23 มี.ค. 2021 เวลา 01:44 • ปรัชญา
ระหว่างสนทนาที่ร้านกาแฟกับรุ่นพี่คนหนึ่ง หัวข้อก็คือ “เอ็งว่าตายแล้วไปไหน” ผมเป็นคนชอบฟังความคิดผู้อื่นผมจึงถามเขาว่าแล้วพี่ล่ะคิดแบบไหน? ตัวผมเองมีคำตอบที่คิดไว้ในใจมานานแล้วแต่ขอเก็บเอาไว้บอกช่วงท้ายของการสนทนา
ต้องขอคุยกันเรื่องความเชื่อตายแล้วไปไหนอันนี้ก่อนนะครับ ความเชื่อนี้ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในยุคเราอย่างแน่นอน นับได้ว่าความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่มีมาแต่ยุคเก่า เก่าเสียยิ่งกว่าศาสนาประจำตัวของเราก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกหากความเชื่อนี้จะถูกฝังอยู่ในตัวเราทุกคน แต่ความเชื่อนี้สามารถบอกได้อยากเต็มปากว่า เป็นความเชื่อที่ถูกมนุษย์สร้างขึ้น และ ไม่ได้มีการพิสูจน์ใดๆ ออกมาให้เห็นเป็นหลักฐานเชื่อถือได้ครับ
คำตอบที่รุ่นพี่ผมตอบก็คือ ในมุมมองของศาสนาพุทธคนเราตายแล้วก็ไปเกิด ก่อนจะไปเกิดก็ต้องไปชดใช้กรรมที่เคยก่อเอาไว้เสียให้หมดก่อน
ผมจึงตอบเขากลับไปว่า การชดใช้กรรม หรือ ตกนรก ในทัศนะของผมมันอาจจะไม่ใช่การไปอีกมิติหนึ่ง แล้วไปลงกระทะทองแดง หรือ ปีนต้นงิ้ว อะไรเทือกนั้นก็เป็นได้ นรกอาจจะเป็นความรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำไว้แล้วมันฝังอยู่ในใจเรา พอเราแก่ตัวลง เราหลงๆ ลืมๆ อะไรหลายๆ อย่าง แต่ทำไมความผิดที่เราเคยทำ ยังคงฝังลึกอยู่ในใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่คุณก็ไม่อาจจะลืมมันได้ลงมากกว่าครับ
ผมเคยอ่านหนังสือ The Replublic ของเพลโต ในช่วงการสนทนาของโสคราตีสเขาบอกว่า ความดีที่เราทำมาทั้งชีวิต และ พยายามไม่ทำเรื่องที่ผิดใช้ชีวิตในทางที่ถูกที่ควรเนี่ย มันจะเป็นพยาบาลคอยดูแลให้เรากินอิ่ม นอนหลับสบายในยามบั้นปลายชีวิต กลับกันหากท่านใช้ชีวิตทำเรื่องไม่ดีมากมาย ยามท่านนอนก็คงนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายถึงผลกรรมที่ตัวเองเคยทำเอาไว้ในอดีต ต้องคอยสวดมนต์ขอให้พระเจ้าอภัย
แล้วความคิดของผมต่อความเชื่อนี้เป็นอย่างไร?
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วผมคิดว่าท่านคงเดาได้ว่าผมไม่เชื่อว่าโลกหลังความตายจะมีจริง หากแต่โลกแห่งความจริงนั้นคือนรกที่แท้จริงครับ สิ่งดีที่เราทำจะปลอบประโลมเรา สิ่งไม่ดีที่เราทำจะเป็นนรกคอยเผาไหม้จิตใจให้ร้อนรุ่มกระสับกระส่าย
ความจริงจะเป็นแบบไหน จะมีหรือไม่มี สำหรับผมไม่คิดว่าเป็นประเด็นสำคัญ แต่เนื้อหาของคำสอนในนั้นต่างหากที่เราต้องมองให้ถึงแก่น มันอาจจะเกิดขึ้นจากการเล่าเรื่องเพิ่มเติมให้คนเข้าใจได้ง่ายขึ้นถึงเนื้อหาที่อยากจะสอนมากกว่าครับ ถ้าหากให้ผมไปอธิบายเรื่องนี้กับเด็กๆ อาจจะได้ผลไม่เท่าการแต่งเรื่องให้ดูน่ากลัว และ ปลูกฝังความกลัวในการทำผิดลงไปเพื่อที่จะให้เด็กๆ โตขึ้นมาแล้วไม่ทำผิดอาจจะง่าย และ มันฝังลากลึกกว่าอธิบายถึงเหตุผลที่เข้าใจยากและอาศัยผู้สอนที่มีทักษะ
สรุปแล้วหากเราตาย เราก็ตาย เพียงเท่านั้น จิตของเราดับไปเฉกเช่นการหลับไหล ไม่ตื่นขึ้นา การพูดถึงเรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจด้วยว่ามีคนบางคนที่ทั้งชีวิตของเขาเป็นศาสนา คนที่ทั้งชีวิตเขื่อในวิทยาศาสตร์ และ คนที่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง ความคิดเห็นของผมเป็นแค่ส่วนเล็กๆ เพียงเท่านั้น
มาถึงจุดนี้รุ่นพี่ผมก็ถามกลับว่า ถ้าตายแล้วจบ ไม่มีการชดใช้กรรมใดๆ หลังความตาย ไม่มีนรก มันเป็นไปได้หรือไม่ว่าการที่มีคนไม่เชื่อในเรื่องแบบนี้ ทำให้เขาสามารถทำผิดได้โดยไม่กลัวอะไร อย่างเช่น นักการเมืองที่โกงกินบ้านเมือง รวยแล้วรวยอีก ชีวิตกินดีอยู่ดี ลูกหลานสุขสบาย เรื่องนี้ในมุมมองของผมเชื่อว่ามันคงเริ่มเหมือนกับโจรที่ขโมยเพื่อความอยู่รอดนั่นแหละครับ นักการเมืองชั่วก็คงเริ่มจากกินเล็กๆ น้อยๆ จนเคยตัว พอเริ่มมีอำนาจก็กินเยอะ ทำต่อมาเรื่อยๆ ก็อยู่ในจุดที่หยุดไม่ได้ นรกอาจจะไม่มีจริงเพื่อลงโทษคนเหล่านี้ แต่ผมเชื่อว่านรกในใจของพวกเขาจะหนักหนากว่าผู้อื่น มีเงินก็ใช้อย่างไม่มีความสุขอย่างที่เราๆ มองเห็นหรอกครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา