13 มี.ค. 2021 เวลา 12:31 • หนังสือ
สรุปหนังสือ ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา Mindset โดย Carol S. Dweck
2
ฟังไฟล์เสียงได้ที่ 👉🏻 https://youtu.be/A8xvALPncnI
1
หนังสือเล่มนี้ บอกว่า ความคิดมีอยู่ 2 แบบคือ Growth Mindset และ Fixed Mindset ซึ่ง ความคิดเหล่านี้ กำหนดความคิดการกระทำ ซึ่งเกิดจากการสื่อสารของพ่อแม่ การเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อมที่เราเติบโตมา เป็นตัวกำหนดว่าเรามีความเชื่อแบบไหน กำหนดบุคลิกภาพของตัวเอง ส่งผลให้เกิดการกระทำที่จะพยายามต่อไป หรือหยุดทำ เป็นตัวกำหนดความสุข ความพยายามในชีวิต ทั้งหน้าที่การงาน ชีวิตคู่ การใช้ชีวิต การเลี้ยงลูก และทุกๆเรื่อง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้
....คนเราสามารถมีกรอบความคิดทั้ง2แบบในเรื่องที่แตกต่าง เช่น ทักษะศิลปะมีความคิดแบบFixed สติปัญญาเป็นแบบGrowth บุคลิกเป็นแบบGrowth และคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงกรอบความคิดได้ โดยใส่ความคิดใหม่ๆลงไปแทนที่ความคิดเดิม ทำให้พัฒนาได้มากกว่าที่เคยเป็นอยู่
กรอบความคิด
Fixed Mindset
....คิดกับตัวเอง....คิดว่าเป็นคนฉลาด เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ เป็นฮีโร่ เป็นมาตั้งแต่เกิด เทิดทูนความสมบูรณ์แบบ เป็นผู้ชนะ เป็นที่หนึ่ง ทุกอย่างอยู่ในกำมือ มีชีวิตในอุดมคติ คิดว่าต้องทำได้ตั้งแต่แรกอย่างไร้ที่ติ ง่ายดาย โดดเด่น ในขณะที่คนอื่นทำไม่ได้ ชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น พอใจกับคำชม ชอบพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าเก่ง สนใจเรื่องภาพลักษณ์และเปลือกนอก ผลงาน การชนะ ความสำเร็จ เป็นที่ยอมรับ มีสิทธิพิเศษ ได้รับอภิสิทธิ์ ได้หน้า สำเร็จอย่างรวดเร็ว เป็นคนสำคัญ รักศักดิ์ศรี ต้องถือไพ่สูงสุด ปกปิดจุดอ่อน ยึดมั่นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
3
....เชื่อว่าคุณสมบัติของตนเองเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เลยต้องพิสูจน์ว่ามีสติปัญญามากพอ เกิดจากการเลี้ยงดู การปลูกฝังของพ่อแม่ ครู ....หากทำการทดสอบอะไร แล้วผลอันนั้นเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิต เลือกความสำเร็จมากกว่าการเติบโต เพราะรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษ เหนือกว่าคนอื่น ดีกว่าคนอื่น ทุกสายตามีความหมาย ข่มเหงคนอื่น ต้องใช้ชีวิตแบบเป็นที่หนึ่ง
1
....ไม่ชอบความพยายาม ...คิดว่า ความพยายาม ความบกพร่อง เป็นเรื่องไร้ความสามารถ ทุกอย่างต้องง่าย
....เมื่อเกิดความผิดพลาด......คือ เป็นการตัดสินว่าไม่เก่ง ไม่มีความสามารถ จะไม่ทำอะไร โทษตัวเอง โทษเหตุการณ์ คิดว่าถ้าลงมือทำแล้วไม่สำเร็จก็จะไม่ลงมือทำเลยแต่ต้น คิดว่าความเสี่ยง ความพยายามเป็นการเผยให้เห็นข้อบกพร่องของตัวเอง หวาดกลัวความท้าทาย ไม่ยอมประเมินตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองมีศักยภาพแค่ไหน ให้ความสำคัญกับความสามารถบางอย่าง
....การถูกปฎิเสธ ไม่ได้รับการยอมรับ แพ้การแข่งขัน เป็นการหยุดก้าวหน้า ไม่ฉลาดไม่เก่ง ไม่ชอบเรียนรู้ เลือกทางที่ปลอดภัยไว้ก่อน (เลือกที่เคยทำแล้วจะได้ไม่พลาด) ไม่กล้าทำอะไรใหม่ๆ ทำสิ่งที่ตัวเองมั่นใจว่าจะทำสำเร็จ สนใจสิ่งที่สามารถสะท้อนความสามารถของตัวเอง สนใจแค่ว่า ความคิดของตัวเองผิดหรือถูก ผิดก็คิดว่าทำไม่ได้ ไม่สนใจเรียนรู้ว่าอะไรถูก ถ้าเกิดอะไรที่ไม่ตรงกับความสามารถจะหมดความสนใจทันที พอใจกับเรื่องง่ายๆที่ได้รับคำชมและเชี่ยวชาญอยู่แล้ว
....หากพ่ายแพ้จะเป็นประสบการณ์ที่หลอกหลอนครอบงำชีวิต ทำให้นิยามตัวเองเปลี่ยนไป มีกรอบความคิดที่ทำให้ตัวเองช้ำใจ คิดว่าถ้าทำได้ไม่ดี คือไร้ความสามารถก็ไปหาทางอื่น แทนที่จะเรียนรู้ความล้มเหลวและแก้ไข มองคนแย่กว่าเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี รับไม่ได้กับคำวิจารณ์ ข้อผิดพลาด หรือ อะไรที่มาขวางความก้าวหน้า
....บ่ายเบี่ยง โกง แก้ตัว คิดว่าไม่ใช่ความผิดของตนเอง จึงไม่คิดที่จะพัฒนาหรือควบคุมอารมณ์
....ความเศร้า เพราะเอาแต่คิดเรื่องปัญหาและความล้มเหลว คือความไร้ความสามารถ ไร้คุณค่า โทษตัวเอง ไม่ทีหนทางสำเร็จ ยิ่งเศร้ายิ่งไม่ทำอะไร
....พยายามพิสูจน์ว่าตัวเองเก่ง แต่ไม่สามารถก้าวไปสู่จุดที่ต้องการ ก้าวย่ำอยู่กับที่ ทำให้คนอื่นประทับใจ ชอบพิสูจน์ว่าเหนือคนอื่น ทำให้คนอื่นดูแย่
....ปฎิเสธโอกาสที่จะเรียนรู้ เพราะเหมือนถูกตราหน้าว่าล้มเหลว ท้อใจเวลาต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก ไม่ลองอะไรที่คิดว่าไม่มีพรสวรรค์ ความมั่นใจจะสั่นคลอดหากเกิดความล้มเหลว คิดว่าทุกอย่างล้วนขึ้นกับว่ามีความสามารถแค่ไหน
....ความมั่นใจลดลงเมื่อเผชิญกับความท้าทายเดิมๆ สูญเสียความมั่นใจหากทำได้ไม่ดี โทษความสามารถตนเอง ปกปิดความไร้ความสามรถของตนเองโดยการโทษคนอื่น
....การเปลี่ยนแปลงคือการคุกคาม รู้สึกว่าจะถูกเปิดโปงจุดอ่อน ปกป้องศักดิ์ศรีโดยไม่พยายาม และไม่ให้ใครมาตัดสินเรา อาจทำได้ดีในช่วงแรก แต่ทำได้แย่ในภายหลัง พยายามทุกหนทางเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี (แต่ไม่ได้เรียนรู้จากสิ่งนั้น) เช่น เกรด
....ไม่ขอความช่วยเหลือ ไม่วิเคราะห์ข้อบกพร่องของตนเอง ไม่ฝึกซ้อม ยึดติดเรื่องพรสวรรค์ เป็นคนพิเศษ หากเกิดข้อผิดพลาดจะเสียสมาธิและความสามารถ ไม่ยอมให้ภาพลักษณ์ถูกคุกคาม
....ผู้นำที่เป็นความคิดแบบFixed จะมองว่าตัวเองเหนือกว่า โอ้อวด กังวลเรื่องชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง มีทิฐิมหึมา ไม่สร้างทีม คิดแต่ให้คนยอมรับตัวเอง เชื่อว่าตัวเองเกิดมาเหนือใคร ทำให้เขาตาบอด พยายามทำให้ภาพลักษณ์ดูดีมากกว่าลงทุนที่ผลงาน มัวแต่พิสูจน์ตัวเอง จึงทำลายความสนุก และ ความคิดสร้างสรรค์ เลือกทำในสิ่งที่ตัวเองดูดี กล่าวโทษ แก้ตัว วิจารณ์คู่แข่ง ปกปิดความผิด รังแกคนด้อยกว่า ไม่ใส่ใจคนระดับล่าง เสริมสร้างความรู้สึกว่าตนมีอำนาจ มีความสามารถ มีคุณค่าโดยใช้ลูกน้องเป็นเครื่องมือ ชอบลงโทษคนที่เห็นต่าง
1
....ไม่ชอบคนที่มีความสามารถมากกว่า เพราะรู้สึกเป็นภัยคุกคาม ตัดสินคนอื่น ทำให้ความกล้า ความคิดสร้างสรรค์หาย
....มีความคิดแบบพวกมากลากไป เกิดขึ้นเมื่อเชื่อมั่นผู้นำที่มีพรสวรรค์หรืออัจฉริยะมากเกินไป เคลิ้มไปกับความเฉลียวฉลาดและความเหนือกว่าตนเอง คิดว่าไม่มีสิ่งผิดพลาด เช่น ผู้นำเป็นพระเจ้าที่ไม่มีวันทำผิด ให้ความสำคัญเรื่องพรสวรรค์และอำนาจ กดขี่คนเห็นต่าง
....เป็นคนจองหอง ปกป้องตัวเอง ไม่ยอมเรียนรู้ มีความคิดแย่ๆ ผัดวันประกันพรุ่ง ยอมแพ้ เครียด หมดกำลังใจ เพราะภาพในอุดมคติไม่สามารถเป็นได้
....ครูที่เป็น Fixed จะตัดสินนักเรียนว่าคนไหนโง่คนไหนฉลาด และควรถอดใจจากเด็กกลุ่มไหน
....กลัวการถูกว่าจารณ์เพราะเป็นการตอกย้ำว่าไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ การคิดว่าไม่ให้คนอื่นรู้ไม่ให้เห็นเพราะคิดว่าไม่คุ้มเสี่ยง ความฝันอาจถูกทำลาย ต้องปกป้องไว้ ชัยชนะคือทุกสิ่งต้องปกป้องไว้
....มีความภูมิใจในตัวเอง เพราะว่าได้รับความรักและความเคารพจากคนอื่น หากได้รับคำชมเรื่องความสามารถหรือความเก่ง
....คิดว่าโลกหมุนรอบตัวเอง ตัวเองมีสิทธิพิเศษ คิดว่าตัวเองต้องได้ดี ต้องยอมรับ คิดว่าตนเองสูงกว่าคนอื่น หากไม่ได้คิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรม คิดว่าไม่ต้องเปลี่ยนแปลง บ่น ไม่อยากเป็นคนธรรมดา คิดว่าคนอื่นคือศัตรู พยายามสร้างเปลือกนอกเพื่อให้ตนเองรู้สึกปลอดภัย แต่มันจำกัดการเติบโต ตัดความสัมพันธ์แบบช่วยเหลือกัน ไม่ยอมรับความจริง คิดว่าชีวิตสมบูรณ์แบบ วิ่งหนีปัญหา ตีความแบบผิดๆ ไม่ยอมรับฟัง คิดว่าถูกทอดทิ้ง ไม่มีใครรักใครต้องการ ใช้ชีวิตกับการตัดสิน ไม่พูดคุยเรื่องปัญหาเพราะคิดว่าจะหายเอง หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้แพ้ เปรียบเทียบตัวเองว่าทำได้ดีกว่าคนอื่น โอ้อวดคงามฉลาดของตนเอง แต่ไม่ยอมลงมือทำ เด็กบางคนอาจพยายามแต่ไม่ได้เพยายามเพื่อการเรียนรู้แต่พยายามเพื่อให้คนอื่นเห็น เช่น ไปเรียนพิเศษเพื่อเก่งสุด ไม่สนุกกับสิ่งที่ทำ เครียด และ กดดันตัวเอง ทำอะไรไม่สำเร็จก็คิดว่าตนเองไร้ความสามารถ ควบคุมอารณ์โกรธไม่ได้ พยายมโจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยการดูถูกนิสัย สติปัญญา เอาเรื่องบางเรื่องที่เป็นลบหรือบุคคลที่สามมาสนับสนุนให้อีกฝ่ายดูแย่ เช่นเวลาทะเลาะกับแฟน
....ขัดขวางการพัฒนาและเปลี่ยนแปลง
Growth Mindset
....ความฉลาด สามารถพัฒนาได้ด้วยความพยายาม ไม่ย่อท้อที่จะล้มเหลว คิดว่ากำลังเรียนรู้
....การฝึกฝน อบรม กลวิธีช่วยให้เราตั้งใจ จดจำได้ดี ตัดสินใจแม่นยำ ฉลาดขึ้น มนุษย์เรียนรู้ได้ตลอดชีวิต มีพัฒนาทางสมองได้ตลอด ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญคือการจัดการทุกอย่างอย่างมีจุดหมาย
....คุณสมบัติพื้นฐานคือสามารถพัฒนาได้ด้วยความพยายาม ความถนัด ความสนใจ นิสัยใจคอ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยความพยายามและประสบการณ์ ใครจะเป็นอะไรก็ได้ เชื่อในแรงปราถนา ความพยายาม การฝึกฝน สามารถเอาชนะจุดอ่อน ท้าทาย ทำสิ่งใหม่ๆที่ท้าทายความสามารถแม้เจออุปสรรค
1
....เมื่อเจอเรื่องแย่/ผิดหวัง จะบอกตัวเองว่าต้องพยายามให้มากกว่านี้ กล้าเผชิญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หาวิธีแก้ไข ไม่ด่าตนเองและยอมแพ้แม้จะรู้สึกเสียใจ กล้าเสี่ยง พยายามต่อไป ประเมินตัวเองได้อย่างแม่นยำเกี่ยวกับความสามารถของตัวเองเพื่อเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้จุดอ่อน จุดแข็งตัวเอง
....คิดว่าตนเองสามารถพัฒนา เปลี่ยนแปลงได้ ทั้งความฉลาด พรสวรรค์ ทางด้านต่างๆ ทักษะต่างๆได้อย่างมหาศาล ความสำเร็จคือ สอ่งท้าทายได้เรียนรู้สิ่งใหม่และพัฒนาตนเอง คิดว่าตนเองเป็นคนธรรมดา เพราะทุ่มเทในการฝึกฝนฝีมือ ไม่ใช่เก่ง
....ความล้มเหลว คือ ยังไม่เติบโตเต็มที่ ยังไม่สามารถใช้ศักยภาพเต็มที่ ความพยายามทำให้ฉลาดและเก่ง เมื่อล้มจะกลับมายืนได้อีกครั้ง มีแรงกระตุ้นจากคำวิจารณ์ เป็นประสบการณ์ที่น่าเจ็บปวด แต่ไม่ได้เป็นการกำหนดตัวตน เป็นปัญหามี่ต้องเผชิญหน้า รับมือ เรียนรู้ แก้ไข ไม่เอาความผิดพลาดมาตัดสินชะตาชีวิต
....ชอบเรียนรู้ ชอบท้าทายสิ่งใหม่ คิดว่าสติปัญญาเป็นสิ่งที่ต้องพยายามเพื่อให้ได้มา สนใจกับข้อมูลที่ขยายขอบเขตความรู้ของเค้า พยายามเรียนรู้กับคนที่เก่งกว่า โดยพยายามจดจ่อ เชื่อฝึกฝน ตื่นเต้นที่ได้เพิ่มศักยภาพตัวเอง สิ่งไหนยาก ยิ่งมีความมุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จ รู้สึกสนุก หมกมุ่นในการแก้ปัญหา การะตือรือร้นในการแก้ไข อยู่ในกระบวนการเรียนรู้
....อาจมีผู้เชี่ยวชาญดูถูก เพราะไม่ได้โดดเด่นมาตั้งแต่ต้น เพราะผลงานไม่ได้ขึ้นกับการประเมินเพียงครั้งเดียว
.....เรื่องคู่ชีวิต มองเห็นข้อผิดพลาด ช่วยกันแก้ไข ส่งเสริมให้เป็นคนดี กระตุ้นให้เรียนรู้สิ่งใหม่ สนับสนุนให้เติบโต
....ยิ่งเศร้ายิ่งลงมือทำ ยิ่งมุ่งมั่นทั้งๆที่หดหู่ ยิ่งมีแรงจูงใจ ยิ่งกล้าเผชิญกับปัญหา
....ชื่นชมกับพรสวรรค์(ความสามารถที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด) แต่ยกย่องความพยายาม เพราะเป็นตัวจุดชนวนที่ทำให้สำเร็จ
....หนังเรื่อง Seabiscuit นิยายเกี่ยวกับชัยชนะจากความพยายาม การเปลี่ยนแปลงจากความพยายาม มองผ่านเลนส์ Fixed คือ มีข้อบกพร่องทำให้ต้องพยายามทุ่มเทอย่างหนัก)
.....ทุ่มสุดตัวเพื่อสิ่งที่รัก (พยายามแล้วล้มเหลวดีกว่าจุดที่ยืนตรงนี้ ถามตัวเองว่า หากมองย้อนกลับไปจะบอกว่า ฉันน่าจะ....จะทุ่มเทเต็มที่แล้วกับสิ่งที่ฉันเห็นคุณค่า
....พร้อมรับความท้าทาย เรียนรู้จักความล้มเหลว พยายามต่อไปเรื่อยๆ ทำตัวสบายๆ สนุกสนานกับชีวิต มั่นใจในเวลาต้องเผชิญเรื่องท้าทายเดิมๆครั้งแล้วครั้งเล่า ฝึกฝนอย่างช่ำชอง
....การเชื่อว่าความสามารถเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ ทำให้คนเราดึงศักยภาพมาใช้อย่างเต็มที่ รักในสิ่งที่ทำแม้เผชิญกับความยากลำบาก ทำให้ก้าวไปอยู่แถวหน้า เห็นคุณค่าในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร มองว่ากำลังแก้ปัญหา กำหนดเส้นทางใหม่ จัดการกับประเด็นสำคัญ คิดว่าเป็นเรื่องที่สมควรทำ คิดว่าความสามารถเปลี่ยนแปลงได้
....ไม่จำเป็นต้องมีความมั่นใจตลอดเวลา แม้ไม่เก่ง แต่ก็สามารถทุ่มสุดตัว พยายามพัฒนาอย่างเต็มที่ สามารถทำ สนุกไปกับมัน ใช้ชีวิตด้วยการแสวงหาคำติในเชิงสร้างสรรค์ อดีตที่เคยตัดสินคุณ มองว่าได้เรียนรู้อะไรจากประสบการณ์นั้นบ้าง จากหดหู่ ให้พยายามมากขึ้น อย่าปล่อยมัน เผชิญหน้าคิดว่าสร้างสิ่งสร้างสรรค์อย่าคิดว่าเป็นตัวถ่วง
1
....เมื่อเห็นแววความล้มเหลว จะรีบรวบรวมข้อมูลสำหรับการเรียนรู้และรู้สึกว่าสิ่งที่ต้องทำเยอะมาก ลุยเต็มที่ ทำทุกอย่างที่จำเป็น อาจทำได้แย่ในช่วงแรก แต่พยายามเรียนรู้จนทำได้ดี ยิ่งรู้สึกสนุกในสิ่งที่ทำ และหมั่นสร้างแรงจูงใจให้ตัวเอง มองหาทุกหนทางที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้
....เด็กอัจฉริยะ คือ ความสามารถเหนือธรรมดา ความสนใจอะไรบางอย่างลึกซึ้ง ไล่ตามสิ่งที่ตนเองสนใจอย่างไม่ลดละ
.....ถามตัวเองว่าฉันจะสอนพวกเขาด้วยวิธีไหน ไม่เหมือนกับ สอนพวกเขาได้ไหม หรือ ทำอย่างไรพวกเขาถึงเรียนรู้ได้ดีที่สุด ไม่ใช่ พวกเขาจะเรียนรู้ได้ไหม
1
....มองอดีตอย่างที่มันเป็น คือเป็นเพียงความคิดคนอื่น จากนั้นเผชิญหน้าโดยไม่เสียความมั่นใจ และ ความสามารถของตนเอง 99% ของความสำเร็จมาจากความทุ่มเท (วางแผนและลงมือทำ)
....กรอบความคิดนี้ ปราะจากความคิดที่จำกัด ความรู้สึกไม่แน่ใจว่าตนเองเหมาะกับอะไร คนอื่นไม่สามารถกำหนดตัวตนของพวกเขา หมั่นวิเคราะห์ตัวเอง เผชิญหน้าความท้าทาย พัฒนาตนเองอยู่เสมอ
.....สว่างไสว กว้างขวาง เต็มไปด้วยพลังงาน ความเป็นไปได้ รู้สึกสนุก ตื่นเต้น ไม่พูดถึงความหรูหรา แต่พูดถึงการเดินทาง เคารพ เอาใจใส่ รับฟัง ให้ความดีความชอบ เปลี่ยนคำว่าฉันเป็นพวกเรา คอยชี้แนะ ไม่ตัดสิน เข้าใจ ให้กำลังใจ
1
....ความมั่นใจในตัวเอง คือ ความกล้าที่จะเปิดใจยอมรับความเปลี่ยนแปลง แนวคิดใหม่ (แจ๊คเวลซ์) เห็นได้จากกรอบความคิดที่พร้อมจะเติบโต ช่วยให้คนรู้สึกแย่ที่ตัวเองทำเรื่องผิดพลาดให้ผ่านไปได้ เห็นอกเห็นใจ
....ไม่คิดว่าตนเองเป็นอัจฉริยะ / ผู้นำที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่พัฒนาตนเอง ช่วยคนอื่นเติบโต แทนที่ทำให้ทิฐิตัวเองสูงลิ่ว รู้ว่าคนชอบอะไร ไม่ชอบอะไร รับฟังความคิดเห็น ให้รางวัลการทำงานเป็นทีมมากกว่าอัจฉริยะที่ทำงานคนเดียว ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านปฎิสัมพันธ์มหาศาล ไม่ให้อภิสิทธิ์ใครเป็นพิเศษ
....เรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากข้อผิดพลาด และ ข้อมูลป้อนกลับ แสดงความคิดเห็นตรงไปตรงมา กล้าไม่เห็นด้วย ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ไม่มีโง่ฉลาด หรือได้รับการยอมรับหรือไม่ แทนที่จะให้รางวัลแนวคิดที่ฉลาด/ผลงานที่ดี ควรชื่นชมพนักงานที่กล้าทำอะไรใหม่ๆ เข้าใจภารกิจยาก มีความพยายาม เรียนรู้สิ่งใหม่ ไม่ท้อ เปิดใจรับฟังคำวิจารณ์
....ใช้ประโยชน์จากข้อมูลป้อนกลับ หาวิธีในการเรียนรู้เพิ่ม ช่วยให้พนักงานทำงานได้ดีขึ้น
1
....ภาพในอุดมคติมีเป้าหมายในการขยายของเขตองค์ความรู้ วิธีคิด วิธีสำรวจโลกใบนี้ คะแนนคือสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาพัฒนาตนเอง
....ถามคำถาม ...วันนี้ได้เรียนรู้อะไรบ้าง ได้รับบทเรียนอะไรจากความผิดพลาดบ้าง พยายามอย่างหนักในเรื่องอะไรบ้าง ทักษะอะไรบ้างที่เมื่อวานทำไม่ได้แต่วันนี้ทำได้แล้วเพราะการฝึกฝน บรรยายถึงอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟัน และความก้าวหน้า (คุยเรื่องความพยายาม กลยุทธ์ ความล้มเหลว การเรียนรู้ ในแง่มุมที่น่าสนใจ ทำให้ตื่นเต้น สบายใจที่สุด มีความสนใจในสิ่งที่ทำ เข้าใจว่าต้องมีแผนการ จัดการสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับแผน คิดล่วงหน้า กำหนดสิ่งที่ต้องทำ พัฒนาอะไรได้บ้างที่จะไปสู่ความสำเร็จ
....หากล้มเหลว (ไม่ตำหนิตัวเองแต่ถาม) ฉันได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง ควรทำอย่างไรหากอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีก (เป็นกระบวนการเรียนรู้) ทำไมถึงโกรธขนาดนั้น (อาจรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ให้คุณค่ากับตัวเอง) บอกอีกฝ่ายว่ารู้สึกอย่างไรโดยไม่ใส่อารมณ์ หากสติแตกให้ออกจากตรงนั้น และ เขียนลงกระดาษ เรียนรู้ที่จะติดตลกกับเหตุการณ์ที่เกิด ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องดี/เลวหรือคอขาดบาดตาย แค่บอกใบ้ว่าจะปรับปรุงให้ดีขึ้นยังไง
.....ถาม หากใครล้มเหลวเป็นความผิดของเขา เพราะพยายามไม่มากพอ...ไม่ใช่ เพราะทุกความสำเร็จต้องพยายาม แต่ไม่ได้มีองค์ประกอบเดียว เช่น รายได้ การศึกษา เครือข่าย (ทรัพยากรมากมีโอกาสมากกว่า..เพราะทรัพยากรน้อยอาจจะถึงทางตัน)
....คิดแบบนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง แต่เราต้องรู้ด้วยว่า ควรพยายามไปกับการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดมากที่สุด ....หากมีเรื่องอยากทำ แล้วกลัวว่าทำได้ไม่ดี ให้ลงมือวางแผนทำทันที
Fixed VS Growth Mindset
....ทำไมบางคนสำเร็จน้อยกว่าที่คาดหวังไว้ บางคนสำเร็จได้มากกว่า ....เอดิสันทำงานร่วมกับคนถึง30คน มีกรอบความคิดและแรงขับที่ต่างจากคนอื่น ไม่เคยเลิกสงสัย เรียนรู้ พัฒนาตนเองตลอดถึงแม้อายุมาก.....ชาร์ลส์ ดาร์วิน ทำงานร่วมกับทีมและที่ปรึกษา อุทิศเวลากว่าครึ่งชีวิตทำผลงานชิ้นเอกเรื่อง The Origin of Species ....โมซาร์ทพยายามอย่างหนักมากกว่า10ปี เพื่อผลิตผลงานที่เราให้ความชื่นชม ซึ่งก่อนหน้านี้บทเพลงไม่ได้มีความน่าสนใจเลย....เราทุกคนล้วนมีความสนใจที่กลายเป็นความสามารถได้
....ถ้ามีกรอบความคิดที่เหมาะสมและได้รับการสอนที่ถูกต้อง มนุษย์สามารถทำได้มากกว่าที่คิด....สามารถเปลี่ยนคุณสมบัติทางสมองได้ บางคนไม่แสดงพรสวรรค์ก่อนเริ่มฝึกจริงจัง ก้าวไปสู่จุดสูงสุดโดยแรงจูงใจ และ ทุ่มเทต่อเนื่อง พร้อมคนสนับสนุน
....Fixed จำกัดความสำเร็จ คิดว่าความพยายามน่ารังเกียจ ทำให้การเรียนรู้ด้อยประสิทธิภาพ ทำให้ชอบตัดสิน
Growth ความสำเร็จต้องมีจุดสนใจชัดเจน พยายามเต็มที่ คลังกลยุทธ์ที่ไร้ขอบเขต พันธมิตรในการเรียนรู้
....การวาดรูปไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เพราะต้องเข้าใจองค์ประกอบในการวาดรูป และ ความสามารถในการมองเห็นเหลี่ยมมุม พื้นที่ว่าง การตกหลุมรัก ความสัมพันธ์ แสงเงา และภาพรวม แต่เพราะบางคนทำอะไรบางอย่างได้โดยไม่ต้องฝึกฝน แต่บางคนทำได้ เพราะอาศัยการฝึกฝน และอาจทำได้ดีกว่า
....ความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่สิ่งอัศจรรย์ที่เกิดจากแรงบันดาลใจ แต่เป็นผลจากความพยายามและทุ่มเท
....คนที่มีศักยภาพที่จะสำเร็จ เขาเชื่อมั่นในศักยภาพตนเองได้อย่างไร มอบความเชื่อมั่นให้เขาลุหน้าอย่างไร โดยชื่นชมไปที่ความพยายาม (ไม่ใช่ความสามารถ) (การชมว่าฉลาดจะเปลี่ยนให้เป็นคนขี้โกหก เพราะคิดว่าไม่สมบูรณ์แบบ เป็นเรื่องที่น่าอาย) เสียความกระตือรือร้นในเรื่องท้าทาย ทำในสิ่งที่โง่ลงเรื่อยๆ
....การถูกเหมารวมเชิงลบ จะรู้สึกมีคุณสมบัติแบบนั้นจริงๆ โดยเฉพาะพวก Fixed เช่น ความเห็นเชืงลบของคนอื่น เป็นกลุ่มคนไม่เก่ง เป็นเพศหญิงไม่เหมาะกับ.... เป็นการพรากความสามารถจากผู้คน
....คนที่ทำผลงานดีกว่า เพราะแค่มีกลยุทธ์ดีกว่า เรียนรู้ด้วยตัวเองมากกว่า ฝึกฝนหนักกว่า พยายามฝ่าฟันอุปสรรคด้วยตัวเอง นึกถึงค่าเรียนรู้ พัฒนา ไม่ใช่การตัดสิน
....มอบกรอบความคิดแบบGrowth สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลูกฝังความคิดนี้เป็นของขวัญให้ลูกและคนที่คุณรัก
ตัวอย่างคนสำเร็จ
....มูฮัมหมัดอาลี ไม่ได้มีรูปร่างเป็นนักมวย ไม่มีความแข็งแกร่ง ท่วงท่าก็ไม่งดงาม ท่าชกผิดหมด แต่เพราะเขามีสมองที่ดี ประเมินคู่ต่อสู้ จำลองการแข่งในใจ สังเกตคู่ต่อสู้ว่าเป็นคนแบบไหน ศึกษา พยายามนึกภาพว่าสมองเขาทำงานอย่างไรเพื่อหาข้อสรุป และสร้างภาพที่ต้องการให้คู่ต่อสู้เห็น เพื่อทำตามแผนที่เค้าวางไว้
.....ไมเคิลจอร์แดน ฝึกหนักที่สุด ถูกไล่ออกจากทีมบาสสมัยมัธยมปลาย ฝึกโยนลูกนานเป็นชม. เพื่อเตรียมตัวสำหรับปีหน้า แม้ตอนสำเร็จสูงสุดและชื่อเสียงโด่งดัง ยังทำตามการฝึกอันแสนทรหด ถูกเรียกอัจฉริยะที่ต้องการพัฒนาความสามรถความเป็นอัจฉริยะตลอดเวลา จิตใจและหัวใจที่ทรหดย่อมแข็งแกร่งกว่าข้อได้เปรียบทางกายภาพอย่างมหาศาล
....เบ็บรูธ กินจุ มีพุงยื่น เขาไม่ได้หวดลูกเก่ง แต่มีแรงมหาศาลเวลาเหวี่ยงไม่เบสบอล และ ความมีวินัยในการฝึก
....วิลม่า รูดอล์ฟ ...ผู้หญิงที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ป่วยกระเสาะกระแสะ 4ขวบเกือบเสียชีวิตจากปอดอักเสบทั้ง2ข้าง ไข้อีดำอีแดงและโปลิโอ ขาข้างซ้ายแทบเป็นอัมพาต เพราะหมั่นทำกายภาพจึงเดินได้ปกติ เป็นตัวอย่างว่าทักษะทางกายภาพสามารถพัฒนาได้ แค่อยากให้คนจดจำในฐานะผู้หญิงที่ทุ่มเทอย่างหนัก
1
....แจ็คกี้ จอยเนอร์ เคอร์ซี นักกีฬาหญิงที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ชนะสัตตกรีฑา (กรีฑา7ประเภทที่แสนทรหดใช้เวลา2วันคือ วิ่งข้ามรั้ว100เมตร กระโดดสูง พุ่งแหลน วิ่งระยะสั้น200เมตร กระโดดไกล ทุ่มน้ำหนัก วิ่ง800เมตร) ตอนลงแข่งใหม่ๆ ได้ที่โหล่พักใหญ่ เป็นโรคหอบหืด สั่งตัวเองตลอดทางว่าทำได้ มีอาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายอย่างรุนแรง แต่ยังฝึกนานยิ่งวิ่งได้เร็วขึ้น (เคยเจ็บเอ็นร้อยหวายขณะแข่ง แต่มีคุณสมบัติฮีโร่ เธอพ่ายแพ้ หวาดหวั่น แต่ลุกขึ้นสู้และคว้าชัยชนะได้)
....มาร์แชลล์โฟล์ค สุดยอดผู้เล่นตำแหน่งรันนิ่งแบ็คของทีมเซนต์หลุยส์แรมส์ ....เขารู้ผู้เล่นทั้ง22คน กำลังทำอะไรอยู่ที่สนาม เพราะใช้เวลาปีแล้วปีเล่า ทำงานขายขนมในสนาม เพื่อจับตาดูผู้เล่นแล้วตั้งคำถามว่าทำไม วิเคราะห์ (ทำไมวิ่งบุกแบบนี้ ทำไมจู่โจมแบบนั้น ทำไมทำแบบนี้) ทักษะเกิดจากความใฝ่รู้ และ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
....แวดวงกีฬา การฝึกซ้อม พัฒนากรอบความคิด ผลงาน คือ เลิกยึดติดกับคุณสมบัติด้านร่างกายที่มีตั้งแต่เกิด
....เราชอบคิดว่าผู้ชนะและบุคคลต้นแบบเป็นยอดมนุษย์ แต่เขาเป็นแค่คนธรรมดาเหมือนเรา แต่ใช้วิธีการต่างๆให้เป็นคนพิเศษเหนือคนอื่น
....ลักษณะเฉพาะตัวคือ หัวใจความตั้งใจจริง จิตใจผู้ชนะ ความสามารถในการขุดลงไปในใจเพื่อหาพละกำลัง แม้ในบามที่ทุกอย่างดูไม่เป็นใจ เป็นสิ่งที่ทำให้ลงมือฝึกฝน ช่วยขุดลึกลงไป ดึงมันออกมาใช้ในยามต้องการ
....สัญลักษณ์ผู้ชนะคือ สามารถคว้าชัยชนะเวลาที่สิ่งต่างๆไม่เป็นตามที่ต้องการ เช่น เล่นได้แย่ อารมณ์ไม่ดี ไม่เป็นใจ เวลาที่ใกล้พลาดพลั้งจะแกร่งขึ้นกว่าเดิม3เท่า สามารถกล่อมตัวเองให้ชนะถ้าอยากชนะมากพอ ต้องฝึกจิตใจที่ทรหดไม่ปล่อยเหตุการณ์แย่ เช่น คู่แข่งอยากล้มคุณ เหนื่อย/บาดเจ็บ กรรมการไม่เข้าข้าง อย่าให้พวกนี้มากวนสมาธิ พยายามทุกครั้งที่แข่ง/ฝึกซ้อม
....แวดวงกีฬา มักเกิดสถานการณ์ที่เรียกว่า....ไม่สู้ก็ตาย....คือ ต้องเอาชนะสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ ไม่งั้นจบเห่ เป็นสภาพจิตใจของผู้ชนะ เพราะฉะนั้น ฝึกหนัก เรียนรู้วิธีรักษาสมาธิภายใต้แรงกดดัน ท้าทายตัวเองให้ทำสิ่งเกินความสามารถปกติเมื่อจำเป็น
1
ลักษณะเฉพาะตัวที่ทำให้ก้าวสู่จุดสูงสุดและยังอยู่ตรงนั้น
1. ความสำเร็จเกิดจากความพยายามอย่างเต็มที่ เรียนรู้ พัฒนาตนเอง เป็นคนสมบัติของผู้ชนะ
....แจ็คกี้ จอยเนอร์ เคอร์ซี ....ฉันได้รับความสุขจากกระบวนการมากพอกับผลลัพธ์ ไม่สนใจเรื่องแพ้ชนะ ตราบใดที่เห็นพัฒนาการของตนเอง และ รู้สึกว่าทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ถ้าแพ้ก็แค่กลับไปที่ลู่วิ่ง และซ้อมให้หนักขึ้น
....จอห์นวูดเดน ...ความสำเร็จ คือตอนที่คุณฝึกหนักที่สุดเพื่อทำให้ได้ดีที่สุด เตรียมตัวอย่างเต็มที่ ปลดปล่อยความสามารถออกมาในระดับที่ใกล้เคียงกับระดับสูงสุด
....ไทเกอร์วูดส์ ....เก่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ ....มีอาแฮมส์ มีความพยายามแม้กระทั่งในเวลาที่ไม่ชนะ (ไม่แพ้อย่างหมดรูป) หลังจากซ้อม/หลังแข่ง ถ้ารู้สึกว่าได้ทุ่มสุดตัวแล้วก็จะรู้สึกว่าเป็นผู้ชนะ
2. มองว่าความล้มเหลวเป็นแรงจูงใจ เป็นข้อมูล เป็นคำเตือน
....ไมเคิลจอร์แดน ....คุณไม่สามารถเลิกเล่นแล้วคิดว่าจะกลับมาครองเกมได้ง่ายๆ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะเตรียมพร้อมทั้งกายและใจ ผมชู้ตพลาดมากกว่า 9000 ครั้ง แพ้เกือบ 300เกม 26ครั้งทำแต้มชนะ เมื่อพลาดจะกลับไปฝึกชู้ตลูกอีกร้อยครั้ง
3. ทำตามกระบวนการที่ก่อให้เกิดและคงไว้ซึ่งความสำเร็จ
....ไทเกอร์วูดส์....วงสวิงไม่มีทางฝึกให้สมบูรณ์แบบได้ ...วงสวิงที่ไว้ใจได้มากสุดเป็นแค่สิ่งที่เราทำซ้ำบ่อยๆ....พ่อของไทเกอร์วูดส์จะปาข้าวของและทำเสียงดังเพื่อฝึกให้เขาไม่วอกแวกตอนสวิง....เขาควบคุมทุกอย่างในการแข่งขัน ทดลองว่าอะไรได้ผลไม่ได้ผล รู้จักเกมของตัวเอง รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่อยากทำให้สำเร็จ และรู้ว่าจะไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร
2
....ไม่ตกเป็นเหยื่อของปัจจัยภายนอก ต้องรับผิดชอบและเรียนรู้ที่จะทำผลงานได้ดีเวลาที่เจออุปสรรค ต้องรับผิดชอบ แสวงหาว่าอะไรช่วยให้ไปตลอดรอดฝั่ง
4. มีความเป็นทีม
....พรสวรรค์ของดาวเด่นช่วยให้ทีมชนะการแข่งขันก็จริง แต่การทำงานเป็นทีมต่างหากที่ช่วยให้เป็นแชมป์
....ไดอานาไนแอด หญิงครองสถิติโลกในการว่ายน้ำระยะไกล ต้องว่าย160กิโลเมตร ไม่ได้ตัวคนเดียว มีทีมผู้นำทาง(วัดกระแสลม กระแสน้ำ ตรวจดูอุปสรรคต่างๆ) ทีมนักดำน้ำ(คอยดูฉลาม) ทีมผู้เชี่ยวชาญจากนาซ่า (ให้คำแนะนำเรื่องโภชนาการและความอึด) ครูฝึกที่คอยปลอบใจเวลาที่เธอตัวสั่น อาเจียน เกิดภาพหลอน รู้สึกสิ้นหวังอย่างควบคุมไม่ได้ ทำสถิติใหม่165กิโลเมตรไม่มีใครทำลายได้ (ใช้ทีมถึง51คน)
....กรอบความคิดนักกีฬา ...คิดกับตัวเองอย่างไร คิดกับคนอื่นอย่างไร คิดว่าตนเองทำได้/ไม่ได้ คิดว่าอดีตเป็นตัวรั้งเราไว้/ส่งเสริม จุดไฟ/ดูถูก หากเรามีกรอบความคิดแบบGrowth ประสบความสำเร็จด้วยการเรียนรู้ พัฒนา ไม่เอาชนะ จะยิ่งมอบรางวัลแก่คุณและเพื่อนร่วมทีม
....ยิ่งเทิดทูนพรสวรรค์ ยิ่งบีบให้เป็นแบบ Fixed เวลาคนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ยกย่องพวกเขา จะทำใจยากเมื่อภาพลักษณ์ถูกคุกคาม ไม่ยอมรับว่าเขาทำพลาด เพราะฉะนั้นจะโกหก
....ประเภทของผู้นำที่พาบริษัทไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้ เป็นคนถ่อมตัว หมั่นตั้งคำถามอยู่เสมอ กล้าเผชิญหน้ากับความล้มเหลว มีกรอบความคิดแบบ Growth เชื่อในการพัฒนาการของมนุษย์ ไม่ได้พยายามพิสูจน์ว่าดีกว่าคนอื่น / ทำให้ดูมีอำนาจ กลับพยายาพัฒนาโดยคลุกคลีกับคนที่มีความสามารถมากสุดเท่าที่จะหาได้ พิจารณาข้อผิดพลาดและข้อบกพร่องของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ถามตนเองตรงๆว่าตนเองต้องมีทักษะแบบไหนในอนาคต ยังคุยกับคณะกรรมการไม่ใช่ต้องการให้พวกเขาประทับใจแต่เรียนรู้กับคนเหล่านั้นด้วยการตั้งคำถาม โต้แย้ง สร้างแรงกระตุ้นจนเห็นภาพชัดเจนว่าตอนนี้อยู่ตรงจุดไหน ต้องไปที่จุดไหน จะถามซ้ำว่าทำไมเป็นแบบนั้นแบบนี้จนตัวเองเข้าใจ
....การต่อรอง ....ทั้งสองฝ่ายรู้สึกต้องการให้ตัวเองได้รับการตอบสนอง สร้างสรรค์เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย พยายามฝ่าฟันอุปสรรคและสถานการณ์ที่ยากลำบากเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตนเองปราถนา
....พรสวรรค์....เป็นจุดเริ่มต้น สมองเปลี่ยนแปลงได้ตลอดชีวิต คนเราสามารถพัฒนาได้หากได้รับการชี้แนะและฝึกฝน
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเพราะอะไร และ เกิดขึ้นได้อย่างไร
1. ทำไมความเข้าใจว่าคนเราพัฒนาได้ถึงสำคัญ
2. นึกถึงสิ่งที่ตัวเองเคยทำได้ไม่ดีนักแต่ตอนนี้เชี่ยวชาญ
3. เขียนถึงลูกน้องที่ทำผลงานไม่ดีและบอกว่าความสามารถเขาพัฒนาได้
4. นึกถึงช่วงที่เห็นคนอื่นเรียนรู้ที่จะทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าคนเหล่านั้นจะทำได้
....ต้องให้คนเชื่อในการเติบโต ให้รางวัลกับการพัฒนาความสามารถแล้วผู้นำจะปรากฎตัว
....ทักษะความสัมพันธ์....เรื่องนี้มีความหมายอย่างไร/รับมือกับมันอย่างไร/คาดหวังอะไรจากมัน
Fixed รู้สึกถูกตัดสิน ตีโพยตีพาย คิดว่าไม่มีใครรัก คิดแก้แค้น (คือการกู้หน้าให้ตัวเอง) คิดว่าคู่ถูกตัดสินมาแล้ว ความสัมพันธ์ในอุดมคติต้องสมบูรณ์แบบ คิดว่าอีกฝ่ายต้องเข้าใจเอาไม่ต้องพยายาม คิดว่าต้องคิดเหมือนกันทุกเรื่อง กล่าวโทษทั้งตัวเองทั้งคนรักโดยเฉพาะนิสัย โกรธและเกลียดคนรักด้วย ปิดหูปิดตาตัวเอง พยายามพิสูจน์ว่าใครเก่ง / มีพรสวรรค์มากกว่า เชื่อการเหมารวม
Growth....ทำความเข้าใจ ให้อภัย เดินหน้าต่อ เจ็บปวดแต่เรียนรู้จากมัน ทบทวนว่าถูกสอนอะไร และรู้ว่าตัวเองต้องการคนแบบไหน ความสัมพันธ์ที่ดีเกิดจากความพยายาม และ รับมือความแตกต่างของอีกฝ่าย เปิดใจคุยกันแทนที่จะทึกทักเอาเอง พยายามที่จะมีความสุขไปชั่วนิรันดร์ หากเกิดปัญหาจะตรองว่าเกิดความผิดพลาดตรงไหนและทำอย่างไรต่อ ยอมรับข้อจำกัดกันและกัน สร้างความสัมพันธ์จากตรงนี้ หลายครั้งปัญหาเกิดจากการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกันไม่ใช่บุคลิกภาพ/นิสัย มันแก้ไขได้ ไม่กล่าวโทษ เดินหน้าต่อ เข้าใจปัญหา พยายามแก้ไขสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ ต้องรู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกันก่อนและไว้วางใจ จะเริ่มสนใจพัฒนาการของอีกฝ่าย ทำให้ช่วยอีกฝ่ายทำและสิ่งที่อยากเป็น โดยช่วยให้คนรักบรรลุเป้าหมายและเติมเต็มศักยภาพตัวเอง ให้คนรักแสดงความเห็นต่าง
....มิตรภาพคือโอกาสในการส่งเสริมพัฒนาการของกันและกัน ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า เตือนสติแล้วกระตุ้นให้กล้าทำสิ่งที่ช่วยให้เติบโต ให้กำลังใจ ความคิดแบบเหมารวม ยิ่งเธอตกต่ำฉันยิ่งรู้สึกดี เป็นการทำลายมิตรภาพ โดยทำตัวให้เหนือกว่า เช่น วิจารณ์ต่อหน้า ปฎิบัตแบบไม่ใส่ใจ ทำให้เขารู้สึกแย่กับตัวเอง
....คนขี้อาย คือ กังวลว่าคนอื่นจะทำให้รู้สึกแย่ ถูกตัดสิน ถูกทำให้อับอายต่อหน้าคนจำนวนมาก มีความกังวล ประหม่า
Growth....จะประหม่าน้อยลง
Fixed....กลัว ยุติความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว
....การกลั่นแกล้งเป็นเรื่องการตัดสินว่าใครมีคุณค่าสำคัญ มีอิทธิพลมากน้อย ได้แสดงสถานะทางสังคม ยกระดับตัวเอง มีกรอบความคิดแบบFixed และมีความคิดอยากแก้แค้นด้วยความรุนแรง คิดว่าตัวเองไม่ดีเลยถูกแกล้ง
Growth....คิดว่าถูกแกล้งเพราะคนที่แกล้งมีปัญหา เพราะฉะนั้นต้องอบรม เผชิญหน้า คุยให้เข้าใจ พร้อมให้อภัย
Fixed...กรณีถูกแกล้งแล้วเป็นคนอื่นอยู่เฉย/เข้ามาร่วมแกล้งจะพัฒนาเป็นแบบFixed คิดว่าเป็นที่ตัวเองต่ำต้อย โรงเรียนหยุดการกลั่นแกล้งได้ด้วยการสร้างบรรยากาศความร่วมมือ และพัฒนาตนเองแทนการตัดสิน ทำให้พวกอันธพาลรู้สึกว่าเป็นที่รัก และ สถานที่นั้นต้อนรับเขา กล่าวชมเมื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง ชื่นชมในความพยายาม
....การไม่คิดว่าพวกเขาทำสิ่งดีได้ จะทำให้พัฒนาตนเองน้อยลง
....การชื่นชมสติปัญญาของเค้า เป็นอันตรายต่อแรงจูงใจและผลงาน ทำให้เขาฮึกเหิม เปล่งประกาย แต่เพียงชั่วครู่ หากเจอปัญหา ความมั่นใจจะหายทันทีและแรงจูงใจลดลงอย่างฮวบฮาบ หากอยากให้ของขวัญลูก สิ่งที่ดีที่สุดคือ สอนให้ลูกรักความท้าทาย ใช้ความผิดพลาดเป็นแรงกระตุ้น สนุกกับการพยายาม หมั่นเรียนรู้อยู่ตลอด ลูกจะไม่เป็นทาสของคำชม จะรู้วิธีสร้าง ซ่อมแซมความมั่นใจของตัวเองไปตลอดชีวิต
....ให้ชื่นชมเรื่องกระบวนการที่เน้นการพัฒนา สิ่งที่พวกเขาทำสำเร็จด้วยการฝึกฝน การศึกษา ความมุ่งมั่น มีกลยุทธ์ที่ดี ให้คุณค่ากับความพยายามและสิ่งที่พวกเขาเลือกทำ
....ทุกคำพูด การกระทำของพ่อแม่ ส่งสารบางอย่างกับลูก ให้สังเกตสิ่งที่ส่งสารออกไป แม้การชื่นชมเรื่องสติปัญญาจะดูน่าเย้ายวน แต่เป็นการส่งแบบ Fixed ทำให้ความมั่นใจ แรงจูงใจของลูกเปราะบาง เพราะฉะนั้น ให้พยายามให้ความสำคัญกับกระบวนการที่เขาใช้ กลยุทธ์ ความพยายาม สิ่งที่เค้าเลือก และเวลาที่ลูกทำผิด ช่วยให้ลูกเข้าใจความจริง มีวิธีแก้ปัญหา อย่าตัดสิน/กล่าวโทษ ตั้งเป้าที่ขยายทักษะ ความรู้ ไม่ใช่ความสามารถที่ลูกมี
....ต้องระวังเรื่องที่พ่อแม่พูดถึงคนอื่นด้วย เช่น พูดว่าคนอื่น ลูกก็จะคิดว่าฉันจะเป็นรายต่อไปไหม (ทุกคำพูดสื่อสารว่าต้องการอะไร ลูกก็จะตีความและสร้างกรอบความคิดแบบนั้น ....สารที่พ่อแม่ครูส่งมามีผลต่อเด็ก
....การที่เด็กกังวล ทั้งๆที่ทบทวนเป็นประจำ แต่ตอนสอบทำคะแนนไม่ดี ไม่ควรพูดว่าลูกรู้ว่าตัวเองฉลาดแค่ไหน เลิกกังวลได้แล้ว แต่คส
วรพูดว่า หนูต้องรู้สึกแย่มากที่คิดว่าทุกคนกำลังประเมินอยู่ และหนูไม่สามารถแสดงให้พวกเขาเห็นว่าหนูทำอะไรได้บ้าง แต่พ่อแม่อยากให้หนูรู้ว่าเราไม่ได้ประเมินหนู เราให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ และ รู้ดีว่าหนูหมั่นเรียนรู้อยู่เสมอ เราภูมิใจที่หนูทุ่มเทให้กับการเรียนและหมั่นเรียนรู้แบบนี้
....การปกป้องลูกจากความล้มเหลว เพราะเด็กรู้สึกหมดกำลังใจ เปราะบางอยู่ก่อนแล้ว สิ่งที่ควรพูด คือ พ่อรู้ว่าลูกรู้สึกอย่างไร ลูกคงผิดหวังมาก เพราะตั้งความหวังไว้สูง และทำเต็มที่แล้วกลับไม่ชนะ แต่ลูกรู้ไหม ลูกยังไม่เหมาะกับรางวัลนี้หรอก เด็กผู้หญิงหลายคนเล่นยิมนาสติกมานานกว่าและฝึกหนักกว่าลูกเยอะ ถ้านี่เป็นสิ่งที่ลูกอยากทำจริงๆ ต่อจากนี้ลูกก็ต้องฝึกฝนอย่างจริงจัง (เห็นใจ พูดให้เห็นความจริง สอนวิธีเรียนรู้จากความล้มเหลวและวิธีลงมือทำ สิ่งที่จำเป็นต่อความสำเร็จในอนาคต) ไม่ได้มอบกำลังใจแบบจอมปลอมให้ลูก เพราะนำไปสู่ความผิดหวังครั้งถัดไป
....เด็กที่มีกรอบความคิดแบบFixed รู้สึกว่าตัวเองถูกตัดสิน / เด็กที่เป็น Growth รู้สึกว่าตัวเองได้รับความช่วยเหลือ เด็กๆจะเรียนรู้สารที่รับมาจากพ่อแม่ ทกให้เขามีกรอบความคิดแบบไหน ตั้งแต่แรกเกิด การที่แม่ให้กำลังใจ เน้นการพัฒนาแต่พ่อตำหนิให้สารเชิงลบ เด็กจะใส่ใจกับสารเชิงลบมากกว่า ส่งผลให้เขาลดคุณค่าในตัวเอง เพราะฉะนั้น อย่าตัดสินแต่จงสอน เป็นกระบวนการเรียนรู้
....เด็กที่เติบโตมากับความรุนแรง ก็จะใช้ความรุนแรงตามที่ถูกเลี้ยงมา โดยการลงโทษและตัดสิน
....การลงโทษ คือ สอนว่าถ้าทำอะไรที่ขัดกับกฎค่านิยมของพ่อแม่จะถูกลงโทษ ไม่ได้สอนให้ลูกรู้วิธีไตร่ตรองและตัดสินใจด้วยตัวเองอย่างมีวุฒิภาวะและจริยธรรม พ่อแม่ที่พัฒนาได้ไม่ได้โอ๋/ตามใจลูก แต่จะสอนลูกว่าจะไปจุดนั้นอย่างไร หากปฎิเสธจะปฎิเสธแบบยุติธรรมที่ผ่านการไตร่ตรองมาแล้ว และเคารพในความคิด้ห็นของลูก จะถามตัวเองว่าอะไรคือสารที่ฉันกำลังส่งออกไปว่าฉันจะตัดสินและลงโทษลูก / ช่วยให้ลูกรู้จักคิดและเรียนรู้ อย่าบดขยี้ลูกด้วยการตีตรา หากอยากให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด ต้องสนับสนุนความสนใจ การพัฒนาการเรียนรู้ของพวกเขา
....อย่ารักลูกตามเงื่อนไขของเรา หากไม่ทำจะไม่รัก หากไม่สำเร็จก็ไม่เห็นคุณค่า จะสนใจเรื่องพรสวรรค์ ภาพลักษณ์ และการตีตรามากกว่าการเรียนรู้ระยะยาวและความสุขของลูก พ่อแม่สามารถส่งเสริมลูกให้พัฒนาและเอาใจใส่มากๆ แทานที่จะกดดันและตัดสินพวกเขา
....ครูที่ยอดเยี่ยมเชื่อสติปัญญา พรสวรรค์สามารถพัฒนาได้ หลงไหลในกระบวนการเรียนรู้ ความสำเร็จไม่ได้เป็นฝ่ายมาหา ต้องก้าวออกไปหามันเอง ที่ยังทำไม่ได้เพราะยังไม่รู้วิธี ตั้งมาตราฐานสูงแต่รักและเอาใจใส่ เชื่อในการพัฒนา มอบความอบอุ่นและยอมรับในพวกเขา สร้างบรรยากาศ ความไว้วางใจ คือ ครูจะสอนเธอไ่ใช่ครูจะตัดสินเธอ บรรยากาศทุ่มเทอย่างลึกซึ้ง ครูท้าทายคุณแต่จะรู้สึกได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี บอกความจริงกับนักเรียน มอบเครื่องมือในการเติมเต็มช่องว่างนั้นให้พวกเขา เรียนรู้ไปพร้อมกับนักเรียน
....ครู ..ไม่ลดมาตราฐานเพื่อให้นักเรียนภูมิใจ แต่ให้ตั้งมาตราฐานสูง และ มีวิธีที่จะไปถึงจุดนั้น พยายามหาคำตอบว่าเด็กไม่เข้าใจเรื่องอะไร ขาดกลยุทธ์การเรียนรู้แบบไหน เชื่อเรื่องการพัฒนาพรสวรรค์และสติปัญญา หลงไหลกระบวนการเรียนรู้
....โค๊ช...กรอบความคิดFixed ทำให้กังวลคุณสมบัติตนเอง และปกป้องคุณสมบัตินั้น และชอบตัดสิน เอาความแพ้ชนะของทีมมาเป็นตัวตัดสินความสามรถของตัวเอง เพราะฉะนั้นผู้เล่นที่ทำให้ผิดหวังเขาจะไม่ปราณีและโหดใส่ เกมต้องห้ามผิดพลาด มิฉะนั้นจะระเบิดอารมณ์เพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำให้สมาชิกกลัว กดดัน ห้ามสงสัย ห้ามแพ้ เผด็จการ
....Growth เป้าหมายสูงสุด คือเตรียมตัวอย่างเต็มที่ พยายามอย่างสุดความสามารถ โดยแต่ละวันพยายามทำให้ตัวเองเก่งขึ้นทีละนิด คำถามที่ถูกไม่ใช่ว่าแพ้/ชนะ แต่คือ พยายามเต็มที่แล้วหรือยัง ทุ่มเทเวลา เอาใจใส่ผู้เล่นอย่างเท่าเทียม โดยพิจารณาความสามารถ แต่ละคนและค่อยๆพัฒนาฝีมือ เคารพผู้เล่น สอนค่านิยม ลักษณะนิสัยที่เป็นคนดี ผู้เล่นที่ดี ความห่วงใย เห็นอกเห็นใจ คำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย มีวินัยกับการฝึกฝนที่พาให้ไปถึงจุดนั้น เชื่อในการเปลี่ยนแปลง เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลง เห็นผู้คนคเนพบหนทางที่พวกเขาให้คุณค่า ค้นพบความสามรถของตนเอง แนะนำว่าจะทำอย่างไร
....โค๊ช...ไม่คิดว่าสถิติ ชื่อเสียงเป็นเรื่องสำคัญ หรือ ทนเห็นความผิดพลาดไม่ได้ ไม่ตัดสินลูกทีม ขอให้พวกเขาทุ่มเทเต็สที่ พยายามสุดความสามารถ เคารพ ชี้แนะ พัฒนาศักยภาพ
....การคิดว่าตนเองคือความสำเร็จ แล้วมองข้ามการมีวินัย การฝึกฝนที่ทำให้ไปถึงจุดนั้น ทำให้ส่วนที่ทะเยอทะยานชะล่าใจ ไม่ใส่ใจ คือหายนะ เพราะฉะนั้นระวังความสำเร็จ เพราะอาจทำให้มีกรอบแบบFixed หลงคิดว่ามีพรสวรรค์ คิดว่าจะชนะไปเรื่อยๆ
การเปลี่ยนแปลงกรอบความคิด
.....ที่ต้องเป็น Fixed เพราะไม่มั่นใจว่าตัวเองได้รับการยอมรับจากพ่อแม่หรือไม่ จึงสร้างตัวตนใหม่ที่คิดว่าได้รับการยอมรับ เพราะทำให้รู้สึกมั่นคงและมีความหวัง
....การเปลี่ยนกรอบความคิด คือการปล่อยวางสิ่งที่เป็นตัวตนของตัวเองที่ทำให้รู้สึกภูมิใจ อ้าแขนรับทุกสิ่งที่น่าหวั่นไหว ความท้าทาย การดิ้นรนต่อสู้ คำวิจารณ์ ความล้มเหลว จากการที่เคยเฝ้าสังเกตความสำเร็จของตัวเองในแต่ละวันจากการดูที่ผลลัพธ์ รู้สึกดี แต่เมื่อเปลี่ยนกรอบความคิด ทำให้ความมั่นใจที่ไม่สามารถเอาชนะตัวเอง ยิ่งเมื่อพิจารณาสิ่งที่ทำ มองเห็นข้อผิดพลาด ความล้มเหลว ยิ่งแย่ คิดว่าตนเองไม่มีค่า ไม่เป็นตัวของตัวเองจากที่เคยทะเยอทะยาน กลายเป็นไม่มีอะไรเด่น ในช่วงแรก แต่Growth ทำให้คุณเป็นตัวของตัวเอง หากทำอะไรแล้วถูกปฎิเสธ Fixed จะคิดว่าตนเองไร้ค่า เรื่องมันจะจบ ไม่ต้องทำอะไรอีก แต่Growth คิดว่าเป็นเพียงก้าวแรก ให้คุยกับตัวเอง ว่าขั้นต่อไปคือการเรียนรู้ พัฒนาตนเอง ทำอะไรได้บ้างให้ฝันเป็นจริง สามารถทำอะไรได้บ้างให้ตนเองสำเร็จ รวบรวมข้อมูลอะไรได้บ้าง อาจทำให้เราทำเผื่อมากกว่าหนึ่งอย่าง ให้คุณค่ากับประสบการณ์แบบไหน หาข้อมูลจากเหตุการณ์ที่กำลังจะไปเจอเพื่อเตรียมตัว ขอความรู้จากผู้เชี่ยวชาญเพื่อปรับปรุง เพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในอนาคต ลงมือทำโดยวางแผน คิดจินตนาการสิ่งที่จะทำเป็นภาพว่าจะทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ทำอะไรต่อจากอะไร นึกภาพให้ชัดเจนแบบลงรายละเอียด
....ยิ่งรู้สึกแย่ ยิ่งคุยกับตัวเองว่าหมายถึงอะไร วางแผนรับมืออย่างไร อาจเก็บไปฝัน เพราะฉะนั้นให้วางแผนการลงมือทำ ยิ่งรู้สึกแย่ยิ่งทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ยังไม่อยากทำยิ่งต้องบังคับให้ตัวเองทำ วางแผนให้ชัด เน้นการพัฒนาตนเอง
....คิดว่ายังไม่รู้อะไรอีกมาก เริ่มหาคำตอบ รวบรวมข้อมูล ตั้งคำถาม (แทนที่จะเก็บซ่อนความไม่มั่นใจไว้กับตัว) เมื่อถามคำถามตรงๆกับผู้เชี่ยวชาญ เขาอาจจะบอกว่าตัวเขรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่ผ่านมา อาจเล่าเรื่งอขายหนเาของตนเอง และ สอนเทคนิควิธีให้คุณ คุณเริ่มเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่เขาจะช่วยให้คุณเติบโต ไม่ตัดสินและดูถูก (คุณจะเริ่มทุ่มเทแทนที่จะกังวลเรื่องพรสวรรค์) การที่กล้าถามสิ่งที่ตัวเองติด สิ่งที่ตัวเองไม่เก่ง โดยไม่คิดปกป้องเรื่องภาพลักษณ์ของตัวเอง ทำให้ทีม โค้ช ยอมรับ พัฒนาเรา ทำงานหนักขึ้น พยายาม ช่วยทีม รู้จักคนอื่นอย่างทะลุปรุโปร่ง เข้าใจเรื่องสร้างสายสัมพันธ์ เริ่มเห็นคนอื่นช่วยและสนับสนุนเรา
....ความเชื่อ คือกุญแจสู่ความสุข (และความทุกข์) ความเชื่อเดิมไม่ถูกกำจัด (เหมือนอวัยวะใหม่แทนอวัยวะเดิม) แค่มาอยู่เคียงข้างและแข็งแกร่งขึ้นจนมีวิธีคิด อารมณ์ความรู้สึก การกระทำที่ต่างไปจากเดิม สมองเราจับตามอง ตีความ วิเคราะห์ความหมาย สิ่งที่ควรทำต่อไป ต้องทำความเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่ขัดขวางไม่ให้ไล่ตามสิ่งที่สนใจ ใฝาฝัน ตอนนี้คือ ลุยเลย ทำให้ฝันเป็นจริง พัฒนาทักษะ ไล่ตามความฝันตนเอง คิดสังเกต เรียนรู้พัฒนา ไม่กังวลว่าฉลาดหรือไม่ เปลี่ยนกรอบความคิดแทนที่จะเพ้อฝัน ทำให้กล้าเปิดรับเป้าหมาย เรียนรู้วิธีทำให้ฝันเป็นจริง
....สมองเป็นกล้อมเนื้อ จะเปลี่ยนแปลง แข็งแรง เชื่อมโยงสิ่งใหม่ เติบโตขึ้น เมื่อฝึกฝน เรียนรู้สิ่งใหม่ ยิ่งท้าทายสมองให้เรียนรู้ เซลล์สมองยิ่งเติบโต สิ่งที่มองว่ายากถึงเป็นไปไม่ได้ จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันที (ทารกพูดไม่ได้ เพราะแค่ยังไม่ได้เรียนรู้วิธีการพูด)
....เมื่อปัญหาคลี่คลายแล้ว คนเราจะเลิกทำสิ่งนั้นทันที เหมือนการเลิกกินยา แต่การเปลี่ยนแปลงต้องได้รับการสนับสนุน ไม่งั้นมันจะหายไปเร็ว อย่าชะล่าใจ คิดว่าจะคงอยู่ตลอดไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงต้องอาศัยเวลา ความพยายาม แรงสนับสนุนมหาศาล
....ติดกระจก ...อะไรคือโอกาสสำหรับการเรียนรู้ และ เติบโตในวันนี้
....อะไรคือโอกาสสำหรับฉัน อะไรคือโอกาสสำหรับคนรอบข้าง
....เมื่อนึกถึงโอกาสต่างๆ จงวางแผน ถามว่า จะทำตามแผนนี้เมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร
....พบอุปสรรค วางแผนให่ ถามว่าทำตามแผนใหม่เมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร
....รู้สึกแย่ ...ถาม ฉันต้องทำอะไรบ้างเพื่อรักษาพัฒนาการนี้เอาไว้ พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
....การเปลี่ยนแปลงทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป มีชีวิตชีวา กล้าหาญ เปิดใจมากขึ้น เพราะGrowth
1
.
.
. เพิ่มการพัฒนาตัวเองวันละนิด
. เหมือนเติมวันละ 1 องศา
. 1 วัน อาจจะไม่มีอะไร
. 10 วันไม่มีความต่าง
. แต่ 100 วันล่ะ 1000 วันล่ะ
. จะเปลี่ยนแปลงไปโดยแทบไม่เห็นร่องรอยเดิม
.
. มาพัฒนาวันละ 1 องศา
. เพื่อเติมเต็มวงล้อชีวิตให้สมบูรณ์ไปด้วยกัน
. ...กับเพจ #องศาที่หายไป
.
.
. 🪴🪴🪴🪴🪴🪴
👍🏻เลื่อนนิ้วโป้งกด Like กด Share ให้จูลสักนิด..เพื่อชีวิตที่มีกำลังใจให้จูลนะคะ..ขอบคุณค่ะ
⭐️ติดตามที่ Blockdit
❤️ติดตามที่ Youtube
🥰คุยกับจูลได้ใกล้ชิดมากขึ้น ที่Line ค่า (Add ไว้ จะได้ทราบข่าวสารอัพเดตค่า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา