26 มี.ค. 2021 เวลา 23:01 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยาย 20 ตอน เรื่อง
"See you at the finish line - พบกันที่เส้นชัย"
ตอนที่ 6 - พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น
“กรี๊ดดดดด ละครมากเลยอ่ะฝน ละค๊อน ละคร”
“ไม่ใช่ละครธรรมดานะคุณหวี ละครช่องเจ็ด!! เพราะว่านางเอกตีหน้าว่าใสซื่อ แต่ที่แท้มารยาหลายร้อย”
1
“แล้วยังไงต่ออ่ะฝน เล่าต่อ ๆ ๆ ๆ ”
“โอ๊ยยยยย ฉันเขินแทนแกอ่ะฝนนนนนน โอ๊ยยยยย”
เสียงเซ็งแซ่ดังมาจากกลุ่มสาว ๆ ในร้านอาหารขนาดกลางแห่งหนึ่ง ที่ตอนนี้ยังไม่มีลูกค้ารายอื่นเข้าใช้บริการ ฝนยกมือขึ้นห้ามโบกไปมา
“หยุดก่อนค่ะเพื่อน ๆ ฟังไม่ทัน” ฝนพูดด้วยใบหน้าที่หุบยิ้มไม่ได้
หลังจากที่เจนได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแค้มป์ ก็ประกาศมาทางโทรศัพท์ว่า --ต้องประชุมด่วน!!-- โดยปกติกลุ่มเพื่อนสนิทซึ่งมีกันอยู่สี่สาวนี้ หาเวลานัดเจอกันแบบพร้อมหน้าได้ประมาณเดือนละครั้งก็ถือว่าบ่อยแล้ว บางทีก็ข้ามยาวไปเป็นสองเดือนก็มี เพราะในอายุใกล้เลขสามกันหมด ทำให้ภาระหน้าที่ในมือก็มากตาม แต่ถึงไม่ได้เจอตัวเป็น ๆ พร้อมหน้า ก็เจอกันไกล ๆ ในไลน์กลุ่มประจำ
นอกจากกรณีพิเศษอย่างวันนี้ เมื่อเจนโยนโค้ดลับใส่ในไลน์กลุ่มว่า “เผือกหวาน เสิร์ฟโดยฝน” เท่านั้นเองทุกคนก็ตอบรับทันควัน เพราะเรื่องเผือกแม้มีมาประจำ แต่เผือกหวานนั้นถือเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็รอคอย เพราะฟังแล้วมันชื่นใจ
“ว่าง!!”
“พร้อม!! นัดวันมา”
นั่นคือสาเหตุที่ตอนนี้ ฝน และอีกสามสาว เจน คุณหวี น้องดาว มารวมตัวกันที่ร้านอาหารย่านสีลมในซอยลี้ลับ ที่กว่าจะหาเจอได้ก็ทะเลาะกับกูเกิ้ลแม็พอยู่นาน
“เราคุยกันเสียงดังได้ใช่มั้ยน้องดาว” ฝนถามขึ้นอย่างเกรงใจ
“ไม่มีปัญหาฝน ปกติร้านก็ไม่ค่อยมีคนอยู่แล้ว นี่แหละน้องดาวถึงนัดที่นี่ เพราะต้องมาคุยธุระเรื่องแผนการตลาดให้ร้านน่ะ เดี๋ยวคุยกันเสร็จแล้วน้องดาวก็จะปรึกษาฝนด้วย” เสียงตอบอย่างอ่อนหวานของน้องดาว หญิงสาวที่หลงใหลการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ จนเลิกเรียนมหาวิทยาลัยกลางคัน แล้วมุ่งหน้าไปทางสายอาชีพนี้อย่างเต็มตัว
“สั่งอาหารกันเลยมั้ย น้องเค้ามาบอกว่าครัวเปิดแล้ว” คุณหวีหรือกมลกานต์แทรกขึ้นมา ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน พลางเปิดเมนู
กมลกานต์หรือกานต์คือชื่อที่คนอื่น ๆ เรียกเธอ แต่สำหรับในกลุ่มนี้เธอคือคุณหวี หากจะมีใครถามว่าชื่อคุณหวี มีที่มาที่ไปอย่างไร ทุกคนก็จะตอบตรงกัน เรื่องมันยาว
คุณหวีมีอาชีพหลักคือเป็นนักวางแผนทางการเงินรุ่นใหม่ เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการนักลงทุนทางโซเชียล เพราะเธอเริ่มเข้าสู่แวดวงการลงทุนตั้งแต่อายุยังไม่ถึงยี่สิบดีและเปิดเพจให้ความรู้มาตั้งแต่อายุ 23 จนปัจจุบันเพจ “ลงทุนกาน” มีคนตามร่วมสามล้านคน
นอกจากอาชีพหลักที่กำลังไปได้สวย คุณหวีก็มีอาชีพที่รักอีกอย่างคือการเขียนเรื่องสั้น และนวนิยาย
“แล้วไงต่อล่ะฝน หลังจากคืนนั้นแล้ว” คุณหวีถามเมื่อพนักงานจดรายการอาหารเรียบร้อย
“บอกก่อนนะคุณหวี ห้ามเอาเรื่องฝนไปเขียน” ฝนแกล้งทำเสียงเข้ม
“แหม ๆ เรื่องน้ำเน่าแบบนี้ ฉันเขียนแน่ย่ะ เล่ามาเลยเอาให้ละเอียด”
“น้องดาวว่า โค้ชของฝนต้องแอบมากระซิบบอกอะไรก่อนกลับแน่ ๆ ใช่มั้ยฝน” น้องดาวพูดด้วยดวงตาฝัน
ฝนสั่นหัว แต่คลี่ยิ้มตาหวาน “ไม่มีอ่ะ”
“ไม่มีแล้วมึงยิ้มทำไมคะ” เจนชี้นิ้วจับผิด
“คือเค้าไม่ได้กระซิบไง” ฝนยังคงอมพะนำสีหน้าเปื้อนยิ้ม
“อีฝน ลีลาอยู่ได้ เล่ามา เล่าม๊าาาาา” เจนทำเสียงเร่งรัด ส่วนอีกสองสาวนั่งรอฟังตาเป๋ง
“หลังจากคืนนั้น พอเช้ามาอีกวัน ก็ทำกิจกรรมกันตลอด เสร็จแล้วก็ต้องเก็บของกันอีก โค้ชก็วุ่น ๆ มั้งไม่ค่อยเห็นหน้าเลย” ฝนเล่าสบาย ๆ หยุดพักดื่มน้ำ
“แต่พอพี่ส้มเรียกรวมตัวถ่ายรูปหมู่กัน …. ” ฝนหยุดแล้วนึกถึงช่วงเวลานั้น หัวใจเธอก็เต้นแรงอีกครั้ง
“โอ๊ยยย อีฝนรีบเล่าให้มันต่อเนื่อง!! มัวแต่จะเข้าสู่โหมดเพ้อมโน” เจนแว้ดขึ้นมา
ฝนหลุดขำ แล้วเล่าต่อ “คือโค้ชเค้าเรียกกูให้ไปยืนข้าง ๆ เค้าอ่ะมึง”
“แค่เนี๊ย!!” เจนทำเสียงผิดหวัง
“เค้าเรียกต่อหน้าคนอื่นนะมึง เข้าใจมั้ย”
“ฝนคง รู้สึกพิเศษใช่มั้ย” น้องดาวคาดคะเน ฝนพยักหน้ารับ
“แล้วโค้ชเค้าเรียกยังไง พูดว่าอะไรอ่ะฝน” คุณหวีถามเจาะลึก
“นี่!! อีฝนมึงระวังให้ดี คุณหวีถามละเอียดขนาดนี้ เรื่องมึงถูกตีพิมพ์แน่นอน” เจนหัวเราะ
“เค้าก็แค่เรียก -คุณฝน- แล้วก็พยักหน้าให้เข้าไปหา” ฝนยิ้มเขิน
“กูปวดหัวกะโค้ชมึงมาก ประหยัดถ้อยประหยัดคำเหลือเกิน” เจนส่ายหัว
1
“แล้วมีอะไรอีกมั้ยฝน” คุณหวียังคงอยากรู้ ฝนพยักหน้ายิ้มรับ
“ก่อนกลับเค้ายื่นซองให้” ฝนเปิดกระเป๋าถือใบใหญ่แล้วหยิบซองจดหมายสีขาวขึ้นมา เปิดฝาซองออก ค่อย ๆ ดึงกระดาษแผ่นขนาดสีเหลี่ยมผืนผ้าที่มีลวดลายสะดุดตา แล้ววางบนโต๊ะ ทุกคนเลิกคิ้วแล้วส่งเสียงพร้อมกัน
“หวย!!!”
1
เพียงครู่เดียวเจนก็หัวเราะลั่นพร้อมทั้งส่ายหัวด้วยความระอา
“อะไรของโค้ชมึงเนี่ย!!!!”
พนักงานของทางร้านทยอยวางจานอาหารที่เพิ่งปรุงเสร็จมาร้อน ๆ กลิ่นของอาหารแต่ละชนิดยังไม่เท่ากับการจัดจานที่สวยงามดังภาพถ่ายสไตล์โมเดิร์น
“ว้าววว เค้าจัดจานอาหารสวยจังเลย น่ากิ๊นน่ากิน แต่ก็ไม่กล้ากิน” คุณหวีพูดขึ้น
“จัดจานแบบนี้สไตล์คล้ายของน้องดาวเลย เอ๊ะ หรือที่น้องดาวบอกว่ามาช่วยที่ร้านก็คือช่วยดูเรื่องนี้” ฝนถาม
“มาช่วยหลายเรื่องเลย ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันนะฝน มาเรื่องหวยของโค้ชต่อดีกว่า คิดว่าไง” น้องดาวหันไปทางเจน
“เดายาก ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนจริง ๆ" เจนส่ายหัวบอกท่าหมดหนทาง
ทุกคนมองหน้าเจน เพราะเชื่อว่าประสบการณ์ของเจนน่าจะช่วยวิเคราะห์หาเหตุผลของสลากกินแบ่งรัฐบาลที่อยู่บนโต๊ะนี้ได้
ฉับพลันเจนก็ชูนิ้วขึ้น “นึกออกแล้ว ต้องลองโทรถาม love กูรูคนนี้ น่าจะมีไอเดีย”
“พี่อ้อยพี่ฉอดไม่เอานะ” ฝนร้อง ทุกคนหัวเราะตาม
“โน โน ต้องคนนี้ถึงจะเหมาะกับพวกเรา แกรู้ทุกเรื่อง” เจนทำหน้ามีเลศนัย
“อย่าบอกนะว่า ….. ” ฝนหยุดให้เจนเติมคำในช่องว่าง
“ใช่แล้ว กูจะโทรหา -น้าเน็ก- ให้มึง" เจนยกนาฬิกาขึ้นดู
"วันนี้ไลฟ์ - อย่าหาว่าน้าสอน- พอดี” ว่าแล้วเจนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไปยังหมายเลขที่เธอบันทึกไว้
“อีเจ๊นนนน” ฝนร้องตกใจและพยายามยื้อยุดโทรศัพท์กับเจน
“ฮัลโหลลล”
เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของพิธีกรชื่อดัง ที่ตอนนี้ผันมาเป็นที่ปรึกษาปัญหาชีวิตให้กับแฟนคลับทั่วประเทศ ทักทายมาตามสาย เจนตาโตด้วยความตกใจมือไม้สั่น
“ว้ายยย ว้ายยย โทรติดด้วย โทรติดแล้ว” เสียงเจนกรีดร้องโวยวายด้วยความดีใจ
“เดี๋ยวววว ใจเย็นก่อนนนน” น้าเน้กกลั้วหัวเราะ
“โอ๊ยยย ดีใจอ่ะน้า นี่โทรครั้งแรกก็ติดเลย” เสียงเจนยังไม่คลายความตื่นเต้น
“อ่ะ ไม่ต้องขิง … ชื่ออะไรอ่ะเรา"
“น้า ๆ หนูขอเปิด speaker นะ พอดีอยู่กันหลายคน”
“ด๊ายยย ไม่มีปัญหา”
“หนูชื่อเจนน้า อายุยี่สิบแปด ทำงานด้านพีอาร์” เจนแนะนำตัว
“เจนนนน เจนมากับใคร” น้าเน้กถาม
“หนูชื่อเจน มากะนุ่น ละก็มากะโบว์” เจนร้องเพลงที่กำลังฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง
น้าเน้กหัวเราะก้องมาตามสาย “ไหนว่ามา มีอะไรอยากคุยกับพี่”
“คืองี้น้ามันไม่ใช่เรื่องของหนูหรอก เป็นเรื่องของเพื่อน มันไปอบรมอะไรซักอย่างแล้วก็ไปปิ๊งกะวิทยากร” เจนร่ายยาวโดยไม่หยุดหายใจ
“เดี๋ยว ๆ เรื่องของเพื่อนก็ต้องให้เพื่อนมาคุย เพื่อนอยู่ตรงนั้นป่าว”
“อยู่ค่ะน้า" เจนตอบแล้วมองหน้าฝนที่ปัดไม้ปัดมือพันละวัน พร้อมทั้งส่ายหน้าไปมา
“ให้เพื่อนมาคุยกับพี่ เพื่อนคนไหน นุ่นหรือโบว์” น้าหัวเราะ
“นุ่นค่ะ” เสียงฝนตอบไปอย่างไม่เต็มใจ ถ้าไม่เพราะเจนที่ถลึงตาจนจะถลนออกมา และคุณหวีที่ยึดตัวเธอไว้แน่นเพราะกลัวเธอจะหนีล่ะก็
“อ่ะนุ่น ไหนเล่าให้พี่ฟังเกิดอะไรขึ้น" น้าถามเสียงอ่อนโยน
ฝนเล่ารายละเอียดเบื้องต้นให้น้าเน้กฟัง โดยไม่ระบุเฉพาะเจาะจงชี้ชัดว่าเป็นการอบรมอะไร ที่ไหน
“งู๊ยยยยย โรแมนติกอ่ะนุ่นนนน" เสียงล้อลากยาวของน้าเน้กทำให้ทุกคนหัวเราะ
“แล้วนี่กลับมากี่วันแล้ว เค้าติดต่อมาบ้างยัง” น้าถามต่อ
“กลับมาได้อาทิตย์นึงแล้วค่ะน้า แต่ก็ไม่เห็นเค้าติดต่อมานะ เค้าไม่ได้ใช้โซเชียลอ่ะน้า” ฝนตอบเสียงเบา
“เฮ้ยยยยย ไม่เกี่ยว คนเราติดต่อกันได้อีกตั้งหลายทาง ไม่จำเป็นต้องใช้โซเชี่ยนเลย”
น้าเน้กหยุดครู่นึงแล้วยิงคำถามประจำรายการ “แล้วคำถามที่อยากถามพี่คืออะไร”
“น้าช่วยวิเคราะห์หน่อยว่า เค้าให้หวยหนูมาทำไม” ฝนยิงเข้าประเด็นหลัก
“อืมมมมม นุ่น เอ็งเจอของแปลกเข้าแล้วว่ะ นี่อาจจะเป็นรหัสลับที่ผู้ชายคนนี้จะอยากพิสูจน์ว่า นุ่นเป็นผู้หญิง Type เดียวกับเค้ารึเปล่า คือถ้านุ่นแกะโค้ดลับนี้ได้ เค้าถึงจะเปิดประตู อะไรแบบนี้รึเปล่าวะ” น้าเน้กทำเสียงครุ่นคิด
“หรือไม่เค้าก็แค่อยากให้เอ็งถูกหวย ง่าย ๆ แค่นั้น บางทีเราก็ไม่ต้องหาคำตอบให้ปวดหัวรึเปล่าวะ อีกไม่กี่วันก็หวยออกแล้ว เอ็งรอเช็คเผื่อถูกรางวัล อย่างน้อย ๆ เลขท้ายสองตัวก็ทำให้ยิ้มได้ล่ะวะ" คำตอบของน้าเน้กทำให้ฝนตาโต
1
“ใช่แล้วน้า ใช่แล้ว!!!” ฝนร้องขึ้นอย่างดัง
“อะไร อะไร!!??” น้าเน้กตกใจไปตามเสียงของฝน
“โอ๊ยยย น้าขอบคุณมาก พอน้าพูดแบบนี้หนูคิดออกเลย หนูเป็นน้องน้านะ” ฝนยังไม่หายตื่นเต้นดีใจ
“เออ ๆ เอ็งเป็นน้องพี่ โชคดีที่เอ็งโทรติด” น้าเน้กจบการสนทนาด้วยประโยคคุ้นเคยแล้วก็ตัดสายไป
ฝนหยิบสลากกินแบ่งรัฐบาลคู่นั้นขึ้นมาดู ตัวเลขเรียงกันหกตัว สองตัวสุดท้ายคือเลข 29 เธอเหม่อลอยครุ่นคิด คลี่ยิ้มบาง ๆ แล้วก็วางกลับคืนไว้บนโต๊ะ
เช้านี้เธอนัดกับเปรียวและนัทที่สวนสาธาระใหญ่ใจกลางกรุงเทพมาหานคร เนื่องจากเป็นวันทำงาน ทั้งสามคนจึงเห็นพ้องต้องกันว่าจะออกมาเจอกันตีห้าครึ่ง เพื่อที่ทั้งเปรียวและนัทจะได้ไปทำงานต่อได้ทัน ส่วนฝนนั้นไม่มีปัญหาเรื่องเวลางาน เพราะอาชีพ Content Creater อย่างเธอ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเข้าไปรายงานตัวที่บริษัท
บริษัทของฝนคือสตาร์ทอัพที่กำลังมาแรง เจ้าของบริษัทและหุ้นส่วนเป็นกลุ่มชายหนุ่มอายุสามสิบห้าที่มองเห็นโอกาสการเติบโตอย่างรวดเร็วของโลกคอนเท้นท์ในอินเตอร์เนต ทุกบริษัทต้องพยายามทำให้ตัวเองเป็นที่น่าสนใจอยู่ตลอดเวลาในโลกออนไลน์ ซึ่งสิ่งเดียวที่จะทำให้เกิดผลแบบนั้นได้คือเนื้อหาที่ดี ที่ดึงดูดผู้คนให้กลับมายังเพจหรือช่องของตัวเองสม่ำเสมอ
บริษัท CC85 ของฝนคือตัวที่จะช่วยคิดช่วยวางแผนในการวางเนื้อหา โปรโมชั่น หรือกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับบริษัทที่สนใจจะโลดแล่นเล่นเกมดึงลูกค้าบนโลกเสมือน ฝนก็คือหนึ่งในพนักงานจำนวนไม่กี่คนที่รับหน้าที่คิดเนื้อหา และกิจกรรมที่ทันสมัยอยู่เสมอ หรือในบางครั้งก็จำเป็นต้องให้ล้ำกว่าสมัยไปเลย
“เฮ้ … ฝนทางนี้” เสียงเปรียวโบกมือเรียกอยู่ไม่ไกล ฝนวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปหายิ้มกว้างทักทาย
“เปรียวกับนัทมาถึงนานแล้วเหรอ” ฝนถามแต่ยังวิ่งย่ำเท้าอยู่กับที่เพื่อเป็นการวอร์มร่างกาย
“เพิ่งมาถึงตะกี๊นี้เองฮะ" นัทเริ่มวอร์มด้วยการวิ่งอยู่กับที่เช่นกัน
“มาด้วยกัน?!” ฝนเลิกคิ้วถาม เธอรู้ว่าเปรียวและนัทเริ่มสนิทสนมกันเมื่อตอนกลับจากแค้มป์พี่ส้ม โดยเฉพาะการจับคู่บัดดี้เล่นเกมตลอดเวลาทั้งวันนั้น คงเปิดโอกาสให้ทั้งคู่เรียนรู้กันได้มากขี้นในระยะเวลาอันสั้น
เปรียวพยักหน้ารับ มีรอยยิ้มละไมเคลือบใบหน้า รอยยิ้มที่ดูก็รู้ว่าโลกกำลังเป็นสีชมพู
“นัทขอวิ่งวอร์มรอบนึงก่อนนะฮะ เดี๋ยวมาวิ่งด้วย” พูดจบก็ดีดตัวจากไป
“โห รวดเร็วจังเลย” ฝนร้องไล่ตามหลัง ชายหนุ่มที่วิ่งหายลับปะปนไปกับนักวิ่งและกลุ่มคนอื่น ๆ ที่มาออกกำลังกายยามเช้า ณ สวนสาธารณะใหญ่แห่งนี้
“นัทเค้าก็วิ่งเร็วกว่าพวกเราอยู่แล้วนี่นาฝน”
“ไม่ใช่หมายถึงเรื่องวิ่ง หมายถึงที่มาจีบเปรียวนี่แหละ รวดเร็วจังเล้ยยยย” ฝนมองหน้าเปรียวทำเสียงล้อ
“ว้าย! ฝนรู้ได้ไง” เปรียวตาโตตกใจ แต่ก็ยิ้มกว้าง
“โอ๊ยดูง่ายจะตาย” ฝนหัวเราะ แล้วพยักหน้าชวนเปรียวออกวิ่งด้วยความเร็วที่ยังวิ่งไปพูดไปได้
“ไหนเล่าหน่อย นัทมาจีบยังไง” ฝนหันมาถาม
“ก็ … พอกลับมา นัทเค้าก็มาแอดเฟรน มาตามไอจี แล้วก็กระหน่ำกดไลท์ทุกรูปเป็นสิบ ๆ รูปทีเดียวอ่ะฝน แล้วก็ไลน์มาคุยตลอด” เปรียววิ่งเหยาะ ๆ ก้มหน้าเขิน
“ถึงว่า ไม่ค่อยเห็นคุยในไลน์กลุ่ม ที่แท้แอบไปคุยกันสองคนนี่เอง” ฝนยังคงไม่หยุดทำเสียงล้อเพื่อน และพาลก็นึกไปถึงเรื่องของตัวเอง
โค้ชหนุ่มขายาวหน้าคมที่ช่วงนี้เธอนึกถึงตลอดเวลาคนนั้น ไม่มีเฟสส่วนตัว ไม่มีไอจี ไม่มีติ๊กต่อก ไม่มีทวิตเตอร์ ไม่มีไลน์ ไม่มีอีเมล ไม่มีอะไรทั้งนั้นที่คนยุคนี้มีไว้สื่อสารกัน เธอเคยสงสัยว่าโค้ชเปอร์ติดต่อการงานได้อย่างไร แต่พี่ส้มก็ขยายความให้ว่า โค้ชเปอร์มีคนจากบริษัทที่เป็นสปอนเซอร์คอยดูแลประสานงานให้อยู่แล้ว
“ฝน จะไปอีเว้นท์ภูกระดึงเดือนหน้ามั้ย” เปรียวถามขึ้นหลังจากที่วิ่งเงียบ ๆ มาสักพัก
“หืมมม” เธอรีบดึงความคิดกลับมาสู่ปัจจุบัน “ที่พี่ส้มชวนน่ะเหรอ อยากไปจัง แต่ฝนต้องเคลียร์ตารางงานก่อน”
“ไม่รู้โค้ชเปอร์จะไปด้วยรึเปล่าเนอะ คิดถึงแกเนอะฝน”
อืมม ใช่คิดถึง คิดถึงมากด้วย ทำไมฉันต้องมาชอบผู้ชายโบราณที่ติดต่อแสนจะยากเย็นแบบนี้ด้วยนะ ในทุกวันทุกคืนที่ผ่านมา เธอก็ได้แต่นั่งท่องเน็ท ดูข่าวเก่า ๆ ดูรูปเก่า ๆ ของเค้าตามงานวิ่งที่ผ่านมา ซึ่งมันแค่พอบรรเทาอาการคิดถึงไปได้แค่เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น อยากเจอกัน อยากคุยกัน อยากได้ยินเสียงกันมากกว่า
“ใช่ คิดถึงทุก ๆ คนเลยเนอะ ไม่น่าเชื่อว่าแค่สามวันที่เราเข้าแค้มป์กัน จะทำให้เราสนิทกันได้เร้วเร็ว”
“อีเว้นท์ภูกระดึงนี่ พี่ส้มจัดรวมสามรุ่นที่ได้อบรมของปีนี้ น่าไปเนอะฝน”
“เอาล่ะ บิ๊วจังเลยเปรียว ไป ไป ฝนไปด้วย เดี๋ยวรีบเคลียร์งานให้เสร็จเลย”
ฝนตอบปนหัวเราะ เมื่อเปรียวชูมือร้องเย้เบา ๆ แต่แล้วก็ขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นน้อย ๆ จากกระเป๋าคาดเอว รูดซิบแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หมายเลขไม่คุ้นตา พลางสงสัย ใครกันนะโทรมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่เปลี่ยนสี
“นัทมาพอดี เปรียววิ่งไปกับนัทก่อนนะ รับโทรศัพท์แล้วเดี๋ยวฝนวิ่งตามไป” เธอบอกเปรียว แล้วแยกออกมาข้างทาง กดรับโทรศัพท์
“สวัสดีค่ะ” เธอใจสั่นน้อย ๆ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ถ้ามีโทรศัพท์เบอร์ไม่คุ้นโทรเข้ามา เธอมักจะหวังให้เป็นเสียงเข้ม ๆ ที่คุ้นหู แต่ด้วยอาชีพของเธอที่เปลี่ยนลูกค้าทุก ๆ สามสี่เดือน และเปลี่ยนหน้าคนที่เธอต้องประสานงานด้วยบ่อย ๆ การมีโทรศัพท์เบอร์ที่ไม่ได้บันทึกโทรเข้ามาจึงเป็นเรื่องปกติสามัญ
“ครับ” ฝนเหมือนเท้าจะลอยขึ้นจากพื้น ใจสั่นหวิว เมื่อได้ยินเสียงที่เธอรอมานานเกือบจะสิบวัน
“โค้ชเปอร์” ฝนเรียกชื่อเขาเสียงเบาหวิว
“ครับ” แต่เมื่อได้ยินคำเดิมจากคนพูดน้อย เธอก็หลุดหัวเราะกิ๊กออกมา
“โค้ชคะ โทรมาพูดแค่ครับไม่ได้นะคะ” เธอหยอกล้อด้วยเสียงน่ารัก
“ผม” เสียงความเงียบเข้าทำงานชั่วขณะ ฝนกลั้นใจฟัง
“ยืนอยู่ตรงที่เราดูพระอาทิตย์ด้วยกัน” เสียงนุ่ม ๆ ส่งมาตามสาย ดึงภาพในเช้าวันนั้นกลับมาอีกครั้ง อารมณ์หวานซึ้งอวลขึ้นรอบกายทันที
1
“พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้ว"
“สวยมั้ยคะ”
“สวย" โค้ชเปอร์ตอบแสนสั้นตามเคย แต่ก่อนที่ฝนจะถามอะไรต่อ เขาก็ส่งเสียงนุ่มปนอ้อนแผ่วเบา
"ผมคิดถึงคุณ"
1
❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา