หรือเพราะสิ่งของพระราชทานชิ้นนั้น ก็ยากจะคาดเดา โจโฉจึงอาศัยตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ประกาศแต่งตั้งให้ทัวปาลี่เวยขึ้นเป็นอ๋องแห่งเซียนเปย มีบรรดาศักดิ์ทัดเทียมกับซันซัง อ๋องแห่งโกกุเรียวที่เพิ่งถอนทัพจากไปในทันที เท่ากับเป็นการประกาศรับรองสถานะและเขตแดนของเผ่าเซียนเปยขึ้นมาแล้วอีกดินแดนหนึ่ง
ขุนนางนายทหารในที่ประชุมทหารล้วนมีใบหน้าเปลี่ยนแปลง เพราะอำนาจในการแต่งตั้งผู้คนระดับอ๋องผู้ปกครองดินแดนเช่นนี้ สมควรเป็นพระบรมราชโองการจากกษัตริย์เหี้ยนเต้ มิใช่เป็นคำกล่าวของคนสามัญที่ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ แสดงว่า ภายในจิตใจของโจโฉในยามนี้ อาจจะเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้วจริงๆ แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวคำทักท้วงในที่นั้น
บุพเพสันนิวาสระหว่างโจผี กับนางเอียนซี จึงเป็นไปเช่นนี้ ด้วยการหนุนส่งของสุมาอี้นี่เอง แต่สิ่งที่ไม่มีใครรู้ คือ นางเอียนซีกำลังตั้งครรภ์อยู่ก่อนแล้ว และนางยังคงชิงชังโจผี ผู้ที่สั่งการสังหารสามีนางอย่างเหี้ยมโหด ไม่เปลี่ยนแปลง แต่จนใจที่ไม่มีหนทางต่อสู้ได้ และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของชนเผ่าของตนด้วย หากแข็งขืนทำร้ายโจผีที่มีจิตใจเหี้ยมโหดเช่นนี้ เห็นทีว่าเภทภัยจะไปถึงเผ่าเซียนเปยของนางแล้ว
เรื่องราวการเมืองเหล่านี้ ปกติ นางจะไม่ค่อยล่วงรู้มากนัก หากแต่คล้ายฟ้าดินกำหนด ทำให้เมื่อหลายคืนก่อน ทัวปาลี่เวยผู้เป็นบิดา ถึงกับใช้เวลาอธิบายเรื่องราวให้ผ่านหูตั้งมากมาย ราวกับล่วงรู้ว่า นางจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญในหมากกระดานนี้
…
แต่พอข่าวการแต่งตั้งอ๋องเซียนเปยเผยแพร่ออกไป กลับเป็นคุณประโยชน์มหาศาล เพราะชนเผ่าซงหนูที่ปกติยอมหักไม่ยอมงอ รู้สึกโดดเดี่ยวไร้พรรคพวกสนับสนุนแล้ว ถึงกับยอมส่งสารมาขอเป็นพันธมิตรด้วยเช่นกัน สร้างความแตกตื่นยินดีให้กับกองทัพที่ไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อเลยแม้แต่สักคนเดียว ก็สร้างคืนความสันติให้กับดินแดนนอกด่านได้แล้ว
และก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่โจโฉบังอาจแต่งตั้งเซ็กเหียน ผู้เฒ่าหินผาให้เป็นอ๋องแห่งซงหนูไปอีกคนหนึ่ง ทำให้ภาพเขตแดนทะเลทรายนอกด่านยามนี้ถูกแบ่งปันออกเป็นสามส่วนสามดินแดนไปโดยปริยาย ส่วนชนเผ่าอื่นๆคงได้แต่ปรับตัวเข้าร่วมกับเผ่าใดเผ่าหนึ่งเพื่อความอยู่รอด หรือจะยินยอมโยกย้ายออกไปไกลขึ้นอีกก็แล้วแต่
สถานการณ์ด้านเหนือจึงถือว่าปลอดภัยได้อีกนาน โกกุเรียว ซงหนู และเซียนเปย กลายเป็นพันธมิตรสามเส้า คานอำนาจกันเอง จนแบ่งเบาภาระสงครามฝั่งนี้ไปได้มาก โดยมีกองซุนอวดแห่งกิจิ๋ว คอยกำกับจากหลังแนวกำแพงใหญ่เป็นด่านกันชนสำคัญ
การล่มสลายของเผ่าอูหวนก็เป็นตัวอย่างที่น่าหวาดกลัวต่อคนแถบนี้ไปอีกนาน และสร้างชื่อเสียงให้กับเตียวเลี้ยว ซิหลง เตียวคับ รวมทั้ง อิกิ๋ม งักจิ้น อีกสองขุนพลพยัคฆ์ จนเป็นที่ยอมรับนับถือ รองจากพวกสี่เทวะที่ขยับขึ้นเป็นขุนพลระดับใหญ่ขึ้นไปแล้ว โดยมีฉายา เสือโคร่ง เสือสมิง เสือดาว เสือขาว เสือดำ ตามลำดับ
ต่อมาภายหลัง โจโฉยังสั่งการให้บัณฑิตอ้วนยูนำนกยูงทองแดงไปประดิษฐานไว้บนหลังคาปราสาทประจำตำแหน่ง และเรียกขานชื่อปราสาทนั้นว่า ปราสาทนกยูงทองแดง เพื่อรำลึกถึงสหายเก่า และการศึกทางเหนือที่สำเร็จลุล่วงด้วยดีเช่นนี้
ที่จริง แผนการลูกโซ่ทั้งหมดนี้ล้่วนเป็นผลงานชิ้นเอกร่วมกันของกุนซือเงาปีศาจ กาเซี่ยง กับกุนซือเต่าสมถะ สุมาอี้ จับคู่กันกลั่นกรองส่งมอบให้โจโฉจัดการได้อย่างลงตัวสวยงาม การเอาชนะใจพวกชนเผ่าด้วยพระเดชพระคุณเช่นนี้ จะทำให้พวกชนเผ่าป่าเถื่อน สามารถอยู่ร่วมกับราษฎรท้องถิ่นได้ยาวนานกว่าการปราบปรามอย่างหนักหน่วง เหมือนในอดีตกาลที่ผ่านมา
นอกจากนั้น กาเซี่ยงยังเสนอเปิดพื้นที่การค้าให้ชนเผ่าเร่ร่อนทั้งหลายให้เข้ามาทำกินได้อย่างอิสระ เพื่อแลกเปลี่ยนกับฝูงอาชาพันธุ์ดีให้เข้ามาเสริมทัพของโจโฉ ปัดฝุ่นแผนการสร้างกองทัพม้าเหล็กขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ทำให้กองทัพหลวงแผ่นดินฮั่นเข้มแข็งขึ้นทันตา แต่นี้ต่อไป ดินแดนทางเหนือจะกลายเป็นพื้นที่ปศุสัตว์กว้างใหญ่ และแหล่งเพาะพันธุ์ม้าชั้นดี ส่งมอบให้กับกองทัพสกุลโจได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน ทดแทนเขตปศุสัตว์เมืองเสเหลียงได้เป็นอย่างดี
…
ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปด้วยดีแล้ว หากแต่ค่ำคืนหนึ่ง กลับมีกองทัพลึกลับไม่ระบุสังกัดจำนวนไม่มาก แอบเข้ามาโจมตีค่ายใหญ่กองทัพหลวงของโจโฉอย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน หากแต่น้ำน้อยย่อมแพ้กองไฟ แม้ผู้มาจะเก่งกาจเหี้ยมหาญ แต่ก็ไม่อาจต้านทานกองกำลังมหาศาลที่ตั้งอยู่ได้ สุดท้าย ตัวผู้นำทัพจึงถูกจับกุมตัวได้ กองกำลังที่ยกมาล้วนแตกหนีหลบหายไป
โจโฉนำตัวผู้นำขึ้นสอบสวนกลางที่ประชุมทหาร ถึงกับเป็นฮูฉูเฉียน ขุนศึกใหญ่แห่งเผ่าซงหนู ผู้เป็นน้องชายร่วมสาบานของเซ็กเหียน ผู้เฒ่าหินผา ซึ่งแต่เดิมเคยใช้รหัสลับ ผู้เฒ่าเนินทราย นำกองทัพรับจ้างภูตมรณะบุกเข้ามา เพื่อปล้นชิงตัวคนผู้หนึ่งในกองทัพ เป็นอดีตนางรำจากแดนโกกุเรียว นาม ซัวบุ้นกี โดยระบุข้อหา สร้างความอัปยศต่อผู้นำชนเผ่าและทายาทผู้สืบทอด
โจโฉงุนงงสงสัย ได้แต่ให้นำตัวซัวบุ้นกีมาไต่ถาม นางจึงเล่าความหลังครั้งที่หลบหนีออกจากเมืองหลวงก็หมายใจจะไปพบกับโจโฉที่เมืองกุนจิ๋ว หากแต่ยามนั้น โจโฉกับสี่เทวะกำลังวุ่นวายอยู่กับการตระเตรียมกองทัพรับศึกใหญ่ ไม่อาจปลีกตัวมารับรู้เรื่องราว เหลือเพียงบิดาผู้เฒ่าโจโก๋กับน้องชายโจซุนอยู่ที่บ้านพัก
เมื่อโจโก๋รับฟังความของซัวบุ้นกี เกรงว่าจะนำเภทภัยทางการเมืองมาให้พวกตน และไม่ต้องการให้โจโฉเสียสมาธิในการก่อร่่างสร้างตัว จึงมองนางว่าไม่คู่ควรต่อบุตรชายด้วยประการทั้งปวง จึงสั่งการให้โจซุนแอบอ้างชื่อโจโฉ นำตัวซัวบุ้นกีกับบัณฑิตหนุ่มนามตังกี๋ออกไปฆ่าทิ้งเสียนอกเมือง
ยังโชคดีที่โจซุนจิตใจดีงาม ตระหนักว่าเรื่องนี้ บิดาตัดสินใจไม่ถูกต้อง จึงแจ้งให้คนทั้งสองหนีไปทางเหนือ ขออาศัยกับอ้วนเสี้ยวเพื่อนสนิทของพี่ใหญ่เป็นการชั่วคราว
แต่ช่วงปีนั้นเป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวาย กองทัพพันธมิตรรอบสองกำลังสู้รบกันวุ่นวาย อ้วนเสี้ยวผู้นำไม่สะดวกพบปะผู้คน คนสกุลอ้วนที่ออกมารับเรื่องกลับกลายเป็นอ้วนฮี หนึ่งในสี่คุณชายเมืองหลวง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องของความเจ้าชู้ เจ้าสำราญ
พออ้วนฮีทราบเรื่องของซัวบุ้นกี หนึ่งในสามดรุณีเมืองหลวงที่มีชื่อเสียงทัดเทียมกับพวกตนในอดีต ใจหนึ่งก็อยากช่วยเหลือด้วยคุณธรรม ใจหนึ่งก็อยากจะเก็บไว้เป็นเมียลับในลำดับถัดไป จึงปิดเรื่องราวเอาไว้ และแอบจัดแจงที่พักหลบซ่อนไว้นอกเมือง พร้อมทั้งให้เงินทองแก่บัณฑิตตังกี๋ เพื่อตัดหนทางช่วยเหลือออกไป
บัณฑิตตังกี๋ ลูกศิษย์ชั้นปลายแถวในสังกัดซัวหยง รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล จึงวนเวียนดูท่าทีของคุณชายเจ้าสำราญอยู่เงียบๆ จนแน่ใจแล้วว่า อ้วนฮีมีเป้าหมายไม่ซื่อตรง จึงฉวยโอกาสยามราตรี ลอบพาตัวซัวบุ้นกีหลบหนีไปกันอีกรอบหนึ่ง
ยามนั้น ทั้งสองหนีไปหลบซ่อนอยู่ในหมู่บ้านน้อยแถบชายแดนอยู่หลายเพลา จนเริ่มมีใจต่อกันบ้าง หากแต่เคราะห์ร้ายไม่หมดสิ้น พวกเผ่าซงหนูถึงกับยกพวกมาปล้นชิงทรัพย์สินในหมู่บ้าน ฉุดคร่าตัวเฉพาะหญิงสาว สังหารชายหนุ่ม คนชรา และเด็กเล็กอย่างเหี้ยมโหด ซัวบุ้นกีจึงตกเป็นหนึ่งในเชลยสาวของชนเผ่านอกด่าน
ด้วยความงดงามและความรอบรู้ของนาง ทำให้ซัวบุ้นกีถูกจัดให้อยู่ในกระโจมนางบำเรอคนพิเศษของหัวหน้าเผ่าเซ็กเหียนจนเป็นที่โปรดปราน และมีทารกตัวน้อยด้วยกันหนึ่งคน ภายหลัง จึงได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็น “มารดาแห่งผู้สืบทอด” มีความเป็นอยู่สุขสบายขึ้น มีเวลาแต่งบทกลอน สร้างทำนองเพลง เผยแพร่ศิลปะชาวฮั่นให้กับผู้คนรอบข้างบ้างแล้ว ทำให้เรียกขานเป็น “บุปผาทะเลทราย” อีกชื่อหนึ่ง
ชีวิตของราชินีนักปราชญ์แม้ไม่ยากลำบาก แต่ชนเผ่าเร่ร่อนกลางทะเลทรายย่อมมีการรบพุ่งต่อสู้ไม่หยุดหย่อน ฐานที่มั่นของเผ่าซงหนูกลับถูกจู่โจมโดยกองทัพใหญ่ของเผ่าโกกุเรียว ทำให้นางซัวบุ้นกีพลัดหลงออกจากกลุ่มของผู้เฒ่าหินผา และถูกฝ่ายตรงข้ามจับตัวเป็นเชลยศึกคนพิเศษ โดยมิได้ถูกกดขี่ทำร้ายใดๆ เพราะอ๋องซันซังชื่นชมในตัวนางที่มีชื่อเสียงเป็นผู้รอบรู้ชาวฮั่นโดยเฉพาะ
แม้ว่า นางซัวบุ้นกีจะถูกจับตัวไปเป็นเชลยศึกในฐานะใดก็ตาม ธรรมเนียมประจำเผ่าที่ถือปฏิบัติให้ถือว่า เป็นความด่างพร้อยต่อเกียรติประวัติของผู้นำที่ไม่อาจปกป้องสตรีสำคัญในสังกัดได้ ดังนั้น ผู้เฒ่าหินผาได้แต่ต้องยอมรับขนบประเพณี ออกประกาศให้ตามล่าสังหารสตรีต้องห้าม และหากผู้ใดทำสำเร็จ จะได้รับโอกาสเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำเผ่าเป็นคนต่อไป
เมื่อร่องรอยของซัวบุ้นกีได้รับการเปิดเผยออกมาจากข่าวการลอบสังหาร ฮูฉูเฉียน ผู้เฒ่าเนินทรายในฐานะน้องร่วมสาบาน จึงได้แต่ต้องกำจัดนางทิ้งก่อนคนอื่น เพื่อรักษาเกียรติยศของผู้นำพี่ชาย และรักษาอำนาจในการสืบทอดเอาไว้เสียเอง
…
ในเมื่อชีวิตของนางซัวบุ้นกี คนธรรมดาสามัญ กลับกลายเป็นประเด็นการเมืองระหว่างชาติพันธุ์ที่ละเอียดอ่อน โจโฉจึงนำความไปปรึกษากับพวกกุนซือกาเซี่ยง สุมาอี้ เพื่อหาทางออก จนในที่สุด ได้รับหนทางสว่างที่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในยามนี้ และทันเวลากันกับที่กองทัพใหญ่ของพวกซงหนูยกตามมาถึงพอดี
กองทัพรัฐบาลชาวฮั่นกับกองทัพชนเผ่าทะเลทรายตั้งประจันหน้ากันอีกครั้งหนึ่ง ผู้เฒ่าหินผาในชุดออกศึก ถือลูกตุ้มใหญ่กระตุกม้าออกมาอย่างห้าวหาญพร้อมเสียงทหารองครักษ์ตะโกนแจ้งข้อความให้แทน “ผู้นำเผ่าซงหนู เซ็กเหียน ขอเรียกร้องให้ท่านผู้สำเร็จราชการปล่อยตัวขุนพลฮูฉูเฉียนและนางซัวบุ้นกีกลับคืน เพื่อรักษามิตรภาพระหว่างกัน มิฉะนั้น สงครามแห่งเกียรติยศจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”
โจโฉในชุดแม่ทัพใหญ่เต็มยศ บังคับม้าออกมาเช่นกันพร้อมชูกระบี่อาญาสิทธิ์ขึ้น สุมาอี้รีบส่งเสียงประกาศ เลียนแบบตามธรรมเนียมปฏิบัติของชนเผ่าทะเลทราย “ผู้สำเร็จราชการแห่งแผ่นดินฮั่น โจโฉ อนุญาตให้ปล่อยตัวฮูฉูเฉียนได้ ส่วนนางซัวบุ้นกี ผู้มีสมญา “บุปผาทะเลทราย” นั้น แต่เดิมคุ้นเคยสนิทสนมอยู่กับกษัตริย์เหี้ยนเต้ เพราะบิดานางนามซัวหยงเป็นพระราชครูคนสนิทในวังหลวง
นับจากที่นางหายสาบสูญมาร่วมสิบปี ฮ่องเต้คิดคำนึงถึงนางไม่เว้นวัน จนถึงกับแต่งตั้งย้อนหลังให้นางเป็นเจ้าหญิงพระพี่นางในราชวงศ์ฮั่นไปแล้ว จึงไม่ต้องการให้นางพลัดพรากจากกันไปอีก แต่เพื่อรักษาน้ำใจของท่านผู้นำชนเผ่า ฮ่องเต้จึงขอมอบบรรดาศักดิ์ให้เซ็กเหียนเป็นผู้นำกิตติมศักดิ์ประจำชายแดน และยินยอมให้บุตรชายอันเกิดจากนางซัวบุ้นกีนั้น ใช้แซ่สกุลเล่าเช่นเดียวกันกับคนในราชวงศ์ฮั่นได้”
ผู้เฒ่าหินผาครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ค่อยขยับกายลงจากหลังม้า ค้อมคารวะมาแต่ไกล เป็นสัญญาณการยอมรับต่อเงื่อนไขสงบศึก โจโฉจึงกระทำตามประเพณีเช่นเดียวกัน เสียงทหารทั้งสองกองทัพโห่ร้องกึกก้อง ยินดีที่ไม่ต้องสู้รบก็สามารถหาข้อยุติได้แล้ว
…
การเก็บรักษานางซัวบุ้นกีให้ได้อยู่ข้างกายของโจโฉเป็นโจทย์หินที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคให้สำเร็จ ยังดีที่สุมาอี้ได้กาเซี่ยงมาช่วยเหลือออกความคิดร่วมกัน แผนการสร้างเรื่องแต่งตั้งเจ้าหญิงย้อนหลังเป็นเกราะคุ้มกันให้กับนางซัวบุ้นกี จึงทำให้ชนเผ่าซงหนูไม่อาจแตะต้องนางได้อีกต่อไป และยินยอมรับข้อเสนอเกียรติยศทั้งปวงไว้แทน อย่างน้อย เผ่าซงหนูก็ได้เป็นผู้นำสูงสุดในดินแดนทางเหนือ และ เล่าเปา ทายาทของผู้นำยังได้รับโอกาสใช้สกุล “เล่า” ซึ่งเป็นตำนานใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
จริงอยู่ว่า การแต่งตั้งเจ้าหญิงพระพี่นางโดยพลการเช่นนี้ เป็นการล่วงละเมิดอำนาจฮ่องเต้อย่างแน่นอน แต่โจโฉสามารถอ้างได้ว่า ใช้อำนาจของผู้สำเร็จราชการตามสถานการณ์ฉุกเฉินเฉพาะหน้า ตัดสินใจเลือกหนทางสันติแทนการทำสงครามยืดเยื้อ ย่อมเป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอ ส่วนการกระทำให้ถูกต้องตามจารีตประเพณีนั้น ค่อยหาทางว่ากล่าวกันได้ในภายหลัง
เป็นไปตามความคาดหมายของผู้คนหลายคนที่อ่านจิตใจของโจโฉนักรักอย่างทะลุปรุโปร่ง เมื่อกำจัดปัญหาทางการเมืองจนเสร็จสิ้นไปแล้ว โจโฉ ถึงกับหาเหตุต้องการสร้างความสงบเรียบร้อยทางชายแดนต่ออีกสักระยะหนึ่ง แต่ใช้เวลาอยู่ดูแลรักษาอาการบาดเจ็บของนางอย่างใกล้ชิดจนหายดี และเปิดใจให้กับถ่านไฟเก่า จนขลุกอยู่ในห้องหอกับนางไปอีกร่วมเดือน ราวกับจะชดเชยวันเวลาที่สูญหายไป
…
ณ กระโจมผู้นำเผ่าซงหนู เซ็กเหียน เฒ่าหินผากำลังชื่นชมหนังสือแต่งตั้งที่โจโฉมอบให้ ในขณะที่ฮูฉูเฉียน เฒ่าเนินทราย คล้ายยังไม่เข้าใจในแผนการ จนต้องเอ่ยถาม “ท่านเคยบอกว่า คิดค้นหมากพิษซัวบุ้นกี หวังให้เกิดศึกชิงนางระหว่างฮั่นกับโกกุเรียว มิใช่หรือ แต่ดูเหมือนตอนนี้เรื่องราวจะผิดเพี้ยนไปจากเดิมแล้ว”
“ถูกต้อง ตอนแรก เราคาดหวังให้ซันซังทำสงครามปะทะกับโจโฉในสนามรบสักรอบหนึ่ง หากแต่เผอิญเกิดตัวแปรสำคัญสอดแทรก คลี่คลายความรุนแรงของสถานการณ์ หากเรายังฝืนดึงดันตามแผนเดิมนั้น สิ่งที่เราแอบซุ่มซ่อนหลายปีที่่ผ่านมาก็จะถูกเปิดโปงให้เสียหายไปสิ้น เราจึงปรับแต่งทิศทางเสียใหม่” เซ็กเหียนกล่าวเฉลย
“อ้วนฮีมันติดต่อขอความช่วยเหลือเข้ามา ข้าจึงจัดการให้มันเข้าไปปะปนอยู่ในกลุ่มนักแสดงโกกุเรียว ลอบสังหารโจโฉกลางงานเลี้ยง เพื่อส่งหมากนารีพิฆาตไปไว้ข้างกายมัน หลังจากนี้ ชะตากรรมของซัวบุ้นกีก็จะทำให้โจโฉต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อปลาใหญ่ติดกับดักร่างแห ก็ใกล้จะตายน้ำตื้นแล้ว” ผู้นำเซ็กเหียนแสยะยิ้ม ทำตาลุกวาวแฝงความดุดัน แตกต่างจากท่าทีหงอยเหงาตามปกติอย่างสิ้นเชิง แสดงถึงความมากเล่ห์ซ่อนคมที่มีความร้ายกาจยิ่งนัก
…
บนเรือประมงลำน้อยในทะเลกว้างใหญ่ เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดสิบแปดปี แต่โครงร่างสูงใหญ่ บึกบึน มองย้อนกลับมายังแผ่นดินเกิดอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย
ท่านพ่ออ้วนเสี้ยว จอมทัพผู้ทรงอิทธิพล พี่ชายอ้วนถำ นักรบที่ห้าวหาญ พี่ชายอ้วนฮี คุณชายเจ้าสำราญ ล้วนทะยอยตกตาย ผู้คนในครอบครัวทั้งหลายก็ถูกประหารไปจนหมดสิ้น โชคดีที่ครั้งนั้น มันแยกทางกับอ้วนฮี ปลอมปนเป็นคนท้องถิ่นอยู่ในเผ่าอูหวน แม้จะพลาดท่าถูกค้นพบเบาะแส แต่มันก็ยังหลบรอดมาจนได้ "สักวันหนึ่ง ข้าจะกลับมาล้างแค้นเจ้าพวกแซ่โจให้หมดทั้งตระกูล"
ที่แท้เป็น อ้วนซง คุณชายคนเล็ก ทายาทที่แท้จริงของอ้วนเสี้ยว อดีตนกกระสา อันดับสาม แห่งหน่วยปักษาสวรรค์ กำลังมุ่งหน้าสู่ดินแดนโพ้นทะเลทางทิศตะวันออกตามคำบอกเล่าของพ่อค้าแซ่เตียว สหายรุ่นน้องของบิดานั่นเอง
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 2 - ปักษีครองอุดร
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย