26 มี.ค. 2021 เวลา 16:37 • หนังสือ
Book Review By Kakommz : รื้อ​ สร้าง​ ต่าง​ โต​ REINVENT
สวัสดี​ผู้อ่าน​ที่​น่ารัก​ทุกคน​ด้ว​ยนะครับ​ ผม​ Kakommz ในวันนี้​แอดมี​หนังสือ​เล่มโปรด​และน่าอ่าน​และมอบความรู้ที่รอบด้าน มาฝากผู้อ่านทุกคน​ครับ​ หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า​ "รื้อ​ สร้าง​ ต่าง​ โต​ REINVENT" ผู้เขียน​โดย​ เธมส์นที​ สุวรรณ​พลาย​ (เธมส์) ซึ่งเป็นเจ้าของเพจ​ THINK ต่าง​ BY เธมส์ และ​ 2050​ PODCAST​ นั่นเอง​
ต้องขออนุญาตเกริ่นก่อนว่า​ ภายในเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ที่คุณเธมส์นำเสนอ​ จะถูกแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อ​ คือ​ รื้อ​ สร้าง​ ต่าง​ โต​ ตามชื่อหนังสือครับ​ ซึ่งคุณเธมส์ ได้มีการให้ความหมายในแต่ละหัวข้อ​ ดังต่อไปนี้
รื้อ
คือการ​ "รื้อ" วิธีคิดของ​ตัวเอง​ ว่าอะไรควรเก็บ​ไว้​ อะไรควรทิ้งออกไป​ เพื่อไม่ให้ความคิดที่ล้าสมัย​ฉุดเราไว้ให้อยู่ที่เดิม​ ๆ
สร้าง
คือการ​ "สร้าง" วิธีคิดใหม่​ ๆ​ ทักษะใหม่​ ๆ​ ตัวตนใหม่​ ๆ​ วิถีทางใหม่​ๆ​ เพื่อเอื้อต่อการทำงานในโลกอนาคต
ต่าง
คือการสร้างคำว่า​ "ต่าง" ให้​กับ​ความคิด​ตนเอง​ และการทำงาน เพื่อให้​เกิดความโดดเด่น
โต
คือ​การมองว่าจะทำอย่างไรให้​ตัวเอง​ ยังคงเติบ​ "โต" ต่อไปได้อย่างมั่ง​คง​ ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลง​ไปแบบไหนก็ตาม
เห็นได้ว่า​ ในแต่ละคำที่คุณเธมส์ได้เขียนลงไปนั้น​ ต่างก็แฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ่ง​ ที่จะทำให้ทุกคนได้ตกผลึกทางความคิดอีกครั้ง​ และในวันนี้​ แอ​ดจึงขออนุญาตยกตัวอย่างจากแต่ละคำหรือในแต่ละหัวข้อที่กล่าวไป​ มาอธิบายเพิ่มเติมและใช้เป็นตัวอย่างเพื่อการสร้างความเข้าใจในแต่ละคำให้มากขึ้น​ ซึ่งจะขอหยิบยกตัวอย่าง​เป็นหัวข้อละ 1 เรื่อง​ จากในหนังสือเล่มนี้​ โดยจะมีเนื้อหาคร่าว​ ๆ​ อย่างไร​ สามารถ​รับชมพร้อมกันได้เลย​ครับ
รื้อ​
ดาวเคราะห์​ในระบบสุริยะ​ (ข้อมูลจากหน้าที่​ 4 -​ 7)
Cr. : https://pixabay.com/th/vectors/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B8%99-%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C-4556429
แอดเชื่อว่า​ ผู้อ่านหลายท่านที่เปิดเจอหัวข้อนี้ในตอนแรก​ อาจจะกำลังเกิดความสงสัย​ (เหมือนแอด)​ ว่าดาวเคราะห์​กับการ "รื้อ" มันจะสามารถเกี่ยวโยงกันได้อย่างไร? คุณเธมส์อธิบายให้เข้าใจง่าย​ ๆ​ แบบนี้ครับ​ "พุธ​ ศุกร์​ โลก​ อังคาร​ พฤหัสบดี​ เสาร์​ เนปจูน​ พลูโต" คือชื่อของดาวเคราะห์​ 9​ ดวงในระบบสุริยะ​เรียงตามลำดับ​ ที่คุณครู​ได้สอนตั้งแต่สมัยคุณเธมส์ยังเป็นเด็ก (แอดก็เช่นกัน)​ ซึ่งความเชื่อหรือความรู้นี้​ ถูกเชื่อกันมาตั้งแต่ประมาณ​ 10 -​ 20​ ปีที่แล้ว​ ​
แต่ถ้าเอาความรู้นี้มาเล่าให้เด็กสมัยนี้​ (ปี ค.ศ. 2021) ฟัง​ พวกเขาคงจะทำหน้าสงสัยและเถียงสุดใจขาดดิ้น​ เพราะดาวเคราะห์​ในระบบสุริยะ​มีทั้งหมด​ 8​ ดวงต่าง​หาก​
ด้วยเหตุนี้​ จึงทำให้​คุณเธมส์ตั้งคำถามว่า​ ตกลงใครถูกใครผิดกันแน่?
คุณเธมส์จึงนำเสนอข้อมูล และได้ความว่า ช่วงปี​ ค.ศ.​ 2003 - 2005 นักดาราศาสตร์​หลายคนเริ่มค้นพบวัตถุมากมายที่มีขนาดใกล้เคียงและใหญ่กว่าดาวพลูโต​ ทำให้พวกเขาต้องกลับมารื้อความจริงข้อนี้กันใหม่ และตัดสินใจตัดดาวพลูโตออกไปจากดาวเคราะห์​ในระบบสุริยะ​ในปี​ ค.ศ. 2006
จึงทำให้สรุป​ได้​ว่า​ "อะไรก็ตามที่เราเคยคิดว่าถูกเมื่อก่อน​ ไม่ได้หมายความว่ามันยังถูกในสมัยนี้​ เช่นเดียวกันอะไรก็ตามที่ถูกและเป็นความจริงในสมัยนี้​ ก็ไม่แน่ว่าอนาคต​จะยังเป็นแบบนั้นอยู่หรือไม่" ซึ่งเหมือนกับดาวเคราะห์ที่ถ้าพูดว่ามีทั้งหมด​ 9​ ดวง​ มันจะถูกต้องจนถึงช่วงก่อนปี​ ค.ศ.​ 2006 แต่หลังจากนั้น​ ความรู้นี้ก็ไม่ถูกต้องอีกต่อไป​ ด้วยเหตุนี้​ คุณเธมส์จึงกล่าวไว้ว่า​ "ประวัติศาสตร์​สอนเราเสมอว่าไม่มีสิ่งไหนถูกต้องที่สุด​ ทุกอย่างจะค่อย​ ๆ​ ถูกต้องขึ้นเรื่อย​ ๆ​ ดีขึ้นเรื่อย​ ๆ​ เมื่อเราไม่หยุดค้นหา​ ไม่หยุดพัฒนา" ฉะนั้น​ เรามาลงมือ​ "รื้อ" สิ่งที่ไม่ใช่ออกไปจากชีวิต​ และพัฒนาตัวเองต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งกันครับ
สร้าง
สร้างเวลาให้มากกว่า​ 24​ ชั่วโมง​ (ข้อมูลจากหน้าที่​ 59​ -​ 62)
Cr. : https://pixabay.com/th/vectors/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AC%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%81-%E0%B8%94%E0%B8%B9-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AC%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2-2468677
ต่อมา​ คือ​การ​ "สร้าง​" เวลาให้มากกว่า​ 24​ ชั่วโมง​ ซึ่งใครที่กำลังสงสัยว่า​ "เราจะสร้างเวลามากกว่า​ 24​ ชั่วโมง​ได้อย่างไร? ก็ในหนึ่งวัน​ มันมีเวลาแค่เท่านั้น" ใจเย็นครับ​ เรื่องนี้คุณเธมส์มีคำตอบเช่นกัน​ โดยคุณเธมส์มี​ 3 วิธีที่จะใช้เพื่อสร้างเวลา​ มาฝากทุกคน​ ดังนี้ครับ
1. Kaizen (Continuous improvement)
แปลว่า​ การปรับปรุง​และพัฒนาอย่าง​ต่อเนื่อง​ ถามว่าแล้วจะใช้​ Kaizen อย่างไร? อันดับแรก​ คุณต้องรู้ก่อนว่าในแต่ละวันคุณทำอะไรอยู่บ้าง​ เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองทำอะไรบ้างทั้งวัน​ คุณจะเห็นว่าตัวเองใช้เวลากับแต่ละเรื่องเยอะ​ -​ น้อยแค่ไหน​ จากจุดจุด​นั้น​ คุณจะสามารถหาวิธีปรับปรุง​วิธีการใช้ชีวิตของคุณ​ เช่น​ ลดเวลากิจกรรมบางอย่างได้ไหม? ทำอะไรให้เร็ว​ขึ้นได้บ้าง? สร้างระบบ หาเครื่องมือช่วยได้หรือ​เปล่า? เป็นต้น
2. Outsourcing
คุณเธมส์ได้อธิบายว่า​ คนที่ประสบความสำเร็จ​ใน​ชีวิต​ เขาจะมีวิธีคิดอยู่อย่างหนึ่ง​ คือ​ "Other people's time" หมายความว่า​ การใช้เวลาของคนอื่นมาทำเรื่องบางอย่างให้เขาแทน​ พูดง่าย​ ๆ​ คือ​ "จ้างทำในสิ่งที่ต้องทำ​ - และไม่จำเป็นต้องเป็นคุณเท่านั้นที่ทำได้" เพื่อที่จะให้คุณเอาเวลาไปทำในสิ่งที่คุณสร้างคุณค่าหรือสร้างมูลค่า​ได้มากกว่านั่นเอง
3. Multitasking
ผลวิจัยทั่วโลกต่างพูดตรงกันว่า Multitasking (การทำงานอะไรหลายอย่างพร้อมกัน)​ จะทำให้ประสิทธิภาพ​ในการทำงานลดลง​ นั่นไม่ผิด​ แต่ก็ไม่ถูกทั้งหมด​ "ประเด็นมันอยู่ที่คุณ Multitasking งาน​หรือกิจกรรม​แบบไหนเข้าด้วยกันต่างหาก"
คุณเธมส์ได้อธิบายว่า​ ถ้าคุณเอางานที่ต้องใช้สมองคิดทั้งคู่ไปทำพร้อมกัน​ ความบรรลัยจะเกิดขึ้น แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่ไม่ต้องใช้สมองหรือใช้สมองน้อยมากสักอย่างหนึ่งล่ะ​ จะสามารถ Multitasking ได้หรือไม่?
คุณเธมส์ได้ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ​ เช่น​ การขับรถไปทำงานและฟังคลิปการเรียนรู้ไปด้วย อาบน้ำไปและวางแผนงานในหัวไปด้วย​ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างเวลาชีวิต​ x 2 ได้​
ทั้งนี้ทุกหลักการมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวของมัน​เสมอ​ คุณแค่ต้องเลือกใช้หลักการนั้น​ ๆ​ ให้ถูกวิธี​และเหมาะสมกับช่วงเวลา​ เพียงเท่านี้​ คุณก็จะ "สร้าง" สิ่งใหม่​ ๆ​ ที่จะเอื้อประโยชน์​ต่อการทำสิ่งต่าง​ ๆ​ ในอนาคตได้นั่นเอง
ต่าง
High - performance - people (ข้อมูลจากหน้าที่​ 96 -​ 99)
Cr. : https://pixabay.com/th/illustrations/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B0-2643652
ถัดมา​ แอดขอยกตัวอย่างถึงความแตก "ต่าง" ระหว่าง​ "กลุ่มคนทั่วไป" กับ​ "กลุ่มคนที่มี​ High Performance​ (ประสิทธิภาพ​ในการทำงานสูง)​" ที่อธิบายโดยคุณเธมส์ครับ
คุณเธมส์มีมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก​ และแอดมีความรู้สึกว่า​ "มันก็จริงตามที่คุณเธมส์กล่าวไว้นะ" คุณเธมส์มีมุมมองที่ว่า​ เราทุกคนมักทำงานด้วยความเชื่ออย่างหนึ่งที่มีคือ​ "ไม่มีใครคิดว่าตัวเองทำงานไม่เต็มที่​ ทุกคนต่างตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดีที่สุดแล้ว" จึงทำให้พื้นฐาน​ทางความคิดที่ให้กับ​คำว่า​ "ดี​ที่สุด​" ของแต่ละคนไม่เท่ากัน​ ถ้าคุณกำลังอ่านถึงบรรทัดนี้​ คุณอาจจะกำลังสงสัยใช่ไหมครับ​ ว่าผู้ที่มี High​ ​performance​ จะมีชุดความคิดที่แตกต่างจากสิ่งที่กล่าวไปหรือไม่? จึงทำให้สิ่งที่คุณเธมส์กำลังจะกล่าวต่อไปนี้​ เป็นสิ่งที่ผู้มี High performance มีกัน (แอดขออนุญาตหยิบยกจากหนังสือมาทั้งหมด​ 10 ข้อ)​ ดังต่อไปนี้​
1. คน​ High performance ไม่ได้คิดแค่งานของตัวเองเสร็จ​ แต่คิดถึงคนที่จะเอางานไปใช้ต่อได้ด้วย
2. คน​ High performance เตรียมความพร้อม​ล่วงหน้า​ ไม่ใช่ปล่อยไหลไปตามสถานการณ์​ตลอดเวลา
3. คน​ High performance คิดหาคำตอบในแบบของตัวเองก่อน แล้วค่อยไปถาม
4. เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น​ต่อหน้าต่อตา​ คน​ High​ performance จะคิดว่า​ ฉันจะเปลี่ยนแปลงหรือควบคุม​สถานการณ์​ให้ดีขึ้นได้อย่างไร
5. คน​ High performance จะเปิดรับโอกาสเรียนรู้​ใหม่​ ๆ​ ไม่คิดว่าตัวเองเก่งอยู่แล้ว
6. คน​ High performance มองเห็นคุณค่า​ของ​เวลา​ เขาจึงพยายามใช้เวลาทำงานอันมีค่า​ เพื่อพัฒนาตัวเองให้ได้​มากที่สุด
7.​ คน​ High performance ไม่ใช่พวกขี้โม้ว่าเขาตั้งใจทำ เขาทำสุดความสามารถ​ เขาให้ผลงานเป็นตัวพูดแทน
8.​ คน​ High performance จะยืนหยัด​ในเหตุผลของ​ตัวเอง​ และเช่นเดียวกัน​ คนเหล่านี้​ ก็จะยอมรับการปฏิเสธ​เหตุผล​นั้น​ ถ้ามีทางหรือเหตุผล​ที่ดีกว่า​มายืนยัน
9.​ คน​ High performance จะหางานใหม่​ ๆ​ มาทำ​ หรือถ้าไม่มีใครเอามาให้​ เขาจะคิดมันขึ้นมาเอง
10. คน​ High performance จะแบ่งปัน​ความรู้​ให้คนอื่น​ แนะนำ​ ช่วยเหลือ​คนอื่น​ โดยไม่ต้องมีใครมาร้องขอ
เมื่อคุณทุกคน ได้อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้​แล้ว​ แอดต้องขอถามผู้อ่านทุกท่านปิดท้ายในหัวข้อ​นี้ว่า​ คุณ​คิดว่า​ "ดีที่สุด" ของคุณ​ได้ให้ความเหมือนหรือความแตกต่างจากกลุ่มคนที่มี​ High​ performance​ อย่างไร? แล้วคุณ​ ได้ทำสิ่งที่ดีและแตก "ต่าง" จากคนอื่นแล้วหรือยัง?
โต
Man VS Machine (ข้อมูลจากหน้าที่​ 133 -​ 137)
Cr. : https://pixabay.com/th/photos/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A5-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99-2033446
ในหัวข้อ​นี้​ จะเป็นหัวข้อเกี่ยวกับการเติบ "โต"​ ต่อไปอย่างมั่นคง​ แอดจึงขอหยิบยกจากหัวข้อย่อยหนึ่งในหนังสือ​ คือ​ "Man​ VS Machine" ต้องขอเกริ่นสำหรับตัวอย่างที่คุณเธมส์ได้หยิบยกขึ้นมาก่อนครับ ทุกคนอาจจะรู้จักหรือเคยรับชมภาพยนตร์เรื่อง​ Avengers : Age of Ultron ใช่ไหมครับ​ โดยภายในเนื้อเรื่องทุกคนคงทราบกันดีว่า​ตัวร้ายของภาคนี้มีชื่อว่า​ Ultron​ (อัลตรอน)​ ซึ่งเป็นหุ่นยนต์​ที่​ Ironman (ไอรอนแมน)​ หรือ​ โทนี่​ สตาร์ค ตั้งใจเขียนโปรแกรมเพื่อสร้างหุ่นยนต์ที่จะมาช่วยรักษาความสงบสุขของโลก แต่กลายเป็นว่าพอมันเข้าไปเรียนรู้ในระบบดิจิทัลมากขึ้น​ Ultron​ กลับพบ​ว่า​วิธีที่จะรักษาความสงบ​สุขของโลก​ คือ​ การกำจัดมนุษย์​ทุกคน​
จากตัวอย่างที่คุณเธมส์กล่าวไป​ แสดงให้เห็นถึงการทำงานของเทคโนโลยีที่มีความฉลาดมากขึ้น​ ซึ่งในชีวิตจริงของเราทุกคน ก็เริ่มมี​ AI (Artificial Intelligence) หรือ​ ปัญญา​ประดิษฐ์​ ที่มีความฉลาดมากขึ้นเช่นกัน​ ตัวอย่างเช่น​ โดรนที่สำหรับไว้ใช้ในการทำการเกษตร​ เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ​ ฯลฯ​ ทั้งนี้แอดขออนุญาต​ใส่ความคิดเห็นส่วนตัวผสมไปกับข้อมูลของคุณเธมส์ด้วยว่า​ ในปัจจุบัน​ รวมไปถึงอนาคตอันใกล้นี้​เราอาจเห็นงานหลายงาน​ จะเริ่มถูก​ AI​ เข้ามาแทนที่มากขึ้น​ และอาจกลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้มนุษย์​ตกงานเช่นกัน​ คำถามคือ​ มนุษย์​จะสามารถดำรงชีพและทำงานร่วมกับปัญญา​ประดิษฐ์​ที่กำลังฉลาดมากขึ้นเรื่อย​ ๆ​ ในอนาคตได้อย่างไร?
คุณเธม​ส์​ จึงได้อธิบาย​ ถึงคำถามที่แอดได้ลองตั้งไว้อย่างน่าสนใจว่า​ "งานในอนาคต​อันใกล้ที่จะจ่ายเงินให้คุณหาเลี้ยงชีพได้นั้น​ อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าที่ผ่านมาคุณทำงานได้เก่งขนาดไหน​ มีประสิทธิภาพ​ขนาดไหน" แต่อาจเป็น "คุณมีความรู้​ ความเข้าใจ​ ทักษะที่จะทำงานร่วมกับปัญญา​ประดิษฐ์​และหุ่นยนต์​ได้ดีมากขนาดไหนต่างหาก" และคุณเธม​ส์​ ก็ได้กล่าวถึงสิ่งที่จำเป็นที่สุดในการใช้ชีวิตในโลกแห่งอนาคตที่สำคัญ​ยิ่งไว้ว่า "การที่คุณจะสามารถทำงานร่วมกับพวกมัน​ (AI​ หรือ​ ปัญญา​ประดิษฐ์)​ ได้นั้น​ ต้องเกิดจากการขวนขวายที่จะหาทางเริ่มรู้จักพวกมันเสียตั้งแต่วันนี้​ จะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลังว่า​ ทำไมในวันนั้นฉันไม่เคยใส่ใจในเรื่องอนาคตบ้างเลย..."
เพราะฉะนั้น​ แอดมินจึงขออนุญาต​บอกกับผู้อ่านที่น่ารักว่า​ ทั้งแอดและทุกคน​ หากต้องการที่จะพัฒนา​ตัวเองในโลกอนาคตที่ปัญญา​ประดิษฐ์​กำลังมีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นทุกวัน​ เราควรที่จะทำความเข้าใจและเริ่มรู้จักพวกมัน​ เหมือนที่คุณเธมส์ได้กล่าวไป​ เพื่อการรับมือและเตรียมความพร้อมและเติบ​ "โต" สำหรับการทำงานในอนาคตที่กำลังจะมาถึงนั่นเอง
สุดท้ายนี้​ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนไม่มากก็น้อย สำหรับการพัฒนาตัวเองในโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่งและพัฒนาอย่างต่อเนื่องนะครับ​ การรีวิวหนังสือครั้งนี้อาจจะมีเนื้อหาที่ยาวไปบ้าง​ แต่ต้องขอบอกก่อนว่า​ สิ่งที่แอดได้เขียนได้กล่าวไป​ เป็นเพียง​ 1/10 จากเนื้อหาในหนังสือที่ดีมาก​ ๆ​ อีกเล่มหนึ่งเพียงเท่านั้น​ เพราะฉะนั้น​ แอดจึงขอฝากหนังสือ​ "รื้อ​ สร้าง​ ต่าง​ โต​ REINVENT" ให้ทุกคนได้ลองหามาอ่านกันนะครับ​ แอดรับรองว่าผู้อ่านที่น่ารักจะได้ประโยชน์​จากการอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างแน่นอนครับ
Cr. : ภาพถ่ายโดยผู้เขียน
About Fact
​- หนังสือ​ "รื้อ​ สร้าง​ ต่าง​ โต​ REINVENT" สามารถหาซื้อได้ที่
ร้านหนังสือ​ ​SE-ED, นายอินทร์, B2S ทุกสาขา​ และร้านหนังสือ​ชั้นนำทั่วไป​
- ราคา​ 250 บาท
- หมวด​หมู่ จิตวิทยา การพัฒนาตัวเอง
ภาพ​หน้าปก​โดย​ผู้เขียน
บทความ​ Book Review อื่น​ ๆ​ ของ​ผู้​เขียน​
- Book Review : Future Mindset เมื่อวิธี​คิดที่คุณมี​ ใช้กับงานในวันพรุ่งนี้​ไม่ได้
- Review Book​​ : โลกนี้สอนให้รู้ว่า...
- Review Book :​ Speech Secret เทคนิค​การพูด เพื่อความส​ำ​เร็จ​ก้าวหน้า
ช่วง​ แอบขายของ​ ของ​ Kakommz​
สามารถร่วมอุดหนุน​และเป็นเจ้าของ​สติกเกอร์​ไลน์​สุดน่ารัก​
[Komjung The Series 1] ได้แล้วตั้งแต่​วันนี้​ที่​
สามารถติดตาม Kakommz​ ได้ที่
โฆษณา