5 เม.ย. 2021 เวลา 21:35 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยาย 20 ตอน เรื่อง
"See you at the finish line - พบกันที่เส้นชัย"
ตอนที่ 16 - โค้ชเด่น
เจตนิพัทธ์ก้าวลงจากรถบีเอ็มคันงามด้วยชุดวิ่งที่ใหม่กริบไปทั้งตัว ร่างกายที่สมส่วนอย่างคนดูแลสุขภาพผสมกับหน้าตาที่นวลผ่องค่อนไปทางสำอาง ผมถูกเซ็ทจัดทรงอย่างดี ทำให้ดูเหมือนเขาจะมาถ่ายแบบชุดกีฬามากกว่าจะมาวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะแห่งนี้
“คุณเจ๋ง! มีความจำเป็นอะไรต้องแต่งตัวเนี้ยบขนาดนี้ค่ะ” ดรีมส่งเสียงทักสดใสแกมหยอก เธอมาถึงก่อนหน้าสักพัก กำลังยืดเหยียดและวอร์มร่างกายอยู่ท้ายรถตัวเอง เมื่อเห็นเขานำรถเข้าจอดและก้าวลงมา เธอจึงแสดงตัว
เจ๋งยักไหล่ทำนองว่า ช่วยไม่ได้ ไม่รู้จะแต่งตัวให้น้อยกว่านี้ได้อย่างไร
“มาถึงนานรึยังครับ” เขาเสถามไปเรื่องอื่น มองสำรวจก็เห็นว่าหญิงสาวนักวิ่งแม้จะใส่ชุดกีฬาเหมือนคนอื่นทั่วไป แต่ความน่ามองและดึงดูดก็ส่งประกายเจิดจ้า หุ่นสูงระหง กางเกงวิ่งขาสั้นส่งให้ขางามยิ่งยาวเพรียว เสื้อยืดตัวโคร่งโปร่งบางเฉียบมองเห็นเสื้อกีฬาท่อนบนด้านในสีสด ผมที่ถูกรวบตึงด้านหน้าไปรวมกับหางม้าด้านหลังทำให้ใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางดูสว่างสดใส
“สักครู่นี้เองค่ะ” เมื่อเห็นสายตาของเขาที่มองสำรวจทั่วตัวก็เอ่ยต่อ
“เป็นไงคะ ดรีมแต่งตัวเหมาะสมจะวิ่งคู่กันกับคุณเจ๋งรึเปล่า”
เขาหลุดขำปนถอนหายใจ
“โธ่ คุณดรีมอำผมเล่นอีกแล้ว ผมน่ะคัดเลือกชุดที่จะมาวิ่งให้เหมาะสมคู่ควรกับคุณต่างหาก”
“แหม ดรีมบอกแล้วว่าไม่สนใจเปลือก”
“ผมแต่งตัวให้เกียรติเผื่อคนอื่นมองมา จะได้ไม่คิดว่าคุณดรีมหนีบไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มาวิ่งด้วย”
“จะให้เกียรติดรีมไม่ต้องแต่งตัวมาเนี้ยบหรอกค่ะ วิ่งตามให้ทันก็พอ” เธอพูดระบายยิ้มทั่วหน้า
1
ดรีมนัดให้เขาออกมาพบกันในเช้าวันหยุดที่สวนสาธารณะแห่งนี้ เพราะอยากให้เขารู้จักโลกของการวิ่งที่เคยช่วยฉุดให้เธอกลับมามีชีวิตสดใส ชีวิตที่นับถือตัวเองได้อีกครั้ง
หลังจากที่กลับมาจากภูกระดึง เจตนิพัทธ์ก็เอื้อเฟื้อเธอด้วยความอาทรตลอด จัดรถรับส่งกรณีที่ต้องมีประชุม ถ่ายทำนอกสถานที่ หรือบางทีก็มารับส่งด้วยตัวเอง คอนเทนท์ต่าง ๆ ที่เธอต้องทำตามแผนโปรโมท เขาก็ติดต่อประสานด้วยตัวเองแทนที่จะให้คนอื่นในทีมทำ
เธอรู้ว่ามิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเขา เป็นเพราะต่างแชร์เรื่องราวส่วนตัวของกันและกันอย่างเปิดเผย เธอเองก็เฝ้ามองการกระทำของเขาอยู่ห่าง ๆ เห็นว่าเขายังคงไม่หยุดทำร้ายตัวเองด้วยการพยายามวางแผนกีดกันแฟนเก่าและคู่รักของเธอ
เมื่อวอร์มอัพกันเรียบร้อย ดรีมก็พยักหน้าแล้ววิ่งเหยาะ ๆ นำไปตามเส้นทางที่จัดไว้ในสวนสาธารณะ ที่แม้จะเป็นยามเช้าตรู่ของวันหยุดแต่ก็มีนักวิ่งและผู้คนมาออกกำลังกายกันมากมาย
นักวิ่งหลายคนส่งสายตาทักทาย ก้มหัวนิด ๆ ให้กับหญิงสาวเมื่อวิ่งผ่าน และส่งสายตาเป็นมิตรเลยมายังเขาด้วย
“เหมือนผมมาวิ่งกับดาราดัง” เขาเอ่ย
“เพื่อนนักวิ่งด้วยกันค่ะ เห็นกันประจำ ไม่รู้จักกัน ไม่เคยคุยกัน แต่ถ้าวิ่งผ่านกันบ่อย ๆ ก็เหมือนสนิทกันไปเอง”
ดรีมพาเขาวิ่งรอบสวนจนครบหนึ่งรอบในระยะทางกว่าสามกิโลเมตร ด้วยความเร็วสบาย ๆ ที่วิ่งไปคุยไปได้ เมื่อจะเริ่มรอบที่สองเธอพยักหน้าส่งสัญญาณให้เขาตามมา แล้ววิ่งสปีดเร็วขึ้นกว่าเดิม เขาถีบตัวควงขาให้เร็วขึ้นจนตามเธอทัน
เจ๋งรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น ลมหายใจเริ่มไม่สงบนิ่งเป็นสายเหมือนวิ่งรอบแรก อาการหายใจถี่หอบ เหงื่อผุดขึ้นทั่วหน้าอย่างรวดเร็ว แม้ขาจะควงไปได้เร็วตามที่ใจสั่ง แต่ลมหายใจกลับทรยศหักหลังโชว์ความเหนื่อยออกมาอย่างเต็มที่ หันไปมองหญิงสาวที่วิ่งเคียงข้าง เธอหันมาสบตายิ้มสดใส หายใจปกติ ทำให้เขากัดฟันวิ่งต่อไปจนหมดรอบที่สอง
“วันนี้พอแค่นี้มั้ยคะ” เธอเอ่ยถามน้ำเสียงปกติ ในขณะที่เขายืนทรงตัวไม่อยู่ต้องทรุดนั่งลงข้างทาง เธอเดินกลับไปที่รถหยิบขวดน้ำมาส่งให้ เขาดื่มรวดเดียวครึ่งขวด ถอนหายใจยาว แล้วเทน้ำที่เหลือราดรดศีรษะจนชุ่มฉ่ำ ทำให้ร่างกายที่ร้อนจนแทบจะระเบิดค่อย ๆ เย็นลง สภาพตอนนี้เทียบกับตอนที่เพิ่งมาถึงกลายเป็นคนละคน
“สองรอบนี่ก็หกกิโลแล้ว ผมว่าผมพอแค่นี้แหละครับ” น้ำเสียงโรยแรง ทำให้เธอหัวเราะเบา ๆ
“งั้นไว้เจอกันใหม่ค่ะ เมื่อกี๊ดรีมเพิ่งวอร์ม” พูดจบไม่รอฟังคำตอบ หญิงสาวถีบตัววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เขามองตามหางม้าที่สะบัดแกว่งไหว ๆ ค่อย ๆ หนีหายลับสายตาไป
“คุณก็เหนื่อยเป็นเหมือนกัน” เสียงเจตนิพัทธ์ตังขึ้นใกล้ ๆ พร้อมกับยื่นขวดน้ำมาให้
ดรีมเพิ่งวิ่งเสร็จเป็นรอบที่สองหลังจากเอ่ยคำลากับเขา ซึ่งเป็นสองรอบที่เธอใส่สปีดเต็มกำลัง เป็นความเร็วที่เธอยังควบคุมให้วิ่งต่อเนื่องได้คงที่ทั้งสองรอบสนาม แต่ก็เป็นความเร็วที่ทำให้เหงื่อท่วมร่าง และหัวใจเต้นแรงเกินระดับสบาย
“อ้าวคุณเจ๋ง นึกว่ากลับไปแล้ว ขอบคุณค่ะ” เธอรับขวดน้ำมาดื่ม มืออีกข้างยึดอยู่กับขอบเหล็กของที่กั้นถนน เหงื่อพราวเต็มหน้าเสียงยังคงหอบน้อย ๆ
“ผมรอดูสภาพเหนื่อยหมดแรงของคุณดรีมบ้างไงครับ ไม่งั้นผมจะเสียเปรียบ” เจ๋งพูดหยอกล้อไม่จริงจัง
“คุณนี่จริง ๆ เลย ถึงตัวเองไม่ชนะ แต่ก็ต้องเห็นอีกฝ่ายสะบักสะบอมใช่มั้ยคะ” เธอพูดเป็นนัยแอบแฝง ยกนิ้วชี้ขึ้นมาโบก
“โอ๊ย ผมไม่ร้ายแบบนั้น” เจ๋งปัดป้องข้อกล่าวหา
“ไม่รู้ตัวหรือไม่ยอมรับคะ” เธอมองจ้องตอบ
“รู้ตัวครับ ยอมรับครับ” เขาพูดเสียงอ่อย ยกมือขึ้นยอมแพ้
“แล้วจะยกเลิกแผนการที่จะให้โค้ชเปอร์ กับโค้ชเด่นแข่งกันมั้ยคะ” เธอถามตรงประเด็น
“ไม่ครับ” เขาตอบเสียงอ่อย หน้าตาเหมือนเด็กถูกจับได้แต่ก็ยังดื้อแพ่ง
“รู้ใช่มั้ยคะว่า การแข่งขันยังไงก็ต้องมีคนชนะคนแพ้”
“ผมก็ทุ่มความหวังไปทางโค้ชเด่นล่ะครับ โค้ชเปอร์ควรจะลองแพ้ดูบ้าง”
“ดรีมหมายถึงการแข่งขันของคุณกับโค้ชเปอร์ต่างหาก แล้วแววแพ้ของคุณน่ะเห็นชัดตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่ง” ดรีมไม่เคยรอที่จะฟาดเขาทันทีที่มีโอกาส
“อ้าว พูดแบบนี้อีกแล้ว ไม่เคยให้ความหวังกันเลย คุณอยู่ข้างใครกันแน่” เสียงตัดพ้อ
“อยู่ข้างคุณนั่นแหละค่ะ ดรีมเห็นใจคุณ แต่ก็เห็นชัดด้วยว่าคุณกำลังทำร้ายตัวเอง โค้ชเปอร์โค้ชเด่นวิ่งแข่งกันมาไม่รู้กี่ครั้งผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะเป็นปกติ คุณฝนเค้าไม่ใส่ใจหรอกค่ะว่าโค้ชเปอร์จะแพ้หรือจะชนะ แต่เค้าจะยิ่งหมดความนับถือและความรู้สึกดี ๆ ที่อาจจะยังหลงเหลือกับคุณไปก็เท่านั้น” ดรีมพยายามอธิบายเพื่อดึงสติ
“แต่ครั้งนี้โค้ชเปอร์ต้องชนะเท่านั้น ข้อจำกัดและความกดดันมันมีอยู่” เขายังไม่ยอมแพ้
“แล้วยังไงคะ ถ้าโค้ชเปอร์แพ้ คุณฝนก็ยิ่งเห็นใจ ปลอบใจกัน ยิ่งแน่นแฟ้นกันขึ้นมากกว่าโค้ชเปอร์ชนะอีก” ดรีมยังไม่หยุดชี้ช่องให้เห็นความจริงที่ทำร้ายจิตใจเขาน่าดูเมื่อนึกภาพตาม
“โอ๊ยยย แล้วผมจะทำยังไงเนี่ย” เขาทรุดตัวลงไปนั่ง ยกมือขึ้นกุมหัว
“มูฟออนค่ะ มูฟฟฟฟ” ดรีมส่งเสียงเข้มลากยาว เขาเงยหน้าขึ้นมองสบตาเธอก็พบกับแววตาจริงใจระคนเห็นใจส่งมาให้ พร้อมกับยื่นมือเพื่อฉุดเขาลุกขึ้น เขายื่นมือไปจับมือเรียวนั้น ดึงตัวเองขึ้นตามแรงฉุด ไม่รอช้าเธอวิ่งนำเขาไป หันมาพยักหน้าให้ตามมา เขาซอยเท้าควงขาตามไปโดยอัตโนมัติ ทิ้งความคิดทุกอย่างไว้เบื้องหลัง
“สปอนเซอร์ที่จะส่งเราไปงานวิ่งที่ฝรั่งเศสกลางปีนี้ขอถอนตัวนะเปอร์” เสียงตามสายของผู้จัดการ ทำให้เขาต้องหยุดทำกิจกรรมอื่น ๆ แล้วเดินไปนั่งที่ระเบียงหลังบ้าน
“ปัญหาใหญ่เหรอพี่โจ้” เขาถามเรียบ ๆ แฝงความกังวล
“ก็ไม่เชิงนะ เพราะพี่ติดต่อสปอนเซอร์รองเท้าที่จะเปิดตัวอาทิตย์หน้าเค้าโอเคที่จะมารับช่วงต่อ” โจ้รีบอธิบาย
“ข้อแม้คือ?” โค้ชเปอร์รู้ดีว่า เหล่าสปอนเซอร์ต่าง ๆ มักจะสนับสนุนทุกอย่างพร้อมกับเงื่อนไขยาวเหยียด
“ก็ปกตินั่นแหละ ให้ใส่รองเท้าของเค้าซ้อมตลอด แล้วก็ใส่ลงแข่ง อาจจะต้องมีไปเทสท์กับทางแล็ป เผื่อเค้าจะออกรุ่นพิเศษสำหรับวิ่งระยะไกลมาให้” โจ้เล่าถึงการพูดคุยในรายละเอียดสัญญาการสนับสนุนนักกีฬาที่เพิ่งไปคุยมา
“ไม่มีปัญหานะพี่ วิ่งไกล ๆ รองเท้าช่วยได้บ้างก็จริง แต่มันก็ไม่ได้ต้องเป็นรองเท้าพิเศษมากมายเหมือนกับนักวิ่งระยะสั้น อีกอย่างยี่ห้อนี้ผมก็มีใช้ซ้อมอยู่บ้าง ใช้ได้ดีเหมือนกัน”
โค้ชเปอร์อธิบายให้ผู้จัดการส่วนตัวเข้าใจถึงประสิทธิภาพของรองเท้าที่มีผลไม่มากสำหรับการวิ่งระยะเกินกว่าห้าสิบกิโลเมตร
“อ้อ แต่ทางนั้นเค้ามีเงื่อนไขอีกอย่างนะ”
“คือ?”
“เค้าอยากให้วันเปิดตัวร้านสตาร์สปอร์ต กับรองเท้ารุ่นใหม่ของเค้า เปอร์ต้องวิ่งนำทีมนักวิ่งคนอื่นเข้าเส้นชัย เปอร์จะไหวมั้ย มันวิ่งระยะสั้น แล้วยังมีเด่นมาวิ่งร่วมด้วยอีก” เขาสัมผัสเสียงเจือความกังวลจากคนทางปลายสาย
“สบายครับ” เสียงเข้มสั้นกระชับ
“ทำไมเสียงคราวนี้มั่นใจ”
“มีคนรอเชียร์ที่เส้นชัยครับ” เสียงที่เข้มกลับเป็นอ่อนลงทันทีเมื่อนึกถึงคนที่จะมารอเขาที่เส้นชัย
“นั่นไง! ถึงว่ารูปที่ภูกระดึงที่ทางบริษัทเค้าทยอยลงโปรโมทถึงได้ดูหน้าตาแจ่มใส คนในเน็ทก็ชมกันใหญ่ว่าโค้ชเปอร์ไปทำอะไรมา หล่อขึ้น ที่แท้กำลังอินเลิฟนี่เอง”
ผู้จัดการโจ้ร้องขึ้นเหมือนถูกรางวัล โค้ชเปอร์หัวเราะหึหึ ไม่ได้ตอบกลับ เพียงแต่นั่งยิ้มคนเดียวตามแบบฉบับคนที่กำลังอยู่ในโลกสีชมพูโดยแท้
“คู่จิ้นกลายมาเป็นคู่จริงสินะ” โจ้ลองเสี่ยงทาย
“ไม่ใช่คุณดรีมครับพี่” โค้ชเปอร์ตอบสั้น ๆ ไม่ได้ขยายความ คุยต่ออีกครู่เดียวขอตัดบทเพื่อจะไปซ้อมต่อ แม้วันนี้จะไม่ได้ซ้อมวิ่งยาว แต่ก็เป็นการซ้อมเวทเทรนนิ่งเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงทนทานต่อการใช้งานอย่างหนักหน่วงในอีกเดือนนึงข้างหน้า
เขายกดัมเบลเหล็กหนักสิบกิโลกรัมขึ้นมาทั้งสองข้าง ขณะที่ใช้ท่าที่ฝึกกล้ามเนื้อหัวไหล่รู้ว่าระหว่างฝึกจิตใจควรโฟกัสอยู่ที่กล้ามเนื้อที่ต้องการ แต่ความกังวลเล็ก ๆ ก็ทำให้เขานึกไปถึง คู่แข่งตลอดกาลของเขาไม่ได้
เด่นนภา ชื่ออ่อนหวานที่ควรจะเป็นชื่อของหญิงสาว แต่เจ้าของชื่อคือชายหนุ่มร่างแกร่งเป็นนักวิ่งฝีเท้าดี แม้จะมีสัญชาติฝรั่งเศสอยู่ในสายเลือดครึ่งนึง แต่กลับไม่ได้ทำให้ส่วนสูงของเขาได้เปรียบกว่าใคร ความสูงหนึ่งร้อยหกสิบแปดในคราวนั้น ทำให้เขาถูกปรามาสในตอนแรกเมื่อประกาศว่าอยากจะเป็นนักวิ่ง
โค้ชเปอร์รู้เรื่องนี้ดี เพราะเขาคือหนึ่งในกลุ่มคนที่ร่วมสบประมาทชายหนุ่มคนนั้นเมื่อครั้งยังอยู่ในวัยคึกคะนอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ชีวิตของเขาได้ร่วมเป็นคู่แข่งกันมาตลอดกับเด่นนภา
เขารู้ดีว่า การแข่งขันไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ถ้ามีเขาร่วมอยู่ในสนามแข่ง เด่นจะไม่มีวันยอมออมมือ
“กูจะเอาชนะมึงให้ได้!!” เขายังจำคำประกาศก้องเมื่อยี่สิบปีที่แล้วได้ดี วันนั้นเขาคือนักวิ่งดาวรุ่งของโรงเรียน ส่วนเด่นเพิ่งย้ายเข้ามากลางคันด้วยโควตานักกีฬาที่ยังไม่รู้ว่าจะเล่นกีฬาอะไรดี ท่าทางเหมือนเสือบาดเจ็บที่เก็บตัวและระแวดระวังภัยตลอดเวลาของเด่น รวมไปถึงการมาถึงกลางคันคล้ายมีเบื้องลึกเบื้องหลัง ทำให้เด่นแทบจะไม่มีเพื่อน แม้ในกลุ่มนักกีฬาด้วยกัน
เด็กผู้ชายในวัยคึกคะนอง โดยเฉพาะนักกีฬาที่ถือเอาการรวมกลุ่มพวกพ้องคือสิ่งใหญ่ เด่นผู้ที่ครองพื้นที่ส่วนตัวและสร้างกำแพงหนาล้อมรอบ จึงมักจะเป็นที่จับตาและเป็นจุดเป้าหมายในการถูกเย้ยหยัน
ลับหลังครูผู้ฝึกซ้อม การแกล้งกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้นเสมอในห้องอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นการสร้างเสียงหัวเราะสนุกสนานในกลุ่มเด็กผู้ชาย แต่กับเด่นเขามักจะถูกแกล้งเลยเถิดไปไกลกว่าความสนุกคะนองมากนัก ไม่ว่าจะทั้งวาจาหรือการกระทำ แต่ถึงอย่างนั้นเด่นก็ไม่เคยปริปากแจ้งกับครูผู้ฝึกและยังคงรักษาอาการปิดตัวเองไว้อย่างแนบแน่น
แม้จะซ้อมและฝึกเท่ากัน แต่พรสวรรค์และรูปร่างสรีระที่ได้เปรียบมากกว่า ทำให้เมื่อถึงเวลาคัดตัวไปแข่งงานต่าง ๆ เขามักจะได้รับมันก่อนเป็นคนแรก ส่วนเด่นก็ยอมรับในความพ่ายแพ้อย่างเงียบเชียบ และเพิ่มความหนักในการซ้อมเข้าไปอีก เรื่องจะไม่บานปลายใหญ่โต ถ้าในทุกวันความรุนแรงของการหยอกเย้าในห้องอาบน้ำจะไม่เพิ่มขึ้น
“โธ่ เสียชาติลูกครึ่งว่ะมึง ไม่เอาจุดดีอะไรมาซักอย่าง”
“มึงไปเล่นกีฬาอื่นเถอะ ตัวก็เตี้ยขาก็สั้น สะเออะจะเป็นนักวิ่ง”
“แข่งกี่ครั้งก็แพ้ มึงก็ไม่ควรหน้าด้านอยู่รึเปล่าวะ”
เสียงสบประมาทลอย ๆ ในห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า กระทบโสตประสาทนักกีฬาลูกครึ่งวันแล้ววันเล่า เขาเองก็ร่วมทีมในการเอ่ยถ้อยคำทิ่มแทงจิตใจนั้น ไม่ตอบโต้แต่ใช่ว่าจะไม่ได้ยิน เมื่อมันทับถมจนเกินจะรับไหว เด่นก็ตะโกนใส่หน้าเขาในวันหนึ่ง
“กูจะเอาชนะมึงให้ได้!!”
โค้ชเปอร์วางลูกเหล็กลงถอนหายใจ นึกถึงเสียงตะโกนและสายตาของสัตว์บาดเจ็บจนตรอก เด่นในวันนั้น หรือโค้ชเด่นในวันนี้ ทำให้เค้าสำนึกมาหลายครั้งหลายคราว่า นี่คือคู่แข่งที่เขาไม่ควรสบประมาทไม่ว่าในสนามใด
แม้จะให้คำมั่นกับทุกคนว่า การแข่งขันในอาทิตย์หน้าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ชัยชนะต้องเป็นของเขาแน่นอน แต่ก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่า มันไม่ง่ายเลย
“โอ้โห งานคึกคักใหญ่โตกว่าที่คิดไว้อีกนะเจ๋ง” วงศกรผู้บริหารหนุ่มของสตาร์สปอร์ต  ร้านค้ารวมอุปกรณ์กีฬาที่จัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในวันนี้ กล่าวขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นทุกอย่างเกินคาดหมาย
“มีนักข่าวออนไลน์มาหลายสำนักเลยค่ะ ทั้งเพจกีฬาและเพจวิ่งก็มาเกือบทั้งหมด” ขวัญหทัยรายงานเสริม
“นี่เลย ถ้าไม่ได้คนนี้ทุ่มสุดตัวก็ไม่ได้ขนาดนี้" เจ๋งพยักหน้าไปทางฝนที่ยืนยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า
เธออดหมั่นไส้เจ้านายหนุ่มอดีตคนรักไม่ได้ รู้ว่าเขาจงใจเทงานทั้งหมดมาให้เธอทำ ทั้งประสานงานและเซ็ทอัพทุกอย่างของงานในวันนี้ เพื่อที่เธอจะได้ไม่มีเวลาว่างขอหลบขึ้นเหนือไปหาโค้ชหนุ่มคนรัก ถ้าไม่ติดว่าเธอเองก็สนุกกับงานใหญ่ระดับประเทศนี้ และเขาเองก็ไม่ได้มาป้วนเปี้ยนวุ่นวายให้เธอเห็นหน้ามากนัก ดังนั้นการยืดระยะเจอกันของเธอกับโค้ชออกไปสักนิดก็ไม่เสียหายอะไร
“ฝนเตรียมจัด Live สดตอนวิ่งห้ากิโลของทีมนักวิ่งพรีเซนเตอร์ทั้งชายหญิง แล้วให้นักพากย์เพจวิ่ง RunWithMe ที่มีคนตามเป็นล้านมาเป็นคนพากย์ด้วยนะคะ รับรองวันนี้สนุกแน่นอนค่ะ”
“แล้วนี่ได้มีใครดูแลกัปตันทีมกับนักวิ่งรึยังครับ” วงศกรเอ่ยถาม
“เรียบร้อยกูให้ทีมไปดูให้พิเศษแล้ว” เจ๋งบอกกับเพื่อน แต่เหลือบตาไปทางหญิงสาวเห็นเธอตวัดสายตาคมมาให้หนึ่งที เพราะตั้งแต่เช้า เขาก็กันไม่ให้เธอเข้าไปเจอกับทีมนักวิ่งเลย
1
“งั้นเดี๋ยวฝนไปเช็คความเรียบร้อยทีมพรีเซนเตอร์ก่อนนะคะ อีกครึ่งชั่วโมงจะเริ่มปล่อยตัวแล้ว” ฝนถือโอกาสปลีกตัวออกมา เจ๋งอ้าปากจะดึงเกมต่อ แต่ไม่ทันวงศกรที่เอ่ยอนุญาตอย่างเกรงใจ
“ตามสบายครับคุณฝน ทางนี้เรียบร้อยแล้ว”
ฝนเดินมุ่งหน้าไปยังเต็นท์ของทีมงานและพรีเซนเตอร์ที่มีเชือกกั้นไว้เป็นสัดส่วนเฉพาะผู้เกี่ยวข้อง แม้ในระยะไกลเธอก็มองเห็นคนผิวเข้มตัวสูงขายาวโดดเด่นในกลุ่มคน หัวใจรัวผิดจังหวะด้วยความตื่นเต้นเพราะไม่ได้เจอกันมาร่วมเดือน แม้จะได้ยินเสียงตามสายกันบ้าง แต่การได้เห็นหน้าค่าตาสัมผัสจับต้องกันได้เป็นสิ่งที่เธอและเขาต่างเฝ้ารอ
เธอหาจังหวะที่จะพูดกันสั้น ๆ สองต่อสองได้ในที่สุด
1
“จะรอที่เส้นชัยนะคะโค้ชเปอร์”
“ครับ”
แม้จะพูดโต้ตอบกันด้วยคำพูดเป็นทางการ แต่สายตาที่ส่งให้กันมีความหมายลึกซึ้งที่รู้กันเฉพาะ
“เข้ามาเป็นที่หนึ่งนะคะ”
“ครับ” เขารับคำหนักแน่นเช่นเคย
“ระวังจะผิดหวังนะครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเธอ เมื่อหันไปก็พบกับสายตาที่เต็มไปด้วยพลังงานเข้มข้นประหลาด นี่สินะ สายตาของนักสู้ นักแข่งขัน เขาไม่ได้กำลังมองเธอ แต่มองเลยไปยังคนตัวสูง ที่ตอนนี้ก็เปลี่ยนสายตามาเป็นกร้าวแกร่งขึ้นเพื่อต่อกรกับพลังสายตาอีกคู่
เธอเผลอเรียกชื่อเขาออกมาโดยไม่รู้ตัว
“โค้ชเด่น!"
❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา