31 มี.ค. 2021 เวลา 22:01 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยาย 20 ตอน เรื่อง
"See you at the finish line - พบกันที่เส้นชัย"
ตอนที่ 11 - คู่จิ้น
“คุณหวีไปภูกระดึงกันมั้ย” ฝนเอ่ยขึ้นขณะที่ทั้งคู่หยุดพักหลังจากวิ่งรอบสวนสาธารณะได้ครบสองรอบพอดี
“ไปเข้าแคมป์วิ่งน่ะเหรอ ชวนไปเป็นก้างขวางคอทำไมยะ เดี๋ยวแกกับโค้ชก็หนีไปจุ๋งจิ๋งกันฉันก็โดนทิ้งให้เดียวดายน่ะสิ” คุณหวีเอามือเสยผมด้านหน้าที่ตอนนี้เปียกฉ่ำไปด้วยเหงื่อ
“มันก็ไม่เชิงแคมป์หรอก นัดเจอกันมากกว่า อาจจะมีกิจกรรมวิ่งนิด ๆ หน่อย ๆ น่ะ” ฝนแก้ความเข้าใจผิด
“นั่นน่ะแหละ โค้ชแกไปด้วยไม่ใช่เหรอฝน” เธอพยักหน้า สายตาปนแววกลุ้มใจ
“พอดีบริษัทเค้าอยากให้คุณดรีมไปร่วมงานด้วย จะได้เก็บข่าวไว้ทำพีอาร์” คุณหวีพยักหน้าส่งเสียงอือในลำคอ
เธอได้ข่าวเรื่องพรีเซนเตอร์นี้แล้ว เพราะฝนอธิบายให้ฟัง ทีแรกทุกคนก็ฮือฮาตื่นเต้นดีใจแทนเพื่อน ที่จะได้ทำงานใกล้ชิดสนิทสนมกับแฟนหนุ่ม แต่เจนก็ถามทะลุขึ้นมาว่า มีใครในทีมรู้มั้ยว่าฝนเป็นแฟนกับโค้ช พอฝนปฎิเสธ เจนถึงกับร้องโอดครวญ ไอ้ฝนมึงตายแน่
แล้วจากนั้นก็สาธยายถึงจรรยาบรรณในการทำพีอาร์ว่า ถ้ามีความสัมพันธ์ชิดเชื้อกับคนที่เราเสนอชื่อให้เป็นพรีเซนเตอร์ ก็ควรเปิดเผยให้ชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้วให้ทีมพิจารณาถึงความเหมาะสม แต่ถ้าปล่อยให้เรื่องมาแดงกันตอนหลัง ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจตนา มันก็เสียต่อจรรยาบรรณในวิชาชีพทั้งนั้น แล้วจะเสียประวัติต่องานที่จะรับในภายภาคหน้าด้วย ฝนรับฟังด้วยความวิตก ยังไม่มีโอกาสได้ปรึกษาเรื่องนี้กับโค้ชเปอร์
“แสดงว่าทีมพีอาร์ไปกันเยอะเลยเหรอ” คุณหวีถาม ดึงให้ฝนกับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง
“ไม่เยอะหรอก มีพีอาร์ไปคน ช่างภาพไปอีกคน” ฝนตอบเสียงเหม่อ
“แล้วแกไปในฐานะอะไรวะฝน แฟน ลูกศิษย์ หรือคนทำคอนเท้นท์” เป็นคำถามที่ฝนก็ไม่แน่ใจในคำตอบ
“ทีแรกน่ะฉันกะว่าจะหอบกระเป๋าตามโค้ชไปขุนตาลตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนแล้วนะ ก็มาติดโปรเจคใหม่ วุ่นวาย จนยังปลีกตัวขึ้นไปหาโค้ชไม่ได้เลย ก็เลยนัดกันว่างั้นเดี๋ยวไปเจอกันที่ภูกระดึงทีเดียว ทีนี้บริษัทพอรู้เรื่องก็สั่งให้เก็บงานมาด้วย แล้วคุณพีอาร์ก็เกิดปิ๊งไอเดียว่า งั้นชวนคุณดรีมไปเพิ่มอีกคน เผื่อจะได้มีโอกาสเก็บภาพสองคนนั้น แล้วยังไงไม่รู้หัวหน้าฉันก็เกิดอยากจะไปด้วย” ฝนถอนหายใจ
“หัวหน้า …..” คุณหวีอ้าปากค้าง “อย่าบอกนะว่า….”
ฝนพยักหน้าเซ็ง ๆ "ใช่ พี่เจ๋งดันจะตามไปด้วย”
“มันยังไงกันวะฝน" คุณหวีทำหน้ายุ่งยาก
“ยังไงอะไร”
“ก็พี่เจ๋งน่ะสิแก เค้าจะขอคืนดีเหรอ เค้าไม่รู้เหรอว่าแกคบกะโค้ชเปอร์อยู่ เออ คงไม่รู้แหละ” คุณหวีถามเองตอบเอง
“ขอคืนดีคงไม่หรอก แต่พี่เจ๋งแกเป็นแบบนี้ เวลาทำงานแกเป๊ะ อีกอย่างงานนี้ของเพื่อนแก คงอยากมาคุมเองให้ได้ภาพได้คอนเท้นท์ที่แกต้องการ ไอ้ไอเดียคู่จิ้นอะไรนี่ก็ของแก … เฮ้อออ" ฝนถอนหายใจยาว
“ฝน แกโอเคเรื่องคู่จิ้นอะไรนี่เหรอวะ” น้ำเสียงเป็นห่วงของเพื่อนทำให้เธอเริ่มกังวล
“นางเอกพระเอกในนิยายแกมีมั้ยวะ ที่เริ่มจากคู่จิ้นกลายเป็นคู่จริง” ฝนไม่ตอบแต่ถามกลับ คุณหวีหัวเราะรับคำตอบของเพื่อน
“แกเลิกถามฉันแบบนี้ได้ละ ชีวิตจริงกะนิยายมันเหมือนกันที่ไหนวะ ถ้าฉันอยากให้คู่จิ้นเป็นคู่จริงก็เขียนขึ้นมาง่าย ๆ สมมติตอนแรกไม่ชอบกัน ก็สร้างสถานการณ์ให้เห็นอกเห็นใจกันบ่อย ๆ คู่จิ้นก็กลายเป็นคู่จริงได้สบายมาก”
“อ้าว ถ้าแบบนี้เค้าได้ทำงานใกล้ชิดกันบ่อย ๆ ก็มีสิทธิเห็นใจกันสิ” เสียงอ่อยของฝน ทำให้เพื่อนหัวเราะ
“อย่าไปถามหรือทำเสียงอย่างนี้ให้โค้ชของแกได้ยินเชียวนะยะ ผู้ชายแบบโค้ชเค้าอาจจะถือว่าดูถูก” คุณหวียกนิ้วขึ้นจิ้มไปที่หน้าผากของเพื่อนรัก
“เออ ก็จริง” ฝนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปถนัด เธอรีบสลัดเรื่องที่ยังมาไม่ถึงออกจากหัวทันที แล้วพย้กหน้าชวนเพื่อนวิ่งต่อ พร้อมกับฮัมเพลงที่ตอนนี้กลายมาเป็นเพลงฮิตประจำตัวเธอ
Let it be, Let it be, Let it be, Let it be
1
รถตู้แล่นเข้ามาในส่วนที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เมื่อเข้าจอดเรียบร้อยพลขับก็รีบรุดลงมาเปิดประตูให้อย่างทันท่วงที ชายหนุ่มช่างภาพก้าวลงมาก่อนเป็นคนแรก และคอยอำนวยความสะดวกให้กับคนอื่น ๆ ในรถ
ฝนและคุณหวี เป็นสองคนสุดท้ายที่ลงมา พร้อมกับบิดตัวคลายความเมื่อยขบ และสูดอากาศที่สดชื่นของยามเช้า
“อากาศดี๊ดีเนอะฝน อ้าวว นั่นโค้ชแกนี่นา ว้ายยย ทำไมตัวจริงหล่อ ล๊อ หล่อ” คุณหวีทำเสียงกระซิบกระซาบกรี๊ดกร๊าด
1
โค้ชขายาวเดินลงมาจากที่ทำการอุทยานพร้อมกับโค้ชส้
“สวัสดีค่ะโค้ชเปอร์ มาถึงนานแล้วรึยังคะ" ขวัญหทัย พีอาร์สาวทักออกไปก่อนที่เขาจะเดินมาถึง
“ผมมาถึงตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ นี่โค้ชส้ม เป็นโค้ชที่จัดงานนี้ขึ้นมา" โค้ชส้มยกมือขึ้นรับไหว้ขวัญหทัย หลังโค้ชเปอร์แนะนำตัวเสร็จ
"สมาชิกที่จะมาร่วมกิจกรรมทยอยกันมาบ้างแล้ว อีกสักพักน่าจะพร้อมหน้ากันหมดค่ะ"
พี่เจ๋ง ขอตัวเดินแยกออกไปกับกอล์ฟช่างภาพหนุ่ม เพื่อเตรียมหามุมในการเก็บภาพ ฝนส่งยิ้มไปให้กับโค้ชทั้งสอง กำลังจะก้าวเข้าไปทักทาย ก็ถูกตัดหน้าด้วยเสียงสดใส
“โค้ชเปอร์ โค้ชส้มคะ ดรีมฝากตัวด้วยนะคะ ปกติดรีมไม่ค่อยได้วิ่งเทรลเลย วิ่งถนนซะเป็นส่วนใหญ่”
“คุณดรีมอย่าถ่อมตัวเลยค่ะ ปกติก็เห็นเป็นนางฟ้าประจำโพเดี้ยมอยู่แล้ว” โค้ชส้มหมายถึงรางวัลในการวิ่งที่ดรีมต้องขึ้นไปรับเกือบทุกงาน
“ดรีมรู้มาว่าวิ่งเทรลยากกว่าถ้าไม่เคยฝึก ใช่มั้ยคะโค้ชเปอร์” เธอหันไปถามเสียงอ่อนหวานสดใส ที่ฝนฟังแล้วระคายหูอย่างบอกไม่ถูก
2
“ใช่ครับ” -ดีมาก ตอบสั้นๆ คีฟคาแรคเตอร์โค้ชดุไว้ค่ะพี่เปอร์- ฝนรำพีงในใจ
1
“งั้นฝากตัวอีกครั้งนะคะโค้ชเปอร์ เอ่อ ขออนุญาตเรียกพี่เปอร์นะคะ” ฝนชาวาบไปทั้งตัวกับคำร้องขอของนักวิ่งอดีตนางแบบ รอคอยคำตอบของโค้ชขายาวด้วยใจระทึก เขาสะดุดอึ้งไปเสี้ยววินาที แค่นั้นก็เพียงพอจะทำให้เธอใจเสีย
1
“เรียกโค้ชเถอะครับ” -Yes!! มันต้องแบบนี้สิ- ฝนกระโดดโลดเต้นในใจ แอบส่งสายตาหวานซึ้งมีความหมายไปให้โค้ชทันที เขาก็แว่บมารับสายตานั้นและยิ้มมุมปาก
4
รถตู้อีกสองคันปราดเข้ามาจอดเทียบ โค้ชทั้งสองจึงขอตัวไปต้อนรับเหล่าสมาชิกที่เพิ่งเดินทางมาถึง
“ขอต้อนรับสมาชิกทั้งสามรุ่นของปีนี้นะคะ แม้การมารวมตัวกันในครั้งนี้จุดประสงค์ก็เพื่อจะมาพบปะสังสรรค์กันประจำปี แต่เพื่อไม่ให้ทุกคนลืมความสนุกในแคมป์ของเรา พี่ก็มีกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ร่วมทำกันด้วย อาทิเช่น วิ่งขึ้นลงเขาสองรอบ เป็นต้น” เมื่อสิ้นเสียงของโค้ชส้ม ทุกคนก็ครางฮือกันออกมาทันที
“ถ้างั้นผมรออยู่ข้างล่างนะฮะพี่ส้ม” นัทแย้งขึ้น ทุกคนหัวเราะเห็นด้วย
“พี่ลืมแจ้งอีกอย่างว่า งานนี้จะมีแขกรับเชิญพิเศษที่ทุกคนคงได้พบแล้วคือ น้องดรีม ซึ่งนอกจากจะมาร่วมกิจกรรมกับเรา ก็จะมีทีมงานพีอาร์ของทาง สตาร์สปอร์ต มาเก็บภาพของน้องดรีมกับโค้ชเปอร์ อย่างที่ทราบกันว่าทั้งคู่จะเป็นพรีเซนเตอร์หลักที่จะเปิดตัวอีกสองเดือนข้างหน้านะคะ” โค้ชพยักหน้าน้อย ๆ ยิ้มรับเมื่อถูกเอ่ยชื่อถึง ส่วนหญิงสาวนักวิ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โค้งตัวคำนับ
“ฝากตัวด้วยนะคะ”
“เห็นใจแกจริง ๆ ว่ะฝน ตั้งแต่มายังไม่เห็นแกได้พูดอะไรกะโค้ชซักคำ” คุณหวีกระซิบข้างหู ในขณะที่โค้ชเปอร์และโค้ชส้มอธิบายถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะทำร่วมกันตลอดสองวัน
“ก็คุยกันบ้างแล้ว” ฝนกระซิบตอบอมยิ้ม
“คุยตอนไหนวะแก ก็อยู่ด้วยกันตลอด” คุณหวีขมวดคิ้ว แต่แล้วก็คลายลงเมื่อเห็นฝนยังอมยิ้มตามีประกายแวววับ
“อ๋อ จะบอกว่าใช้กระแสจิตคุยกันเหมือนเคยงั้นสิ” ฝนหัวเราะกิ๊ก
“บ้าเหรอคุณหวี กระแสจิตที่ไหน เราแค่มองตากัน”
1
“มองตากัน? แค่เนี๊ย? ถ้าอีเจนอยู่มันคงขำกลิ้งให้กับมนุษย์โรแมนติกคู่นี้นะ ไม่ได้คุยกันยังไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรซะด้วย เชื่อเลย" คุณหวีส่ายหัวเมื่อพูดจบ
“พี่จะให้จับคู่บัดดี้เดิมเมื่อครั้งเข้าแคมป์ แล้วให้วิ่งขึ้นลงเขาสองรอบ โดยมีข้อจำกัดเดียวคือ ทั้งคู่ต้องแบกน้ำหนักบนเป้รวมกัน 10 กิโลกรัม จะแบกคนเดียว ผลัดกันแบก หรือแบ่งน้ำหนักคนล่ะครึ่งต่างคนต่างแบก ก็ได้ทั้งนั้น ใช้เป้สัมภาระที่นำติดตัวมา ใครน้ำหนักไม่ถึงขอเพิ่มได้ ใครเกินก็แยกออกมาแล้วส่งไปรวมไว้ให้ลูกหาบนะคะ” เสียงฮือตอบรับอื้ออึง
“พี่โส้มมมมม ช่างคิดนะ โกรธอะไรพวกเรารึเปล่า” เปรียวร้องขึ้น โค้ชส้มยิ้มรับ
“กติกาคือวิ่งขึ้นไปถึงหลังแป แล้ววิ่งกลับลงมายังจุดนี้ จากนั้นวิ่งกลับขึ้นไปหลังแปใหม่ แล้ววิ่งต่อไปจนถึงที่ทำการด้านบน สำหรับบัดดี้ห้าคู่แรกที่ถึงก่อนจะได้รับของรางวัลจากทางสตาร์สปอร์ตเป็นบัตรกำนัลให้ไปสอยรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวพร้อมกับพรีเซนเตอร์ของเราค่ะ”
1
จบประกาศนี้ของพี่ส้ม ก็เรียกเสียงตื่นเต้นดีใจดังระงม สาว ๆ ก็กรี๊ดกร๊าดขึ้นมาแทนเสียงโอดครวญเมื่อครู่ รองเท้ารุ่นวิ่งใหม่ของยี่ห้อนี้ที่โดยปกติจะจับจองก็แสนจะยากอยู่แล้ว แต่นี่กลายมาเป็นรางวัลที่วางอยู่ตรงหน้าให้ได้คว้ากันแบบฟรี ๆ แรงฮึดของทุกคนก็ลงมาประทับร่างทันที สร้างบรรยากาศความคึกคักกระปรี้กระเปร่าทั่วทั้งบริเวณ
“ฝีมือแกล่ะสิ” คุณหวีกระซิบถาม เธอรู้จักและเข้าใจงานของเพื่อนเป็นอย่างดี ฝนพยักหน้ารับ
“ใช่รองเท้าที่โค้ชเปอร์กับคุณดรีมใส่อยู่รึเปล่าฮะ” นัทส่งเสียงถาม ดึงให้สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังจุดเดียวกัน
“ใช่แล้วค่ะ แต่ต้องขอความร่วมมือทุกท่าน อย่าเพิ่งโพสท์ภาพรองเท้าชัด ๆ นะคะ ทางบริษัทอยากให้มีข่าวเรื่องรองเท้าหลุดออกไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ต้องรอวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการค่ะ” ขวัญหท้ยเป็นผู้ตอบ
ทุกคู่แยกย้ายกันไปจัดการเรื่องสัมภาระ พี่เจ๋ง คุณหวี ขวัญ และกอล์ฟช่างภาพ ต่างก็ยกสัมภาระทั้งหมดให้กับลูกหาบ โดยนำติดตัวไปเพียงของจำเป็นเท่านั้น ฝนและโค้ชส้มตกลงจะแบกสัมภาระคนละ 5 กิโล เช่นเดียวกับโค้ชเปอร์และดรีมซึ่งถูกระบุให้จับคู่เป็นบัดดี้กันตามคอนเซ็ป
อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาปล่อยตัว โดยคู่ไหนจะออกก่อนหรือหลังก็ได้ เพียงแค่ลงเวลาออกไว้ที่จุดเริ่ม และลงเวลาถึงที่ปลายทาง ผู้ชนะคือผู้ที่ใช้ระยะเวลาน้อยที่สุด
พี่เจ๋งส่งสัญญาณเรียกฝนและคุณหวี
“น้องกานต์เดินขึ้นไปพร้อมขวัญก่อนเลยมั้ยคะ” เขาเอ่ยขึ้นเมื่อสองสาวมาถึง
เจตนิพัทธ์เคยสนิทสนมกับกลุ่มสี่สาวนี้เป็นอย่างดีในช่วงเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะกับกมนกานต์หรือคุณหวีของเพื่อน ๆ ที่เคยพูดคุยปรึกษาถึงการวางแผนลงทุนในตลาดหุ้นมาก่อน ถึงแม้จะห่างหายกันไป แต่เมื่อกลับมาเจอกันอีกครั้ง เขาก็ยังคงความสุภาพให้เกียรติเธอเช่นเดิม
“ดีเหมือนกันค่ะพี่เจ๋ง กานต์คงไม่วิ่งขึ้นวิ่งลงเพื่อรองเท้าคู่นึงแบบพวกนี้หรอกค่ะ” เธอหัวเราะหยอกเพื่อน
ว่าแล้วก็พยักหน้าชวนกันกับขวัญหทัยเดินไปตามเส้นทางขึ้นเขา กอล์ฟช่างภาพหนุ่มยังรีรอฟังคำสั่งจากเจ้านาย เจตนิพัทธ์จึงหันไปปรึกษา
“เอาไงดีกอล์ฟ ที่จริงเราก็เก็บภาพด้านล่างนี้หมดแล้ว จะออกสตาร์ทพร้อมกับเค้า หรือไปดักรอดีวะ”
“ถ้าจะเก็บภาพพรีเซนเตอร์ ฝนว่าพี่กับกอล์ฟไปรอกลางทางก่อนเลย เค้าไม่ค่อย ๆ เดินขึ้นไปหรอก โค้ชเปอร์วิ่งโคตรเร็ว คุณดรีมก็ใช่ว่าธรรมดา” ฝนให้คำแนะนำ
“เค้าวิ่งกันสองรอบนี่ งั้นเดี๋ยวเราหาจุดที่มันยาก ๆ หน่อยแล้วจับภาพตอนที่เอื้อมมือมาช่วยพยุงกันดีมั้ยเฮีย" กอล์ฟออกความเห็น
“กอล์ฟ!! นี่กีฬาวิ่งเทรลนะ ไม่ใช่หนังน้ำเน่า ไม่มีมาช่วยพยุงกันหรอก” ฝนติง ส่ายหัวให้กับความไม่รู้ของกอล์ฟ
“พี่อาจจะขอให้มีช็อตแบบนั้นหน่อยก็ดี” เจ๋งกลับเห็นด้วยกับช่างภาพหนุ่ม
“ใช่เฮีย แต่เดี๋ยวผมจะจับภาพไม่ให้มันน้ำเน่าไงพี่ฝน ให้มันดูทะมัดทะแมง ช่วยกันแบบน้ำใจนักกีฬาแต่ก็สามารถจิ้นต่อได้" กอล์ฟช่างภาพมือหนึ่งประจำบริษัทที่ร่วมงานกันมาหลายงานจนรู้ฝีมือกันดี
“อืมมม แต่ฝนอยากได้ภาพที่มันเข้มแข็งของทั้งคู่มากกว่านะ” เธอส่งสายตาขอความคิดเห็นจากหัวหน้า
“ภาพอย่างนั้นมันได้อยู่แล้วพี่ฝน วิ่งขึ้นเขาลงเขาแบบนี้ ภาพเดี่ยวสวย ๆ ผมยิงให้พี่ได้เป็นร้อยภาพเลย แต่เฮียเค้ามีคอนเซปคู่จิ้นเผื่อไว้ด้วย ผมว่าก็หาจุดที่มันต้องปีนป่ายหน่อยเหมือนว่าจะมีอุปสรรค แล้วจับช็อตยื่นมือ มองตากันอะไรแบบนี้ไงพี่ฝน ความแข็งแรงในภาพน่ะมีแน่ผมรับรอง แต่ใครอยากจิ้นก็ไปต่อได้” กอล์ฟพยายามขายภาพในหัวให้กับทั้งคู่
เจตนิพัทธ์พยักหน้าเห็นด้วย ฝนเองก็คล้อยตามถ้าไม่ติดว่า พรีเซนเตอร์ที่กำลังพูดถึงกันนี้คือผู้ชายที่ครอบครองหัวใจเธอเรียบร้อยแล้ว
1
ฝนต้องพยายามอย่างหนักที่จะแยกเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัวออกจากกัน แม้บางทีจะรู้สึกสับสนอยู่หลายครั้งหลายครา ว่าควรตัดสินใจอย่างไรกันแน่ เธอจึงถามตัวเองว่า ถ้าไม่ใช่โค้ชเปอร์ เธอจะวางคอนเท้นท์ของงานนี้ไปทางไหน ถ้าลองหลับตานึกภาพ
ดรีมอดีตนางแบบที่ผันตัวมาเป็นนักวิ่ง วันนี้อยู่ในชุดกระโปรงนักวิ่งสีชมพูอวดขายาวเรียวแข็งแรง รองเท้ารุ่นใหม่สีเดียวกัน เสื้อวิ่งแขนกุดรัดรูปพอดีตัวสีขาวโชว์แขนแข็งแรงได้รูป ผมรวบตึงมัดเป็นหางม้าสูง คาดศรีษะด้วยแฮร์แบนด์สีขาวคาดชมพู ดูสวยสว่างสดใจไปทั้งป่าภูกระดึง ภาพเธอวิ่งขึ้นลงเขาจะเป็นภาพที่คอนทราสต์ ระหว่างความแข็งแรงของนักกีฬาและความอ่อนหวานของสตรีเพศ
ส่วนพระเอกของเรื่องก็มาในลุคแข็งแกร่งดุจนักรบ แม้ชุดจะเป็นสีเทาดำเหมือนจะกลืนไปกับสภาพแวดล้อม แต่รองเท้ารุ่นใหม่สีดำขลิบแดงและทอง ก็ทำให้ภาพที่จะถ่ายออกมาโดดเด่นแข็งแรง
แล้วถ้าทั้งสองวิ่งมาด้วยกัน? ด้วยความสูงและสัดส่วนร่างกายที่พอดิบพอดีกลมกล่อมกัน ภาพพระเอกก้าวขาวิ่งอยู่ด้านบนหันมามองพร้อมยื่นมือส่งให้ นางเอกที่วิ่งตามมา หางม้าสะบัดแกว่ง อืมม จะเป็นภาพที่น่าดูมาก โดยเฉพาะมาจากฝีมือกอล์ฟด้วยแล้วล่ะก็
“โอเค!! จิ้นก็จิ้น” เธอถอนใจตอบตกลงในคอนเซปภาพ
1
กอล์ฟและเจ๋งถอนใจโล่งอกเมื่อได้ยินฝนเอ่ยปาก ทั้งคู่เห็นฝนหลับตานิ่งอยู่สักพัก ก็เข้าใจในทันทีเพราะเคยทำงานร่วมกันมาก่อน เธอกำลังใช้จินตนาการสร้างภาพในสมองอยู่
“โค้ชเปอร์ โอเคนะครับ” พี่เจ๋งส่งเสียงลอยข้ามเธอไปยังคนข้างหลังที่คงเข้ามาทันได้ยินประโยคสุดท้ายของเธอพอดี ฝนตัวแข็งทื่อ ด้วยความรู้สึกเหมือนเด็กมัธยมโดนจับได้ว่าแอบมาสูบบุหรี่ข้างห้องน้ำ
แม้จะคุยตกลงกันมาก่อนว่าจะยังไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ให้ใครรู้ และต่างก็เข้าในคอนเซปของการทำงานของทั้งคู่ แต่การที่เขาต้องมาได้ยินประโยคตัดสินใจของเธอ ก็ทำให้ฝนหนาว ๆ ร้อน ๆ
“ถ้าคุณฝนคิดว่าดี ผมก็ไม่มีปัญหา” นั่นไงไอ้ฝน!! เสียงเข้มเกินปกติแบบนี้ คนคุ้นเคยกันเท่านั้นถึงจะจับสังเกตได้ ฝนรีบหันหลังกลับเพื่อจะอธิบาย หรืออย่างน้อยก็ขอให้ได้ส่งสายตาขอโทษก็ยังดี
1
แต่คนขายาวก็หมุนตัวเดินจากไปเสียแล้ว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา