Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Kakommzlife
•
ติดตาม
26 มี.ค. 2021 เวลา 16:37 • หนังสือ
Book Review By Kakommz : รื้อ สร้าง ต่าง โต REINVENT
สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกคนด้วยนะครับ ผม Kakommz ในวันนี้แอดมีหนังสือเล่มโปรดและน่าอ่านและมอบความรู้ที่รอบด้าน มาฝากผู้อ่านทุกคนครับ หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "รื้อ สร้าง ต่าง โต REINVENT" ผู้เขียนโดย เธมส์นที สุวรรณพลาย (เธมส์) ซึ่งเป็นเจ้าของเพจ THINK ต่าง BY เธมส์ และ 2050 PODCAST นั่นเอง
ต้องขออนุญาตเกริ่นก่อนว่า ภายในเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ที่คุณเธมส์นำเสนอ จะถูกแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อ คือ รื้อ สร้าง ต่าง โต ตามชื่อหนังสือครับ ซึ่งคุณเธมส์ ได้มีการให้ความหมายในแต่ละหัวข้อ ดังต่อไปนี้
รื้อ
คือการ "รื้อ" วิธีคิดของตัวเอง ว่าอะไรควรเก็บไว้ อะไรควรทิ้งออกไป เพื่อไม่ให้ความคิดที่ล้าสมัยฉุดเราไว้ให้อยู่ที่เดิม ๆ
สร้าง
คือการ "สร้าง" วิธีคิดใหม่ ๆ ทักษะใหม่ ๆ ตัวตนใหม่ ๆ วิถีทางใหม่ๆ เพื่อเอื้อต่อการทำงานในโลกอนาคต
ต่าง
คือการสร้างคำว่า "ต่าง" ให้กับความคิดตนเอง และการทำงาน เพื่อให้เกิดความโดดเด่น
โต
คือการมองว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเอง ยังคงเติบ "โต" ต่อไปได้อย่างมั่งคง ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปแบบไหนก็ตาม
เห็นได้ว่า ในแต่ละคำที่คุณเธมส์ได้เขียนลงไปนั้น ต่างก็แฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ่ง ที่จะทำให้ทุกคนได้ตกผลึกทางความคิดอีกครั้ง และในวันนี้ แอดจึงขออนุญาตยกตัวอย่างจากแต่ละคำหรือในแต่ละหัวข้อที่กล่าวไป มาอธิบายเพิ่มเติมและใช้เป็นตัวอย่างเพื่อการสร้างความเข้าใจในแต่ละคำให้มากขึ้น ซึ่งจะขอหยิบยกตัวอย่างเป็นหัวข้อละ 1 เรื่อง จากในหนังสือเล่มนี้ โดยจะมีเนื้อหาคร่าว ๆ อย่างไร สามารถรับชมพร้อมกันได้เลยครับ
รื้อ
ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ (ข้อมูลจากหน้าที่ 4 - 7)
Cr. : https://pixabay.com/th/vectors/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B8%99-%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C-4556429
แอดเชื่อว่า ผู้อ่านหลายท่านที่เปิดเจอหัวข้อนี้ในตอนแรก อาจจะกำลังเกิดความสงสัย (เหมือนแอด) ว่าดาวเคราะห์กับการ "รื้อ" มันจะสามารถเกี่ยวโยงกันได้อย่างไร? คุณเธมส์อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ แบบนี้ครับ "พุธ ศุกร์ โลก อังคาร พฤหัสบดี เสาร์ เนปจูน พลูโต" คือชื่อของดาวเคราะห์ 9 ดวงในระบบสุริยะเรียงตามลำดับ ที่คุณครูได้สอนตั้งแต่สมัยคุณเธมส์ยังเป็นเด็ก (แอดก็เช่นกัน) ซึ่งความเชื่อหรือความรู้นี้ ถูกเชื่อกันมาตั้งแต่ประมาณ 10 - 20 ปีที่แล้ว
แต่ถ้าเอาความรู้นี้มาเล่าให้เด็กสมัยนี้ (ปี ค.ศ. 2021) ฟัง พวกเขาคงจะทำหน้าสงสัยและเถียงสุดใจขาดดิ้น เพราะดาวเคราะห์ในระบบสุริยะมีทั้งหมด 8 ดวงต่างหาก
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้คุณเธมส์ตั้งคำถามว่า ตกลงใครถูกใครผิดกันแน่?
คุณเธมส์จึงนำเสนอข้อมูล และได้ความว่า ช่วงปี ค.ศ. 2003 - 2005 นักดาราศาสตร์หลายคนเริ่มค้นพบวัตถุมากมายที่มีขนาดใกล้เคียงและใหญ่กว่าดาวพลูโต ทำให้พวกเขาต้องกลับมารื้อความจริงข้อนี้กันใหม่ และตัดสินใจตัดดาวพลูโตออกไปจากดาวเคราะห์ในระบบสุริยะในปี ค.ศ. 2006
จึงทำให้สรุปได้ว่า "อะไรก็ตามที่เราเคยคิดว่าถูกเมื่อก่อน ไม่ได้หมายความว่ามันยังถูกในสมัยนี้ เช่นเดียวกันอะไรก็ตามที่ถูกและเป็นความจริงในสมัยนี้ ก็ไม่แน่ว่าอนาคตจะยังเป็นแบบนั้นอยู่หรือไม่" ซึ่งเหมือนกับดาวเคราะห์ที่ถ้าพูดว่ามีทั้งหมด 9 ดวง มันจะถูกต้องจนถึงช่วงก่อนปี ค.ศ. 2006 แต่หลังจากนั้น ความรู้นี้ก็ไม่ถูกต้องอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ คุณเธมส์จึงกล่าวไว้ว่า "ประวัติศาสตร์สอนเราเสมอว่าไม่มีสิ่งไหนถูกต้องที่สุด ทุกอย่างจะค่อย ๆ ถูกต้องขึ้นเรื่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเราไม่หยุดค้นหา ไม่หยุดพัฒนา" ฉะนั้น เรามาลงมือ "รื้อ" สิ่งที่ไม่ใช่ออกไปจากชีวิต และพัฒนาตัวเองต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งกันครับ
สร้าง
สร้างเวลาให้มากกว่า 24 ชั่วโมง (ข้อมูลจากหน้าที่ 59 - 62)
Cr. : https://pixabay.com/th/vectors/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AC%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%81-%E0%B8%94%E0%B8%B9-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AC%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2-2468677
ต่อมา คือการ "สร้าง" เวลาให้มากกว่า 24 ชั่วโมง ซึ่งใครที่กำลังสงสัยว่า "เราจะสร้างเวลามากกว่า 24 ชั่วโมงได้อย่างไร? ก็ในหนึ่งวัน มันมีเวลาแค่เท่านั้น" ใจเย็นครับ เรื่องนี้คุณเธมส์มีคำตอบเช่นกัน โดยคุณเธมส์มี 3 วิธีที่จะใช้เพื่อสร้างเวลา มาฝากทุกคน ดังนี้ครับ
1. Kaizen (Continuous improvement)
แปลว่า การปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ถามว่าแล้วจะใช้ Kaizen อย่างไร? อันดับแรก คุณต้องรู้ก่อนว่าในแต่ละวันคุณทำอะไรอยู่บ้าง เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองทำอะไรบ้างทั้งวัน คุณจะเห็นว่าตัวเองใช้เวลากับแต่ละเรื่องเยอะ - น้อยแค่ไหน จากจุดจุดนั้น คุณจะสามารถหาวิธีปรับปรุงวิธีการใช้ชีวิตของคุณ เช่น ลดเวลากิจกรรมบางอย่างได้ไหม? ทำอะไรให้เร็วขึ้นได้บ้าง? สร้างระบบ หาเครื่องมือช่วยได้หรือเปล่า? เป็นต้น
2. Outsourcing
คุณเธมส์ได้อธิบายว่า คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เขาจะมีวิธีคิดอยู่อย่างหนึ่ง คือ "Other people's time" หมายความว่า การใช้เวลาของคนอื่นมาทำเรื่องบางอย่างให้เขาแทน พูดง่าย ๆ คือ "จ้างทำในสิ่งที่ต้องทำ - และไม่จำเป็นต้องเป็นคุณเท่านั้นที่ทำได้" เพื่อที่จะให้คุณเอาเวลาไปทำในสิ่งที่คุณสร้างคุณค่าหรือสร้างมูลค่าได้มากกว่านั่นเอง
3. Multitasking
ผลวิจัยทั่วโลกต่างพูดตรงกันว่า Multitasking (การทำงานอะไรหลายอย่างพร้อมกัน) จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง นั่นไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูกทั้งหมด "ประเด็นมันอยู่ที่คุณ Multitasking งานหรือกิจกรรมแบบไหนเข้าด้วยกันต่างหาก"
คุณเธมส์ได้อธิบายว่า ถ้าคุณเอางานที่ต้องใช้สมองคิดทั้งคู่ไปทำพร้อมกัน ความบรรลัยจะเกิดขึ้น แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่ไม่ต้องใช้สมองหรือใช้สมองน้อยมากสักอย่างหนึ่งล่ะ จะสามารถ Multitasking ได้หรือไม่?
คุณเธมส์ได้ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น การขับรถไปทำงานและฟังคลิปการเรียนรู้ไปด้วย อาบน้ำไปและวางแผนงานในหัวไปด้วย สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างเวลาชีวิต x 2 ได้
ทั้งนี้ทุกหลักการมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวของมันเสมอ คุณแค่ต้องเลือกใช้หลักการนั้น ๆ ให้ถูกวิธีและเหมาะสมกับช่วงเวลา เพียงเท่านี้ คุณก็จะ "สร้าง" สิ่งใหม่ ๆ ที่จะเอื้อประโยชน์ต่อการทำสิ่งต่าง ๆ ในอนาคตได้นั่นเอง
ต่าง
High - performance - people (ข้อมูลจากหน้าที่ 96 - 99)
Cr. : https://pixabay.com/th/illustrations/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B0-2643652
ถัดมา แอดขอยกตัวอย่างถึงความแตก "ต่าง" ระหว่าง "กลุ่มคนทั่วไป" กับ "กลุ่มคนที่มี High Performance (ประสิทธิภาพในการทำงานสูง)" ที่อธิบายโดยคุณเธมส์ครับ
คุณเธมส์มีมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก และแอดมีความรู้สึกว่า "มันก็จริงตามที่คุณเธมส์กล่าวไว้นะ" คุณเธมส์มีมุมมองที่ว่า เราทุกคนมักทำงานด้วยความเชื่ออย่างหนึ่งที่มีคือ "ไม่มีใครคิดว่าตัวเองทำงานไม่เต็มที่ ทุกคนต่างตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดีที่สุดแล้ว" จึงทำให้พื้นฐานทางความคิดที่ให้กับคำว่า "ดีที่สุด" ของแต่ละคนไม่เท่ากัน ถ้าคุณกำลังอ่านถึงบรรทัดนี้ คุณอาจจะกำลังสงสัยใช่ไหมครับ ว่าผู้ที่มี High performance จะมีชุดความคิดที่แตกต่างจากสิ่งที่กล่าวไปหรือไม่? จึงทำให้สิ่งที่คุณเธมส์กำลังจะกล่าวต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ผู้มี High performance มีกัน (แอดขออนุญาตหยิบยกจากหนังสือมาทั้งหมด 10 ข้อ) ดังต่อไปนี้
1. คน High performance ไม่ได้คิดแค่งานของตัวเองเสร็จ แต่คิดถึงคนที่จะเอางานไปใช้ต่อได้ด้วย
2. คน High performance เตรียมความพร้อมล่วงหน้า ไม่ใช่ปล่อยไหลไปตามสถานการณ์ตลอดเวลา
3. คน High performance คิดหาคำตอบในแบบของตัวเองก่อน แล้วค่อยไปถาม
4. เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา คน High performance จะคิดว่า ฉันจะเปลี่ยนแปลงหรือควบคุมสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้อย่างไร
5. คน High performance จะเปิดรับโอกาสเรียนรู้ใหม่ ๆ ไม่คิดว่าตัวเองเก่งอยู่แล้ว
6. คน High performance มองเห็นคุณค่าของเวลา เขาจึงพยายามใช้เวลาทำงานอันมีค่า เพื่อพัฒนาตัวเองให้ได้มากที่สุด
7. คน High performance ไม่ใช่พวกขี้โม้ว่าเขาตั้งใจทำ เขาทำสุดความสามารถ เขาให้ผลงานเป็นตัวพูดแทน
8. คน High performance จะยืนหยัดในเหตุผลของตัวเอง และเช่นเดียวกัน คนเหล่านี้ ก็จะยอมรับการปฏิเสธเหตุผลนั้น ถ้ามีทางหรือเหตุผลที่ดีกว่ามายืนยัน
9. คน High performance จะหางานใหม่ ๆ มาทำ หรือถ้าไม่มีใครเอามาให้ เขาจะคิดมันขึ้นมาเอง
10. คน High performance จะแบ่งปันความรู้ให้คนอื่น แนะนำ ช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่ต้องมีใครมาร้องขอ
เมื่อคุณทุกคน ได้อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้ว แอดต้องขอถามผู้อ่านทุกท่านปิดท้ายในหัวข้อนี้ว่า คุณคิดว่า "ดีที่สุด" ของคุณได้ให้ความเหมือนหรือความแตกต่างจากกลุ่มคนที่มี High performance อย่างไร? แล้วคุณ ได้ทำสิ่งที่ดีและแตก "ต่าง" จากคนอื่นแล้วหรือยัง?
โต
Man VS Machine (ข้อมูลจากหน้าที่ 133 - 137)
Cr. : https://pixabay.com/th/photos/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A5-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99-2033446
ในหัวข้อนี้ จะเป็นหัวข้อเกี่ยวกับการเติบ "โต" ต่อไปอย่างมั่นคง แอดจึงขอหยิบยกจากหัวข้อย่อยหนึ่งในหนังสือ คือ "Man VS Machine" ต้องขอเกริ่นสำหรับตัวอย่างที่คุณเธมส์ได้หยิบยกขึ้นมาก่อนครับ ทุกคนอาจจะรู้จักหรือเคยรับชมภาพยนตร์เรื่อง Avengers : Age of Ultron ใช่ไหมครับ โดยภายในเนื้อเรื่องทุกคนคงทราบกันดีว่าตัวร้ายของภาคนี้มีชื่อว่า Ultron (อัลตรอน) ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่ Ironman (ไอรอนแมน) หรือ โทนี่ สตาร์ค ตั้งใจเขียนโปรแกรมเพื่อสร้างหุ่นยนต์ที่จะมาช่วยรักษาความสงบสุขของโลก แต่กลายเป็นว่าพอมันเข้าไปเรียนรู้ในระบบดิจิทัลมากขึ้น Ultron กลับพบว่าวิธีที่จะรักษาความสงบสุขของโลก คือ การกำจัดมนุษย์ทุกคน
จากตัวอย่างที่คุณเธมส์กล่าวไป แสดงให้เห็นถึงการทำงานของเทคโนโลยีที่มีความฉลาดมากขึ้น ซึ่งในชีวิตจริงของเราทุกคน ก็เริ่มมี AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ที่มีความฉลาดมากขึ้นเช่นกัน ตัวอย่างเช่น โดรนที่สำหรับไว้ใช้ในการทำการเกษตร เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ ฯลฯ ทั้งนี้แอดขออนุญาตใส่ความคิดเห็นส่วนตัวผสมไปกับข้อมูลของคุณเธมส์ด้วยว่า ในปัจจุบัน รวมไปถึงอนาคตอันใกล้นี้เราอาจเห็นงานหลายงาน จะเริ่มถูก AI เข้ามาแทนที่มากขึ้น และอาจกลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้มนุษย์ตกงานเช่นกัน คำถามคือ มนุษย์จะสามารถดำรงชีพและทำงานร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังฉลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตได้อย่างไร?
คุณเธมส์ จึงได้อธิบาย ถึงคำถามที่แอดได้ลองตั้งไว้อย่างน่าสนใจว่า "งานในอนาคตอันใกล้ที่จะจ่ายเงินให้คุณหาเลี้ยงชีพได้นั้น อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าที่ผ่านมาคุณทำงานได้เก่งขนาดไหน มีประสิทธิภาพขนาดไหน" แต่อาจเป็น "คุณมีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะที่จะทำงานร่วมกับปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ได้ดีมากขนาดไหนต่างหาก" และคุณเธมส์ ก็ได้กล่าวถึงสิ่งที่จำเป็นที่สุดในการใช้ชีวิตในโลกแห่งอนาคตที่สำคัญยิ่งไว้ว่า "การที่คุณจะสามารถทำงานร่วมกับพวกมัน (AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์) ได้นั้น ต้องเกิดจากการขวนขวายที่จะหาทางเริ่มรู้จักพวกมันเสียตั้งแต่วันนี้ จะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลังว่า ทำไมในวันนั้นฉันไม่เคยใส่ใจในเรื่องอนาคตบ้างเลย..."
เพราะฉะนั้น แอดมินจึงขออนุญาตบอกกับผู้อ่านที่น่ารักว่า ทั้งแอดและทุกคน หากต้องการที่จะพัฒนาตัวเองในโลกอนาคตที่ปัญญาประดิษฐ์กำลังมีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นทุกวัน เราควรที่จะทำความเข้าใจและเริ่มรู้จักพวกมัน เหมือนที่คุณเธมส์ได้กล่าวไป เพื่อการรับมือและเตรียมความพร้อมและเติบ "โต" สำหรับการทำงานในอนาคตที่กำลังจะมาถึงนั่นเอง
สุดท้ายนี้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนไม่มากก็น้อย สำหรับการพัฒนาตัวเองในโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่งและพัฒนาอย่างต่อเนื่องนะครับ การรีวิวหนังสือครั้งนี้อาจจะมีเนื้อหาที่ยาวไปบ้าง แต่ต้องขอบอกก่อนว่า สิ่งที่แอดได้เขียนได้กล่าวไป เป็นเพียง 1/10 จากเนื้อหาในหนังสือที่ดีมาก ๆ อีกเล่มหนึ่งเพียงเท่านั้น เพราะฉะนั้น แอดจึงขอฝากหนังสือ "รื้อ สร้าง ต่าง โต REINVENT" ให้ทุกคนได้ลองหามาอ่านกันนะครับ แอดรับรองว่าผู้อ่านที่น่ารักจะได้ประโยชน์จากการอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างแน่นอนครับ
Cr. : ภาพถ่ายโดยผู้เขียน
About Fact
- หนังสือ "รื้อ สร้าง ต่าง โต REINVENT" สามารถหาซื้อได้ที่
ร้านหนังสือ SE-ED, นายอินทร์, B2S ทุกสาขา และร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
- ราคา 250 บาท
- หมวดหมู่ จิตวิทยา การพัฒนาตัวเอง
ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน
บทความ Book Review อื่น ๆ ของผู้เขียน
- Book Review : Future Mindset เมื่อวิธีคิดที่คุณมี ใช้กับงานในวันพรุ่งนี้ไม่ได้
https://www.blockdit.com/posts/6049f019a5c1d52f0319bd07
- Review Book : โลกนี้สอนให้รู้ว่า...
https://www.blockdit.com/posts/6027a0784a6d450bb2a78037
- Review Book : Speech Secret เทคนิคการพูด เพื่อความสำเร็จก้าวหน้า
https://www.blockdit.com/posts/601790dd0c108e0bb3832547
ช่วง แอบขายของ ของ Kakommz
สามารถร่วมอุดหนุนและเป็นเจ้าของสติกเกอร์ไลน์สุดน่ารัก
[Komjung The Series 1] ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่
https://line.me/S/sticker/13337889/?lang=en&ref=gnsh_stickerDetail
สามารถติดตาม Kakommz ได้ที่
Facebook :
https://m.facebook.com/Kakommz/
Blockdit :
https://www.blockdit.com/kakommz
TrueID In-Trend :
https://creators.trueid.net/@Kakommz
StoryLog :
https://storylog.co/Kakommz
YouTube :
https://youtube.com/channel/UCBrut7T6931pUEH4rarTHyQ
1 บันทึก
1
2
6
1
1
2
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย