3 เม.ย. 2021 เวลา 21:59 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยาย 20 ตอน เรื่อง
"See you at the finish line - พบกันที่เส้นชัย"
ตอนที่ 14 - เต็นท์ใครดี
บนภูสูงมืดสนิทเพียงเดินห่างจากแสงไฟร้านค้าออกมา แสงไฟประจำจุดต่าง ๆ ที่ทางอุทยานติดไว้ดวงน้อย ๆ ก็ไม่อาจรบกวนราตรีสีดำ
“บนนี้เห็นดาวชัดจังเลยนะคะ”
ฝนกระตุกมือคนตัวสูงให้เงยหน้าดูท้องฟ้าที่ตอนนี้พรายพร่างจากแสงดาวนับร้อย แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ เธอจึงหันไปมองหน้าเขา เห็นสายตาเขามองจับจ้องไปที่ท้องฟ้าเช่นกัน เธอจึงเงียบรอให้เขาพร้อมที่จะเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเอง
“อยากให้แม่ฝนโทรเข้าเครื่องพี่บ้าง” เสียงคนตัวสูงพึมพำขึ้นในที่สุด ฝนหัวเราะขำกับเสียงงอนเง้าด้วยความอิจฉาผสมผเสกับความเป็นเด็กในตัวเขา
1
"พี่เปอร์!! ฝนไม่คิดเลย....” ว่าแล้วก็หัวเราะต่อ
“หัวเราะให้พอใจเลย” เขาดึงตัวเธอมากอดรัดแน่น หัวใจเธอกระตุกวูบเสียงหัวเราะขาดหายไปในทันที ไออุ่นที่คุ้นเคยแทนที่จะทำให้ค่ำคืนหนาวเย็นอบอุ่นขึ้นกลับกลายเป็นหนาวสะท้านขึ้นมา เธอดันตัวเขาออกช้า ๆ เกรงว่าจะมีใครผ่านมาเห็น เขาคลายอ้อมกอดลงเข้าใจความกังวลของเธอ แต่มือขวายังเกาะกุมมือเรียวนั่นอยู่
“พี่ไม่อยากคุยกับแม่ฝนหรอก” เธอเอ่ยยิ้ม ๆ สองเท้าก้าวเคียงกันไปช้า ๆ
“แม่ดุ?” เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ไม่ดุค่ะ แม่ฝนเพิ่งอายุห้าสิบห้าเอง วัยรุ่นม๊ากก พี่จะส่ายหัวให้กับความวัยรุ่นของแม่ฝนนี่แหละค่ะ" แววตาอ่อนโยนขำขันเมื่อนึกถึงแม่ขึ้นมา
“พาพี่ไปกราบแม่นะ” โค้ชเอ่ยเสียงอ่อนโยน
“ไม่ได้ค่ะ!!” ฝนแทบจะหลุดขำ เธอนึกถึงเมื่ออาทิตย์ก่อนที่เธอโทรศัพท์คุยกับแม่ พร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวจะพาโค้ชไปกราบแม่ในวันหนึ่ง
“ฝนถ้าเธอยังไม่ได้เป่ากันกะโค้ชเปอร์ ยังไม่ต้องพามานะ" แม่ให้คำตอบขำ ๆ
“แม๊!!!!” จำได้ว่าเธอตกใจร้องเสียงหลง “ฟังน้าเน้กมากเกินไปแล้ว”
1
“เอ้า ก็ฝนแนะนำให้แม่ฟังเองนี่นา บอกว่าแม่จะได้เข้าใจโลกของวัยรุ่นมากขึ้น เนี่ยน้าเน้กเค้าบอกว่าถ้ายังไม่ได้เป่ากันแสดงว่าความสัมพันธ์ยังไม่จริงจัง” แม่ทวนคำของกูรูชื่อดังมาแบบเป๊ะ ๆ
“แม่รู้เหรอ เป่ากันแปลว่าอะไร” ฝนถามกลั้วหัวเราะ
“แหม ยัยฝน แม่เธอไม่ได้ไร้เดียงสานะยะ เป่ากันก็คือนอนจับมือกันมั้ง” เสียงหัวเราะดังมาตามสาย
“ไม่รู้ล่ะ ถ้ายังไม่ได้เป่ากันอย่าเพิ่งพามาล่ะ เผื่อเลิกกันก่อน” ว่าแล้วก็ตัดบทวางสายไป นั่นล่ะแม่ของเธอ
เธอมัวแต่นึกถึงการสนทนาในครั้งนั้นกับแม่ จนรู้สึกขึ้นว่าคนข้าง ๆ เงียบไปอีกแล้ว พอเงยหน้าก็เห็นคำถามมากมายเต็มไปหมดที่รอฟังคำตอบ
พอเธอเฉลยว่าทำไมถึงยังพาไปหาแม่ไม่ได้เท่านั้น เขาก็หัวเราะลั่นถูกใจเสียมากมาย
“สงสัยพี่ต้องฟังน้าเน้กบ้างแล้ว เดี๋ยวจะตามแม่ลูกคู่นี้ไม่ทัน"
เมื่อเงียบไปทั้งคู่ มีเพียงเสียงย่ำเดินช้า ๆ เธอให้เขานำทางเพราะบนนี้คนตัวสูงเคยมาพักบ่อยเสียจนจะเป็นบ้านหลังที่สามที่สี่ของเขาแล้ว ลมเย็นพัดมาวูบหนึ่งแล้วจากไป ฝนขยับดึงปกเสื้อแจ็คเก็ตให้ปิดคอมิดชิดขึ้น
“ฝนใช้ชีวิตตามความฝันของแม่ พอจะเข้ามหาลัยแม่ก็ส่งฝนให้มาเรียนกรุงเทพ หาหอพักอะไรให้เสร็จสรรพ กำชับว่า อย่าตั้งใจเรียนจนลืมใช้ชีวิต” เธอเล่าถึงแม่ด้วยใบหน้ามีความสุข
1
“อืมม” เสียงตอบรับในลำคอบอกให้รู้ว่ากำลังฟัง
“ตากับยายเข้มงวดกับแม่มาก แม่อยากเข้ามาเรียนในเมือง อยากเลือกทางเดินชีวิตเอง อยากเป็นอิสระ แต่ก็ไม่เคยได้ทำ ต้องเรียนเพื่อเป็นครูตามที่ตาบอก แต่งงานก็ต้องแต่งกับคนที่ยายเห็นว่าเหมาะสม พ่อฝนก็ดันเป็นผู้ชายแบบตาอีก แม่ก็เลยเหมือนกับว่าชีวิตต้องอยู่ในกรอบตลอดเวลา”
“ฝนไม่ค่อยพูดถึงพ่อ” เสียงถามอ่อนโยน มือใหญ่เปลี่ยนจากกุมมือ มาโอบกระชับที่หัวไหล่คนตัวเล็ก
“พ่อกับแม่เลิกกัน พ่อเอาน้องชายไปอยู่ด้วย แม่ก็เลี้ยงฝนคนเดียว พ่อก็เหมือนตัดฝนไปเลย ยิ่งเห็นแม่เลี้ยงฝนแบบนี้ พ่อเค้าก็ไม่อยากพูดด้วย”
“ฝนคิดถึงพ่อมั้ย”
“เอาจริง ๆ นะพี่เปอร์ ฝนว่าถ้ามีพ่ออยู่ในบ้าน ชีวิตฝนคงไม่ได้เป็นแบบนี้ แล้วพ่อกับแม่ก็อาจจะทะเลาะกันจนฝนประสาท สองคนนี้ไม่ได้ทะเลาะกันด่าทอบ้านแตกอะไรนะ ทะเลาะกันแบบสงครามเย็น มันจะมีบรรยากาศมาคุลอยอ้อยอิ่งในบ้าน ขนาดนาน ๆ เจอกันที ฝนยังไม่ชอบเลย ถ้าต้องอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า บรื๋ออออ” ฝนทำเสียงสยดสยองปิดท้าย
“ฝนคงสนิทกับแม่มาก”
“มากค่ะ ฝนเล่าให้แม่ฟังทุกเรื่อง อืมมม ความจริงคือ แม่อยากให้ฝนเล่าให้ฟังทุกเรื่องมากกว่า เวลาฝนเล่าเรื่องทำกิจกรรมสนุกสนานกับเพื่อน ๆ เรื่องตลก ๆ หรือเวลามีใครมาจีบ เวลาฝนอกหัก เวลาฝนมีความรัก อะไรพวกนี้ แม่จะชอบฟัง อย่างที่บอก ว่าฝนได้ใช้ชีวิตแบบที่แม่ฝัน แม่บอกตลอด ทุกข์ให้เต็มที่ สุขให้เต็มที่ ร้องไห้ดัง ๆ หัวเราะดัง ๆ นะฝน”
“อกหักครั้งล่าสุด ทุกข์มากมั้ย”
ฝนพยักหน้าแทนคำตอบ สบตาสงสัย ด้วยคำถามเช่นกัน
“เค้าแย่กับฝนขนาดนั้น?" คนตัวสูงถามเสียงเรียบ ๆ
“เค้าดีกับฝนมากต่างหากล่ะค่ะ เราไม่ทุกข์มากกับคนที่ทำแย่กับเรานักหรอกค่ะพี่เปอร์” ฝนส่ายหัวเมื่อนึกถึงอดีต
“ดีมากแค่ไหน” เสียงเริ่มเจือปนอารมณ์
ฝนอดขำขึ้นมาอีกไม่ได้ แต่เธอก็กลั้นไว้
“พี่เปอร์คะ ถ้าเราจะคุยเรื่องแฟนเก่ากัน ฝนไม่มีปัญหาเลย ฝนเล่าของฝน พี่เล่าของพี่ บางคนอาจจะคิดว่าคุยถึงแฟนเก่าไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลย เรื่องอดีตผ่านมาแล้ว แต่คนเราทุกคนเรียนรู้จากอดีตได้ทั้งนั้น ฝนเป็นฝนปัจจุบันได้ก็เพราะอดีต พี่เปอร์มามุ่งมั่นตั้งหน้าตั้งตาวิ่งก็เพราะแฟนเก่า” เธอหยุดหายใจ เขายังคงรอฟังประโยคต่อไป
“แต่ถ้าเราจะคุยถึงคนในอดีตกัน ความสัมพันธ์หรือความรู้สึกของเราสองคน ควรจะแข็งแรงมั่นคงก่อนนะคะ ไม่อย่างนั้นความรู้สึกมันจะสับสนวุ่นวายไปหมด ที่ฝนพูดเนี่ย เพราะฝนนึกถึงตัวเอง ฝนไม่เคยถามเรื่องแฟนเก่าของพี่เปอร์ซักนิด เพราะฝนรู้ว่าฝนต้องอดเอามาเปรียบเทียบไม่ได้ แล้วฝนก็จะเอาอดีตมาตัดสินปัจจุบันมั่วไปหมด ฝนอยากค่อย ๆ สร้างสิ่งใหม่ร่วมกันกับพี่ให้มันแข็งแรงก่อน แล้วหลังจากนั้น ค่อยมานั่งเปิดอัลบั้มดูรูปถ่ายเก่า ๆ นั่งคุยถึงอดีตไม่ว่าจะหวานจะขม ถึงตอนนั้นเราก็จะหัวเราะให้กับมัน ไม่ดึงเข้ามาดราม่า …. พี่เปอร์เข้าใจมั้ยคะ เฮ้อออ ฝนพูดยาวอีกแล้ว"
1
เสียงถอนหายใจปนหัวเราะน้อย ๆ ทำให้หัวใจของคนตัวสูงอิ่มเอมอบอุ่น
“พี่อยากพูดอธิบายได้ยาว ๆ แบบฝนบ้าง แต่ทำได้แค่นี้” ว่าแล้วก็ดึงร่างคนตัวเล็ก หลบเข้ามาหลังต้นไม้ใหญ่ ข้างแนวป่า เปิดชายเสื้อแจ็คเก็ตออก แล้วห่อตัวเธอไว้ด้วยเสื้อตัวใหญ่ใกล้อก ทุกอย่างนิ่งเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงยอดไม้ไหว หรีดหริ่งเรไร และหัวใจของคนสองคนที่คล้ายว่าจะเต้นจังหวะเดียวกัน
ฝนโอบกอดตอบเขาด้วยแขนทั้งสองข้าง หูแนบอยู่ที่อกกว้าง ได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะคงที่ อยากจะบอกว่าวิธีของเขาก็ชัดเจนไม่แพ้คำพูดยาว ๆ ของเธอ ทั้งอารมณ์หึงหวงเง้างอนก่อนหน้าก็แสดงออกให้รู้ว่าเธอสำคัญมีค่ามีความหมาย ฝนจึงบรรจงจูบลงไปที่หน้าอกเขาเนิ่นนาน จนรู้สึกถึงเสียงเต้นของหัวใจที่แรงและถี่ขึ้น
เธอเงยหน้า ก็เห็นเขามองมาอยู่ก่อนแล้ว มีทั้งความโหยหาผสมปนเปไปด้วยอารมณ์แห่งรัก เขาค่อย ๆ ประคองใบหน้าของเธอ แล้วก้มลงมาชิด จมูกคลอเคลียกับจมูก แล้วค่อย ๆ บรรจงจูบไปที่เปลือกตาทั้งสองข้าง ไล่ลงมาที่แก้มซ้ายและขวาอย่างทะนุถนอม ปิดท้ายด้วยจูบแสนอ่อนหวาน ส่งเธอให้ลอยล่องขึ้นไปไกลแสนไกล แล้วดึงเธอกลับลงมาด้วยจูบที่เร่าร้อนรุกเร้าในตอนท้าย เต็มไปด้วยความปรารถนาร้อนแรงจนตัวสั่นสะท้านไปทั้งคู่
“พี่เปอร์” ฝนครางเสียงสั่น เมื่อเขาจบการบรรเลงเพลงจูบที่ยาวนาน “ทำไมจูบเก่งแบบนี้ ฝนใจจะขาด” บ่นเสียงอู้อี้ก่อนจะซบหน้าลงกับแผงอกกว้างพร้อมถอนหายใจยาว ราวกับเพิ่งวิ่งมาไกล
1
โค้ชเปอร์กอดกระชับเธอแน่นรู้สึกถึงหัวไหล่ที่สั่นสะท้านน้อย ๆ ในอ้อมกอด
“เต็นท์ใครดี ฝนหรือพี่” ถามขึ้นด้วยเสียงเบา
2
ฝนหัวเราะขำกิ๊กขึ้นมาอีกครั้ง
"หัวเราะพี่อีกแล้ว” เสียงตัดพ้อพึมพำ
“ก็พี่เปอร์น่ะ พูดน้อยต่อยหนัก ต่อยเข้าเป้าตลอด แบบนี้ไม่ต้องไปหึงใครให้เสียเวลานะคะ ฝนหลงพี่จะแย่อยู่แล้ว” เธอพูดกับแผงอกกว้าง แทนที่จะเงยหน้าพูดแล้วสบตาเพราะเกรงจะอดใจไม่ได้พากันล่องลอยเตลิดไปไกลอีก
1
“หืมมม พูดอะไรได้ยินไม่ชัด”
“แน๊ ได้ยินแน่ ๆ อย่ามาแกล้งฝน” เขาเชยคางเธอขึ้น บังคับให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาเข้มคู่นั้น แล้วเธอก็ถูกดูดเข้าไปในดวงตาสีดำนั้นจนได้ ว่ายวนอยู่ในทุกกระแสความรู้สึกที่เขาบอกผ่านสายตา มันโอบกอดเธอเป็นสายร้อยรัดนุ่มนวล โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำใด
“ฝนเข้าใจแล้ว” เธอตอบเสียงเบาแผ่ว “พี่จะบอกว่าพี่ก็คิดไม่ต่างจากฝนใช่มั้ยคะ”
“ไม่ใช่” เจ้าของตาเข้มคู่นั้นตอบ แล้วก็ก้มหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว จูบเธอแบบไม่ทันตั้งตัว เธอพยายามจะถอดรหัสความหมายของจูบนั้น แต่หัวจิตหัวใจเหมือนจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาจูบเหมือนจะดึงความหวานออกไปจนหมดตัวเธอ ฝนรู้สึกร้อนวูบวาบตั้งแต่ปลายเท้าไล่ไปจรดศีรษะ ตัวสั่นสะท้านแต่เขาก็ยังไม่หยุด แขนขาหมดเรี่ยวแรง เธอคล้ายจะตกลงไปในหลุมดำลึกที่ไม่มีปลายทาง ใจหวิวจนต้องกอดเขาแน่น
“โอเคพี่เปอร์ ฝนเข้าใจแล้วพี่อยากไปที่เต็นท์” ฝนเสียงแผ่วอ่อนล้าคล้ายเพิ่งกลับจากรอนแรมทางไกล
1
เขาเชยคางเธอขึ้นอีกครั้ง ส่ายหน้าแทนคำตอบ ก้มหน้าลงมาอีกครั้งใกล้จะสัมผัสปากเธอ ฝนยกมือขึ้นขวางกั้นทันที
“โอ๊ย พอก่อนค่ะ” ฝนระล่ำระลัก “ขอฝนนึกแป๊บนึง แหม! ทำเหมือนเล่นเกมทายคำตอบจากสายตาไปได้ค่ะ” เธอก้มหน้างุดหลีกหนีการรุกล้ำจากคนตัวสูง กดแก้มตัวเองแน่นเข้าที่หน้าอก เขาลูบหัวเธอแผ่วเบาอ่อนโยนจนหัวใจของเธอหลอมละลาย พลันได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะปกติค่อย ๆ เต้นดังระรัวขึ้นเหมือนมันจะระเบิดออกมา
“พี่รักฝน” เสียงอ้อนอ่อนหวาน
ฝนชาวูบไปทั้งตัว หัวใจวิบหวิว แล้วสักพักก็เต้นโครมครามไม่แพ้คนพูด ใช่ว่าในชีวิตจะไม่เคยถูกบอกรัก แต่ทำไมครั้งนี้เธอถึงรู้สึกเหมือนได้ยินคำประหลาดมหัศจรรย์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ตื้นตันจนอยากจะร้องไห้ รู้สึกเหมือนทุกอย่างในโลกนิ่งสนิทตัวตนของเขาและเธอก็หายไป สัมผัสได้แต่เสียงหัวใจสองดวงเต้นประสานกันเป็นจังหวะ
เขากอดเธอแน่นขึ้นไปอีกเหมือนจะหลอมรวมเป็นร่างเดียวกัน ก้มลงมาเอาแก้มแนบกับผมของเธอ เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา
“ได้มั้ย”
ฝนเงยหน้าขึ้นจ้องเข้าไปที่ดวงตาสีเข้ม แล้วหยดน้ำใส ๆ ที่คลอคลองอยู่นานแล้วก็ไหลลงมาเป็นสาย เธอพยักหน้ารัว ๆ
“ร้องไห้นี่ดีใจ?” เขายิ้มหยอกล้อ
ฝนพยักหน้าไม่หยุด พยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล
“พี่รู้สึกเหมือนรอคอยฝนมาทั้งชีวิต เราเจอกันในตอนที่พี่ไม่ได้วิ่งหาความรัก ตอนที่พี่ไม่ได้กำลังอกหัก เราเจอกันตอนที่พี่และฝนสมบูรณ์พร้อมทั้งอารมณ์และจิตใจ ทุกอย่างมันถูกที่ถูกเวลาไปหมด เหมือนเรารอที่จะเจอกันและกัน พอได้พบกันเท่านั้นไม่ต้องมีใครบอกเราก็รู้ทันทีว่า ใช่ นี่แหละคนนี้ที่รอคอย” เสียงอ่อนโยนและคำอธิบายที่นาน ๆ ครั้งเขาจะพูด มันตรงใจเธอที่สุด
1
ฝนตื้นตันเต็มหัวใจ ใช่แล้ว ทุกอย่างมันถูกที่ถูกเวลาไปหมด ความรักที่มาในตอนสมบูรณ์พร้อม มันอิ่มเอมและมีความหมายมากมายแบบนี้นี่เอง
“อยากเอาผ้าเจ็ดสีมาผูกต้นไม้ต้นนี้ไว้จัง” เธอหัวเราะเบา ๆ
“หืมมม” โค้ชหนุ่มเลิกคิ้วถาม
“ฝนกลัวพรุ่งนี้จะจำไม่ได้ว่าต้นไหนกันนะที่พี่เปอร์บอกรักฝน”
“อย่าไปสนใจต้นไม้เลย หัวใจพี่บอกรักฝนตลอดนั่นแหละ” ฝนเกือบหลุดหัวเราะขำออกมาอีกแล้ว คนอะไรบทจะหวานก็หวานเสียเกินไปมาก สายตาเธอเลยวิบวับระยิบระยับเพราะกลั้นหัวเราะไม่ให้หลุดออกไป แต่มีเหรอที่เขาจะอ่านสายตาเธอไม่ออก ก็ฝึกวิชาส่งข้อความทางสายตากันมาตั้งแต่วันแรกพบจนวันนี้ นึกอยากทำโทษให้อ่อนระทวยอีกสักรอบ
ฝนรู้ทันทีเมื่อเขาก้มหน้าลงมา เธอยกมือขึ้นมาปิดป้องไว้ทันควันเช่นเคย
“ไปรวมกลุ่มกับทุกคนเถอะค่ะ หายมาสองคนนานแล้ว”
“โธ่ นึกว่าชวนไปเต็นท์” เสียงเข้มตัดพ้อแกมหยอก
1
สองคนมองหน้าด้วยแววตาแห่งความสุขล้นครู่หนึ่ง แล้วก็เผลอหลุดหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
“หน้าหมองไปเลยนะคะคุณเจ๋ง” ดรีมทักยิ้ม ๆ เธอเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ กำลังจะเดินกลับไปยังร้านอาหาร ก็ปะเหมาะได้เห็นการสนทนาในช่วงท้ายของชายสองหญิงหนึ่งนี่พอดี ไม่ต้องมีใครอธิบายอะไรก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทันที
“ผมงงไปหมดแล้ว” เจ๋งสะบัดหัวแรง ๆ เพื่อเรียกสติคืน “เค้าสองคนไปคบกันตอนไหนเนี่ย”
ดรีมยกแขนแบมือพร้อมยักไหล่ “ดรีมก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
“อยากระบายมั้ยคะ” เมื่อเห็นเจตนิพัทธ์ยังคงยืนนิ่งเหม่อเลย เหมือนกับว่าเจอเรื่องที่กระทบจิตใจกะทันหัน
“เอ่อ ผม … เริ่มต้นไม่ถูกเหมือนกัน” เขาพยายามนึกเรียบเรียง
“เริ่มจากเรื่องคุณเจ๋งกับคุณฝนก่อนมั้ยคะ” ดรีมยื่นมือมาช่วย
เขามองหน้าสวยเก๋ที่ไร้เครื่องสำอาง แววตาจริงใจที่มองตอบกลับมา นึกย้อนไปถึงเมื่อบ่ายที่เธอไว้ใจเล่าเรื่องส่วนตัวแบบไม่ปิดบัง
“เมื่อสองปีก่อน ผมกับเรนนี่เคยคบกัน แล้วผมก็ทำผิดกับเธอ” เขาค่อย ๆ เล่าช้า ๆ
“ทำให้เธอเลิกกับผมไปเมื่อปีที่แล้ว ผมรู้ว่าเธอโกรธมาก ผมก็พยายามจะเคลียร์เรื่องต่าง ๆ ให้เรียบร้อย พอเธอยอมมาทำงานนี้ร่วมกันกับผม ก็คิดว่าคงหายโกรธแล้ว” ถอนหายใจยาว
“ก็ดูเหมือนว่าคุณฝนจะหายโกรธจริง ๆ นะคะ” ดรีมพูดยิ้ม ๆ
“ใช่ครับ ก็เล่นมีแฟนใหม่แล้วนี่นะ” น้ำเสียงเข้มแกมประชดประชัน
“คุณเจ๋งยังรัก ยังเสียดายเหรอคะ” เขาเหม่อมองไปข้างหน้านิ่งนานเมื่อได้ยินคำถามนั้น
“บอกไม่ถูกเหมือนกันครับ แต่มันผิดหวังแน่ ๆ ใจมันหล่นไปที่ตาตุ่มเลยตอนที่โค้ชนั่นเดินจูงมือกันไปน่ะ” เจ๋งถอนหายใจหนัก ๆ
“ตอนที่กลับมาทำงานด้วยกันอีกครั้ง มันดึงความรู้สึกดี ๆ เก่า ๆ มาน่ะครับ แบบนี้เรียกว่ายังรักมั้ย” เขาหันมาย้อนถามเอากับคนหน้าเก๋ ที่ตอนนี้ส่งแววตาระคนเห็นใจมาให้ไม่ขาดสาย
“ช่างมันเถอะค่ะ เอายังไงต่อดีคะแบบนี้” เธอตัดเข้าประเด็นสำคัญทันที ใช่! เอายังไงต่อดี ในเมื่อเธอมีแฟนใหม่ไปแล้ว
“ผมจะสู้ยังไงดีล่ะครับทีนี้” เสียงระโหย
“มีทางเดียวเท่านั้นแหละค่ะกรณีแบบนี้”
“ทางไหนครับ” เสียงมีความหวังเหมือนได้แรงเชียร์
“คนอกหัก ทางสู้ที่ดีที่สุดก็คือ ใช้ชีวิตให้ดีที่สุดไงคะ ทำให้มันดีกว่าที่เคย ๆ มา” ดรีมตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เจ๋งไหล่ตกเมื่อได้ยิน “อ๋อ เพื่อที่จะได้ให้เค้าเสียดาย อย่างนี้ใช่มั้ยครับ” น้ำเสียงหมดหวังอีกครั้ง
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ใช้ชีวิตให้ดีที่สุด เพื่อที่จะให้ตัวเองได้กลับมารักมานับถือตัวเองอีกครั้งไงคะ คนผิดหวังส่วนใหญ่ถ้าไม่โทษอีกฝ่ายก็โทษตัวเอง มองจ้องเอาแต่ความผิดความไม่ดีของตัวเอง จะรู้สึกดีขึ้นมาหรือกลับเป็นปกติอีกครั้งได้ก็มีทางเดียวนี่แหละค่ะ ใช้ชีวิตให้ดีจนเห็นตัวเองมีค่าอีกครั้งค่ะ" คนพูดมองเลยไปไกล นึกถึงสภาพของตนเองในอดีต
1
เจ๋งเงยหน้ามองหญิงสาวตรงหน้า เขาไม่เคยได้ยินคำปลอบแบบนี้มาก่อน แต่แววตาที่ส่งมาอย่างจริงใจและไม่ได้ล้อเล่น ทำให้เค้ารู้สึกมีกำลังใจจากประโยคง่าย ๆ ที่ทำยากเช่นนี้
“ถ้าอยากได้วิธีการ ดรีมช่วยได้นะคะ ดรีมเคยผ่านมาก่อน” เธอระบายยิ้มเต็มหน้า เป็นยิ้มที่ปลอบประโลมในยามนี้ได้ดีที่สุด
“อย่าบอกนะครับว่าชวนให้ผมออกวิ่ง” เขายิ้มตอบขอบคุณในที
“แน่นอนค่ะ จะมีอะไรดีไปกว่านี้ล่ะคะ” เธอตอบกลั้วหัวเราะ
ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยแววตาเห็นใจซึ่งกันและกัน เขารู้ว่าเธอผ่านเรื่องราวหนักหนามามากในชีวิต ส่วนเธอก็เข้าใจในสิ่งที่เขาสูญเสียไปในวันนี้ พยักหน้าให้กันแล้วเดินเคียงคู่กลับไปรวมกลุ่มกับสมาชิกคนอื่น ๆ
❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา