28 มี.ค. 2021 เวลา 23:01 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยาย 20 ตอน เรื่อง
"See you at the finish line - พบกันที่เส้นชัย"
ตอนที่ 8 - Fartlek
“พี่เจ๋ง มาขยับรถออกไปเดี๋ยวนี้เลย!!” ฝนพยายามระงับความโกรธ ด้วยการสะกดทีละคำอย่างยากเย็น แต่อีกฝ่ายยังยิ้มยียวนไม่ขยับตัว
“คุยกันดี ๆ ก่อนไม่ได้รึไงเรนนี่” เจตนิพัทธ์อ่อนเข้าหา ทำตาละห้อย
“มีอะไรต้องคุยกันอีกหาาา” ถลึงตาใส่ ถ้าเธอวิ่งไปขย้ำเขาเหมือนสัตว์ร้ายได้ก็คงทำไปแล้ว
“พี่ขอโทษไปแล้ว เวลาก็ผ่านมาตั้งเป็นปี เมื่อไหร่จะหายโกรธกันสักที" เขารู้ว่าการที่เธอยังคงมีอารมณ์ใด ๆ กับเขาอยู่ นั่นก็หมายความว่าเขายังมีความหมายอยู่ในหัวใจเธอ แม้จะเป็นอารมณ์โกรธราวกับแม่เสือก็ตาม น่าดูน้อยไปซะที่ไหน
“พี่ไม่มีสิทธิ์!! ไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรแบบนี้ ไม่มีสิทธิ์มาร้องหาความเห็นใจ จะผ่านไปปี หรือสิบปี ถ้าฝนยังไม่อยากคุยด้วยก็คือไม่อยากคุย คนเจ็บคือฝน เข้าใจมั้ย” เธอพูดไปสลับกับชี้หน้าเขาไปพลาง อารมณ์โกรธพุ่งถึงขีดสุดแล้วตอนนี้
เจตนิพัทธ์ยกมือยอมแพ้
“โอเค ยังไม่คุยก็ยังไม่คุย แต่เตรียมใจไว้ด้วยล่ะ โปรเจคล่าสุดนี่พี่คุม ยังไงก็ต้องได้ทำงานร่วมกันตลอดแน่นอน” ว่าแล้วก็เดินไปขยับรถให้แม่เสือตาวาวแต่โดยดี
“ฝันไปเถอะ” ฝนกัดฟันก่อนจะเปิดประตูรถ แล้วถอยรถออกไปอย่างรวดเร็ว
“เจน มึงว่างฟังกูระบายมั้ย” ฝนกดโทรศัพท์หาเพื่อนรักทันทีเมื่อถึงห้องพักที่คอนโดในซอยสุขุมวิท
ห้องพักขนาดสองห้องนอนกระทัดรัด ราคาสมเหตุสมผล เพราะเธอเลือกคอนโดที่อยู่ลึกเข้ามาด้านในซอย แทนที่จะเลือกคอนโดริมถนนสุขุมวิท ที่สะดวกกว่ามากเพราะติดสถานีรถไฟฟ้า แต่ราคาที่ต่างกันเท่าตัวก็ทำให้ตัดสินใจไม่ยากนัก
“ว่า …. เดี๋ยวกูเดินหาที่เงียบ ๆ ก่อน” เจนตอบสั้น ๆ เสียงเบื้องหลังดังโหวกเหวกฟังไม่ได้ศัพท์ สักพักจึงเงียบลง
“วันนี้กูเข้าบริษัท รู้มั้ยกูเจอใคร” ฝนถามนำ
“เจอพี่เจ๋งงั้นสิ” เจนแทบไม่ต้องเดา ประวัติศาสตร์เรื่องราวของฝนกับพี่เจ๋ง เพื่อน ๆ ในกลุ่มรู้ดี
“เจอกันน่ะไม่เป็นไรหรอกนะมึง เดินผ่านกันกูยกมือไหว้ก็จบต่างคนต่างไป แต่นี่มาเซ้าซี้กู ถามว่าหายโกรธได้รึยัง คุยกันดี ๆ ได้มั้ย คนอะไรวะหน้าด้าน” ฝนใส่อารมณ์ไม่ยั้ง
“แล้วมึงยังไม่หายโกรธเค้าอีกเหรอ”
“อ้าวอีเจ๊นนน มึงอยู่ข้างใคร” ฝนเริ่มเดือดอีกครั้ง
“อยู่ข้างมึงนี่แหละ นี่กูถามจริง ๆ เรื่องก็ผ่านมาปีนึงละนะ กูรู้มึงเจ็บช้ำน้ำใจตอนนั้น แต่มึงก็มูฟออนได้แล้วนี่หว่า จะให้เค้ามาอยู่เหนืออารมณ์มึงทำไมวะ การที่แค่เค้ามาพูดด้วยมึงก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเนี่ย แสดงว่ายังคิดอะไรกับเค้าอยู่อย่างงั้นสิ”
“ไม่คิด ไม่ได้มีอารมณ์พิศวาสอะไรแล้ว แต่เห็นหน้าแล้วโมโห” พูดจบก็ค้อนลมค้อนแล้ง เหมือนว่าคนถูกกล่าวถึงอยู่ตรงหน้า
“อ่ะ พูดกันจริง ๆ เรื่องคราวนั้นมึงก็ทำเค้าไว้สาหัสแล้วนะ ที่มึงประกาศกลางบริษัทให้เค้ารับปากว่าจะไม่เสนอหน้ามาพูดคุยด้วยอีก เค้าก็รักษาสัญญาดี ละตอนนี้ชีวิตมึงก็เข้าที่เข้าทางแล้ว แฟนใหม่ก็มีละ เลิกโกรธเค้าได้ละมั้ง” เจนลงท้ายด้วยเสียงล้อเลียน
“แฟนใหม่อะไรของมึ๊ง" ตอบเสียงสูงปนเขิน
“กูทำนายทายทักให้เลย อีกไม่นานแล่นมาหามึงแน่นอน” เจนฟันธงตามประสบการณ์
“จากการถอดรหัสหวย กูคิดว่าเค้าน่าจะรอวันหวยออก แล้วมาเซอร์ไพรส์กูแน่ ๆ เอ๊ะ แต่ถ้ากูรู้แบบนี้ก็ไม่เซอร์ไพรส์แล้วดิ อีกสองวัน นี่กูนับถอยหลังรอเลย เค้าต้องบอกประมาณว่า ไม่ถูกรางวัลเลขท้ายสองตัวก็ไม่เป็นไรนะครับ มาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันที่ขุนตาลทุกเช้าก็ได้” ฝนทำเสียงเข้มเลียนแบบโค้ชขายาว
“เมื่อไหร่จะเลิกมโนอีฝน มึงนี่ควรไปเป็นนักเขียนแทนคุณหวี เพ้อตลอด” เจนอดขัดคอเพื่อนไม่ได้
“มึงมาลองเป็นกูมั้ยล่ะ จะติดต่อกันทีก็คือรอเค้าโทรศัพท์มาอย่างเดียว ถ้ายังใช้นกพิราบกันอยู่โค้ชแกคงใช้น่ะ” ฝนค่อนขอดคนไกล
“ละทำไมมึงไม่โทรหาเค้า เบอร์เค้ามึงก็มี”
“กูเกรงใจ” ฝนทำเสียงอ่อย “กูไม่รู้ว่าเค้าทำอะไรตอนไหน ไม่รู้ตารางซ้อมเค้าว่าเป็นยังไง กลัวโทรไปตอนเค้าไม่ว่าง” พูดเสร็จก็ถอนหายใจยาว “รอให้เค้าโทรมาดีกว่า”
“ละนี่รอมานานยัง” เจนอยากรู้ความอดทนของเพื่อนรัก
“ตั้งแต่กลับมา เพิ่งโทรมาครั้งเดียว” ถอนหายใจยาว “แต่ก็คุยกันนานเป็นชั่วโมงนั่นแหละ” ฝนยิ้มบาง ๆ คนเดียวพลางนึกถึงวันนั้นที่เธอต้องส่งสัญญาณให้นัทและเปรียวกลับไปก่อนเมื่อทั้งสองคนวิ่งผ่านมาทางเธอสองรอบแล้วเธอก็ยังไม่วางสาย คำว่า -ผมคิดถึงคุณ- ยังก้องอยู่ในใจ
“ถ้าวันหวยออกเค้าไม่โผล่มา มึงต้องเป็นฝ่ายโทรไปบ้าง เค้าก็อยากได้รับความสนใจเหมือนกันนะเว้ย เราไม่ได้อยู่ยุคแม่พลอย ที่ผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายนั่งม้วนตัวแอบอยู่ในวัง รอคอยให้ฝ่ายชายติดต่อมาอย่างเดียว สมัยนี้ต่างฝ่ายต่างให้และรับซึ่งกันและกัน เอาให้มันพอดี ๆ นะมึง" เจนร่ายยาว
1
“เออ ขอบใจเพื่อน” อีกครั้งที่เจนช่วยดึงสติให้เธอ
หลังวางสายจากเจน ฝนก็ตัดความฟุ้งซ่านทุกอย่างออกไปหมด เปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คขึ้นมา พร้อมทั้งเตรียมไอแพดไว้ข้างตัว กางหน้าสมุดจดบันทึก และเริ่มทำงาน พุ่งสมาธิไปยังจอสีเหลี่ยมผืนผ้าตรงหน้า
งานสองโปรเจคเป็นสินค้าคนละอย่าง แผนการตลาดแม้จะคล้ายกันแต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่าง กลุ่มลูกค้าเป้าหมายก็ต่างกัน เธอเช็ค Platform ทุกอย่างว่าผลตอบรับแต่ละชนิดต่างกันอย่างไร เช็คการโฆษณาของ Influencer แต่ละคนว่าทำตามบรีฟที่ให้ไปอย่างแนบเนียนรึเปล่า
บางคนก็ทำอย่างขอไปที ให้ข้อความไปอย่างไร ก็ก็อปทั้งดุ้นไปแปะ คนตามมองปราดเดียวก็รู้ว่าขายของ แถมขายแบบส่ง ๆ ขอไปทีแบบนี้ ผลตอบรับแทบจะไม่ต้องถาม โพสท์ขายของส่ง ๆ ของ Influencer จะมีการตอบสนองน้อยมากไม่ว่าจะเป็นข้อความหรือการกดรักกดไลค์
ฝนจดบันทึกลงสมุดด้วยดินสอเพราะลื่นมือกว่า เธอจะทำแบบนี้จนเสร็จ แล้วค่อยมาทำสรุปเป็นทางการด้วยโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็จะส่งให้ทีมประชาสัมพันธ์ของบริษัทลูกค้า เพื่อแจ้ง Influencer ที่ต้องปรับปรุง หรือเลวร้ายสุดก็เปลี่ยนคนไปเลย
จากนั้นก็จะใช้เวลาท่องไปในโลกออนไลน์เพื่อดูความเคลื่อนไหวโดยรวมว่า กระแสอะไรกำลังมาแรง กระแสอะไรกำลังจะหมดไป เธอจดสรุปเป็นข้อ ๆ แล้วส่งแนวทาง Content ประจำสัปดาห์ให้กับทีมการตลาดและทีมประชาสัมพันธ์ได้หารือกันก่อน แล้วนัดประชุมพร้อมกันทางไลน์กลุ่มอีกที แต่ถ้ากระแสไหนแรงและรีบ เธอจะสร้าง Content ให้ทันที แล้วส่งให้ทีมปรับแก้เพียงเล็กน้อยพร้อมนำขึ้น
ดูเหมือนเป็นงานที่ไม่ยากซับซ้อน แต่ในความเป็นจริงต้องอาศัยทักษะหลายอย่าง ซึ่งประสบการณ์ทำให้ฝนสามารถมองกระแสได้ขาด และสร้าง Content ทั้งตามและนำกระแสได้ดี แต่ก็ต้องแลกมากับเวลาในการจมอยู่กับหน้าจอเป็นวันเป็นคืน เพื่อตามดูว่าโลกออนไลน์กำลังวิ่งไปทางไหนกัน
หลังจากจมอยู่ในสมาธิแห่งการงานนานนับชั่วโมง เธอมองดูนาฬิกาพลางบิดตัว แล้วหันไปมองผ่านประตูกระจกเลยออกไปทางระเบียง แสงอาทิตย์อ่อนแรงท้องฟ้าสีไม่สดอย่างกลางวัน แม้จะอยู่ในห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ แต่เธอก็รู้ว่าด้านนอก อากาศเริ่มสบายและบริสุทธิ์กว่าอุดอู้อยู่ในนี้หลายเท่านั้น คิดได้ดังนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วใส่รองเท้าวิ่งคู่ใจเปิดประตูออกไปทันที
คอนโดของเธออยู่ลึกเข้ามาเกือบสุดซอยและยังเข้ามาในซอยย่อยอีกหน่อย ห่างจากปากซอยใหญ่ประมาณแปดร้อยเมตร เมื่อคืนด้วยความคิดถึงโค้ชแต่ไม่กล้าโทรไปหา เธอจึงเปิดคลิปสั้น ๆ ที่สอนวิ่งของโค้ช เป็นคลิปที่โค้ชไม่ได้ทำขึ้นมาเอง ส่วนใหญ่เป็นคลิปของคนที่ได้ไปเรียนกับโค้ช แล้วอัดเทคนิคสั้น ๆ มาเผยแพร่
ฝนสนใจการวิ่งแบบ Fartlek ที่โค้ชพูดถึง วันนี้เลยตัดสินใจว่าจะไม่ขับรถไปยังสวนสาธารณะที่เธอวิ่งประจำ แต่จะวิ่งจากคอนโดไปแล้ววิ่งกลับแทน เพราะ Fartlek ที่โค้ชสอน ก็คือการวิ่งไปตามสภาพถนนที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการวิ่ง ดังนั้นบางช่วงอาจจะวิ่งได้เร็ว บางช่วงอาจจะวิ่งได้ช้า บางช่วงอาจจะต้องกระโดดหลบสิ่งกีดขวาง
โค้ชบอกในคลิปว่า คนที่อยากฝึกวิ่งเทรลในเมือง ให้ออกมาวิ่ง Fartlek บนฟุตบาธได้เลย โดยเฉพาะในกรุงเทพที่อุปสรรคบนฟุตบาธเยอะมาก จะต้องใช้ประสาทสัมผัสสูงไม่แพ้การวิ่งในป่าเลยทีเดียว
ฝนยกนาฬิกาขึ้นกดแล้วออกวิ่งจากหน้าคอนโดไปตามฟุตบาธในซอย ผ่านไปไม่ถึงครึ่งทางอุปสรรคแรกก็มาถึงคือ อยู่ดี ๆ ฟุตบาธข้างเธอก็สิ้นสุด ต้องข้ามฝั่งไปวิ่งอีกข้างแทน จากนั้นก็จะมีหลุมที่ถูกขุดไว้กลางเส้นทาง ทำให้ต้องหลีกไปวิ่งบนถนน ที่เธอต้องคอยระวังรถมอเตอร์ไซค์ที่ปรู๊ดปร๊าดโผล่พรวดมาเป็นระยะ บางทีก็เป็นตอของท่ออะไรไม่รู้เป็นกับดักที่เธอต้องสอดส่อง พื้นปูทางที่ไม่เรียบและมีน้ำขัง สายไฟที่ห้อยร่องแร่ง เสาไฟที่อยู่ดี ๆ ก็มาอยู่ขวางทาง ฯ
แรก ๆ เธอรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่ได้วิ่งเป็นเส้นตรงในความเร็วที่ถนัด แต่เมื่อปรับตัวปรับใจได้แล้ว ก็เริ่มสนุกที่จะข้ามสิ่งกีดขวางต่าง ๆ สนุกกับการเร่งความเร็วในบางช่วง ประสาทตื่นตัวพร้อมตลอดเวลา พลางนึกไปถึงโค้ชหน้าคมคนนั้นที่คงจะยิ้มแล้วถามเธอเสียงเข้มว่า “สนุกใช่มั้ย” เธอตอบรับในใจ -สนุกค่ะ และจะสนุกมากกว่านี้ถ้าเราได้มาวิ่งด้วยกัน-
ฝนแปลกใจตัวเองที่รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดกับการแค่ได้นึกถึงโค้ช แม้เธอจะโหยหาแต่ก็ไม่ได้ทุรนทุราย เธอนึกถึงหินผาที่มั่นคงแข็งแกร่งเมื่อคิดถึงเขา เธอรับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของเขา ไม่มีการสงสัยหรือเคลือบแคลงใจใด ๆ เธอรู้ว่าโค้ชและเธอต่างมีใจที่เดินทางไปยังดาวดวงเดียวกัน แต่พอนึกได้อย่างนั้นก็ต้องอมยิ้ม เจนคงบอกว่าเธอ มโนเพ้อเจ้ออีกแล้ว
1
นาฬิกาข้อมือที่ไม่ได้บอกแค่โมงยาม แต่บอกทั้งระยะทางที่วิ่งมาทั้งหมด อัตราการเต้นของหัวใจ เวลาที่ใช้ไปในการวิ่ง คิดคำนวณดูแล้ว ก็วิ่งย้อนทางเก่าเพื่อกลับที่พัก เมื่อถึงคอนโดเธอก็จะทำระยะทางได้ทั้งหมดแปดกิโลเมตรพอดี
ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มแล้ว ไฟถนนเปิดสว่างตลอดทาง รถยนต์เริ่มติดนิ่งอยู่บนถนน นึกดีใจที่ไม่ได้เอารถยนต์ออกมา โดยปกติเธอจะขับรถมาที่สวนสาธารณะในเวลาเช้าที่รถน้อย ไม่เคยรู้ว่าพอถึงช่วงเย็นย่ำแบบนี้รถจะติดจนไม่ขยับเลย เมื่อถึงปากซอยก็เห็นรถติดเป็นแพจากต้นซอยที่รอออกถนนใหญ่
แต่วิ่งเข้ามาถึงกลางซอยรถยังวิ่งได้ต่อเนื่อง เธอมองไปข้างหน้า จำได้ว่าอีกไม่กี่สิบเมตรต้องเปลี่ยนฝั่งเพราะฟุตบาธฝั่งนี้จะสิ้นสุด มองซ้ายขวาเห็นรถยังอยู่ไกล ก็เร่งความเร็วก้าวยาวกว่าปกติไปอีกฝั่ง แล้ววิ่งต่อ ไฟถนนที่สว่างจ้าก็หายไปเพราะถูกบดบังจากถนนทางด่วนลอยฟ้าด้านบน
ในขณะที่ตัดสินใจไปด้วยวิ่งเหยาะ ๆ ไปด้วยว่าควรจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดไฟฉายส่องทางดีหรือไม่ เธอก็วิ่งมาถึงจุดที่มืดที่สุดของเส้นทาง พลันได้ยินเสียงหัวเราะลั่นจากคนกลุ่มนึงมาทางขวา
ฝนตกใจหันไปมองก็เห็นชายฉกรรจ์จำนวนสี่ห้าคนนั่งล้อมวงบนแคร่ มีขวด แก้วและจานอาหารอยู่ลาง ๆ กลางวง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากฟุตบาธมากนัก
“ขยันจังเลยน้องสาว”
“ให้พี่ไปวิ่งเป็นเพื่อนมั้ย”
“แวะกินน้ำก่อนสิจ๊ะ”
เธอควงเท้าให้เร็วถี่ขึ้นกว่าเดิมเพื่อจะออกไปให้ไกลจากจุดนั้นให้เร็วที่สุด มองไปข้างหน้าก็เห็นทางแยกที่เธอต้องเลี้ยวเข้าซอยย่อย ใจเต้นรัวด้วยความกลัว ขนลุกซู่เมื่อนึกถึงภยันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ใจชื้นขึ้นมาว่าเมื่อเลี้ยวเข้าซอยย่อยก็เหลือเพียงประมาณร้อยสองร้อยเมตรเท่านั้นก็จะถึงคอนโด และในซอยย่อยก็เริ่มมีแสงไฟจากเสาไฟฟ้าบ้างแล้ว
แต่เหมือนพล็อตนิยายดราม่าที่ทุกอย่างประดังประเดมาที่ตัวเอก ความบังเอิญแห่งโชคร้ายที่มาประชุมพร้อมกันคล้ายนัดแนะ เมื่อเธอวิ่งเข้ามาในซอยย่อย ไฟถนนที่แม้จะไม่ถี่เท่าในซอยหลัก แต่โดยปกติจะให้แสงสว่างพอประมาณ วันนี้กลับมืดสนิท มีเพียงแสงสลัวจากไฟบ้านเรือนที่ตั้งอยู่เรียงรายแทน
ผู้คนที่ปกติจะเห็นเดินบ้าง นั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามาบ้าง หรือรถยนต์ที่เข้า ๆ ออก ๆ เป็นประจำ กลับเงียบเหมือนยังไม่ถึงเวลาปล่อยตัว ถนนแคบ ๆ ประมาณรถสวนกันได้แบบพอดีดูคล้ายหลับใหลเงียบร้าง เธอได้ยินเสียงฝีเท้าที่ย่ำมาอยู่ไม่ไกลด้านหลัง เมื่อหันไปดูเร็ว ๆ ก็เห็นผู้ชายกลุ่มนั้นลุกขึ้นมาเดินกลางซอย และหนึ่งในกลุ่มนั้นก็ยกเท้าออกวิ่ง
เธอฉุกนึกขึ้นมาว่าในเวลาซ้อม Interval แบบที่ต้องวิ่งเร็วสุดชีวิต เธอใช้เวลากี่นาทีในการวิ่งหนึ่งร้อยเมตรกันนะ
ตอนนี้ประสาทตึงเครียดไปด้วยความกลัว ใจเต้นแรงทั้งความเหนื่อยและความหวาดหวั่น เธอไม่เสียเวลาคิดว่าถ้าคนกลุ่มนั้นมาถึงตัวเธอได้จะเกิดอะไรขึ้น ข่าวคราวลงหน้าหนังสือพิมพ์มีให้เห็นทุกวัน นี่ขนาดเธออยู่ในย่านที่คิดว่าปลอดภัยมาตลอด แต่การที่ใช้ยานพาหนะส่วนตัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จึงไม่เคยรู้เลยว่าการเดินในซอยบ้านตัวเองจะน่ากลัวถึงเพียงนี้
เธอเห็นไฟราง ๆ ของรั้วคอนโดอยู่ไม่ไกล เสียงย่ำเท้าพร้อมเสียงหัวเราะน่าขยะแขยงยังตามหลังมา เธอไม่รู้ว่ากลุ่มชายเหล่านี้กำลังไร้สติเพราะร่ำสุราได้ที่แล้วต้องการล้อเธอเล่น หรือจะมีจุดประสงค์ร้ายอื่นใด แต่การไปถึงคอนโดให้เร็วที่สุดในตอนนี้คือสิ่งสำคัญมากกว่าการมานั่งคิดวิเคราะห์ตั้งคำถามที่เธอไม่รู้คำตอบ
ขาที่สับอย่างเร็วจนแทบล้า เธอรู้ว่าแค่หินเพียงก้อนเดียวก็จะทำให้เธอสะดุดล้มหน้าทิ่มได้ถ้าเธอไม่ระวัง ดังนั้นนอกจากจะควงขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตาเธอก็คอยเพ่งพื้นด้านหน้าระแวดระวังไม่ให้สะดุด หัวใจแทบจะทำงานหนักเกินกำลังเหมือนมีมือยักษ์มาบีบอย่างแรงแล้วปล่อย จากนั้นก็บีบอย่างแรงอีกวนไปไม่สิ้นสุด เธอเหมือนจะขาดใจ แต่เมื่อเท้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตของคอนโดได้ เธอก็โล่งอกพร้อมชะลอความเร็ว ได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาจากถนนด้านนอกพร้อมเสียงล้อเลียนที่จับประโยคไม่ถนัดสลับไปมา
ฝนยังไม่ขึ้นไปยังห้องของเธอ แต่เดินเลี่ยงไปยืนหอบอยู่ที่บริเวณสนามหญ้าด้านข้างของคอนโด แล้วนั่งพักที่ม้านั่ง ลมที่พัดเอื่อยทำให้เธอค่อย ๆ รู้สึกสบายขึ้น แต่ใจยังเต้นโครมคราม ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้วและเมื่อคิดไปถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นก็ขนลุกขึ้นมาอีกครั้ง ตัวชาตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาด้านบน น้ำตาขึ้นมาเอ่อคลอโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ก้มลงมองฝ่ามือตัวเองก็เห็นว่ามันสั่นน้อย ๆ
รู้สึกทั้งขยะแขยง หวาดกลัว และอ่อนแอเหมือนเป็นลูกไก่ตัวจ้อยวิ่งหนีฝูงไฮยีน่าที่หวังขย้ำเธอ ไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ถ้าเธอเกิดสะดุดล้มไปแล้วถูกพวกนั้นจับตัวไว้ได้ล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น คิดแค่นี้น้ำตาก็ไหลหยด ยกมือขึ้นมาปิดหน้าแล้วก้มงอตัว อยากจะสะอื้นแต่ก็กลั้นไว้ พยายามดึงสติกลับมา บอกย้ำกับตัวเองว่า ปลอดภัยแล้ว ปลอดภัยแล้ว
หยิบมือถือขึ้นมา ใจนึกไปถึงคนขายาวที่เป็นเหตุให้เธอออกไปวิ่งแบบพิสดารในวันนี้ อารมณ์พาลผุดขึ้นมาง่าย ๆ ทำให้ทั้งที่อยากจะโทรหา แต่กลับกดชื่อเจนขึ้นมาแทน ยังไม่ทันที่เธอจะโทรออกก็ได้ยินเสียงเรียกคุ้นหู
“คุณฝน”
ฝนหันขวับไปทันที ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินเสียงนี้ ไม่ใช่วันนี้สิ วันนี้หวยยังไม่ออก ทำไมโค้ชมาโผล่ตรงนี้ได้
“โค้ช” เสียงอ่อนระโหย น้ำตาเธอไหลพรูด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ตีกันวุ่นวาย
โค้ชเปอร์ที่มีสีหน้าตกใจอยู่แล้ว ก็ตกใจเพิ่มเข้าไปอีก เดินเข้ามาจับไหล่เธอทั้งสองข้างกระชับ
“เป็นอะไรไป”
เสียงทุ้มอ่อนที่เต็มไปด้วยความอาทร ทำให้ความเข็มแข็งที่เหลือเพียงน้อยนิดของเธอล้มทลายลง ฝนก้มหน้าปล่อยโฮปนสะอื้น โค้ชเปอร์ดึงเธอเข้าไปกอดนุ่มนวล มือใหญ่ลูบหลังปลอบโยน
❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา