1 เม.ย. 2021 เวลา 19:31 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยาย 20 ตอน เรื่อง
"See you at the finish line - พบกันที่เส้นชัย"
ตอนที่ 12 - ภูกระดึง
ฝนพยายามจะหาทางเข้าไปประชิดตัวโค้ชหนุ่มเพื่อพูดคุยกันสองต่อสอง แต่โอกาสที่ว่ายังมาไม่ถึงเสียที ไม่เธอก็เขาที่จะถูกลากไปทำธุระเล็กธุระน้อยตลอดเวลา ทีแรกยังมีโอกาสส่งสายตาอันเป็นความหมายที่รู้กันเฉพาะตัว แต่เมื่อเขาผ่านมาได้ยินการวางแผนของเธอและทีมงาน เธอรู้สึกเหมือนว่าแม้โอกาสส่งสายตาก็ยังยากเย็นเกินไป
ทุกคนถูกปล่อยตัววิ่งขึ้นเขาไปหมดแล้ว เหลือเธอและโค้ชส้มเป็นคู่สุดท้าย เมื่อเช็คความเรียบร้อยทุกอย่าง และฝากใบลงเวลาให้กับเจ้าหน้าที่ประจำทางขึ้นแล้ว ฝนและโค้ชส้มก็เริ่มออกวิ่งเหยาะ ๆ
“เหนื่อยหน่อยจะฝนคราวนี้ เอางานมาทำด้วย” พี่ส้มเริ่มด้วยการหยอกล้อ
“ฝนไม่เหนื่อยหรอกพี่ คุณดรีมกับโค้ชเปอร์นั่นแหละน่าจะเหนื่อย ไหนจะวิ่งแล้วยังต้องวิ่งให้ท่าสวย ๆ ด้วย”
“พี่ว่าไม่น่าห่วงทั้งคู่ วิ่งขึ้นลงภูกระดึงสองรอบน่ะเรื่องขนมของโค้ชเปอร์ ถ้าช่างภาพที่รู้มุมกล้องจะได้ภาพสวย ๆ แน่นอน ยิ่งเจอทางที่คุ้นเคยแบบนี้เดี๋ยวโค้ชเปอร์แกคงจัดท่าเด็ด ๆ ให้ ส่วนคุณดรีมเรื่องท่าทางความสวยงามไม่น่าห่วง พี่ห่วงเรื่องกล้ามเนื้อมัดที่ไม่เคยใช้มากกว่า เดี๋ยวพี่จะกระซิบบอกโค้ชเปอร์ว่าให้คุณดรีมวิ่งรอบเดียวพอ”
“โค้ชเคยมาซ้อมวิ่งที่ภูกระดึงบ่อยเหรอพี่ส้ม” ฝนเริ่มหอบเมื่อถึงทางที่เริ่มชันขึ้นเรื่อย ๆ แบบไม่หยุด
“แต่ก่อนก็บ่อยนะ วิ่งขึ้นวิ่งลงวันละหลายรอบ” โค้ชส้มเริ่มชะลอจากการวิ่งเปลี่ยนมาเป็นเดิน
“แล้วเป็นมาไงเปลี่ยนไปซ้อมปักหลักที่ขุนตาลล่ะคะพี่” ฝนเดิน power walk ขึ้นเขาเคียงคู่ไปกับโค้ชส้ม
“เพื่อนโค้ชแกเป็นคนที่นั่น ทิ้งบ้านเปล่า ๆ ไว้แล้วตัวลงไปทำงานกรุงเทพ โค้ชเปอร์แวะไปหา พอมาเจอทำเลก็ถูกใจคุยไปคุยมาเพื่อนก็ยกบ้านให้อยู่ฟรี ๆ” โค้ชส้มเริ่มพูดคุยปนหอบน้อย ๆ
เส้นทางจากจุดเริ่มต้นมายังจุดพักแรก มีระยะทางประมาณหนึ่งกิโลเมตร ความชันสะสมประมาณสามร้อยกว่าเมตร หากเป็นคนธรรมดาคงรู้สึกว่าเป็นเส้นทางชันที่น่าทดท้อในการเดิน แต่สำหรับคนผู้ที่ผ่านการวิ่งเทรล หรือเทรนขึ้นเขามาบ้าง เส้นทางนี้ก็ไม่ยากจนเกินไปนัก
1
ทั้งคู่แวะพักกินแตงโมและดื่มน้ำที่ซำแฮก ไม่เจอสมาชิกคนใด สอบถามแม่ค้าในละแวกนั้นแจ้งว่าทุกคนพักแป๊บเดียวก็ไปต่อ ได้ยินดังนั้นฝนและโค้ชส้มก็ออกวิ่งต่อเช่นกัน จนมาพบกับคุณหวีและขวัญที่ซำกกกอก อันเป็นจุดเริ่มต้นของป่าเบญจพรรณ ซึ่งจะร่มรื่นกว่าช่วงที่ผ่านมาอันเป็นป่าเต็งรัง
“พี่เจ๋งกับกอล์ฟไปแล้วเหรอ” ฝนทัก
“ไปสักพักแล้วคุณฝน ไม่น่าเชื่อว่าสองคนนั้นจะอึดขนาดนี้ ตามพวกเรามาทัน พอรอเก็บภาพพรีเซนเตอร์ได้แล้ว ก็ตามขึ้นไปกับพวกนักวิ่งด้วย" ขวัญหทัยเอ่ยด้วยเสียงทึ่ง
“เป็นงี้แหละ เวลาทำงานก็ลืมเหนื่อยทั้งคู่ เดี๋ยวคอยดูตอนเย็นเถอะ” ฝนหัวเราะเบา ๆ เมื่อนึกถึงภาพที่จะเกิดขึ้น
คุณหวีพยักพเยิดเรียกฝนให้เดินไปห้องน้ำด้วยกันที่อยู่ด้านหลังร้านค้า ซึ่งฝนพอจะเดาออกว่าคงมีเรื่องจะพูดด้วย
“แก ฉันได้ดูตอนพี่เจ๋งเก็บภาพ” คุณหวีเอ่ยเสียงกังวล
“แล้ว?" ฝนยกน้ำขึ้นดื่มพร้อมกับเลิกคิ้ว
“แหม ก็ไอ้คอนเซ็ปคู่จิ้นอะไรของพี่เจ๋งนี่แหละ มันดูสมจริงเกิ๊นนนน” คุณหวีลากเสียงยาว
“ธรรมดาแหละคุณหวี งานสร้างภาพก็ต้องเป็นแบบนี้” ฝนยักไหล่ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะตัดสถานภาพระหว่างเธอกับโค้ชเปอร์ออกเมื่อพูดถึงงานพรีเซนเตอร์
คุณหวีจึงไม่พูดอะไรต่อในเรื่องนี้ ในใจนึกชื่นชมความเป็นมืออาชีพของเพื่อนรัก ทั้ง ๆ ที่คันปากอยากจะบอกว่า พี่เจ๋งเจ้านายเธอน่ะจัดท่าทางให้พระเอกนางเอกเกินไปมาก
ดรีมเข้าสู่วงการนางแบบตั้งแต่อายุสิบสี่ ด้วยสัดส่วนและโครงหน้าที่สะดุดตาคนในยุคนั้นทำให้เธอโด่งดังในระยะเวลาอันสั้น ชื่อเสียงเงินทองสร้างความสุขสบายให้แบบที่ไม่เคยได้รับมาก่อน แต่สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันชิงดีชิงเด่นและเล่ห์เหลี่ยมกลลวงต่าง ๆ ในวงการมายา ก็สร้างทั้งบาดแผลและความแกร่งให้กับเธอไปพร้อม ๆ กัน
เมื่อเจอจุดพลิกผันครั้งใหญ่ เธอจึงตัดสินใจพักงานชั่วคราว แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้กลับไปโลดแล่นบนเวทีแค็ทวอล์กเสียที เพราะเธอได้ค้นพบเส้นทางใหม่ที่ช่วยสร้างพลังใจให้เธออีกครั้ง นั่นก็คือการวิ่ง
เธอพบว่า ชีวิตที่เกือบจมดิ่งของเธอ บาดแผลที่เกิดจากรอยกรีดรอยแทงทั้งข้างหลังและข้างหน้าจากผู้คนที่แวดล้อม ทิ้งแผลเป็นไว้ให้มากมายแทบจะทำให้เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่ ถูกเยียวยาอย่างช้า ๆ ด้วยการวิ่ง ไม่มีใครบอกเธอมาก่อนว่า แค่ออกวิ่ง วิ่งไปเรื่อย ๆ วิ่งไปเถอะ แล้วชีวิตจะกลับฟื้นขึ้นมาใหม่
จากที่เริ่มวิ่งแค่เพื่อให้รู้สึกดีต่อตัวเอง เธอก็เริ่มเข้าสู่การวิ่งเพื่อชัยชนะ วินัยในการซ้อมสำหรับเธอไม่ใช่เรื่องยาก การที่เธอต้องทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เธอเรียนรู้เรื่องวินัยมาแล้วก่อนใครเพื่อน ความยากลำบากในการเพิ่มสมรรถภาพในการวิ่งต้องใช้ใจที่อดทนต่อความเหนื่อย เธอก็สามารถรับมือกับมันได้ดี
เมื่อตัดสินใจจริงจังว่า จะกลับมาเด่นมาดังอีกครั้งในวงการใหม่ นักกีฬาที่เป็นอดีตนางแบบ คุณสมบัติแบบนี้ขายได้อย่างไม่ต้องสงสัย เธอจึงว่าจ้างมืออาชีพทั้งโค้ชทางการวิ่ง และผู้เชี่ยวชาญทางด้านโภชนาการ ปลุกปั้นให้เธอกลับมาเจิดจรัสแสงได้อีกครั้ง แม้จะไม่ใช่บนเวทีแค็ทวอร์ค แต่ก็เป็นโพเดี้ยมหมายเลขหนึ่งของทุกการแข่งขันที่เธอลง
และนั่นเองจึงเป็นเส้นทางกอบโกยทั้งชื่อเสียงและเงินทองของเธออีกครั้ง เงินรางวัลจากการแข่งขันซึ่งเล็กน้อยมากไม่ใช่เป้าหมายของเธอ แต่รางวัลต่าง ๆ จะเป็นบันไดให้เธอก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าแม่พรีเซนเตอร์ด้านสุขภาพ เป็นไอดอลของคนธรรมดาที่ไม่ใช่นักกีฬาอาชีพ แต่สามารถฝึกฝนตนเองจนก้าวเข้าสู่วงการกีฬาได้
ทุกครั้งที่มีการสัมภาษณ์ใด ๆ เธอจึงบอกเสมอว่า เธอรักการวิ่ง เพราะมันช่วยดึงให้เธอกลับขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง ทั้งในแง่นามธรรมและรูปธรรม
1
“คุณนี่อึดจริง ๆ" โค้ชหนุ่มส่งเสียงรับ เมื่อเห็นเธอวิ่งขึ้นมายังจุดพักซำกกโดนด้วยพลังที่ยังเหลือเฟือ
“ก็โค้ชวิ่งไม่รอเลยนี่คะ” เธอตอบพร้อมส่งยิ้มสว่างสดใสกลับไป
“ถ้าไม่บอกว่าไม่เคยวิ่งเทรลมาก่อน ผมไม่เชื่อนะ” โค้ชส่งสายตาชื่นชมเปิดเผย
“ปกติโค้ชส่วนตัวของดรีม จะให้วิ่งชันบนลู่ แล้วก็เวทขาอยู่ประจำค่ะ” เธอคลายข้อสงสัย
เขาพยักหน้ารับ นึกชื่นชมหญิงสาวอยู่ในใจ อายุสามสิบต้น ๆ ไม่ยากที่จะเข้าสู่วงการวิ่งสมัครเล่น ในยุคนี้ที่งานวิ่งจัดกันถี่แทบทุกอาทิตย์ ใครอยากเป็นนักวิ่งก็เป็นได้ทันที แต่เธอซึ่งมาจากวงการที่เน้นความสวยความงามของร่างกาย ต้องเน้นความผอมบางเพื่อให้เป็นไม้แขวนเสื้อได้อย่างสมบูรณ์ กลับกลายมาเป็นนักกีฬาสมัครเล่นที่คว้าถ้วยรางวัลเป็นว่าเล่น บ่มเพาะสร้างกล้ามเนื้อให้ร่างกายชวนมองแข็งแกร่ง ทุกอย่างเกิดขึ้นในระยะสั้น นั่นย่อมหมายความถึงการทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนัก การดูแลโภชนาการอย่างเข้มงวด เขาจึงรู้สึกชื่นชมอย่างใจจริงในฐานะนักกีฬาด้วยกัน
“อีกนิดเดียวก็ถึงหลังแป แต่จะเป็นเส้นสุดท้ายที่ชันและยาก ต้องปีนป่าย ผมว่าเราพักรอช่างภาพก่อนดีกว่า”
“ดีเหมือนกันค่ะ”
ทั้งคู่พักด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อไปพลาง ๆ สมาชิกที่ร่วมกิจกรรมทยอยผ่านไปทีล่ะคู่ โค้ชหนุ่มอดไม่ได้ที่จะคอยชะเง้อมองหา คนตัวเล็กที่น่าจับมาทำโทษเสียให้เข็ด หมายโทษเธออยู่ในใจว่าเมื่อไหร่ได้อยู่ลำพังคงจะต้องชำระโทษกันยาวนาน นึกได้ดังนั้นก็ระบายยิ้มในหน้าขึ้นมาอย่างลืมตัว
“คิดอะไรอยู่คะโค้ช” ดรีมถามขึ้นเมื่อจู่ ๆ คนหน้าคมเข้มที่ยืนยืดเส้นอยู่ไม่ไกลก็ผุดรอยยิ้ม
“คิดถึงแฟนครับ” สั้นและตรงประเด็น
“อ้าว ไหนว่าโค้ชไม่มีแฟน แล้วอย่างนี้คอนเซ็ปคู่จิ้นของเราไม่มีปัญหาแน่นะคะโค้ช”
“ไม่มีครับ” หรี่ตาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงว่าคนที่คิดคอนเซ็ป นี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
“ถ้าต้องปรับหรือแก้ไขการวางตัวยังไงแจ้งดรีมได้ตลอดนะคะ ดรีมไม่อยากให้โค้ชมีปัญหากับแฟน”
“คุณดรีมไม่ต้องห่วง แฟนผมเข้าใจงานด้านนี้ดี” พูดตอบเสียงเข้ม
“เอ้อ เรนนี่มาพอดี” เสียงพี่เจ๋งทักเรียกเมื่อเห็นเธอและโค้ชส้มวิ่งขึ้นมายังจุดพักซำกกโดน เธอมองปราดขึ้นไปเห็นพรีเซนเตอร์สองคนยืนอยู่ไม่ไกล พยายามสบตาคนหน้าเข้ม แต่เขาก็เมินไปอีกทาง
“กอล์ฟยังเก็บภาพไม่เสร็จเหรอ” เธอส่งเสียงถามช่างภาพรุ่นน้องปนหอบ ก่อนจะรับขวดน้ำที่พี่เจ๋งเดินลงมาส่งให้เธอกับโค้ชส้ม
“เพิ่งมาถึงเหมือนกันพี่ฝน นี่ขนาดผมเคยมาครั้งนึงแล้วนะ ครั้งที่สองก็ยังเหนื่อยเหมือนเดิม” กอล์ฟบ่นอุบ
“โค้ชเปอร์ คุณดรีม มาถึงนานรึยัง” โค้ชส้มส่งเสียงถามบ้าง
“สักพักแล้วค่ะพี่ส้ม” ดรีมตอบด้วยดวงหน้าสดใส บอกให้รู้ว่าได้พักมาจนร่างกายฟื้นคืนพลังแล้ว
“เก่งจังนะคะ นี่ขนาดไม่เคยวิ่งเทรลมาก่อน” โค้ชส้มชื่นชม
“เก่งด้วย อึดด้วย” โค้ชเปอร์สำทับ
“ขอบคุณค่ะ ได้โค้ชเปอร์ลากขึ้นมาค่ะ ไม่งั้นก็คงค่อย ๆ เดินชมนกชมไม้” เธอพูดหัวเราะสดชื่น ฝนไม่อาจปฏิเสธได้ว่านักวิ่งสาวอดีตนางแบบมีออร่าของความสดใสอยู่รอบตัว ทั้งการพูด เสียงหัวเราะ ทำให้บรรยากาศดีขึ้นอย่างประหลาด
“ถ้าหายเหนื่อยกันแล้ว ไปเก็บภาพกันเลยมั้ยคะ” ฝนถามไปรอบ ๆ พยายามหาโอกาสสบตาโค้ชหนุ่มแต่ก็ไม่เป็นผล
“เรนนี่หายเหนื่อยแล้วเหรอ เพิ่งมาถึง” พี่เจ๋งถามเธอเสียงอาทร ยื่นมือมารับเมื่อเห็นเธอกำลังจะกระโดดข้ามหินก้อนใหญ่ขึ้นมา ฝนยื่นมือไปจับโดยไม่ได้คิดอะไร แล้วกระโดดถีบตัวขึ้นมาด้านบน เอ่ยขอบคุณพี่เจ๋งเบา ๆ
“หายแล้วค่ะ ไปกันเถอะ”
ฝนมองกวาดเพื่อชวนทุกคน จนไปสะดุดกับสายตาคมเข้มที่คราวนี้จ้องเป๋งมาที่เธอ -เอ๊ะ ยังโกรธอยู่อีกเหรอ- เธอนึกไปถึงเรื่องที่เขาเดินมาได้ยินการปรึกษางานพอดี เธอส่งสายตาเว้าวอนกลับไปแต่ไม่ทันแล้ว คนขายาวสะบัดหน้าวิ่งนำไปซะก่อน เธอก็ได้แต่ถอนใจอีกครั้ง เมื่อไหร่จะหาโอกาสอธิบายได้เสียที
เส้นทางจากซำแคร่ไปยังหลังแป ถือเป็นระยะที่ไกลที่สุดคือ 1.3 กิโลเมตร และยังชันที่สุดในเส้นทางอันเต็มไปด้วยโขดหินก้อนใหญ่ พี่เจ๋งสั่งกอล์ฟให้เก็บภาพตอนโค้ชเปอร์และดรีมกำลังป่ายปีนเป็นช็อตเดี่ยว ๆ ของแต่ละคน แต่เมื่อมาถึงช็อตที่เป็นภาพคู่ พี่ส้มก็ถึงกับหัวเราะกิ๊ก
“ไม่คิดเลยว่าโค้ชเปอร์จะยอมถ่ายแบบนี้” โค้ชส้มแอบกระซิบ
“คุณดรีมดูมืออาชีพมากเลยนะพี่ส้ม” ฝนเสตอบไปอีกทาง
“คุณดรีมน่ะมืออาชีพถูกแล้ว เค้าเป็นนางแบบมาก่อน แต่โค้ชของเรานี่สิไม่เบาเหมือนกันนะ แหมอยากจะเชียร์ให้โค้ชเปอร์จีบคุณดรีม ดูเหมาะสมกันจริง ๆ" เสียงชื่นชมของพี่ส้มกระตุกใจฝน
“ดีครับ ค้างไว้ก่อนนะครับ โค้ชขอสายตาแบบฮีโร่หน่อยครับ” ช่างภาพส่งเสียง
โค้ชหนุ่มหลุดขำ “สายตาฮีโร่คือ?”
“คิดว่าดรีมเป็นแฟนโค้ช แล้วกำลังจะปีนขึ้นไปหา โค้ชมองลงมาเพื่อเอาใจช่วย ประมาณนี้น่ะค่ะ” เสียงใสหวานของดรีมช่วยบอกไกด์
โค้ชหนุ่มพยักหน้า ส่งสายอาทรตาซึ้งไปยังนักวิ่งสาว ยื่นมือค้างไว้
“นั่นแหละครับ เยี่ยมเลย” พี่เจ๋งส่งเสียงชื่นชม
“โอ๊ย ฝนเอ๊ย นี่ขนาดพี่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เห็นภาพแบบนี้ยังคิดว่าเค้าสองคนเป็นคู่รักกันเลย วงการโฆษณานี่น่ากลัวจริง” พี่ส้มยิ้มให้กับภาพตรงหน้า ฝนพยักหน้ายิ้มรับ
เมื่อขึ้นมาถึงหลังแป พบกับสมาชิกบางส่วนที่นั่งรวมกลุ่มรอเพื่อแจ้งโค้ชว่าตัดสินใจจะไม่ลงไปรอบสอง พร้อมสละสิทธิ์ในรางวัลพิเศษ สองโค้ชเข้าไปพูดคุยหยอกล้อ
ฝน พี่เจ๋ง และกอล์ฟ ยืดเส้นยืดสายอยู่ข้าง ๆ ดรีมซึ่งบัดนี้นั่งหน้านิ่วเมื่อถอดรองเท้าถุงเท้าออกแล้วพอว่า เกิดตุ่มน้ำใสที่นิ้วเท้าสองสามจุดทั้งซ้ายขวา
“ตายจริงคุณดรีม รองเท้าคู่นี้ยังไม่ได้เอาไปใส่ซ้อมใช่มั้ยคะ” ฝนร้องถามเมื่อเห็นตุ่มน้ำที่เท้า โดยปกติรองเท้าคู่ใหม่ ๆ จะใช้ระยะเวลาในการขยับขยายกว่าจะเข้ารูปกับเท้าโดยไม่กัดจนพุพอง ไม่มีนักวิ่งคนไหนเอารองเท้าใหม่ออกสู่สนามแข่งขัน ส่วนใหญ่จะนำไปซ้อมก่อนสักสี่ห้าครั้ง
“ดรีมสะเพร่าเองค่ะ คิดว่าระยะวิ่งสั้น ๆ ไม่กี่กิโล ไม่น่ามีปัญหา” เธอเอ่ยเสียงอ่อย หน้าเสีย
“ผมว่าคุณดรีมไม่ต้องลงไปรอบสองหรอกครับ เดินเข้าที่ทำการไปด้วยกันดีกว่า จะได้พักเอาแรง พรุ่งนี้ยังมีกิจกรรมรออยู่อีกนี่ครับ” เจตนิพัทธ์เสนอ
“ที่จริงคุณดรีมไม่ต้องร่วมกิจกรรมอะไรเลยก็ได้นะคะ พรุ่งนี้ขอเก็บภาพที่ผาหล่มสักตอนพระอาทิตย์ตกดินแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ เวลาที่เหลือพักผ่อนได้ตามสะดวกเลยค่ะ” ฝนให้ข้อมูลเพิ่ม ดรีมพยักหน้ารับคำอย่างจำนนด้วยขอจำกัดที่เพิ่งเกิดขึ้น
โค้ชส้มจัดจักรยานให้กับดรีมและเจ๋งขี่เข้าที่ทำการไปด้วยกัน แม้ระยะทางจะเหลืออีกเพียงแค่สามกิโลเมตรทางราบ แต่ก็ไม่อยากให้นักวิ่งสาวต้องเกิดบาดแผลที่เท้า ซึ่งถือเป็นอาวุธสำคัญของนักวิ่ง
ส่วนตัวโค้ชส้มเองก็เดินมาบอกฝนว่าจะต้องพากลุ่มที่ถอดใจไปติดต่อประสานงานเข้าเต็นท์ที่พัก ฝนฝากกอล์ฟไปกับพี่ส้ม แล้วก็หันมามองหน้าคนตัวสูงที่ยังยืนหน้าตึง จึงยิ้มประจบอ่อนหวาน
“กลับมาเป็นบัดดี้กันอีกครั้งนะคะโค้ชเปอร์”
“ครับคุณเรนนี่” เสียงตอบมายังคงเข้มแต่คราวนี้แฝงการประชดประชันเพิ่ม ฝนหัวเราะเมื่อได้ยินชื่อที่เขาเรียก
1
“อย่าเรียกชื่อนี้เลยค่ะ ฝนว่ามันตลกแล้วก็ดูกระแดะยังไงไม่รู้"
“อ้อ! เก็บไว้ให้คนอื่นเรียก” หลังจากที่เผยความรู้สึกให้กันและกันแล้ว ระยะหลังมานี้จึงคุยกันแต่ภาษาดอกไม้ จนฝนเกือบลืมไปแล้วว่า โค้ชดุคนนี้ประชดประชันเก่งกาจขนาดไหน
1
“ใครอยากเรียกก็ให้เค้าเรียกไปเถอะค่ะ”
“ปกป้องกัน?” ระดับความเข้มเริ่มสูงขึ้นแล้ว
“แน๊ หาเรื่องฝนทำไมคะเนี่ย”
“ไม่ต้องหา เห็นกันอยู่”
เธอเผลอหัวเราะกิ๊กขึ้นมา ยิ่งทำให้โค้ชหน้าเข้มกรุ่นหนักขึ้นไปอีก หมุนตัวหันหลังเตรียมจะวิ่งนำลงเขาไป ฝนคว้าแขนหมับทันควัน
“พี่เปอร์น่ารักจัง” เธอส่งสายตาล้อเมื่อเขาหันมาสบตา “ท่าทางหึงแบบนี้รู้มั้ยว่ามันน่ารัก” เสียงอ่อนออดอ้อน
1
เท่านั้นเองก็ละลายน้ำแข็งที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นทั้งวันจนหมดสิ้น โค้ชเปอร์หันมองซ้ายขวาหน้าหลัง แล้วจูงมือเธอเดินไปด้านหลังห้องน้ำที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แล้วสวมกอดเธอแน่น เธอโอบกอดกลับกระชับคืนแทนทุกความในใจที่อยากจะเอ่ยออกไปตลอดทั้งวัน
“คิดถึง” โค้ชเปอร์พึมพำ
แม้จะได้ยินคำนี้บ่อยเท่าบ่อย แต่วันนี้ทั้งวันแทบจะไม่ได้คุยกันเลย แถมยังมีเหตุการณ์ให้เกิดความเข้าใจผิดกันอยู่ตลอดโดยไม่มีโอกาสอธิบาย ความว้าวุ่นสับสนในใจที่ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะดึงเอาบทบาทไหนมาใช้ตอนใดบ้าง ทำให้เธอตึงเครียดโดยไม่รู้ตัว แม้จะใช้ความเข้มแข็งและความรับผิดชอบในหน้าที่ขึ้นมาคุมมันไว้ก็ตาม
แต่คำมหัศจรรย์ที่เพิ่งออกมาจากปากคนตัวสูง ก็ทำให้เธออุ่นใจวาบ เต็มตื้นปิติไปทั้งหัวใจ เป็นคำคิดถึงที่มีความหมายมากกว่าทุกครั้งที่เคยได้ยิน
“ไม่โกรธฝนแล้วนะคะ” เธอยิ้มล้อเลียน เมื่อเขาจูงมือเธอเดินไปยังจุดที่จะวิ่งลงกลับไปข้างล่างอีกรอบ
“พี่ไม่ได้โกรธ” ตอบแบบนั้นแต่ส่งสายตาวาววับ
“แต่มีเรื่องต้องลงโทษกันเยอะ” พูดจบก็ทิ้งให้เธอยืนยิ้มเหม่อค้นหาความหมายของบทลงโทษ เจ้าตัวคนพูดดีดเท้าวิ่งหายลงเขาลับไปเสียแล้ว
1
❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา