Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อยากทำไป-มด
•
ติดตาม
27 มี.ค. 2021 เวลา 23:01 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยาย 20 ตอน เรื่อง
"See you at the finish line - พบกันที่เส้นชัย"
ตอนที่ 7 - คุณเจตนิพัทธ์
“โอ๊ย เหนื่อย” คุณหวีพูดจบก็ปล่อยลมออกจากปากเป็นทางยาว
วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้วที่คุณหวีออกมาหัดวิ่งกับฝน ที่สวนสาธารณะเล็กใกล้บ้าน
“อย่าเพิ่งหยุดสิคุณหวี ไปจนถึงตรงนู้นก็ครบรอบพอดี” ฝนชี้มือไปยังประตูสวนสาธารณะ แล้ววิ่งเหยาะนำไป คุณหวีเห็นหางม้ากวัดแกว่งค่อย ๆ หนีห่าง เธอจึงกัดฟันสูดลมหายใจแรง ๆ เข้าปอดแล้ววิ่งเหยาะตามไป
ฝนยืนยิ้มรับอยู่ใกล้ ๆ กับประตูทางเข้า “วันนี้คุณหวีวิ่งครบสามรอบโดยไม่หยุดเดินเลยนะ เก่งมาก”
“เออ ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน ยังจำวันแรกที่วิ่งห้าก้าวก็หอบแล้วได้เลย” คุณหวีปาดเหงื่อ
1
สองคนพยักหน้าชวนกันไปยังร้านขายน้ำใกล้ ๆ คุณหวีเดินไปก็ยกแขนกวัดแกว่งไปพร้อมสูดหายใจเข้าปอดยาว ๆ หลายครั้ง อากาศยามเช้าก่อนเจ็ดโมงยังสบาย ๆ แม้ไม่เย็นเท่าตอนที่มาถึงเมื่อหกโมงเช้า ซึ่งฝนบอกว่าเป็นช่วงที่เหมาะสมในการวิ่งเพราะอากาศเย็นหน่อย หรือต่อให้วันไหนไม่มีลมเลย อย่างน้อยก็ไม่มีแดด
“ฉันเริ่มเข้าใจนักวิ่งแล้วนะแก” คุณหวีเอ่ยหลังจากดื่มน้ำทีเดียวครึ่งขวด
“ยังไง”
“ก็พอวิ่งได้เท่านี้ ก็อยากเพิ่มขึ้นไปอีก นี่วันนี้ฉันวิ่งได้สามรอบ พรุ่งนี้ยังอยากลองเพิ่มเป็นสี่รอบเลย”
“มันก็คือการฝึกฝนร่างกายนั่นแหละคุณหวี พอแข็งแรงขึ้นอะไรที่ยากก็ง่ายเข้า” ฝนพยักหน้ารับ
คุณหวีส่งไลน์ส่วนตัวมาหาเธอเมื่ออาทิตย์ก่อนว่า อยากจะมาลองวิ่งบ้าง อยากรู้ว่าการเป็นนักวิ่งจะรู้สึกอย่างไร เท่านี้ฝนก็รู้แล้วว่าเพื่อนสนิทคนนี้ ต้องการเอาเรื่องของเธอไปเขียนเป็นนิยายกุ๊กกิ๊กชวนฝันแน่นอน แต่ติดปัญหาที่ว่า เพื่อนเธอไม่เคยวิ่งมาก่อน พอจะบรรยายความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร ก็เกิดปัญหาเรื่องความสมจริง
“โค้ชของฝนโทรมาอีกมั้ย” ทั้งคู่นั่งลงที่ม้านั่งร่มรื่นริมบ่อน้ำของสวน ที่ตอนนี้เริ่มเปิดน้ำพุแล้ว
“โทรมาวันนั้นวันเดียวแหละแก” ฝนทำเสียงท้อแท้แต่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ฝนมองหน้าเพื่อนสาว แต่จิตใจล่องลอยไปยังเมื่ออาทิตย์ก่อน แค่คำว่าคิดถึงของเขาก็ทำให้เธอเหมือนหลุดลอยเคว้งคว้างไปไกล
“อยากรู้จังว่าเค้าคิดอะไรอยู่” คุณหวีทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ฝนรู้ว่าในสมองของเพื่อนเธอคงกำลังวางแผนตัวละครในนิยายอย่างวุ่นวาย
“เค้าบอกว่า อยากให้เวลาเราทั้งคู่ได้คิดถึงกัน คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แล้วค่อย ๆ รู้สึกกับมัน” ฝนพูดเขิน ๆ
2
6
“ว้าย โรแมนติกอ่ะโค้ชของแก” ทำเสียงล้อเลียนเพื่อนแล้วก็จดโน้ตในใจ - อืมม ให้ความคิดถึงทำงานสินะ -
“แล้วแกคิดว่าไง แกเป็นนักเขียน อยากเขียนเรื่องนี้ต่อยังไงอ่ะคุณหวี” ฝนหันมาจ้องหน้าถามเพื่อนจริงจัง
“โอ๊ย อย่าถามนักเขียนเลยแก๊ ฉันมีเวลาแค่สองสามร้อยหน้า เดี๋ยวนางเอกพระเอกจูบกัน ได้กันก็จบแล้ว แต่ชีวิตจริงมันคนละแบบ ฉันว่าโค้ชแกก็พูดถูกนะ ค่อย ๆ รู้สึกกับมันสิ แกรีบเหรอฝน”
“อืมมม มันก็ไม่ได้รีบ แต่ว่า … แล้วแบบนี้เค้าจะรู้จักฉันได้ไงล่ะ โทรหาอาทิตย์ล่ะครั้ง เดือนล่ะครั้งงี้เหรอ แถมโทรมาแล้วพูดคำสองคำ ส่วนใหญ่ฉันนี่แหละพูดแจ้ว ๆ อยู่คนเดียว”
“เอ้า !! ก็ที่แกพูดแจ้ว ๆ คนเดียวนี่แหละ เค้าก็ได้รู้จักแกแล้วไง” คุณหวี
“เออ ก็คงต้องเป็นแบบนั้น นี่ดีนะว่างานยุ่งมากช่วงนี้ ไม่งั้นฉันอกแตกตายแน่”
คุณหวีตบไหล่เพื่อนเบา ๆ ให้กำลังใจ แล้วชวนกันเดินกลับไปยังลานจอดรถด้านหลัง
ชายหนุ่มร่างสูงหน้าคม กำลังยืนมองท้องฟ้าเบื้องหน้าอยู่ที่เนินเขาหนึ่ง เขามายืนรอดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดนี้ทุกวันเป็นเวลาเกือบครึ่งเดือน ทุกวันท้องฟ้าจะสาดแสงเป็นเลื่อมสีไม่ซ้ำกัน ความสวยงามที่ไม่เหมือนกันแต่ละวัน ก็ยังไม่มีวันไหนที่สวยเทียบกับวันนั้นได้ วันที่มีผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ข้าง ๆ
“ผมคิดถึงคุณ" เขาจำได้ว่าบอกเธอไปแค่นั้น ทั้งที่อยากบอกว่า คิดถึงทุกวัน คิดถึงตลอดเวลา ทุก ๆ ที่ ๆ เขาวิ่งผ่านจะมีความทรงจำเกี่ยวกับเธอลอยขึ้นมาเสมอ ความเงียบสงบของที่นี่เคยเป็นบรรยากาศที่เขาชอบ มันเหมาะสมกับการซ้อมวิ่งและฟื้นฟูร่างกาย แต่ตอนนี้สถานที่นี้กำลังจะฆ่าเขาทีละน้อยด้วยความเหงาและความคิดถึง มันรุนแรงจนเขาคิดว่าจะเปลี่ยนที่ซ้อมไปที่จังหวัดอื่นแทน
หลายสิ่งที่เขาอยากทำตามใจปรารถนา อยากแล่นลงไปเมืองหลวงไปพบหน้าไปกอดไปบอกทุกอย่างที่เขาคิด แต่ก็มีหลายสิ่งที่รั้งเขาไว้เช่นกัน ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วในระยะเวลาสั้น เขาก็คิดว่าน่าจะเป็นการดีถ้าจะค่อย ๆ รู้สึกและให้เวลากับมัน
แค่ถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกในหัวใจ ชอบผู้หญิงคนนั้นตรงไหน เมื่อไหร่ คำถามสามัญแบบนี้ เขาเองก็ยังให้คำตอบชัด ๆ ไม่ได้เลย
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเหมือนกระแสไฟฟ้าในวันนั้น
“ฝน วันนี้เข้าบริษัทด้วยนะ" ไลน์กลุ่มของบริษัทเด้งขึ้นมา ปกติเธอจะรอรวบยอดอ่านและตอบเป็นเวลา แต่การแท็กชื่อเธอเฉพาะเจาะจง นั่นก็หมายความว่าผู้ส่งต้องการให้เธอตอบทันที ทุกคนในไลน์กลุ่มรู้ว่า ถ้าไม่ด่วนห้ามแท็กชื่อเธอพร่ำเพรื่อ
“งานใหม่เหรอพี่ ของเก่าฝนยังมีอยู่ในมือสองงานนะ” เธอพิมพ์ตอบย้ำเตือนปลายทางถึงงานที่เกือบจะล้นมือ
“เข้ามาฟังบรี๊ฟก่อน งานเริ่มจริงก็เดือนหน้า ก็พอดีงานเก่าหมดสัญญาไปงานนึง"
ฝนนิ่งคิดครู่หนึ่งก็ใช้นิ้วเลื่อนเพื่อหาไลน์ส่วนตัวของผู้ส่ง
“พี่หญิง ถ้าให้ฝนเข้าบริษัทวันนี้ พี่ต้องเคลียร์ทางให้ฝนนะ ไม่อยากเจอไอ้นั่น” พิมพ์ส่งไปในไลน์ส่วนตัวของผู้รับ
“มาเถอะ วันนี้พี่เจ๋งไม่อยู่” ฝนถอนหายใจเมื่อได้อ่านข้อความที่เด้งขึ้นมา
“โอเค สิบโมงเจอกัน” วางโทรศัพท์แล้วรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว
เธอหลีกเลี่ยงการเข้าบริษัทมาร่วมปีก็เพราะไม่อยากเห็นหน้าคนบางคน ทุกคนในบริษัทรู้เรื่องนี้ดี มีมวลความกระอักกระอ่วนใจในบรรยากาศเสมอ หากเธอและผู้ชายคนนั้นเผชิญหน้ากันหลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น หลายคนแปลกใจที่ยังเห็นเธอทำงานอยู่ที่นี่ เธอรู้ว่าเธอควรต้องไป แต่เนื่องจากมันเป็นงานที่เธอชอบ เธอสนุก และค่าตอบแทนดี ที่สำคัญเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดเธอสักนิด ผู้ชายคนนั้นผิด ผู้ชายคนนั้นควรไป แต่เขาเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนบริษัท ทุกอย่างเลยออกมาในรูปนี้ คือต่างคนต่างเลี่ยงการเผชิญหน้า
สิบโมงตรงฝนก็มายืนอยู่หน้าบริษัท ซึ่งถ้ามองเผิน ๆ ก็คือบ้านพักอาศัยขนาดกลางที่ถูกปรับปรุงให้ทันสมัยเรียบง่าย มีบริเวณจอดรถเป็นลานกว้างอยู่ด้านข้าง และมีสนามหญ้าเขียวตัดเรียบอยู่อยู่อีกฝั่ง บ้านนี้เป็นบ้านของหุ้นส่วนหนึ่งในห้า ซึ่งรองรับพนักงานสามสิบชีวิตไม่ได้หรอก แต่เนื่องจากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ทำงานอยู่ที่บ้าน หรือที่บริษัทลูกค้า บ้านหลังนี้จึงเป็นเพียงแค่ที่ประชุม และใช้สำหรับพนักงานฝ่ายบัญชีและการเงินเท่านั้น
เธอมองปราดไปที่จอดรถ ถอนหายใจโล่งอกที่ไม่เห็น BMW สีดำของเขา
แต่เมื่อเธอผลักประตูเข้าไป ก็พร้อมกับคนที่อยู่อีกฝั่งประตูดึงเปิด เธอสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นใคร อีกฝั่งก็เบิกตาเลิกคิ้วประหลาดใจไม่แพ้กัน
ฝนยกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้ ทักทายเสียงเย็นชา “สวัสดีค่ะคุณเจตนิพัทธ์”
“เรนนี่!! เรียกพี่ซะเต็มยศเชียว" ชายหนุ่มตรงหน้าแต่งกายเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ยืนยิ้มบาง ๆ ทักทายกลับด้วยชื่อที่ไม่เคยมีใครเรียกเธอมาก่อนในชีวิต ซึ่งแค่ได้ยินความโมโหก็จี๊ดขึ้นมาทันที
“โอ้โหไม่ได้เจอกันตั้งนาน พี่นึกว่าลาออกไปแล้ว นี่ไปทำอะไรมาคล้ำขึ้นนะ” ใช่สิ อะไรเกี่ยวกับเธอก็มักจะเป็นที่ให้เขาเอ่ยติได้เสมอ
“ฝนมีประชุม ขอตัวค่ะ” เธอตัดบทก้าวเดินเลี่ยงออกมา พลางนึกโมโหพี่หญิงที่รับปากว่าจะเคลียร์ทางให้
เมื่อเจอหน้ากันที่ห้องประชุม พี่หญิงก็ยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ทันทีด้วยสีหน้าสลด
“สุดวิสัยจริง ๆ ว่ะฝน พอดีคนที่จะมาบรี๊ฟงานดันเป็นเพื่อนพี่เจ๋งซะงั้น แกเลยเลื่อนนัดลูกค้าอีกเจ้าไปตอนบ่าย”
“งั้นก็แปลว่าเค้าจะเข้าประชุมด้วยงั้นสิ” ฝนส่ายหน้าด้วยความเซ็ง
บริษัทที่มาบรี๊ฟงาน เป็นบริษัทนำเข้าอุปกรณ์กีฬาขนาดกลางเพิ่งก่อตั้งไม่นาน แต่ด้วยสัญญาร่วมทุนฉบับใหม่ที่เพิ่งเซนต์กับบริษัทใหญ่ในสิงคโปร์ ทำให้การขยายงานเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เราจะเปิดช็อปสาขาพร้อมกันยี่สิบแห่งทั่วประเทศ สิบห้าช็อปจะอยู่ในกรุงเทพ และอีกห้าจะอยู่ที่จังหวัดใหญ่ของแต่ละภาค โดยสาขาหลักจะตั้งอยู่ที่ห้างใหญ่ใจกลางเมือง และมีแผนจะขยายเป็นหนึ่งร้อยสาขาภายในสองปี” เสียงของผู้บริหารบริษัทลูกค้าก้องไปทั้งห้องประชุมเล็ก
“สิ่งที่เราต้องการในตอนนี้คือประชาสัมพันธ์ในโลกออนไลน์ทุกเส้นทาง เพื่อให้คนคุ้นหูกับชื่อร้าน เป้าหมายคือ เมื่อนึกถึงอุปกรณ์กีฬาทุกชนิดต้องนึกถึงเรา” ผู้บริหารหนุ่มพูดต่อ
“แล้วจะให้เราช่วยดูเรื่องไหนให้บ้าง” เจตนิพัทธ์ถามขึ้นอย่างกันเองกับเพื่อนในวัยเรียน ที่ตอนนี้ผันมาเป็นลูกค้ารายล่าสุด
“อยากได้ทีมงานเข้ามาช่วยเซ็ทเรื่อง Content ของทุก ๆ Platform ทางเรามีฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายการตลาด แต่ยังไม่มีใครที่เชี่ยวชาญด้าน Online Content อีกอย่างทางบริษัทแม่ที่สิงคโปร์ ก็แนะนำให้จ้าง Out source ที่เชี่ยวชาญมากกว่า ในตลาดตอนนี้ ก็มีแต่ CC85 นี่แหละที่ทางทีมเห็นว่าผลงานโดดเด่น ซึ่งกูก็เพิ่งรู้นี่แหละว่ามึงเป็นหุ้นส่วน”
“ทางทีมได้วางแผนโปรโมทไว้บ้างรึยังคะ” ฝนถามแทรกขึ้น เมื่อเห็นทั้งสองเริ่มจะคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ
“ทางทีมการตลาดตอนนี้ดูเหล่า Influencer ทางสายกีฬาไว้หลายสาขาแล้วครับ แต่ก็ยังไม่ฟันธงกันว่าจะเอาเซเล็บที่สนใจการกีฬาด้วย อย่างนางแบบชื่อดังที่ตอนนี้หันมาออกกำลังกายจริงจังจนได้เหรียญไตรกีฬาหลายงาน หรือว่าจะเอานักกีฬาชื่อดังไปเลย” ผู้บริหารหนุ่มหันมาตอบฝน
“แล้วบริษัทมีทีมคอนเท้นท์มั้ยคะ” พี่หญิงแทรก
“ยังไม่มีครับ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าทาง CC85 จะรับหน้าที่อะไรบ้าง แล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าฝ่าย PR และการตลาดของผมควรเข้ามาช่วยด้านนี้ยังไง”
“บริการของเรามีหลายระดับค่ะ จะยกหน้าที่ดูแล Platform Online ทั้งหมดให้เราเลย หรือจะให้เราเข้าไปสอนงานเซ็ทระบบกับทางทีมงานของคุณก็ได้เช่นกัน โดยปกติงานก็คล้ายกับ PR เพียงแต่ Content บน Platform Online มันจะไปเร็วกว่ามาก ซึ่งทีม PR จะทำงานได้ตามที่เราไปวางระบบ หรือสอนงาน จะรู้ได้ก็ 3 เดือนไปแล้วเราถึงจะวัดผลกัน”
ฝนอธิบายบริการของบริษัทด้วยความคล่องแคล่วรู้งาน เธอผ่านงานที่บริษัทนี้มากว่าห้าปีแล้ว ผ่านงานมาทั้งบริษัทเล็กบริษัทใหญ่ ทั้งลุยเดี่ยวในกรณีบริษัทเล็ก และร่วมกับคนอื่นในทีมเมื่อต้องรับงานใหญ่ระดับประเทศ เธอรู้ทิศทางของโลกออนไลน์เป็นอย่างดี อะไรนำสมัยสมควรตาม หรืออะไรที่น่าจะล้ำนำไปก่อนเพื่อเป็นผู้นำทางการตลาด เธอมองขาด
“แล้วคุณฝนมองเรื่อง Influencer ยังไงบ้างครับ” เขารู้สึกถูกใจน้ำเสียงเชื่อมั่น และความคล่องแคล่วในการพูดของหญิงสาวคนนี้ ความมั่นใจฉายออกมาชัดทั้งสีหน้าและแววตา
“กีฬาที่เป็นที่นิยมในบ้านเราตอนนี้คงไม่พ้นเรื่องวิ่ง ฝนอยากให้ชูตรงนี้ ส่วนกีฬาอื่น ๆ ไม่ทิ้งเพียงแต่ให้ความสำคัญรองลงมา ส่วน Influencer ก็เน้นไปทางนักวิ่งทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา นักร้อง นักแสดงที่หันมาวิ่ง หรือนักธุรกิจที่มีการวิ่งเป็น Hobby จะทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกระดับชั้นในวงกว้าง” เธอเห็นหน้าโค้ชหนุ่มขายาวลอยขึ้นมาในมโนสำนึกทันที
“ฝนเค้าก็อยู่ในวงการวิ่งเหมือนกันนะ" ฝนเบือนหน้าไปอีกทางเบะมองบนเล็กน้อย เมื่อเจตนิพัทธ์แทรกขึ้นพร้อมส่งยิ้มให้
“โอ!! ดีเลยครับ อย่างนี้ก็ทำงานกันสนุกเลย ถ้า Content Creater อยู่ในวงการเองแบบนี้” ผู้บริหารส่งสายตาชื่นชม
“คุณฝนมี Influencer นักวิ่งที่อยากแนะนำมั้ยคะ” หญิงสาวหนึ่งในทีม PR ของลูกค้าถามขึ้น
“มีหลายคนเลยค่ะ แต่เรื่องนี้ขอฝนไปทำการบ้านก่อน ครั้งหน้าที่เรานัดประชุมกันข้อมูลฝนน่าจะพร้อมมากกว่านี้”
ลูกค้ากลับไปแล้ว พร้อมกับนัดหมายการประชุมครั้งต่อไปในอีกสามวัน แต่ฝนยังคงต้องนั่งอยู่ในห้องประชุมตามลำพังกับคนที่เธอหลีกเลี่ยงจะเผชิญมาตลอดหนึ่งปี ชายหนุ่มวัยสามสิบห้า หน้าขาวหมดจดบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวบำรุงดูแลรักษามันอย่างดี ท่านั่งเอนหลังไขว่ห้างสบาย ๆ แสดงถึงความมั่นใจแต่ก็ไม่เคร่งขรึม เสื้อผ้าเรียบกริบมีรสนิยม เป็นบุคลิกภาพที่ชวนมอง
“สบายดีมั้ยเรนนี่" เสียงอ่อนนุ่มส่งมาพร้อมสายตาอ่อนโยน
“คุณมีธุระอะไรอีกคะ" ฝนเมินให้กับสายตานั้น รู้สึกอยากจะวิ่งออกจากห้องไปให้เร็วที่สุด
“เนี่ย ทำไมห่างเหินแบบนี้ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน พี่ก็อยากถามสารทุกข์บ้าง”
“พี่เจ๋ง ฝนประกาศชัดไปแล้ว ถ้าไม่จำเป็นอย่ามาพูดมาคุยกัน” เธอเผลอเรียกชื่อเล่นของเขา ที่เคยคุ้น
“เรนนี่ เรื่องก็ผ่านมาปีนึงแล้ว หายโกรธพี่นะ” เขาทำเสียงอ้อน เหมือนที่เคยทำแล้วได้ผลเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งแทนที่จะทำให้เธอใจอ่อน กลับทำให้สมองตรึงเครียดขึ้นมาจนอยากจะกรีดร้อง
“เลิกพูดเถอะ ถ้าไม่มีอะไร ฝนกลับนะ” เธอลุกพรวดขึ้น ก้าวเท้ายาว ๆ ไปยังประตูห้องประชุม ยังไม่ทันจะจับลูกบิดประตู คนที่นั่งอีกฝั่งโต๊ะ ก็ลุกตามมาจับแขนเธอไว้ก่อน ฝนหันมาตาเขียวปั่ด มองไปที่มือใหญ่ที่ถือวิสาสะจับแขนเธอ
“เย็นนี้พี่ไปรับที่คอนโดนะ ไปกินข้าวเย็นกัน” เขายังส่งสายตาอ้อนวอน งอนง้อ
1
ผ่านมาเกือบปี เธอไม่ได้รับการติดต่ออะไรจากเขาเลย ไม่มีอีเมล ไม่มีข้อความในไลน์ เหมือนต่างคนต่างทำงานกันอยู่คนละที่ ทั้ง ๆ ตามตำแหน่งเขาคือหนึ่งในเจ้าของบริษัท และเธอคือลูกจ้าง แล้ววันนี้เกิดจะมาอยากขอคืนดี มันกะทันหันจนเธอตั้งตัวไม่ทัน
“ไม่ต้องมานะ” เธอสะบัดแขน ยกนิ้วขู่
“ไปกินข้าวกัน พี่อยากปรึกษาเรื่องงานล่าสุดนี้” เขายกงานขึ้นมา
2
“อย่ามาอ้าง” เธอรู้ทัน
“ถ้าไม่ไปกินข้าวกับพี่ งั้นพี่จะยกงานนี้ให้ไอ้เกี้ยวไปทำแทนนะ” ฝนเกือบจะอ้าปากเถียง แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาทันว่า เขาทำแบบนั้นไม่ได้ ระบบงานของที่บริษัทเล็ก ๆ นี้ ถูกวางมาดีเกินกว่าที่จะให้อำนาจหน้าที่ผู้บริหารทำตามใจชอบขนาดนั้น เธอจึงตอกหน้าเขาไป
“ตามใจ!!” แล้วกระชากประตูเดินออกมา
แต่เมื่อมาถึงหน้าบริษัทก็ต้องมาหัวเสียอีกครั้งเมื่อพบว่าที่จอดรถของเธอถูกรถของเขาจอดขวางทางไว้แบบไม่มีทางถอยออก หันหลังจะกลับเข้าไปจัดการคนเจ้าเล่ห์ ก็เห็นเขายืนเอามือล้วงกระเป๋ายิ้มยั่วยวนพร้อมยักไหล่ ฝนเผลอสบถเบา ๆ
“แม่ง … ไอ้คนแบบนี้ ฉันเคยหลงรักเข้าไปได้ยังไง”
2
4
บันทึก
16
28
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
นิยาย - พบกันที่เส้นชัย
16
28
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย