4 เม.ย. 2021 เวลา 21:59 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยาย 20 ตอน เรื่อง
"See you at the finish line - พบกันที่เส้นชัย"
ตอนที่ 15 - เราจะไปไกลแค่ไหน
ณ ลานหินยื่นออกไปจากแนวเขา จุดที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกในยามพระอาทิตย์ตก แต่ยามสายของวันนี้ ชายหนุ่มนักกีฬาขายาว กับหญิงสาวหุ่นสูงไม่แพ้กัน ยืนหันหลังเคียงคู่ มือเกาะกุม แต่ต่างคนมองไปคนละทาง ผู้ที่เฝ้ายืนดูอยู่ข้างหลังจะเห็นท่าทางทะมัดทะแมง และใบหน้าด้านข้างที่ดูเอาจริงเอาจังของทั้งคู่ ช่างภาพและผู้กำกับวนเวียนอยู่ไม่ไกล
“พี่เจ๋งนี่เยอะนะวันนี้ ไม่เห็นต้องให้จับมือกันเลย” คุณหวีเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลีลาของผู้กำกับภาพ
“ตามสบาย มากกว่านี้ยังไหว” ฝนพูดยิ้ม ๆ แต่คุณหวีตาโตเลิกคิ้วสูง
“เอาอะไรมามั่นใจขนาดนี้ แสดงว่าเผด็จศึกเรียบร้อย เข้าหอลงโรงเมื่อคืน?” คุณหวีส่งเสียงเย้าหยอก พลางใช้สองมือประกบกันปัดไปมา ฝนหัวเราะกิ๊กตีเผียะเข้าที่ต้นแขน
“ยังย่ะ!! อุปกรณ์ไม่พร้อม” ฝนยิ้มตาระยับเมื่อนึกย้อนไปถึงเมื่อคืน
1
ตอนที่เสียงจ้อกแจ้กของทุกเต็นท์ค่อย ๆ เงียบลง เธอก็ได้ยินเสียงรูดซิปประตูเต็นท์เบา ๆ แล้วคนตัวสูงก็หอบถุงนอน และแผ่นรองนอนย่องเข้ามา ฝนเตรียมเผื่อที่ให้เขาอยู่แล้ว ก็กุลีกุจอลุกขึ้นมารับแผ่นรองนอนไปปูชิดติดกับของเธอ เขารูดซิปถุงนอนแผ่ออกกว้างปูทับไปบนแผ่นรองนอน แล้วหยิบถุงนอนของเธอทำอย่างเดียวกันแต่ไม่ได้ปูทับ ฝนเห็นก็เข้าใจทันทีว่าจะใช้ห่มแทน
“ห่มแบบนี้จะหนาวนะคะพี่เปอร์” เธอกระซิบเสียงเบา เกรงเสียงจะเล็ดลอดออกไปให้เต็นท์ข้าง ๆ จะได้ยิน
เขาไม่ตอบแต่รูดซิปแจ็คเก็ตตัวใหญ่ถอดออกและวางไว้ที่มุมหนึ่งของเต็นท์ ล้มตัวลงนอนและดึงตัวเธอลงไปเคียงกัน มือนึงประคองกอดเธอ ส่วนอีกมือนึงสะบัดถุงนอนห่มคลุม ไออุ่นจากร่างกายของทั้งสองร่างขับไล่ความหนาวเย็นยามค่ำคืนบนภูสูงได้เป็นอย่างดี
“ในที่สุดก็ได้นอนกอดฝนซักที” เขากระซิบข้างหู เธอตัวสั่นเมื่อหูสัมผัสไอร้อนจากปากเขา จึงเกี่ยวกระหวัดกอดรัดร่างเขาไว้
“คะ?”
“ตอนอยู่ขุนตาลพี่ฝันทุกคืนว่านอนกอดฝน” เสียงกระซิบอ่อนหวานข้างหูทำให้เธออบอุ่นใจ แต่ไอร้อนที่รู้สึกได้ยามเขากระซิบก็ทำให้เธอวูบวาบหวั่นไหว เผลอลูบไล้แผ่นหลังกว้าง
“นอนกอดอย่างเดียวใช่มั้ยคะ” เธอกระซิบเสียงยั่วเย้า เขาสั่นหัวในความมืด
“ไม่ … แบบนี้ด้วย” เขาจู่โจมจูบเธอไม่ให้ทันตั้งตัวอีกแล้ว คราวนี้จุดประสงค์ชัดเจนคือต้องการปลุกไฟรักให้ลุกโชนเร่าร้อน จูบที่หนักหน่วงรุนแรง ดึงเธอให้ตกลงสู่ห้วงเหวลึกอีกครั้ง เธอคล้ายจะขาดใจตัวสั่นเหมือนจะเป็นไข้ มือที่ร้อนผ่าวของเขารุกล้ำเข้ามายังแผ่นหลังภายใต้เสื้อยืดตัวบาง กดแน่นให้เธอแนบเข้าชิด เธอรู้สึกถึงร่างกายที่ร้อนเหมือนไฟของเขาเช่นกัน
“พี่เปอร์” เธอครางแผ่วเบาเมื่อจบเพลงจูบชุดแรก “เราจะไปไกลกันแค่ไหนคะ”
เขาถอนมือออกจากใต้เสื้อของเธอ ตาสบกันหวานเชื่อมในความมืด ยกแขนขึ้นเท้าศีรษะ มือข้างนึงจับปอยผมเธอขึ้นทัดหู แล้วลูบเบา ๆ สัมผัสอ่อนโยนทำเธอวิบไหว ยื่นหน้าจูบเบา ๆ ที่คางสาก
“ฝนว่าไง”
“พี่เปอร์เตรียมอุปกรณ์ป้องกันมามั้ย” เขายิ้มส่ายหัวน้อย ๆ รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร
“งั้นเราไม่ต้องไปถึงขั้น D นะคะ"
“หืมม แล้ว A B C คืออะไร” เขาเลิกคิ้วยิ้มถาม กดจมูกคลอเคลียที่แก้มนุ่ม
“อธิบายแบบเด็ก ๆ นะคะ A ก็จับมือกัน กอดกัน B ก็จูบกัน ส่วน C ก็…” เธอยังไม่ทันจบประโยคเขาก็กระซิบแทรกขึ้น
“แบบนี้ใช่มั้ย” เขาเลื่อนมือร้อนผ่าวเข้ามาใต้เสื้อเธออีกครั้งจนเธอสะดุ้ง พร้อมจูบเธอด้วยปากที่ร้อนเร่าไม่แพ้กัน ฝนหลับตาพริ้มปล่อยใจไปกับสัมผัสที่กำลังเผาไหม้เธอให้เป็นจุล มือใหญ่กดลากตามแผ่นหลังเธอแล้วค่อย ๆ เคลื่อนมาด้านหน้า ฝนเกร็งหน้าท้องอัตโนมัติ ตัวสั่นสะท้านจิตใจกระเจิดกระเจิง
“ฝน!!!” เสียงเรียกข้าง ๆ ทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์
“เอ๊า ปล่อยให้พูดอยู่คนเดียว เป็นอะไร๊!?” คุณหวีถามเสียงเขียว แต่เมื่อมองเห็นดวงตาระยิบพราวของเพื่อนรักก็แอบหยิกเบา ๆ
“คิดเรื่องอิโรติกอยู่ใช่มั้ยยะหล่อน” เสียงประชดประชันของเพื่อนทำให้ฝนหัวเราะออกมา พยักหน้าเปื้อนยิ้ม ตาเป็นประกาย
“ดีมั้ยแก” คุณหวีกระซิบถามคิกคัก
“มากกกกก” ฝนลากเสียงยาว ยิ้มโลกสดใสสีชมพู
“แหม ถึงว่าพี่เจ๋งจะจัดท่าเวอร์ยังไง แก็ยังไหว” คุณหวีพยักหน้าเข้าใจสถานการณ์
“ไม่ใช่เรื่องนั้นสิแก” ฝนเปิดกระเป๋าผ้ายื่นให้เพื่อนดู “แกดูนี่”
“อะไรในกระเป๋าแก” เพื่อนสาวเลิกคิ้วถาม
“หัวใจพี่เปอร์ไงแก อยู่ในกระเป๋านี่แล้ว เพราะงั้นเชิญพี่เจ๋งจัดท่าตามสบาย” ฝนแกล้งหัวเราะเสียงใหญ่เหมือนกำชัยชนะอยู่ในมือ
“ถ้าเจนอยู่มันต้องพูดว่า โอ๊ย อีฝนอีน้ำเน่า” สองสาวมองหน้าแล้วก็หัวเราะให้กันเมื่อนึกถึงเพื่อนอีกคน
“อีกกี่สิบรอบก็ได้ครับ” โค้ชหนุ่มพูดพลางยิ้มที่มุมปาก แล้ววิ่งเหยาะ ๆ กลับไปยังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง กอล์ฟหันมามองเขาเพื่อรอคอยคำตอบว่าได้สิ่งที่ต้องการรึยัง เจตนิพัทธ์ขบกรามกรอด
เส้นทางเดินที่มีป่าสนสูงเรียงรายสองข้างทาง เป็นทำเลที่จะจับภาพวิ่งทั้งเดี่ยวและคู่ของสองพรีเซนเตอร์ แต่นี่ก็ผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่เจตนิพัทธ์ขอให้ โค้ชเปอร์วิ่งกลับไปกลับมา โดยให้เหตุผลว่าอยากได้ภาพหลาย ๆ มุมบ้าง อยากได้หน้าเข้ม ๆ บ้าง หน้าสบาย ๆ บ้าง สรรหาจะมีเหตุผลให้โค้ชตัวสูงวิ่งไปวิ่งกลับอยู่เป็นสิบรอบ
“ถึงคิวดรีมได้แล้วมั้งคะคุณเจ๋ง” หญิงสาวเดินเข้ามาพูดยิ้ม ๆ แต่ดวงตาสื่อนัยที่รู้กันสองคน
“ผมหมั่นไส้” เจ๋งพูดเสียงลอดไรฟัน
“ไปหมั่นไส้อะไรเค้าคะ เนี่ยตั้งแต่เช้าดรีมยังไม่เห็นเค้าเข้าใกล้หรือพูดจี๋จ๋าอะไรกันเลยสองคนนั่น” พูดพลางพยักหน้าไปทางฝนที่อยู่ห่างออกไปอีกทาง กำลังยืนจับกลุ่มกับสมาชิกอื่น ๆ ทำกิจกรรมส่งเสียงหัวเราะสนุกสนาน
เจตนิพัทธ์ถอนหายใจยาว พยักหน้าให้กับกอล์ฟช่างภาพเป็นสัญญาณว่าพอแล้วสำหรับรูปฝ่ายชาย โค้ชเปอร์โค้งคำนับเชิงล้อเลียนมาให้ แล้ววิ่งไปรวมกลุ่มกับสมาชิกนักวิ่ง
“ส่งสายตากันทั้งวันล่ะไม่ว่า ผมเห็นนะ แบบนี้ไม่มืออาชีพเลย" เสียงเพิ่มความหงุดหงิดเมื่อเห็นท่าโค้งคำนับไกล ๆ นั้น ทำให้ดรีมหัวเราะส่ายหัว
“ใครเหรอคะไม่มืออาชีพ”
“หมอนี่มีดีกว่าผมตรงไหน” เจ๋งไม่ตอบ เพราะรู้อยู่แก่ใจ จึงตั้งคำถามเสียงสะบัด
“ถ้าในแง่นักวิ่ง ก็มีดีกว่าคุณเจ๋งทุกประการนั่นแหละค่ะ” ดรีมตอบเสียงจริงจัง แต่ก็ยิ้มปลอบใจ
“โธ่ คุณดรีม ไม่เหลือความหวังอะไรให้ผมเลยเหรอ” เจ๋งถอนหายใจยาว
“คุณเจ๋งต้องมาเริ่มวิ่งแล้วค่ะ จะได้มีน้ำใจนักกีฬา ตอนนี้คุณเจ๋งสู้โค้ชเปอร์เค้าไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเค้ามีดีกว่าค่ะ แต่เพราะคุณฝนเลือกแล้ว เข้าใจนะคะ แล้วที่ให้เค้าวิ่งไปวิ่งมาเพราะหมั่นไส้อยากให้เค้าเหนื่อยน่ะ ไม่มีประโยชน์เลยค่ะ โค้ชเปอร์วิ่งสถิติที่ไกลที่สุดคือสองร้อยยี่สิบกิโลเมตรในเวลาสองวันนะคะ ที่เค้ายอมวิ่งให้คุณเจ๋งทั้ง ๆ ที่รู้ว่าโดนแกล้งนั่นน่ะเรียกว่าน้ำใจนักกีฬาที่ผู้ชนะยอมทำให้ผู้แพ้ค่ะ มาค่ะ ทำงานกันต่อ”
1
ดรีมร่ายยาวเรียกสติเจ๋งให้โฟกัสการทำงาน เธอเห็นใจเขา แต่คิดว่ายาแรงเท่านั้นถึงจะช่วยให้เขาหายจากมันได้เร็วขึ้น เจ็บหน่อยแต่หายเร็ว เธอพยักหน้าไปทางกอล์ฟ แล้ววิ่งไปยังจุดเริ่มต้น
เจ๋งถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อยของวันนี้ ครุ่นคิดหาทางที่จะเอาชนะโค้ชหนุ่มคนนั้นให้ได้ แม้ความปรารถนาดีของดรีมที่พยายามอธิบายสถานการณ์เป็นรองของเขาก็ไม่อาจจะทำให้เขาเย็นลง
ใช่! ในเมื่อพูดถึงแง่นักวิ่งเขาจะไปสู้ได้ยังไง ต้องส่งนักวิ่งด้วยกันมาแข่งแทนสิ ทำยังไงถึงจะให้ไอ้โค้ชนี่่ดูเสียเครดิตได้บ้าง ใครกันนะจะมาเป็นตัวแทนเขาสู้กับโค้ชเปอร์ นาทีนี้มีชื่อเดียวที่โผล่ขึ้นมา
โค้ชเด่น!!
ในวงการเทรนนิ่ง โค้ชนักวิ่งที่อยู่ระดับต้น ๆ มีอยู่เพียงไม่กี่คน แต่โค้ชที่เป็นนักกีฬาล่ารางวัลด้วย และฟาดฟันกันมาเกือบทุกสนามก็มีแค่สองคนนี้เท่านั้นโค้ชเด่น กับโค้ชเปอร์ วันที่ทีมงานเลือกกัปตันทีม ถ้าไม่ติดว่าโค้ชเด่นเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับรองเท้ายี่ห้อหนึ่งอยู่แล้ว มีเหรอไอ้โค้ชหน้าเหม็นนี่จะได้มาเสนอหน้าเป็นพรีเซนเตอร์หลัก
ในสมองครุ่นคิดวางแผนซับซ้อนวุ่นวาย จนในที่สุดรอยยิ้มสะใจก็ผุดขึ้นที่มุมปาก
หลังจากที่โค้ชส้มแจกรางวัล และกล่าวปิดงานมีตติ้งเล็ก ๆ บนภูเรียบร้อย ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย เจ๋งขอเชิญพรีเซนเตอร์หลัก และคณะทีมงานประชุมกันต่อที่ร้านกาแฟสด
“เหลืออีกเดือนเดียว ก็จะถึงวันเปิดตัวใหญ่ ซึ่งวันนั้นจะมีการวิ่ง 5K ของทีมพรีเซนเตอร์ทุกคน ทางทีมอยากให้เป็นการวิ่งจริงจังไม่ใช่วิ่งโชว์ อยากให้งานมันมีเรื่องราวพูดต่อ อาจจะทำลายสถิติหรืออะไรไปเลย” เจตนิพัทธ์เริ่มต้นด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ
“เราอยากให้กัปตันของทั้งทีมหญิงทีมชายเป็นผู้ชนะด้วยใช่มั้ยคะพี่เจ๋ง” ขวัญหทัยหันไปย้ำความเห็นกับเจ๋ง เพราะเธอเพิ่งได้รับบรีฟก่อนประชุมเพียงห้านาทีก่อนหน้า
“ทำได้มั้ยครับ” เสียงสุภาพ แต่สายตาท้าทายส่งไปทางโค้ชหนุ่ม
“ผมไม่ใช่นักวิ่งสปริ๊นท์ ไม่แน่ใจว่าคุณเจ๋งทราบรึเปล่า วิ่งระยะสั้นผมทำเวลาสู้นักวิ่งสายนี้ไม่ได้หรอกครับ” โค้ชเปอร์อธิบายด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ในทีมพรีเซนเตอร์ชาย จะมีนักวิ่งหลากหลายสาขาทั้งสมัครเล่นและอาชีพ มีแค่สองคนเท่านั้นแหละครับที่เป็นนักกีฬาอาชีพจริงจัง ก็คือโค้ชเปอร์ กับโค้ชเด่น เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องกลัวครับ” เจ๋งเน้นคำว่า -กลัว- เป็นพิเศษเพื่อยั่วโมโห
“โค้ชเด่น?" น้ำเสียงสงสัยของโค้ชหน้าเข้ม ทำให้เจ๋งยิ้มมุมปาก
“ใช่ครับ ทราบมาว่าเป็นคู่แข่งกันอยู่เกือบทุกสนาม ในวันเปิดตัวน่าจะเป็น talk of the town ได้เลย ดีต่อการประชาสัมพันธ์ ติดตรงที่ว่าทางลูกค้าอยากให้กัปตันเป็นผู้คว้าชัยชนะเข้าเส้นคนแรก เพราะเป็นพรีเซนเตอร์ทั้งของร้านและรองเท้า ไอ้ผมก็ไม่ได้รับปาก ถึงต้องมาถามทางโค้ชเปอร์นี่แหละครับว่าทำได้มั้ย” ยิ้มพรายในหน้า และส่งสายตาที่ผู้ชายสองคนนี้เท่านั้นจะสื่อความนัยกันเข้าใจ
“ถ้ากับโค้ชเด่น ผมไม่มีปัญหา” โค้ชส่งสายตามั่นใจกลับไปให้
“ไม่ต้องให้ทีมเซ็ทฉากต่อเวลาให้ก่อนใช่มั้ยครับ” เสียงสุภาพ แต่สายตายียวน
“ไม่จำเป็นครับ” เสียงตอบเข้ม
“ทางนางฟ้าโพเดี้ยมก็คงไม่มีปัญหาเช่นกันใช่มั้ยครับ” หันมาทางดรีม ก็เห็นเธอจ้องมองมายิ้มอ่อน ๆ ส่ายหัวเบา ๆ เธอรู้ว่าเขาวางแผนทำการใด
“ฝนไม่เข้าใจ เรื่องที่พี่เจ๋งพูดวันนี้ไม่เห็นได้คุยกันมาก่อนเลย” ฝนพูดเสียงเบาเมื่อทั้งสองนอนเคียงกันอยู่ในเต็นท์
“จะให้วิ่งแข่งกันทำไม ไม่เห็นจะจำเป็น แค่วิ่งโชว์ตัวก็พอแล้ว" เธอทำเสียงจิ๊จ๊ะ เหมือนรู้สึกถึงความผิดปกติ เขานอนตะแคงศีรษะทับอยู่บนแขนข้างหนึ่ง อมยิ้มฟังเธอบ่นไปเรื่อย ๆ
“กลัวพี่แพ้?” เขาถามเสียงสบาย ๆ
“ก็พี่เปอร์เป็นนักวิ่งระยะไกล อยู่ดี ๆ จะให้มาวิ่งเร็ว ๆ ระยะสั้นได้ยังไง” เสียงบ่นกระปอดกระแปด
“แล้วดูเหมือนพี่เจ๋งจะพูดถึงโค้ชเด่นเป็นพิเศษ ดูแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้” เธอขมวดคิ้วครุ่นคิด
“แต่โค้ชเด่นก็เป็นสายวิ่งเทรลเหมือนกับโค้ชเปอร์ อืมม งั้นก็คงน่าจะแข่งกันได้ล่ะมั้งเนอะ” ฝนวิเคราะห์ พูดเองตอบเอง
“เฮ้อ … ทำไมต้องมีแข่งอะไรกันด้วยเนี่ย” ยังคงไม่หยุดบ่น
โค้ชเปอร์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ดึงคนตัวเล็กที่นอนตะแคงคิ้วขมวดบ่นงึมงำเข้ามากอดแนบอก ลูบผมอ่อนนุ่มเบามือ เธอกอดตอบเขาอัตโนมัติ
“ฝนรู้ใช่มั้ยว่าพี่เป็นนักกีฬา การแข่งขันก็คือชีวิตพี่” เขาพูดขณะที่เกยคางกับแก้มนุ่ม
“รู้ค่ะ แต่ถ้าพี่แพ้?"
“นักกีฬาอย่างพี่ ตลอดชีวิตรู้จักคำว่าแพ้มากกว่าชนะซะอีก”
“พี่เปอร์พูดแบบนี้ฝนใจเสียน้าาา” เธอลากเสียงยาวออดอ้อน
“ฝนยืนรอพี่ที่เส้นชัยก็แล้วกัน” เขาพูดอ่อนโยน แต่มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุข
“พี่เปอร์ คุยกันก่อน” ฝนร้องตัดพ้อ เมื่อเขาเริ่มซุกไซร้จมูกลงมาที่ซอกคอ ทำเอาเธอขนลุกซู่ทั้งตัว ส่วนมือก็เปะป่ายไปทั่ว
“คุยอะไรอีกคะ” เสียงเข้มทอดยาวอบอุ่นอ่อนหวาน ฝนตาโตเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินมาก่อน เธอหัวเราะกิ๊ก
“ว้ายตายแล้ว พี่เปอร์พูดแบบนี้ได้ด้วย โอ๊ย อยากอัดเสียงไว้จัง ผู้ชายพูดคะขาน่ารักดี แต่ผู้ชายสายโหดอย่างพี่พูดแล้วน่ารักขึ้นเป็นร้อยเท่าเลยค่ะ” ฝนจ้องหน้าเขาเหมือนเห็นมนุษย์ต่างดาวอยู่ตรงหน้า
เขาถือโอกาสจูบเธออ่อนหวานเชื้อเชิญ คล้ายจูงมือเธอเข้าไปเปิดฟลอร์เต้นรำ บรรเลงเพลงจูบช้า ๆ แผ่วเบา พากันลอยล่องเนิบนาบ คราวนี้เธอตอบสนองเขารวดเร็วด้วยการเลื่อนมือนุ่มละมุนเต็มไปด้วยไออุ่นเข้ามาใต้เสื้อยืด ลูบไล้หน้าอกเขาช้า ๆ เท่านี้เองบทเพลงอ่อนหวานก็เปลี่ยนท่วงทำนอง เขาส่งเสียงครางเบา ๆ ในลำคอ สัมผัสของเธอทำให้ตัวเขาแทบลุกเป็นไฟ จนเขาต้องรีบหยุดกอดเธอไว้แน่นแนบอก
“น่ารักขึ้นเป็นร้อยเท่า แล้วรักมั้ยคะ รักรึยัง” เขาถามออดอ้อน เพื่อเบี่ยงความสนใจของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางได้ผลถ้ายังกอดเกี่ยวกันอยู่แบบนี้
ฝนหลุดขำคิกคักออกมาอีกแล้ว “แบบนี้ใช่มั้ยคะที่คนโบราณเค้าเรียกว่าพลอดรักกัน”
“หืมมม โบราณ? พี่กับฝนก็ห่างกันแค่สิบปีเอง” คนเสียงเข้มเริ่มขาดความมั่นใจ
“ค่ะ สิบปีก็โบราณแล้วนะคะ พี่น่ะรุ่นที่ทันเพจเจอร์ แต่ของฝนนะเป็นรุ่นเฟสไทม์” เธอยังคงคิกคักในอกเขา
“คนรุ่นเฟสไทม์เค้าไม่พลอดรักกันรึไง”
“ก็ไม่หวานเท่าคนรุ่นโบราณหรอกค่ะ”
“แล้วชอบมั้ย”
“ชอบค่ะ” เธอตอบพร้อมจูบเบา ๆ ที่ปลายจมูก
“คนรุ่นเฟสไทม์เค้าพลอดรักกันยังไง”
“ก็ ไม่มีชั้นเชิงแบบคนโบราณหรอกค่ะ ทื่อ ๆ ตรง ๆ บางทีก็แชทกันแทนพูด”
“พี่ไม่มีชั้นเชิงหรอก ทำได้แค่แบบนี้” เขาพูดเสร็จก็เชยคางเธอขึ้นมาจะจูบอีกสักที ฝนรู้ทันยกมือขึ้นมาปิดปากเขาไว้
“รู้แล้วค่า รู้แล้ว ว่าทำได้แค่นี้ จูบเก่งที่หนึ่ง ยืนหนึ่งเรื่องจูบ” เธอกระซิบด้วยเสียงหยอกล้อ ตาระยิบระยับ
“เข้าใจผิดแล้ว เรื่องอื่นก็เก่ง” โค้ชเปอร์แกล้งทำเสียงคำรามเบา ๆ ฝนรู้สึกเย็นวาบที่หน้าอกก้มลงดูก็เห็นว่ากระดุมเสื้อทุกเม็ดหลุดออกทั้งหมดตอนไหนก็ไม่รู้ เธอร้องอุ๊ยออกมาเบา ๆ เงยหน้าจะต่อว่าคนมือไว ก็โดนขโมยจูบอย่างรวดเร็ว
ฝนแทบจะมอดไหม้ไปกับการโหมไฟรักของโค้ชเปอร์ มือใหญ่ร้อนผ่าวคลึงเคล้นสำรวจร่างกายเธอไปทั่ว ฝนเกร็งจิกเท้าจนคล้ายจะเป็นตะคริว จูบที่ร้อนแรงบอกความต้องการมากมาย ริมฝีปากบดเบียดกันจนเจ็บ เธอถอนปากออกมาเพื่อพักหายใจ แต่คนตัวสูงก็ยังไม่ยอมหยุด เขาเคลื่อนใบหน้าลงไปควานหาความหวานจากหน้าอกเธอ ฝนกัดปากตัวเองกลั้นเสียงร้องครางที่อาจหลุดรอดออกมา
โค้ชเปอร์รู้สึกถึงความสั่นสะท้านของคนในอ้อมกอด รู้ว่าในค่ำคืนนี้ทั้งเขาและเธอไม่สามารถพากันไปถึงอีกฝั่งของลำธารรัก และถ้าเขาไม่หยุดโหมไฟปรารถนานี้มันก็จะสร้างความทรมานต่อไปอีกมากให้ทั้งเธอและเขา
มือใหญ่ที่คลึงเคล้นร้อนรุ่ม เปลี่ยนจังหวะเป็นลูบไล้แผ่วเบา เขาพรมจูบไล่จากหน้าอกขึ้นมาถึงคอ แล้วจูบเธออ่อนหวานนุ่มนวล ค่อย ๆ กลัดกระดุมเสื้อทุกเม็ดกลับคืน ฝังจมูกไปที่แก้มนิ่มเนิบช้า สูดลมหายใจลึกเหมือนจะจำความหอมนี้ให้ขึ้นใจ
“นอนกอดกันเถอะนะ” โค้ชเปอร์รำพึงเบา ๆ กอดคนตัวเล็กที่ยังคงตัวสั่นน้อย ๆ
“คุยกันได้แล้วใช่มั้ยคะ” ฝนถอนหายใจถี่ ๆ บ่นเสียงอู้อี้ในอ้อมกอด
“ได้แล้วค่ะ” เสียงเข้มตอบเบาเหมือนใจล่องลอยไปแสนไกล
“พี่เปอร์มีตารางต้องทำอะไรบ้างก่อนที่จะขึ้นมางานเปิดตัวที่กรุงเทพคะ” ฝนเอ่ยถามเป็นงานเป็นการ
“มีซ้อมแน่นทั้งเดือน เพราะหลังงานเปิดตัวพี่มีแข่งวิ่งร้อยโล” เขาดึงสติกลับเข้ามาสู่คำถาม
“ก็แสดงว่าพี่จะอยู่ขุนตาลตลอด?"
“อืมม” เขาพยักหน้าในความมืด
“งั้นฝนไปหานะ”
“ฝนจะเบื่อมั้ย พี่ซ้อมทั้งวัน”
“พี่ไม่กินไม่นอนเหรอคะ” เธอทำเสียงล้อ
1
“ตอนซ้อมพี่ต้องนอนเยอะ ถ้าฝนไปกลัวจะไม่ได้นอน” เขาตอบยาวหยอกล้อเธอกลับ
“ก็นอนจับมือกันไงคะ” เธอหัวเราะคิกคัก
“จะเป็นแฟนกันตั้งแต่วันแรกน่ะสิ” เขาหัวเราะหึหึในลำคอ เมื่อนึกถึงคำว่าแฟนที่เข้าใจตรงกันว่าหมายถึงอะไร
“ไม่อยากเป็นแฟนเหรอคะ” เสียงออดอ้อนแกมยั่วเย้า
“ถามแบบนี้” โค้ชเปอร์ส่งเสียงฮึ่มฮ่ำในลำคอ แล้วฝังจมูกลงไปที่ซอกคอหอมกลิ่นกรุ่น
เธอดิ้นขลุกขลักหัวเราะคิกคักเบา ๆ อย่างมีความสุข กอดรัดเขาไว้แน่น เก็บเกี่ยวไออุ่น สูดกลิ่นของแผงหน้าอกกว้าง เพราะไม่รู้ว่าจากกันวันพรุ่งนี้อีกกี่วันกี่คืนจะได้อยู่ในอ้อมกอดกันอีกครั้ง
❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา