29 มี.ค. 2021 เวลา 23:01 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยาย 20 ตอน เรื่อง
"See you at the finish line - พบกันที่เส้นชัย"
ตอนที่ 9 the missing piece
หนุ่มสาวนั่งประจัญหน้ากันในห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ซึ่งจัดไว้เป็นห้องอเนกประสงค์ ทั้งรับแขก ทำงาน ทำกับข้าว รับประทานอาหาร นอนเล่น อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ชีวิตคนเมืองกรุงก็แบบนี้ พื้นที่ใช้สอยในที่พักมีจำกัด แม้ฝนจะเลือกคอนโดแบบสองห้องนอนขนาด 60 ตารางเมตร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีพื้นที่เหลือเฟือ
ห้องนอนใหญ่แค่วางเตียงกว้างขนาดควีนไซส์ก็แทบจะเหลือเพียงทางเดิน ส่วนห้องนอนเล็กเธอจัดให้เป็นห้องเก็บจิปาถะและตู้เสื้อผ้า ซึ่งตอนนี้ไม่สามารถจะเป็นห้องนอนรับแขกหรือให้ใครแหวกเข้าไปนอนได้เลย จึงเหลือเพียงห้องโถงกลางที่เธอยังรักษาพื้นที่ให้โปร่งโล่งสบาย มีเพียงโซฟายาวหนึ่งตัว อาร์มแชร์หนึ่งตัว และโต๊ะกลางสารพัดประโยชน์
โค้ชขายาวตอนนี้นั่งสบาย ๆ อยู่ฝั่งของโซฟาสีเขียวขี้ม้าเข้ม ส่วนฝนนั่งอาร์มแชร์สีส้มที่ฝั่งตรงข้าม เล่าถึงเหตุการณ์น่าหวาดหวั่นที่เพิ่งเกิดขึ้น
“เพราะโค้ชนั่นแหละ” เธอบ่นปนยิ้มเมื่อเล่าเสร็จ ตอนนี้เธอไม่มีน้ำตาเหลือแล้ว การที่โค้ชมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้าทำให้เธอลืมเรื่องน่ากลัวนั้นไปเกือบหมดสิ้น
คนหน้าคมส่ายหัวอมยิ้มน้อย ๆ ทำให้หน้าเข้มที่เคยเข้มอยู่เป็นนิจน่ามองขึ้นเป็นสองเท่า เขาไม่ได้ตอบอะไร เพราะรู้ว่าไม่จำเป็น เธอปลอดภัยและกลับเข้าสู่สภาพจิตใจปกตินั่นก็เพียงพอแล้ว
“ทำไมโค้ชถึงมาหาฝนวันนี้คะ” ฝนถามออกไปอย่างใจนึก โดยเก็บประโยค -ยังไม่ถึงวันหวยออกเลย- ไว้
“คิดถึงครับ” โค้ชตอบหน้าตาย แต่สายตาลึกซึ้งมีความหมายเช่นเดิม ต่างคนต่างมองกันนิ่งส่งความรู้สึกมากมายแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
1
ฝนลุกขึ้นจากที่นั่ง พาตัวเองไปที่โซฟาข้างโค้ช เอียงข้างยกขาทั้งสองข้างขึ้นมาด้านบนพาดผ่านไปบนตัก คู้ตัวเอาหูแนบไปกับหน้าอกของเขา โค้ชยกแขนขึ้นรับ ข้างหนึ่งโอบไปยังแผ่นหลัง อีกข้างหนึ่งจับกระชับที่บริเวณช่วงขา คล้ายว่าเขากำลังอุ้มเด็กน้อยไว้แนบอก เพียงแต่ว่าเป็นหญิงสาวคนที่เขาคิดถึงอยู่ทุกวันแทน
1
“ฝนมองตาโค้ชไม่ได้แล้ว ใจมันหวิว” ฝนพึมพำอู้อี้อยู่ที่หน้าอกข้างซ้ายของเขา
เรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากคนตัวสูง “ทำแบบนี้ใจไม่หวิว?”
“ก็หวิวค่ะ แต่ให้โค้ชกอดมันพอจะช่วยได้” ฝนเงยหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ แต่ทันทีที่สบตากันในระยะใกล้เธอก็ถูกดูดเข้าไปในห้วงเวลาอนันตกาลอีกครั้ง ณ ที่แห่งนั้นหัวใจสองดวงวิ่งเข้าหากันด้วยความถวิลหา หมุนวนล้อกันจนในที่สุดหลอมรวมเป็นหนึ่ง
ฝนหลบสายตา ก้มหน้างุดซุกอยู่กับหน้าอกเขาเช่นเดิม เธอรู้ว่าไม่ใครก็ใครจะต้องเริ่มก่อน มันจะต้องมีการจูบเกิดขึ้น เธออยากจูบเขาและก็อยากให้เขาจูบ แค่เพียงเงยหน้าขึ้นทุกอย่างก็จะดำเนินไป มันจะเป็นจูบแรกของเราทั้งคู่ ฝนสะท้านเมื่อคิดขึ้นมา พลันจับเสียงหัวใจของเขาดังอยู่ข้างหู เธอรู้สึกเหมือนสัมผัสของลำโพงที่เปิดเพลงเสียงดัง มันคล้ายจะทะลุออกมาด้านนอก
“หัวใจโค้ชเต้นแรงมาก” เธอเผลอพูดออกมา
“ก็เล่นมานั่งแบบนี้” เขาถอนใจ
“ฝนคิดถึงโค้ช เหมือนเราไม่ได้เจอกันนานมาก ไม่ได้คุยกันนานมาก” เธอบังคับตัวเองให้ก้มหน้าพูดอยู่กับหน้าอกของเขา จะเป็นการดีถ้าไม่เงยหน้าขึ้นสบตาคมซึ้งนั้น
“อึดอัดมั้ย” การฟังเสียงของเขาด้วยหูข้างเดียว และฟังเสียงหัวใจไปด้วยให้ความรู้สึกประหลาดกับเธอ
“หมายถึงนั่งท่านี้น่ะเหรอคะ ไม่อึดอัดค่ะ ชอบ” เธอยิ้มให้กับหน้าอกเขา
“ผมหมายถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยได้คุย ไม่ค่อยได้เจอ”
2
“ตอนแรกก็อึดอัดค่ะ แต่ไป ๆ มา ๆ มันก็ชิน ฝนได้มีเวลาคิดทบทวนถึงมันเยอะ บางทีก็คิดว่าเพราะไม่ค่อยได้คุย ไม่ค่อยได้เจอกันรึเปล่าที่ทำให้ทุกครั้งที่ได้คุยมันมีความหมายมาก หรืออย่างตอนนี้ที่ได้เจอ มันมีความสุขมาก”
เธอขดตัวเข้าชิดในอ้อมอกของเขา รู้สึกถึงแขนที่โอบรัดกระชับขึ้น
“ผมคิดถึงคุณตลอด คิดถึงมาก อยากโทรหาทุกวัน” เสียงออดอ้อนอ่อนหวานแบบที่ฝนไม่คิดว่าจะได้ยินจากเขา
1
“แล้วทำไมไม่โทรคะ"
“เกรงใจ ผมไม่รู้ว่าคุณทำงานอยู่ ประชุมอยู่ หรือกำลังมีความสุขกับเพื่อน"
“คิดเหมือนฝนเลย ฝนอยากโทรหาโค้ช แต่ทุกครั้งที่จะกดโทร ก็เกรงใจทุกครั้ง กลัวโค้ชรำคาญ”
“คุณโทรได้"
“โค้ชพูดแล้วน้าาา” เธอทำเสียงดีใจ เผลอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งแล้วใจเต้นแรงเมื่อสบตาเขา เธอรีบหลบตาก้มหน้างุดเช่นเคย พยายามสะกดอารมณ์ที่คล้ายจะระเบิดนั้นไว้
“ถ้าผมรับสายไม่ได้ก็แปลว่าไม่สะดวก แต่คุณโทรได้ตลอด”
เธอขำกิ๊ก “เรื่องธรรมดาสามัญแบบนี้ทำไมเราต้องมานั่งแจกแจงกันด้วยก็ไม่รู้เนอะโค้ช ไอ้การโทรหากันมันธรรมด๊า ธรรมดา ถ้าโทรไปอีกฝ่ายว่างก็คุย ไม่ว่างก็ไม่รับสาย ง่าย ๆ แค่นี้เอง"
“มันยากก็เพราะเรายังไม่รู้จักกันเท่าไหร่ และมีความคาดหวัง” โค้ชพูดน้ำเสียงสบาย ๆ
“โค้ชหวังอะไรคะ”
“หวังให้คุณเรียกว่าพี่แทนเรียกโค้ชแบบนี้” เขาพูดกลั้วหัวเราะในลำคอ ฝนฟังแล้วหัวใจรู้สึกเต็มตื้นเหมือนได้ขยับความสัมพันธ์ขึ้นไปอีกขั้น แค่คิดว่าจะได้เรียกโค้ชเปอร์ ว่าพี่เปอร์ ความสุขก็แผ่ซ่าน เธอยื่นหน้าไปจุ๊บคางเขาแผ่วเบา
“ได้ค่ะพี่เปอร์” เธอแนบหน้าชิดหน้าอก ได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นแรงรัวชัดเจน
“ฝนจริงจังมั้ย” โค้ชเปลี่ยนสรรพนามเรียกเธอแล้ว
“จริงจังค่ะ พี่เปอร์ล่ะคะ" เธอพยักหน้าทั้ง ๆ ที่ยังก้มหน้างุดอยู่
“เค้าประกาศผลสลากกินแบ่งกันกี่โมง” เขาตอบคำถามด้วยคำถามที่ฝนงงว่ามันเกี่ยวกันตรงไหน
“บ่าย ๆ มั้งคะ”
“พี่มาหาฝน อยากมาตรวจรางวัลด้วยกัน ถ้าไม่ถูกรางวัลอะไรเลยพี่จะจับตัวพากลับไปขุนตาล”
1
“ฝนถูกรางวัลที่หนึ่งตั้งแต่วันที่พี่เปอร์กอดฝนในป่าแล้ว” ฝนพูดเสียงเบา เงยหน้าขึ้นอยากจะขโมยจุ๊บคางเขาอีกที ไม่ทันตั้งตัว เขาก็ก้มลงมาประทับรอยจูบที่ริมฝีปากบางแผ่วเบา ไม่รุกล้ำกล้ำกลาย มีแค่ความนุ่มนวลอ่อนหวาน
1
“พูดถูกใจ” เขาตอบเหมือนว่ารอยจูบนั้นคือรางวัลที่เธอควรได้รับ
1
“โค้ช” ฝนลากเสียงยาว สบตาหวานซึ้ง
“อ้าว กลับมาเรียกโค้ชอีกแล้ว แบบนี้พี่ทำโทษนะ” แล้วเขาก็ก้มลงจูบเธออีกครั้ง คราวนี้นอกจากความอ่อนหวานยังแฝงไปด้วยอารมณ์รุ่มร้อนซ่อนเร้น มันพาให้เธอกระเจิดกระเจิงโลดแล่น
1
ฝนยกมือขึ้นโอบคอยึดเขาไว้แน่นเกรงตัวเองจะหลุดลอยเคว้งออกไป เธอเพิ่งรู้ว่ามนุษย์เราจะจูบกันได้ยาวนานเพียงนี้ ทั้งยังเป็นจูบที่บอกเล่าความรู้สึกความต้องการจากก้นบึ้งของหัวใจ ทั้งสองคนกำลังเปิดเผยแลกเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างผ่านสัมผัสของกันและกัน และเธอเหมือนกำลังจะขาดใจลงช้า ๆ
ฝนนั่งพิงด้านข้างอยู่กับหน้าอกของเขาอย่างเดิม แต่เหมือนจิตวิญญาณเธอได้ล่องลอยออกไปไกลยังดินแดนอื่น ลมหายใจแผ่วเบาทั้ง ๆ ที่หัวใจกระโดดโครมคราม เธอรู้สึกตัวร้อนผ่าวเหมือนจะเป็นไข้คล้ายสาวน้อยไร้เดียงสาที่เพิ่งได้รับรสจูบเป็นครั้งแรก
“ทำไมเงียบ” เสียงเขาถามขึ้น
“ฝนจะเป็นลม เหมือนใจมันจะขาด"
“เอ๊ะ หรือฝนจะไม่สบาย จริงด้วย อยู่ดี ๆ ตัวก็ร้อนขึ้นมา” โค้ชอุทานเสียงตกใจ มือลูบแขนเธอไปมา ดึงให้สติเธอกลับมาอีกครั้ง แต่พอเงยหน้าไปสบตาก็เห็นแววล้อเลียนอ่อนหวานมองกลับมา เธอเตรียมอ้าปากต่อว่า เขาก็ก้มลงมาประทับริมฝีปากอีกครั้ง
1
จูบครั้งใหม่นี้มีความรุ่มร้อนรุนแรงทวีขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่ไร้เดียงสาขนาดที่จะบอกไม่ได้ว่าอารมณ์และไฟปรารถนาได้ครอบงำทั้งเขาและเธอเรียบร้อย เธอเองก็จูบตอบเขาไปตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่านขึ้น ฝ่ามือใหญ่ที่โอบหลังเธอไว้บัดนี้ลูบไล้ไปมา เธอรับรู้ถึงความร้อนซ่านนั้น
“พอก่อนมั้ยคะพี่เปอร์” ฝนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ไร้เรี่ยวแรง
“หืมมม” เขากอดกระชับเธอแน่นแนบอก จนเธอรู้สึกเจ็บ เข้าใจว่าเขาเองก็กำลังหักห้ามใจอย่างรุนแรงเช่นกัน
“ถ้ายังจูบกันไม่หยุดแบบนี้ได้เป็นแฟนกันแน่ ๆ" ฝนพูดใบหน้าเปื้อนยิ้มอ่อนหวาน
“นี่ยังไม่เรียกแฟนอีกเหรอ” เขาเลิกคิ้วสงสัย
“ถ้าเอาตามมาตรฐานของน้าเน้กก็ยังค่ะ เวลามีคนโทรไปปรึกษาความรักกับน้าเน้ก แกมักจะถามว่าเป่ากันรึยัง แปลว่าได้มีอะไรกันรึยังน่ะค่ะ ถ้าคนที่โทรไปบอกว่ายังไม่ได้เป่ากัน น้าเน้กก็บอกว่า โธ่เอ๊ย แบบนั้นมันยังไม่ได้เป็นแฟนกัน ยังไม่จริงจังอะไร”
1
“น้าเน้กที่เป็นพิธีกรน่ะเหรอ”
“ใช่ค่ะ ตอนนี้แกจัดไลฟ์สดตอบปัญหาชีวิตทุกอาทิตย์ มีคนโทรปรึกษาแกเยอะเลย ส่วนใหญ่ก็เรื่องความรัก”
“แล้วฝนคิดว่ายังไง เรื่องแฟนแบบน้าเน้กว่า” เขามองด้วยสายตารอคอยคำตอบ
“อืมมม ฝนว่าการมีอะไรกันก็เป็นการเรียนรู้กันอย่างหนึ่ง ถ้ามันไม่คลิ้กกัน ก็ยังมีจังหวะให้ได้พูดคุยปรับเปลี่ยนให้ถูกใจซึ่งกันและกันได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง วุฒิภาวะก็ใช่ ความสัมพันธ์ของคู่รักถ้ายังไม่ได้มีอะไรกันมันก็ถือว่ายังขาดไปส่วนหนึ่ง คนบางคนอยู่บนเตียงก็อย่างนึง อยู่บนโต๊ะอาหารก็อย่างนึงนะคะ … ตายจริง ฝนคิดแบบนี้พี่เปอร์จะหาว่าฝนแรดมั้ยคะเนี่ย”
1
“ไม่แรดค่ะ” เขาหัวเราะเสียงดังเมื่อตอบเธอไปอย่างนั้น
1
“พี่ไม่ใช่คนหัวโบราณ และก็ดีใจที่ฝนเห็นว่าเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องได้เปรียบเสียเปรียบของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง" เขาก้มลงจะจูบเธออีกครั้ง ให้สมกับความน่ารักที่ออกมาจากความคิดลึกซึ้งนั้น แต่เธอก็ยกมือขึ้นมาปิดปากเขาไว้ทันควัน
1
“พอก่อนค่ะพี่เปอร์ เดี๋ยวจะได้เป็นแฟนกันวันนี้นี่แหละค่ะ” เธอหัวเราะเบา ๆ พลางยกขาที่พาดตักออก ลุกขึ้นยืนและฉุดแขนเขาขึ้น
“ออกไปดูพระจันทร์ที่ระเบียงกันค่ะ ใกล้จะวันพระจันทร์เต็มดวงแล้ว” เขากำลังจะลุกขึ้นตามแรงฉุดน้อย ๆ ของเธอ ก่อนจะตัดสินใจกระตุกแขนเธอกลับ ฝนไม่ทันระวังตัวจึงล้มลงกลับไปนั่งตักเขา สัมผัสถึงจมูกที่มีลมหายใจรุมร้อนคลอเคลียอยู่ข้างแก้มเธอ
“พี่ยังไม่ขอเป็นแฟนวันนี้หรอกนะ แต่ขอกอด ขอชื่นใจอีกนิดนึง” ว่าแล้วก็สูดกลิ่นหอมจากแก้มนวลเข้าฟอดใหญ่ ๆ ทั้งซ้ายขวา ฝนหัวเราะชอบใจและสุขสม
1
ท้องฟ้าเบื้องหน้าเป็นสีดำ แต่แสงสว่างระยิบระยับจากแสงไฟมากมายในเมืองหลวง ทำให้ไม่สามารถมองเห็นดวงดาวได้สักดวงในเวลานี้ มีเพียงพระจันทร์สีนวลที่พยายามส่องสว่างท้าแสงไฟของเมือง หนุ่มสาวยืนแนบชิดอิงแอบชี้ชวนกันชมจันทร์
“พี่อยากให้ฝนกลับไปที่ขุนตาล”
“เห็นดาวเยอะกว่าที่นี่มั้ยคะ”
“พี่บอกไปก็ไม่เชื่อหรอก ไปดูเองมั้ย” เขาหันมามองสายตาหวานเชื่อม เธอรีบหลบตาก่อนที่จะถูกดึงดูดเข้าสู่กองไฟปรารถนาอีกครั้ง
“ไปค่ะ ไปวันพรุ่งนี้เลยก็ได้ ช่วงนี้โปรเจคใหม่ยังไม่เริ่ม งานโปรเจคที่ทำอยู่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ คุยออนไลน์กันได้ค่ะ ฝนอยากไปดูว่าพี่เปอร์ใช้ชีวิตยังไง วัน ๆ ทำอะไรบ้าง อยู่แบบนั้นคนเดียวไม่เหงาเหรอคะ” ฝนเอียงคอถาม
“ปกติไม่เหงาเลย แต่พอรู้จักฝนก็เหงาทุกวัน” เขาทำเสียงออดอ้อน แล้วเคลื่อนตัวมายืนซ้อนข้างหลังเธอ สองแขนโอบรัด
1
“ถ้าฝนไปมีห้องให้นอนมั้ยคะ เผื่อยังไม่อยากเป็นแฟน” เธอทำเสียงล้อ ๆ
“ห้องหับเยอะแยะ แต่ว่าถึงยังไม่เป็นแฟนก็นอนข้าง ๆ กันได้นะ" เขาทำเสียงต่อรอง
“ฝนไม่ไว้ใจตัวเองค่ะ” เธอตอบยิ้มยั่วเย้า พลิกตัวหันมาประชันหน้าสวมกอด “พี่เปอร์ทนได้เหรอคะ” เธอออดอ้อนอ่อนหวาน แล้วก็เขย่งตัวขึ้นจูบเขาก่อน เขาจูบตอบร้อนแรงเปิดเผย บอกให้รู้ว่าความอดทนนั้นแทบจะไม่เหลือให้ยึดไว้ แล้วเขาก็ถอนปากออกรวดเร็ว ดึงเธอเข้าชิดแน่นหน้าอก ถอนหายใจยาวสองครั้งสองครา เป็นคำตอบชัดเจนที่รู้อยู่แก่ใจของคนทั้งคู่
1
“พรุ่งนี้กลับไปกับพี่นะ” เขากระซิบเบา ๆ ให้กับคนตัวเล็กในอ้อมกอด แล้วก็ฮัมเพลงขึ้นเบา ๆ แทนความรู้สึกในตอนนี้
Let it be, let it be, let it be, let it be
There will be an answer, let it be
ฝนเงยหน้าตาโตเมื่อได้ยินเสียงร้องเพลง “พี่เปอร์ร้องเพลงเพราะจัง! เพลงอะไรคะเนี่ยฝนไม่เคยได้ยิน”
“เพลง Let it be ของ The Beatle รู้จักมั้ย”
“ไม่รู้จักค่ะ เคยได้ยินชื่อวงนี้ ที่นักร้องคือจอห์น เลนนอน ใช่มั้ยคะ” เขาพยักหน้ารับ
“พี่ชอบเพลงนี้ เนื้อเพลงไม่มีอะไรมาก วนไปอยู่แค่ let it be แต่พี่มักจะนึกถึงมันตลอดไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรให้ไม่สบายใจ สับสนวุ่นวาย หรือหาคำตอบไม่ได้ เพลงนี้จะดังขึ้นมาอยู่เสมอ ในเพลงจะมีประโยคนึง Whisper words of wisdom, let it be พี่คิดตามนั้นจริง ๆ" ฝนฟังเพลิน ไม่คิดว่าเขาจะพูดอธิบายอะไรยาว ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องวิ่งได้
“แล้วตอนนี้พี่เปอร์สับสนเรื่องอะไรถึงฮัมเพลงนี้คะ”
“พี่ไม่ได้สับสน เพียงแต่บางทีก็มีคำถามขึ้นมา ว่าจะเป็นยังไงต่อ เราสองคนจะเข้ากันได้มั้ย ชีวิตที่ต่างกันมากจะเติมเต็มกันได้รึเปล่า พี่จะเป็นชิ้นส่วนที่ฝนตามหามั้ย แต่พอคิดมากเข้าก็จะนึกถึงเพลงนี้ Let it be" เขาก้มลงเอาแก้มแนบกับผมอ่อนนุ่มของเธอ ฮัมเพลงนั้นอีกครั้ง
“ชิ้นส่วนที่ฝนตามหา? เหมือนความเชื่อที่พระเจ้าสร้างมนุษย์หญิงคนแรกจากกระดูกซี่โครงของอดัมน่ะเหรอคะ โอ้โห พี่เปอร์โรแมนติกมาก ฝนไม่เคยคิดเลย" เธอทำเสียงเหลือเชื่อ และนึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินเรื่องนี้จากที่ไหนสักแห่ง
“ไม่ใช่จ้ะ มันเป็นเรื่องการผจญภัยของเจ้าวงกลมที่เว้าแหว่ง เดินทางตามหาชิ้นส่วนที่ขาดหายจากหนังสือ The Missing Piece”
1
“อ๋อ ฝนเคยดู Animation โอ๊ย พี่เปอร์โรแมนติกจริง ๆ ด้วย" เธอตื่นเต้น
“ทำไมต้องแปลกใจด้วย”
“ก็ฝนรู้สึกว่าพี่เปอร์เป็นผู้ชายเข้ม ๆ น่าเกรงขาม เวลาพูดก็ดุ ๆ โดยเฉพาะตอนเป็นโค้ชโหด มันดูลึกลับแต่ก็น่าสนใจ ไม่เคยคิดเลยว่าพี่เปอร์จะพูดถึง The Missing Piece” เสียงยังไม่หายจากความแปลกใจ
“แล้วยังน่าสนใจอยู่มั้ย” เขาเลื่อนจมูกไปเคล้าคลอกับพวงแก้มนุ่ม
“น่าสนใจมากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าค่ะ” ฝนตอบยิ้มกว้างสว่างใสไปทั้งใบหน้า เขาตอบรับยิ้มสดในนั้นด้วยรอยจูบอ่อนหวาน บังคับให้ความร้อนแรงลดลง อยากให้เธอรู้สึกถึงความลึกซึ้งที่เกิดขึ้นในใจมากกว่าไฟปรารถนารุ่มร้อน แต่ก็คงไม่เป็นผล เพราะเธอตัวสั่นสะท้าน ลมหายใจร้อนระอุเหมือนจะขาดเป็นช่วง ๆ เขาถอนริมฝีปากออกมา กอดเธอไว้แนบอกแน่นเพื่อชะลอความร้อนของเปลวเพลิง
“พี่กลัวว่าบางทีอาจจะไม่ใช่ชิ้นส่วนที่หายไป กลัวว่ามันจะไม่สมบูรณ์พอดี” เขาเอ่ยทำลายความเงียบ
“พี่เปอร์คะ พี่ไม่ใช่ชิ้นส่วนที่ขาดหายไปของฝนค่ะ” ฝนพึมพำอู้อี้ในอ้อมอกเขา
“หืมม ฝนแน่ใจแล้วเหรอ” น้ำเสียงขาดความมั่นใจอย่างไม่เคยเป็น
“แน่ใจค่ะ เพราะฝนไม่ใช่ The Missing Piece” ฝนเงยหน้าจ้องตาเป๋ง เขามองตอบตาละห้อยใจหาย เธอเขย่งจูบคางเขาแผ่วเบา
“ฝนคือ The Big O ค่ะพี่เปอร์ เราสองคนมาเป็น Big O กันเถอะค่ะ” เขาเอียงคอสงสัย
“พี่เปอร์ต้องหาอ่านต่อเองนะคะ The Missing Piece Meets The Big O แล้วเกิดอะไรขึ้น” เธอยิ้มอ่อนโยน
เขานิ่งคิดไปชั่วครู่แล้วค่อย ๆ เอ่ยออกมาอย่างผ่านการคิดไตร่ตรอง
“ฝนหมายถึง ไม่มีวงกลมที่เว้าแหว่ง ไม่มีชิ้นส่วนที่ขาดหาย มีแต่วงกลมที่สมบูรณ์ พี่เข้าใจถูกมั้ย?”
“ประมาณนั้นค่ะพี่เปอร์ ในเรื่องน่ะ Big O สอน The Missing piece ให้ไม่ต้องรอเพื่อเติมเต็มใคร แต่ให้กลิ้งตัวจนกลายเป็นวงกลมที่สมบูรณ์ด้วยตัวเองค่ะ"
เขากอดเธอกระชับแน่นเข้าไปอีก รู้สึกเต็มตื้นในใจโดยไม่รู้สาเหตุ เอ่ยแผ่วเบาอ่อนโยน
“พี่ดีใจที่ได้ยินเรื่องนี้”
ไฟปรารถนาที่เร่าร้อนผ่อนคลายเย็นลง กลายเป็นความอบอุ่นในหัวใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะตามหากันหรือไม่ ไม่ว่าทั้งสองคนจะเป็น Big O หรือ Missing Piece ตอนนี้ทั้งคู่ได้พบกันแล้ว ส่วนวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เขาก็คงได้แต่ฮัมเพลงเดิม
1
Let it be, Let it be
❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา