Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
17 มี.ค. 2021 เวลา 02:53 • นิยาย เรื่องสั้น
2.26. ร่างแหบ่วงเสน่หา
สามดรุณีนครหลวง ซัวบุ้นกี ไต้เกี้ยว เสียวเกี้ยว
สุมาเต๊กโชเคยลอบสังเกตพฤติกรรมของสามขุนศึก อ้วนเสี้ยว โจโฉ ซุนเกี๋ยน จึงพอทราบเรื่องราวความสัมพันธ์ของโจโฉ กับ ซัวบุ้นกี และไต้เกี้ยว เสียวเกี้ยว ทั้งสามดรุณีเมืองหลวง อยู่บ้าง และบอกเล่าให้กับสุมาอี้ ลูกชายไว้เป็นข้อมูล
หากไต้เกี้ยว-เสียวเกี้ยว คือ ความรักที่ถวิลหา ซัวบุ้นกีก็คือ ความรักที่ฝังใจของโจโฉมาเนิ่นนานแล้ว เพราะทั้งสองได้พบกันมาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว เมื่อครั้งที่โจโฉเพิ่งกลับเข้าเมืองหลวงรอบสอง ซัวบุ้นกีเป็นบุตรีของซัวหยง ราชบัณฑิตคนดังในยุคสมัยโฮจิ๋นเรืองอำนาจ ถูกจัดเป็นหนึ่งในสาวงามประจำเมือง ความสัมพันธ์ของโจโฉกับซัวบุ้นกีจึงงอกงามเบ่งบานโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้
เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องราวทางการเมืองมาพลิกผัน ทำให้โจโฉวัยหนุ่ม มักจะแอบหลบเข้าไปแต่งกวี ร่ำสุรา เล่นดนตรีกับซัวบุ้นกีอยู่เนืองๆ เรื่อยมาจนถึงยุคตั๋งโต๊ะ ซัวหยงก็กลายเป็นพระราชครูไปแบบส้มหล่น ทำให้พวกมันเหมือนถูกกีดกันให้แยกจากกัน เพราะซัวหยงเทใจ อยากได้ลิโป้เป็นลูกเขยมากกว่า
แต่แล้ว เมื่อการเมืองเปลี่ยนผัน อ้องอุ้นปราบตั๋งโต๊ะได้สำเร็จ ทำให้ซัวหยงที่จงรักภักดีต่อตั๋งโต๊ะจนออกนอกหน้า พลอยถูกประหารชีวิตไปด้วย นางซัวบุ้นกีเลยหายสาบสูญไป ด้วยคาดว่าจะหลบหนีภัยการเมือง นึกไม่ถึงว่า นางตกระกำลำบากไปไกลถึงนอกด่านตั้งนานนับสิบปีเช่นนี้
ดังนั้น เมื่อซัวบุ้นกีปรากฏกายขึ้นเช่นนี้ สุมาอี้จึงนึกวางแผนการณ์ระยะยาวขึ้นในทันที สงครามนารีพิฆาตเป็นวิธีการหนึ่งที่ง่ายต่อการควบคุมยิ่งนัก ตามคำกล่าวที่ว่า “วีรบุรุษยากจะรอดพ้นด่านนางงาม”
สำหรับเครือข่ายสุมาแล้ว มีเปรียบที่ได้พระเจ้าเหี้ยนเต้มาเป็นพวก แต่ก็เป็นเพียงสัญลักษณ์ทางการปกครองแผ่นดิน ซึ่งยังอ่อนด้อยในเรื่องอำนาจภายในขุมกำลังของโจโฉ หากแม้น ซัวบุ้นกีสามารถเข้าถึงจุดสูงสุดในจวนของโจโฉได้ด้วยการเขี่ยนางเปียนสี ซึ่งก็คือเตียวเสี้ยน คนของฝ่ายพรรคฟ้าเหลืองออกไปได้ ความมั่นคงย่อมจะบังเกิดขึ้นอีกชั้นหนึ่ง สุมาอี้จึงคิดจะนำนางเข้ามาในหมากกระดาน ดำเนินตามแผนการใหม่นี้ทันที
นารีพิฆาต ซัวบุ้นกี จึงกลายเป็นหมากพิเศษที่สองขุมกำลังลับ เครือข่ายสุมาและชนเผ่าซงหนูหยิบยกมาใช้งาน โดยที่ต่างฝ่ายต่างคิดเห็นกันเอง แต่สอดคล้องตรงกันโดยบังเอิญ เป็นการดักจับปลาใหญ่ด้วยร่างแหบ่วงเสน่หา
…
หลายปีที่ผ่านมา ขุนนางนายทหารในกองทัพหลวงย่อมเป็นห่วงกังวลใจในท่าทีดังกล่าวด้วยการศึกรอบด้านยังไม่คลี่คลายหมดสิ้นเสียทีเดียว ข่าวคราวตั้งแต่สมรภูมิกัวต๋อครั้งล่าสุดนั้น ทางตะวันตกคือม้าเฉียว ยังพอทำเนาด้วยว่ามาช่วยศึกสงครามกัวต๋อชัดเจน แต่ทางตะวันออกเฉียงใต้คือเล่าปี่ ยกทัพมาแล้วเร่งรีบกลับไป เหมือนยังไม่ให้ความภักดีอย่างจริงจัง นี่ยังไม่นับขุมกำลังอื่นๆที่ไม่เคลื่อนไหวก็จริง แต่ก็ไม่ได้ยอมรับการปกครองของรัฐบาลแต่อย่างใด
เมื่อได้โอกาสในวันประชุมแม่ทัพนายทหาร กาเซี่ยงจึงเสนอความคิดให้โจโฉยกทัพไปปราบเล่าปี่ที่เมืองชีจิ๋วให้เสร็จสิ้นเป็นเป้าหมายถัดไป โดยอ้างเหตุการณ์ขัดคำสั่งร่วมรบกับอ้วนเสี้ยวในคราก่อน โจโฉย่อมต้องเห็นดีงามด้วย แต่ยังคงกังวลต่อสภาพการณ์ทางเหนือ หากเกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นมาอีก ย่อมจะวุ่นวายไม่จบสิ้น แม้แต่กองซุนอวด และเตียวเอี๋ยนเองนั้น ก็ใช่ว่าจะไว้วางใจได้อย่างเต็มที่ด้วยยังไม่คุ้นเคยในท่าทีความจงรักภักดีต่อกัน
นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่กาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจได้แสดงความคิดให้เป็นที่ประจักษ์ โดยใช้กลยุทธ์ “ถอนฟืนใต้กระทะ” ใช้ข้ออ้างในการทำสงครามต่อเนื่องกับเจ้านครแถบใต้นั้นเอง จัดแบ่งขุนพลหลัก และกองทัพกึ่งหนึ่งจากดินแดนกิจิ๋ว เปงจิ๋ว อิวจิ๋ว และเผ่าซงหนู เซียนเปย ผนวกรวมเข้ากับกองทัพหลวงที่มีอยู่ห้าสิบหมื่น เพื่อให้ได้ครบจำนวนแปดสิบหมื่นนาย
เปลือกนอก หวังใช้กำลังมากสยบพวกขบถแถบตะวันออกไล่ลงไปจนสุดแดนใต้ให้หมดสิ้นในคราวเดียว แต่เนื้อในเอง กลับทำให้กองกำลังทางเหนือลดทอนลงหลายส่วน และคานอำนาจกันอย่างสมดุลย์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
การระดมกองพลท้องถิ่นอย่างกระทันหัน เป็นกลยุทธ์สงครามเย็นที่ต่างฝ่ายต่างเข้าใจในเจตนาเป็นอย่างดี คำสั่งทัพไม่อาจหลีกเลี่ยง ตัวเลขจำนวนคนย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ กลุ่มเจ้าเมืองมีวาระซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่เป็นทุนเดิม จึงได้แต่กะเกณฑ์ไพร่พลที่ไม่มีคุณภาพปะปนเข้ามาจำนวนหนึ่ง เพื่อให้ผ่านหลักเกณฑ์เท่านั้น
อย่างเช่น กลุ่มกิจิ๋ว อิวจิ๋ว ถึงกับเรียกหากองกำลังเจ้าปัญหา ไม่อาจควบคุมการกระทำตัวเองได้ ที่เคยได้ชื่อเรียกว่า กองทัพผีดิบ และถูกปลดประจำการณ์ออกไปแล้ว ให้กลับเข้ามารายงานตัวประจำกองทัพด้วยอีกครั้ง รวมทั้งตัดใจสละขุนพลชนเผ่าหน้าใหม่ เตาจี๋ เทียนอูให้ไป
ยังคงมีแต่ทัวปาลี่เวย ผู้นำสูงวัยแห่งเผ่าเซียนเปย ที่เป็นเครือญาติผ่านการวิวาห์ของโจผี-เอียนซี และมุ่งหวังสงบศึกภายในเผ่าพันธุ์ ถึงกับยอมสละตำแหน่งผู้นำเผ่าให้กับขุนศึกสกุลม่อหยงขึ้นมาปกครองแทน ซึ่งภายหลังเกิดคำร่ำลือว่า สกุลทัวปาเสื่อมโทรม ไร้ทายาทสืบทอด จึงฉวยโอกาสคัดเลือกกองทัพเข้มแข็งที่จงรักภักดี หลบหนีลี้ภัยการเมืองมาอาศัยใบบุญลูกเขยคนใหม่ในดินแดนต้าฮั่นเสียเลย
เมื่อข่าวคราวความเคลื่อนไหวของเผ่าเซียนเปยแพร่งพรายออกมา ทางด้านเผ่าซงหนูก็ให้ความร่วมมืออย่างสูงสุดจนเกินคาด ถึงกับส่ง ฮูฉูเฉียน ผู้เฒ่าเนินทราย ขุนพลอันดับหนึ่ง และกองทัพชายฉกรรจ์อันเข้มแข็งให้มาร่วมทัพด้วย เหมือนไม่ให้น้อยหน้ากันแม้สักเรื่องเดียว
ความคล้ายคลึงกันระหว่างเผ่าเซียนเปยกับเผ่าซงหนู ทำให้เกิดข้อสังเกตกันว่า กองทัพชนเผ่ากำลังแข่งขันกันเองในสมรภูมิรบแบบใหม่ หรือว่า ทั้งสองกำลังจับมือวางแผนการลับอันใดในกองทัพหลวงกันแน่
ดังนั้น กาเซี่ยงจึงลงมือผ่าตัดใหญ่อีกครั้ง เพื่อลดทอนความขัดแย้งภายในกองทัพ โดยแบ่งแยกกองกำลังทั้งหลายที่เข้มแข็งพร้อมรบให้แยกออกเป็นส่วนๆปะปนอยู่ในโครงสร้างกองทัพใหญ่ กองทัพพยัคฆ์เสือดาวของฝ่ายรัฐบาล จึงประกอบด้วยทัพเกลียวคลื่น ทัพม้าเหล็ก ทัพทหารเมืองเหนือ ทัพชนเผ่า และทัพผีดิบ ที่ยังคงเป็นปริศนาไม่อาจแก้ไขได้ ผสมปนเปกันได้เป็นกองทัพร่วมร้อยหมื่นคนแล้ว
ส่วนกองกำลังที่อ่อนแอ ไร้คุณภาพ ทั้งที่ได้รับมาใหม่ และที่มีอยู่เดิม เนื่องจากความสูญเสียจากการรบก็ตาม สูงวัยตามกาลเวลาก็ตาม ให้รับงานทางทหารที่เบาแรงลง นั่นคือ การก่อสร้างปราสาทนกยูงทองแดง และชุมชนใหม่โดยรอบที่จัดเตรียมไว้ให้กับคนสกุลโจและสกุลแฮหัวในอนาคต ซึ่งสุดท้ายแล้ว โจโฉมอบหมายงานดังกล่าวให้กับตันกุ๋น กุนซือสายโหดเป็นคนดูแลโครงการก่อสร้างทั้งหมด ร่วมกันกับบัณฑิตนักสถาปัตยกรรม อ้วนยู แห่งกลุ่มเจ็ดนักปราชญ์เจี้ยนอาน ผู้ออกแบบดั้งเดิม
เมื่อจัดสรรหน้าที่กันแล้ว โจโฉจึงเรียกตัว และมอบหมายให้ตันกุ๋น ลิเตียน องครักษ์คนใหม่ กับนายทหารบางส่วน นำนางซัวบุ้นกี กลับไปส่งที่เมืองหลวง ฝากให้พ่อบ้านเทียลิดเป็นผู้ดูแลไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัยของนาง และตนเองจะได้ไม่เสียสมาธิในการรบ โดยให้อ้างว่าเป็นทูตสันถวไมตรีจากดินแดนชนเผ่าทางเหนือ แล้วตันก๋งค่อยปลีกตัวไปดำเนินการก่อสร้างปราสาทที่พักแห่งใหม่ ส่วนตนเองกับนายทหารที่เหลือจะได้มุ่งหน้าบุกไปยังเมืองชีจิ๋วต่อไป
ก่อนแยกกันเดินทาง โจโฉกลับกระซิบสั่งความกับตันกุ๋นโดยตรงบางประการ สร้างความแตกตื่นให้กับตันกุ๋นไปชั่ววูบหนึ่ง ค่อยคำนับรับคำ แม้ว่าการกระทำเปิดเผยต่อหน้าผู้คนมากมาย แต่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่า จอมวางแผนโจโฉบอกกล่าวเรื่องลับอันใดให้ตันกุ๋นรับไปจัดการ ซึ่งคงมิใช่งานการก่อสร้างปราสาทอย่างแน่นอน
…
ระหว่างที่โจโฉอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง หมกมุ่นอยู่กับหญิงงามและงานสงคราม กลุ่มคนสายบุ๋นที่รับรู้เรื่องราว “เจ้าหญิงนอกทำเนียบ” และการแต่งตั้งสามอ๋องต่างถิ่นโดยพลการ กำลังประชุมหาทางจัดการกับโจโฉที่ฉายแววทรราชย์เผด็จการ ก้าวข้ามเส้นแบ่งอำนาจระหว่างกษัตริย์กับผู้สำเร็จราชการมาอย่างย่ามใจหลายครั้งแล้ว
ฮกอ้วน สมุหนายกและพ่อตาของฮ่องเต้ ร่วมกับ ขงหยง ผู้นำแห่งเจ็ดบัณฑิตเจี้ยนอานและผู้นำลัทธิขงจื้อ อองลอง ขุนนางผู้ใหญ่ในสายวิชาการ ทำทีเป็นจัดงานประชุมวิชาการสังคายนาบทกวีโบราณครั้งใหญ่
งานนี้ถึงกับเชื้อเชิญกลุ่มบัณฑิตเจี้ยนอานที่เหลือเข้ามาร่วมกันประชุม เพื่อระดมสมองหาแนวทางที่จะริดรอนอำนาจของทรราชย์โจโฉให้ได้ แต่คาดไม่ถึงว่า ข่าวลับกลับถึงหูของซุนฮก กุนซือค้างคาว คนสนิทของโจโฉจนได้
ซุนฮก กุนซือผู้รักษาการแทนผู้สำเร็จราชการ เดินทางเข้ามาที่ประชุมส่วนตัวอย่างกระทันหัน สร้างความตระหนกตกใจให้กับคนสายบุ๋นทั้งหลาย แต่ซุนฮกคล้ายมีเรื่องค้างคาใจ จึงแสดงตนเลือกข้างในทันที ที่แท้ กุนซือมากความรู้ สนับสนุนโจโฉ เพื่อหวังฟื้นฟูบัลลังก์ให้จักรพรรดิฮั่นเช่นเดียวกันกับปณิธานของเหล่าบัณฑิตทั้งหลาย
หากแต่ ยิ่งมาเนิ่นนาน ความคิดโจโฉเริ่มหันเหออกห่างเป้าหมายเดิม แทนที่จะผลักดันค้ำจุนฮ่องเต้ที่เติบใหญ่ขึ้นแล้ว กลับกลายเป็นผู้สร้างความกดดันให้กับกษัตริย์เหี้ยนเต้เสียเอง โดยเฉพาะกรณีชายแดนทางเหนือครั้งนี้ มันจึงได้แต่ไม่สบายใจ และพร้อมจะร่วมมือจัดการกับทรราชย์คนใหม่ด้วยอีกแรงหนึ่ง
ฮกอ้วนกับพวกยังคงไม่เชื่อใจกุนซือคู่ปรับเก่าผู้มาเยือน แต่การที่ได้ซุนฮกเข้ามาร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นด้วย ย่อมทำให้มองเห็นภาพใหญ่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น คนสายบู๊แทบทั้งหมดล้วนอยู่ในน้ำมือของคนสกุลโจ สี่เทวะห้าพยัคฆ์เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การจัดการกับโจโฉอย่างเย็นเกินไป
ดังนั้น มีแต่การลดทอนอำนาจ เปลี่ยนถ่ายตำแหน่งโครงสร้าง จึงจะเป็นตัวช่วยในงานสำเร็จอย่างนุ่มนวล ไม่ให้เกิดการเข่นฆ่าล้างบางไปทั่วทั้งเมืองหลวง เหมือนเมื่อคราวที่เกิดมรสุมใหญ่ระหว่างสมุหกลาโหมโฮจิ๋นกับกลุ่มสิบขันที หรือสองขั้วอำนาจ อ้องอุ้น ลิโป้กับลิฉุย กุยกี ในอดีต
ดังนั้น ซุนฮกจึงฝากให้คนสายบุ๋นช่วยกันทดสอบแรงเสียดทานด้วยประเด็นที่ง่ายที่สุดเป็นประการแรก นั่นคือ การหาหนทางถอดถอนโจโฉออกจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินให้ได้ เพื่อทดสอบท่าทีของฝ่ายตรงข้ามสักครา และฮ่องเต้เองก็เติบใหญ่เพียงพอที่จะบริหารแผ่นดินได้เองมาตั้งนานแล้ว จึงไม่มีเหตุผลอันใดให้โจโฉยังคงรั้งตำแหน่งพิเศษนี้เอาไว้ เพราะเพียงแค่ตำแหน่งมหาอุปราช และ เจ้าพระยาปราบอุดร ก็น่าจะเพียงพอต่อการครองอำนาจทางการเมืองแล้ว
สายสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มเจ็ดบัณฑิตเจี้ยนอานกับกุนซือค้างคาวจึงเริ่มต้นขึ้น ภายใต้เงื่อนไขการกำจัดอำนาจของทรราชย์โจโฉเช่นนี้นี่เอง แต่ความคิดที่แท้จริงของซุนฮกเป็นเช่นไรนั้น ยังยากจะคาดเดาได้อย่างแท้จริง
…
ตันกุ๋น กุนซือจอมโหด คนสนิทในสังกัดโจโฉ และสายลับสองหน้าที่เป็นคนสนิทของสุมาเต๊กโช กลายเป็นคนที่มีจุดยืนพิสดารไม่ยิ่งหย่อนไปจากซุนฮกเลย ตัวมันมีความแค้นเคืองเครือข่ายสุมาในเรื่องการตายของน้องชาย ตันหลิมเป็นทุนเดิม จึงมีความคิดแก้แค้น และอ่านหมากการเมืองที่กำลังก่อตัวขึ้นในเมืองหลวงได้อย่างง่ายดาย
เมื่อถึงเมืองหลวง เขาจึงแสร้งพาซื่อนำตัวซัวบุ้นกีให้ได้พบกับนางเปียนสีก่อน โดยอ้างว่า โจโฉเตรียมการจะรับนางซัวบุ้นกี ทูตกิตติมศักดิ์จากดินแดนทางเหนือ ไว้เป็นภรรยารอง ถึงกับจัดสร้างปราสาทหลังใหม่เตรียมไว้ สร้างความไม่พอใจให้กับนางเปียนสีอย่างใหญ่หลวงนัก ด้วยเกรงว่าจะมาแย่งชิงอำนาจหลังบ้านของตนไป
จากนั้น เมื่อนางซัวบุ้นกีไม่อยู่ตรงหน้าแล้ว ตันกุ๋นจึงทำเป็นจนใจ กลัดกลุ้มแทนเจ้านายที่ไม่อาจหลีกพ้นเยื่อใยในวัยหนุ่ม และกระซิบแผนการกำจัดนางซัวบุ้นกีให้กับนางเปียนสีรับทราบ
อาศัยที่นางมีสิทธิพิเศษ สามารถผ่านเข้าออกในวังหลวงได้สะดวก แค่เอ่ยวาจาผ่านขงหยง ราชครูผู้นำลัทธิขงจื้อให้แจ้งกับกษัตริย์เหี้ยนเต้ได้เข้าใจว่า นางซัวบุ้นกี เป็นลูกสาวของซัวหยง อดีตผู้นำลัทธิม่อจื้อคู่ปรับเก่า และเป็นคนสนิทของตั๋งโต๊ะจอมทรราชย์ในอดีต
ต้องทราบว่า ราชวงศ์ฮั่นนั้น ถือสาเรื่องการอุ้มชูทายาทสายขบถเป็นที่สุด นับเป็นเรื่องต้องห้ามในราชสำนัก ต้องรีบกำจัดแต่เนิ่นๆ ซึ่งปราชญ์หญิงก็นับว่าเป็นทายาทสืบทอดลัทธิม่อจื้อด้วย ยิ่งสมควรให้ขงหยงต้องเร่งตัดไฟแต่ต้นลม
อีกทั้ง การที่ราชสำนักยอมรับซัวบุ้นกีซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าหญิงนอกทำเนียบอาจนำพาสู่ความขัดแย้งไม่จบสิ้น ด้วยมิใช่บัญชาขององค์ราชันย์ที่แท้จริง ยิ่งนานไป คำร่ำลือนินทาจะยิ่งบาดหู จึงไม่เหมาะสมที่จะให้อยู่ในเมืองหลวงต่อไป ควรแต่จะมอบนางให้เป็นภรรยาของขุนนางผู้น้อยไปเสียโดยเร็ว
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่พระเจ้าเหี้ยนเต้สามารถจัดการให้ได้โดยง่าย เมื่อนางซัวบุ้นกีถูกนำตัวเข้าวังหลวงในฐานะของทูตสันถวไมตรีในเบื้องต้นตามที่โจโฉมีหนังสือแจ้งมา จึงถูกฮ่องเต้ทำทีพาซื่อ ไต่ถามชีวิตความเป็นอยู่พอเป็นพิธี รื้อฟื้นความหลังเล็กน้อย แล้วรับสั่งพระราชทานต่อให้เป็นภรรยาของขุนนางต้อนรับประจำท้องพระโรงที่เผอิญอยู่ร่วมในเหตุการณ์ไปง่ายๆเช่นนั้นเอง
ตันกุ๋นเริ่มเดินหมากคิดจะเกาะกุมความลับของนางเปียนสีไว้ในกำมือ เพราะมันรู้อยู่แก่ใจว่า นางเปียนสี คือนางเตียวเสี้ยน อดีตคนรักของลิโป้ และอยู่ในกลุ่มสัตตดารา ขุมกำลังพรรคฟ้าเหลืองด้วย การที่นางเปียนสีมีความลับร่วมกับขงหยง ก่อเหตุทำร้ายความรู้สึกของโจโฉ ย่อมเป็นจุดอ่อนที่เปราะบางให้ตนเองได้ใช้ในภายหลัง
…
ถึงตรงนี้ ก็นับว่า สุมาเต๊กโชคิดถูกแล้วที่ไม่ได้มอบความไว้วางใจ บอกความลับสำคัญแก่ตันกุ๋นเสียทั้งหมด เพราะข้าเก่าคนนี้กำลังแทรกซึม และบ่อนทำลายแผนการของฝ่ายตนเองเสียแล้ว
แผนการครั้งนี้ สุมาอี้อุตส่าห์วางหมากซัวบุ้นกี แต่กลับเป็นตันกุ๋นแอบขว้างทิ้งโดยจงใจ โดยอาศัยนางเปียนสีกับขงหยงออกหน้าจัดการเรื่องราวผ่านพระเจ้าเหี้ยนเต้ทั้งสิ้น ดังนั้น มันจึงตอกย้ำให้นางซัวบุ้นกีเข้าใจผิด คิดว่า เรื่องราวเหล่านี้เป็นการจัดฉากสร้างเรื่องของโจโฉที่ได้เสพสมแล้วทิ้งขว้าง เพราะนางเองมีปมฝังใจที่เคยผ่านมือชายอื่นมาก่อนแล้ว สร้างความอับอายและแค้นเคืองให้กับนางยิ่งนัก แทบจะกระโดดฆ่าตัวตายที่แม่น้ำข้างทาง
แต่เหมือนฟ้าดินล้อเล่นกับนาง เพราะขุนนางต่ำต้อยกลับเป็นบัณฑิตหนุ่มตังกี๋ ที่เคยช่วยให้นางหนีรอดจากภัยการเมืองในครั้งอดีตนั่นเอง ภายหลังจากที่นางถูกกองโจรชนเผ่าจับตัวไป มันพเนจรค้นหาทั่วทุ่งหญ้าทะเลทราย จนได้ข่าวปราชญ์หญิงชาวฮั่น สมญา “บุปผาทะเลทราย" และเป็นมารดาแห่งผู้สืบทอด ทำให้มันตัดใจ คิดว่านั่นคือชะตากรรมบันดาล และปกปิดฐานะดั้งเดิม กลับมารับราชการต่อในเมืองหลวง
เวลาร่วมสิบปีที่ผ่านมา บัณฑิตหนุ่มระทมทุกข์ ยากตัดอาลัยจากบ่วงเสน่หา ร่างกายจึงอ่อนแอทรุดโทรมลงจนจดจำเค้าหน้าเดิมไม่ได้ หากว่ายังดีที่ได้รับตำแหน่งขุนนางผู้น้อย ช่วยต้อนรับดูแลทูตต่างถิ่น ด้วยว่าเคยผ่านประสบการณ์แดนเหนือมานาน
นางระลึกถึงช่วงเวลาที่เคยอยู่ร่วมกันในคราวก่อน จึงชักชวนให้สามีใหม่นั้นรีบหนีภัยการเมืองไปจากเมืองหลวง หากแต่ภายในร่างกายของนาง กลับมีเลือดเนื้อเชื้อไขของโจโฉติดไปด้วย
…
เมื่อโจโฉนำกำลังทหารมหาศาลลงมาปราบเล่าปี่ที่เมืองชีจิ๋ว เล่าปี่ทราบข่าวประเมินว่ามิอาจต้านรับไหว จึงรีบนำกำลังพลที่ใช้ได้ พากันหลบหนีออกจากเมือง แต่ยังไม่ทันการ กองทัพรัฐบาลเดินทางรวดเร็วเกินไป ถึงกับตามไล่หลังไม่ไกลแล้ว
เล่าปี่จนใจ จำต้องส่งจูล่งออกมารับหน้า หวังชะลอทัพติดตาม โจโฉยังจดจำคู่แค้นเก่าได้เป็นอย่างดี จึงส่งองครักษ์เคาทูกับขุนพลห้าพยัคฆ์ออกไปจัดการจับตัวกลับมาเป็นๆ เพื่อนำมาลงทัณฑ์ให้สาหัสเป็นการแก้แค้น
จูล่งปะทะกันกับเคาทูได้อย่างสูสี นับเป็นครั้งแรกที่สองขุนพลได้ประลองกันอย่างจริงจัง แต่การที่ขุนพลพยัคฆ์อีกห้าคนมารุมล้อมกดดันเช่นนั้น กลับทำให้ขุนพลม้าขาวอึดอัดแทบหายใจไม่ออก มิทันต้องลงมือกลุ้มรุมเข้ามา ก็ลดทอนขวัญกำลังใจไปมากโขแล้ว ดั่งเสือร้ายพลัดหลงอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่าที่รอรุมขย้ำ
ยังดีที่เล่าปี่เปลี่ยนใจนำกองทัพย้อนกลับมาช่วยเหลือได้ทันเวลา ส่งขุนพลสยบมังกร กวนอู และเตียวหุยมาช่วยแก้ไขคลี่คลายวงล้อม ทำให้สภาพการต่อสู้เปลี่ยนไป จากการดวลเดี่ยวเป็นการปะทะกันแบบสองต่อหนึ่ง เคาทู เตียวคับ รุมใส่จูล่ง เตียวเลี้ยว งักจิ้น รับมือกวนอู และซิหลง อิกิ๋ม ต้านทานเตียวหุยเอาไว้ มิคาด การต่อสู้ที่ไม่ทัดเทียมกัน ยังกลับยืดเยื้อยาวนานกว่าที่ควรจะเป็น
หากสังเกตดูความนัยเป็นคู่ๆ เคาทูจริงจัง แต่เตียวคับเป็นสายของพรรคฟ้าเหลือง จึงอ่อนข้อให้ จูล่ง ผู้เป็นประมุขพรรคอยู่หลายส่วน งักจิ้นจริงจัง แต่เตียวเลี้ยวเป็นสหายเก่าสนิทสนมกับกวนอู ก็แสร้งปล่อยให้หลายครา คงมีแต่ซิหลง อิกิ๋มที่จริงจังทั้งคู่ แต่ก็ไม่อาจเอาชนะเตียวหุยสักที
การต่อสู้ของเก้าขุนพลชั้นเยี่ยมยังคงอาศัยเวลาสักพักใหญ่ จนเล่าปี่ไม่กล้ารั้งรอให้เนิ่นนาน จำใจสั่งการให้กองทหารตะลุมบอน ปิดฉากการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ เพื่อเปิดทางหลบหนี กองทหารชีจิ๋วลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ทำให้บุคคลสำคัญหนีรอดไปได้ โดยมุ่งหน้าไปอาศัยใบบุญอยู่กับเล่าเปียวที่เมืองเกงจิ๋วแทน
ระหว่างการหลบหนี เล่าปี่นึกยินดีอยู่บ้างในโชคชะตาที่กำฮูหยินบังเอิญแท้งบุตรไปเมื่อหลายปีก่อน มิฉะนั้น เด็กน้อยคงต้องมารับเคราะห์กรรมไปด้วย
เหตุการณ์ครั้งนั้นย่อมสร้างความเศร้าเสียใจให้กับเล่าปี่อย่างแน่นอน เพราะเป็นบุตรคนแรก แต่คนอื่นรอบข้างกลับคิดเห็นแตกต่าง นางแอ่น-เตียวหุยโล่งใจที่ตัวปัญหาหมดสิ้นไปแล้ว ส่วนกวนอูรู้สึกทั้งเสียใจทั้่งคลั่งแค้นใจต่อชะตาชีวิต กลับคล้ายมีความนัยแอบแฝงที่ยากจะเข้าใจได้
คงมีเพียงกำฮูหยินที่ทอดถอนใจในโชคชะตา ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ลงมือใส่ตัวยาทำลายครรภ์ลงในน้ำแกงที่บิฮูหยินจัดทำมาให้ นางจึงตกเลือดเสียทารกไปอย่างน่าเศร้าใจ
…
โจโฉเห็นว่าตามล่าเล่าปี่ตัวการไม่ทันแล้ว จึงใช้เวลาที่เหลือยึดเมืองสำคัญชีจิ๋วโดยรอบทั้งมณฑลกลับคืน ถือว่าประสพความสำเร็จในศึกปราบตะวันออก ค่อยให้เลิกทัพหลักกลับเมืองหลวงก่อนเพื่อพักทหาร ปล่อยให้ทหารใหม่อยู่ตระเตรียมเสบียงอาวุธให้พ้นช่วงฤดูหนาว ตระเตรียมการบุกทางใต้ให้เสร็จสิ้นในคราวเดียวอีกครั้ง
แน่่นอนว่า มันก็แอบคิดถึงซัวบุ้นกีเป็นที่สุด จึงหวังกลับมาพบนางอันเป็นที่รัก แต่กลับไม่พบกันตามที่คาดไว้ สร้างความขุ่นเคืองใจจนออกนอกหน้า
นางเปียนสีเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว จึงหลอกโจโฉว่า พอฮ่องเต้ฟังว่า นางซัวบุ้นกี เป็นบุตรซัวหยง คนสนิทของตั๋งโต๊ะ ก็ทรงชิงชังรังเกียจ จึงพระราชทานนางให้กับขุนนางผู้น้อย แล้วทั้งสองก็หลบหนีไปด้วยกันในทันที
โจโฉได้ฟังก็นิ่งตะลึงด้วยเข้าใจว่าเป็นจริงเช่นนั้น และแอบขุ่นเคืองฮ่องเต้หนุ่มมากขึ้น เห็นเป็นการแก้แค้นส่วนตัวของเหี้ยนเต้ที่ถูกก้าวล่วงอำนาจไปในคราวก่อน จึงหลีกเลี่ยงไม่ยอมเข้าเฝ้าตามธรรมเนียม นอกจากนั้น ยังพาลโกรธต่อซัวบุ้นกีที่หลบหนีไปกับผู้อื่น แทนที่จะรอคอยตนเอง จึงไม่เอ่ยถึงนางอีกเช่นกัน
นี่คืออีกหนึ่งตำนานรักของโจโฉ-ซัวบุ้นกี คู่รักที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ เพราะพิษภัยทางการเมือง ครั้งนี้ แม้นได้มาพบในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ต้องจำจากลากันไปอีก
…
พ่อบ้านใหญ่เทียลิดอยู่ในเมืองหลวง รับรู้เหตุการณ์โดยตลอด ท่าทีที่ผิดเพี้ยนของนางซัวบุ้นกี ตันกุ๋น ตลอดจนซุนฮกและคนสายบุ๋น พบเห็นว่า นี่คือโอกาสในการแสดงตัวตนที่แท้จริงต่อนายใหญ่ สร้างโอกาสในการล้างแค้นให้กับกุยแก กุนซืออมโรค ผู้เป็นสหายรักต่างวัย แต่ก็ยังหวั่นเกรงในความปลอดภัยของตัวเอง จึงลังเลใจอยู่เช่นเคย
จนสุดท้าย ต้องเดินออกมาชมพระจันทร์ยามค่ำคืนคลายความกลัดกล้มใจ “โอ กุนซือในเงามืดเอย เจ้าพร้อมจะเปิดเผยตัวตนหรือยัง และนายใหญ่จะยอมรับเชื่อถือในตัวเจ้าหรือไม่หนอ”
เงาโลหะจากด้านข้างสะท้อนกับแสงจันทร์เข้ามาที่ปลายหางตา เทียลิดตกใจสุดขีด แต่จนใจที่ไร้วิทยายุทธ์ จึงได้แต่เบิ่งตากว้่าง รอรับการลงมือของฝ่ายตรงข้ามด้วยความอับจนปัญญา หรือนี่คือบทอวสานของกุนซือในเงามืดเสียแล้ว
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 2 - ปักษีครองอุดร
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย