8 เม.ย. 2021 เวลา 01:00 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยาย 20 ตอน เรื่อง
"See you at the finish line - พบกันที่เส้นชัย"
ตอนที่ 18 - ตัวถ่วง
“อ่ะยังไง ไหนเล่า คุณนายโค้ช” เจนจ้องหน้าเพื่อนรอฟัง
“ไรล่ะ คุณนายโค้ชอะไรของมึง” ฝนยิ้มพรายเต็มหน้า
“ก็ตำแหน่งใหม่ของมึงไง อย่างเมียผู้ว่า เมียปลัด เมียผู้กอง เค้าก็จะเรียกว่า คุณนายผู้ว่า คุณนายปลัด คุณนายผู้กองใช่มะ ส่วนมึง ก็ตามนั้น” เจนอธิบายตำแหน่งของเพื่อนที่เธออุปโลกน์ขึ้นมาให้
“ว้าย อีเจน อีบ้า” ฝนขำกิ๊กกับตำแหน่งที่ได้ อดไม่ได้ตีเผียะเข้าที่แขนเพื่อนด้วยความหมั่นไส้
วันนี้ถึงคิวนัดรวมพลประจำเดือนของแก๊งสี่สาวอีกครั้ง หลังจากอัพเดทข่าวคราวทั่วไปแล้ว ทุกคนก็พุ่งความสนใจมาที่ฝน เพราะเป็นคนเดียวที่ตอนนี้มีเรื่องราวความรักให้เพื่อน ๆ ได้ร่วมลุ้น
“อย่ามัวลีลา เล่ามาได้ละ” คุณหวีเท้าคางรอฟัง
“ตกลงขึ้นไปฝังตัวอยู่ที่ขุนตาลตั้งสิบกว่าวันเป็นไงบ้างฝน” น้องดาวก็เริ่มทนรอให้ฝนเล่าไม่ไหว
“มันก็ … ยังไงดีล่ะ ในส่วนที่มันดีนั้นก็ดีมาก แต่ก็มีบางเรื่องที่ต้องมาคิดต่ออีก” ฝนตอบเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่ออาทิตย์ก่อน
“ต่อไปนี้จะเป็นช่วงที่ยากของเราแล้วนะ” โค้ชเปอร์พูดกับเธอเมื่อมารับที่สถานีรถไฟขุนตาล เขาเอื้อมมือมาปลดเป้ลงจากบ่าเธอ แล้วเดินนำไปที่รถ
“ยากเหรอคะ?” ฝนเดินเคียงคู่ไปพลางเอียงคอถาม
“อืม ก็ฝนจะได้เห็นพี่อย่างที่พี่เป็น อย่างที่พี่อยู่ มันจะเริ่มไม่ค่อยโรแมนติกแล้วล่ะ” เขาอธิบายยาว
“ฝนก็ไม่ได้หวังความโรแมนติกตลอดเวลานี่คะพี่เปอร์ ฝนโตแล้วน้า ไม่ใช่เด็ก ๆ ที่ฝันถึงเจ้าชายขี่ม้าขาวซักหน่อย”
“แล้วฝนฝันถึงอะไร” เขาวางเป้ของเธอที่กระบะด้านหลัง เปิดประตูให้เธอแล้วเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ
“ตอนนี้ฝนฝันง่าย ๆ เลยค่ะ อยากมีคนที่รู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วสบายใจ” เธอตอบตามอย่างใจคิด ชีวิตที่ผ่านมาจนจะสามสิบปี เธอรู้แล้วว่า คุณสมบัติของคนรักที่เธอเคยฝันว่าจะมีมันค่อย ๆ ถูกลดทอนลงตามจำนวนปีของอายุที่มากขึ้น จากที่เคยวางไว้เป็นสิบข้อ วันนี้ขอแค่คนที่ใจตรงกันแค่นั้นก็พอแล้ว
“เมื่อก่อนฝันยากกว่านี้​?” เขาหันมาเลิกคิ้วถามยิ้ม ๆ ในขณะที่จับพวงมาลัยขับรถไปด้วย
“ยากและเยอะค่ะ ต้องสูง ต้องขาว ต้องมีเงิน มีรถ มีหน้าที่การงานดีเลิศ ต้องเข้ากันเพื่อน ๆ ได้ทุกคน ต้องพูดเพราะ ต้องเป็นคนตลก ต้องเป็นคนมีมารยาท ต้องเป็นคนเข้าสังคมเก่งทุกระดับชั้น ต้องเป็นคนที่เข้มแข็งเก่งการต่อสู้ ต้องเท่ ต้องปกป้องดูแลเราได้ ต้องเอาใจเก่ง ต้องเล่นดนตรีได้ ต้องโรแมนติก ต้องเก่งเทคโนโลยี ต้องรู้จักวางแผนการเงิน ต้องเข้ากับที่บ้านเราได้” ฝนร่ายยาวแทบไม่หยุดหายใจ “นี่ยังไม่หมดนะคะ”
“ที่ว่ามานี่เหมือนคุณเจ๋งเค้านะ” คนขับรถพูดยิ้ม ๆ มองตรงไปข้างหน้า
“อ๊ะ พี่เปอร์!" เธอหันโบกนิ้วชี้ไปที่เขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้มองมาแต่เธอรู้ว่าเขาเห็น “ห้ามหึงอดีตนะคะ”
“พี่ไม่หึงหรอก ถ้าตรงสเป็คขนาดนั้นยังเลิกกันได้ ฝนก็ต้องฉลาดขึ้น” เขาอมยิ้ม ตามองถนน
“ก็ฉลาดขึ้นจริงค่ะ ตอนนี้เลยไม่มีสเป็คแล้ว” ฝนส่ายหัวให้กับตัวเองในอดีต
“โชคดีเป็นของพี่” เขาหันมาหรี่ตาให้เธอแวบนึง
“ถ้าฝนยังมีสเป็คบ้า ๆ บอ ๆ เหมือนเดิม พี่เปอร์ก็อาจจะไม่ชอบฝนก็ได้ เพราะฝนก็คงไม่ใช่ฝนแบบทุกวันนี้” ฝนหันไปมองด้านข้างของผู้ชายตัวสูงที่คมเข้ม ทุกอย่างบนใบหน้าเป็นสันคมชัดไปทุกส่วน แทบจะไม่มีอะไรตรงสเป็คที่เธอเคยวางไว้ในอดีตเลย แต่ก็ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าใช่
“พี่เปอร์ล่ะคะ มีสเป็ค หรือวาดฝันอะไรไว้บ้างมั้ยคะ ทำไมถึงอยู่โสดมาได้น๊านนานขนาดนี้”
“พี่รอฝนไง” สายตาหวานซึ้งและน้ำเสียงออดอ้อนแบบนี้ยังคงทำให้ใจวิบหวิวได้เสมอ ฝนหน้าแดงยิ้มละไม
“ปากหวานจังนะคะ" เธอทำเสียงล้อ
“เพิ่งเป็นนี่แหละ” เขายิ้มเหมือนพูดกับตัวเอง
ใครหลายคนมักจะบอกว่าเขาเป็นคนที่อยู่ด้วยยาก อาจจะเพราะอยู่คนเดียวมานาน อาชีพที่เลือกเดินก็ทำให้ต้องหมกมุ่นอยู่แต่กับตัวเองทุกวัน เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเงียบขรึมเพราะพูดคุยถกเถียงอยู่กับตัวเองเสียงดังอยู่เป็นประจำ การที่ต้องซ้อมวิ่งวันละหลายชั่วโมง หรือบางครั้งก็ข้ามคืนข้ามวัน เพื่อให้ชินกับระยะเวลาในการวิ่งก่อนแข่งจริง ไม่มีใครให้พูดให้คุยด้วยก็ต้องคุยกับตัวเอง
บางครั้งเขาคิดว่าได้พูดออกไป แต่ในความจริงพูดเอเออเองกับตัวตนข้างในนั่นต่างหาก ผู้คนจึงคิดว่าเขาเป็นคนที่เข้าใจยาก และพูดน้อย หารู้ไม่หลายครั้งทุกอย่างพร่างพรู แต่อยู่ข้างในใจ
ตลอดเกือบสิบปีที่ไม่ได้มีใครเดินเข้ามากลางหัวใจ หลายครั้งก็คือปัญหาในการสื่อสารที่บางทีก็ช้าเกินไป หรืออีกฝ่ายรอไม่ไหวก็เดินจากไปเสียก่อน เพิ่งจะมีผู้หญิงคนที่นั่งข้าง ๆ นี่แหละที่ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรต่อมิอะไรได้ง่ายโดยไม่ต้องเอ่ยคำยืดยาวให้มากความ ตอนนี้เขาก็เริ่มแปลกใจตัวเอง ที่พักหลังเอื้อนเอ่ยคำหวานมากมายที่ไม่เคยคิดว่าจะพูดได้มาก่อน
“พี่บอกว่ามันจะเป็นช่วงยาก เพราะฝนจะได้เห็นพี่จริง ๆ ฝนจะได้เห็นอะไรเหรอคะ พี่จะมีด้านมืดอะไรมาเซอร์ไพรส์ฝนรึเปล่า" ฝนเอียงคอยิ้มถาม
“ผู้ชายที่แก่กว่าฝนสิบปี มีอะไรที่ชอบที่สนใจต่างกัน พี่ว่านี่ก็น่าจะเซอร์ไพรส์พอแล้วนะ” เขายิ้มส่ายหัวน้อย ๆ
“โธ่ เรื่องนี้ฝนรู้อยู่แล้วนี่คะ เซอร์ไพรส์ไปตั้งนานละค่ะ ทั้งคิดเยอะ พูดน้อย กว่าจะพูดก็ช้า แต่ก็เป็นคนชัดเจน มุ่งมั่น จริงใจ เป็นคนที่ใช้เวลาคิด ใตร่ตรองก่อนตัดสินใจ แต่ถ้าคิดมาดีแล้วก็จะลุยเด็ดเดี่ยว เพลงที่พี่ชอบฝนไม่รู้จัก หนังสือที่พี่อ่านฝนไม่คุ้นตา พี่ดูหนัง ฝนดูซีรี่ย์ พี่ไม่เล่นโซเชียล” ฝนทำท่านึกจะพูดต่อ ก็พอดีรถมาจอดที่หน้าบ้านไม้สีขาวขนาดกระทัดรัดสองชั้น บริเวณรอบ ๆ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ครึ้ม
1
โค้ชเปอร์เปิดประตูรถพร้อมกับฝนที่ลงมายืนพอใจกับภาพตรงหน้าที่เธอกวาดตามองไปรอบ ๆ
“มันยังมีเรื่องที่เราต้องรู้จักกันอีกเยอะ เริ่มจากข้อที่หนึ่ง … พี่เป็นคนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง” เขาเดินอ้อมไปที่ท้ายกระบะแล้วหยิบเป้ของเธอขึ้นสะพายหลัง เดินมาโอบเอวนำเธอเปิดประตูเข้าบ้านไป
ฝนเดินตามเขาเข้าบ้านไปอย่างใจลอยเมื่อได้ยินประโยคนั้น พลันก็นึกถึงคำประชดของพี่เจ๋ง “พี่กลัวว่าฝนจะต้องไปหาเลี้ยงเค้าน่ะสิ” จึงโพล่งถามออกไปเมื่อยืนอยู่กลางบ้าน ยังไม่ทันที่เขาจะวางเป้ของเธอลงบนพื้น
“พี่เปอร์มีปัญหาเรื่องการเงินรึเปล่าคะ” เธอมองเขานิ่งใจเต้นโครมคราม นึกอยากตบปากตัวเองที่โพล่งคำถามออกมาได้ผิดจังหวะและเวลามาก เขาหันมามองเธอแววตานิ่งระคนแปลกใจ
1
“ว้าย ฝนทำไมอยู่ดี ๆ ถามไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนั้นล่ะ” น้องดาวตกใจเมื่อได้ฟัง
“อีพี่เจ๋งนี่น่าเตะจริง ๆ แอบวางยาพิษใส่มึง” เจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เมื่อนึกถึงเจ้าคนตัวดี
“โธ่ฝน ถ้าโค้ชเค้าอยู่ของเค้ามาได้จนอายุจะสี่สิบเนี่ย แสดงว่าเค้าก็ต้องพอมีพอใช้ อาชีพการงานก็มี ไม่ได้นั่งเกาพุงอยู่บ้านเฉย ๆ ที่ไหน สปอนเซอร์ พรีเซนเตอร์อะไรก็เยอะแยะ จะว่าไปก็เหมือนดารานี่แหละ" คุณหวีเอ็ดเพื่อน
“หรือมึงกลัวว่าพอโค้ชเค้าวิ่งไม่ไหวแล้วจะต้องมาเกาะมึงกิน" เจนจ้องหน้าคาดคั้น ฝนพยักหน้าช้า ๆ ตาละห้อยเหมือนลูกหมาที่ถูกจับได้ว่าแอบกัดรองเท้า
“โอ๊ย กูจะเตะมึง หรือเตะอีพี่เจ๋งดีวะเนี่ย” เจนโวยวาย
“ฝนทำถูกแล้วที่คิดถึงอนาคตนะเจน อายุอย่างพวกเราจะเอาแค่ถูกใจไม่ได้ มันต้องเหมาะสมด้วย” น้องดาวยื่นมือเข้ามาช่วย
“แต่มันควรจะค่อย ๆ นั่งพูดนั่งคุย หรือไม่ก็หาข้อมูลเนียน ๆ ก่อนสิ … เฮ้อออ” คุณหวีถอนใจ
“ละนี่โค้ชเค้าไม่เคืองมึงเหรอ ต่อให้รักกันยังไง เรื่องเงินเรื่องทองมันก็ยังไม่ควรพูดกันโต้ง ๆ แบบนี้นะมึง” เจนถาม
“ไม่เคืองหรอกมั้ง เพราะสุดท้ายก็พี่เค้าก็อธิบายนั่นแหละว่าเค้าเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย ชีวิตไม่ได้ใช้จ่ายเยอะ ช่วงสิบปีที่ผ่านมาก็เก็บเงินเก็บทองได้พอสมควร ทั้งจากรายการวิ่งแล้วก็สปอนเซอร์ โฆษณาต่าง ๆ ละเค้าก็บอกว่าได้วางแผนอนาคตไว้อยู่เหมือนกันเมื่อถึงเวลาอายุเยอะเกินจะวิ่งไกล ๆ ได้แล้ว” ฝนอธิบาย
“เก็บได้พอสมควรอะไรล่ะ ให้เลิกวิ่งตอนนี้ก็มีเงินกินใช้ไปจนตายล่ะ” คุณหวีเอ่ยยิ้ม ๆ สายตามีเลสนัย
“แกรู้อะไรมาคุณหวี!” เจนหันมาทำตาโตใส่
“คุณหวีไปแอบสืบ Financial ของโค้ชมาเหรอ” น้องดาวคาดเดา
“ไม่ได้แอบ ไม่ได้สืบ โค้ชโทรหาฉันเอง” คุณหวีอมยิ้ม “โค้ชจะให้ฉันดูแลพอร์ทให้”
“เฮ้ย!! แล้วทำไมไม่บอก อมพะนำไว้อยู่ได้” เจนโวยวายตัดหน้าฝนที่อ้าปากค้าง
“เรื่องของลูกค้า บอกใครได้ที่ไหนล่ะยะ ก็คิดว่าโค้ชเล่าให้ฝนฟังแล้ว เค้าโทรหาฉันตั้งแต่กลับจากภูกระดึง ทีแรกก็ปรึกษาเรื่องการลงทุน คุยไปคุยมาเค้าก็บอกว่าจะให้ฉันดูแลกองทุนที่เค้าถืออยู่ เพราะว่าคนเดิมที่เคยดูให้จะย้ายไปต่างประเทศ” คุณหวีอธิบาย
“แล้วทำไมโค้ชเค้าถึงไม่เล่าให้ฝนฟังล่ะ” น้องดาวสงสัย
“อาจจะหาจังหวะจะบอกอยู่ล่ะมั้ง กูบอกมึงแล้วเรื่องเงินเรื่องทองมันต้องดูจังหวะในการพูดคุยกัน เรื่องมันละเอียดอ่อนสำหรับชีวิตคู่ ละเนี่ยเพิ่งคบกันเอง” เจนผู้เจนจัดในเรื่องราวของมนุษย์ชายหญิงเอ่ยด้วยความมั่นใจในความคิดตัวเอง
“แต่ก็ดีละที่มึงถามละโค้ชเค้าเคลียร์ตัวเอง ก็ต้องให้คะแนนเค้าในตรงนี้” เจนพยักหน้าหงึกหงัก
“อ่ะ สบายใจไปเรื่องนึง แล้วเรื่องอื่น ๆ ล่ะเป็นไงบ้างฝน พอจะปรับตัวกันได้มั้ย” น้องดาวถามขึ้นทำให้ฝนนึกย้อนกลับไปยังช่วงเวลาแห่งความสุขอีกครั้ง
ฝนตื่นออกไปวิ่งกับโค้ชเปอร์ในช่วงสองวันแรก แต่เมื่อรู้ว่ากลายเป็นตัวถ่วงในการซ้อมวิ่งตามตารางของเขา เธอก็หาข้ออ้างที่จะไม่ออกไป แต่เขาก็จับคำบ่ายเบี่ยงของเธอได้อย่างง่ายดาย นั่งจ้องหน้าเธอแววตาดุเข้ม
“ฝน! มีอะไรพูดกับพี่ตรง ๆ”
เธออิดออดแต่ก็ตัดสินใจพูดออกไปในที่สุด “ฝนวิ่งช้า ถ้าฝนออกไปวิ่งด้วยก็เป็นตัวถ่วง พี่ก็วิ่งไม่ได้ตามตาราง”
“ไม่อยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันแล้วเหรอ ไหนว่าเหมือนถูกเลขท้ายสองตัว” เขาขยี้ผมเธอเบา ๆ เมื่อรู้เหตุผล
“อยากไปค่ะ แต่เกรงใจพี่” เธอพูดเสียงอ่อย
เขาดึงเธอเข้ามากอดด้วยความเอ็นดู “ทุกปัญหามีทางออกทั้งนั้น ขออย่างเดียวให้คุยกัน อย่าคิดเองแก้เอง”
“โอเคค่ะ” เธอตอบอู้อี้อยู่กับหน้าอกเขา “จะแก้กันยังไงดีคะทีนี้”
ชีวิตจริง ไม่โรแมนติกเหมือนตอนจีบกันแรก ๆ ที่ไม่ต้องพูดต้องคุยกันมาก แค่มองตากัน กอดกัน จูบกัน ทุกอย่างหวานซึ้ง หัวใจเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน แต่เมื่อต้องใช้ชีวิตด้วยกัน รายละเอียดปลีกย่อยมากมาย แค่มองตากันไม่พอที่จะทำให้เข้าใจกันอย่างถ่องแท้ เรื่องแค่จะออกไปวิ่งด้วยกันหรือไม่ ความเกรงอกเกรงใจต่อกันและกัน ก็ทำให้ต้องมานั่งวางแผนเป็นเรื่องเป็นราว
“เอางี้ ฝนออกไปวิ่งกับพี่ถึงจุดดูพระอาทิตย์ขึ้น พี่วิ่งกลับมาส่งที่บ้าน แล้วค่อยไปต่อ”
“โอ๊ย วิ่งไปวิ่งมาเสียเวลาแย่ค่ะพี่เปอร์ ฝนวิ่งกลับบ้านเอง พี่วิ่งไปต่อเถอะค่ะ”
“ไม่เอา พี่เป็นห่วง” เขาส่ายหัว สายตาไม่ยอมง่าย ๆ
“ฝนเกรงใจ รู้สึกเหมือนเป็นตัวถ่วง” เธอมองหน้าเขาขอความเห็นใจ
“อย่าเกรงใจ พี่อยากวิ่งกับฝน อยากอยู่ใกล้ ๆ อยากเห็นหน้าตลอดเวลา แต่มันทำไม่ได้ก็ขอแค่นี้พอ” เขาพูดจบก็บรรจงจูบเธอสำทับคำพูดหวานนั้น
“ฝนไม่ใช่ตัวถ่วง แต่เป็นพลังใจให้พี่” เขาพูดขึ้นหลังจากจูบหวานฉ่ำ
“จำได้มั้ย ฝนเคยถามพี่ว่าตอนที่พี่ต้องวิ่งไกล ๆ ยาก ๆ พี่คิดถึงอะไรที่ทำให้พี่ยังไปต่อ ไปจนถึงเส้นชัย” เขาถาม ฝนพยักหน้า เธอจำได้เขาบอกว่าไว้รู้จักกันมากกว่านี้จะบอก
“ในแต่ละสนามแข่งมันก็มีเหตุให้คิดต่างกันออกไป รางวัลบ้าง สปอนเซอร์บ้าง อยากเอาชนะ อยากรีบกลับไปพัก กลับไปนอนบ้าง ไม่มีอะไรจริง ๆ จัง ๆ หรือเท่ ๆ หรอก พอเราวิ่งมานาน ฝึกซ้อมจนร่างกายถึงพร้อม มันก็พอจะรู้ว่าเราจะดันไปได้สุดแค่ไหน ก็แค่ต้องเฆี่ยนมันต่อจนถึงเส้นชัยให้ได้” เขากอดเธอหลวม ๆ พลางอธิบาย
“แต่พอรู้จักกัน ไม่ว่าซ้อมหรือลงสนามแข่ง พี่คิดถึงแต่ฝน นึกเอาเองเสมอว่าฝนกำลังรอพี่อยู่ที่เส้นชัย ฝนคือคนที่ทำให้พี่ผลักดันตัวเองให้ไปต่อ” เขาเชยคางเธอขึ้น ทั้งคู่สบตา “เข้าใจแล้วนะ”
ฝนยื่นหน้าไปจูบเขาเบา ๆ เป็นรางวัลให้กับคำอธิบายแสนหวานแสนยาว ที่นาน ๆ เขาจะพูดสักที
“โอ๊ย โค้ชนี่ก็ปากหวานเหมือนกันนะ เห็นเข้ม ๆ แบบนั้น” คุณหวีเอ่ยทำตาฝันเมื่อฟังฝนเล่า
“เก็บข้อมูลอีกแล้วล่ะสิคุณหวี” น้องดาวกระเซ้า
“ฟังดูดีนี่นา แล้วที่บอกว่ามีเรื่องที่ต้องมาคิดต่อคืออะไร” เจนพุ่งเข้าเรื่องที่สงสัย
“อืม ดูดีไปหมดจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะสนใจอะไรต่างกัน แต่ก็เหมือนว่าจะเป็นเรื่องสนุกที่จะทำความรู้จักกัน เราเปิดเพลงที่แต่ละคนชอบแล้วมาแชร์กัน พี่เค้าก็ลองมาฟัง UrBoy TJ ส่วนฉันก็ลองฟังโมเดิร์นด๊อก เออ มันก็เหมือนได้เปิดโลกใหม่น่ะแก ไม่แย่อะไร” ฝนยิ้มระบายเต็มหน้าเมื่อนึกถึงเพลง -ก่อน- ที่ทั้งคู่นั่งโยกหัวฟังด้วยกัน
“แต่น้องดาวว่าต้องมีเพลงที่ทั้งคู่รู้จักเหมือนกัน พี่เบิร์ดไงยังอยู่ทุกยุค” น้องดาวพูดจบทุกคนก็หัวเราะพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วเรื่องที่ต้องมาคิดต่อ คืออะไร” เจนยังไม่ได้คำตอบ ฝนเม้มปากแววตาครุ่นคิดเมื่อนึกไปถึงแขกที่มาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย
“อ้าวเฮ้ย! มาได้ยังไง” เสียงโค้ชเปอร์ดังด้วยความตื่นเต้น ทำให้ฝนที่นั่งทำงานอยู่กับคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เช้ารู้สึกตัวเงยหน้า และลุกเดินไปหน้าบ้าน
เธอเห็นผู้ชายสองคนเข้าไปตบบ่าตบไหล่กันอย่างยินดี แม้ความสูงจะต่างกัน แต่ร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์เต็มไปด้วยมัดกล้ามนักกีฬาของทั้งคู่ เห็นเพียงด้านข้างเธอก็รู้ว่าผู้ที่มาเยือนโดยไม่ได้นัดหมายคือโค้ชเด่น เพื่อนรักของคนรักเธอ
โค้ชเด่นหันมามอง เมื่อเธอเดินมาถึงประตูบ้านพร้อมยกมือไหว้สวัสดีทักทาย เขารับไหว้ด้วยรอยยิ้มระบายเต็มหน้า เธอนึกในใจผู้ชายหน้าเข้มสองคนนี้พอยิ้มแล้วหน้าสว่างสดใสเหมือนกันเลย
“สวัสดีน้องฝน พี่ขอโทษที่มาไม่ได้บอกล่วงหน้า พอดีมีเรื่องอยากปรึกษาเปอร์มันน่ะ”
โค้ชเด่นสะพายกระเป๋ากีฬาใบใหญ่ เดินนำทุกคนเข้าบ้านอย่างคุ้นเคยกับสถานที่ เมื่อทุกคนนั่งล้อมกันที่ตั่งไม้รับแขก เขาก็เตรียมเปิดเรื่องโดยไม่รอช้า
“คุยเลยได้มั้ยเปอร์”
ฝนหันหน้าไปมองคนรัก เธอไม่แน่ใจว่าควรนั่งร่วมการสนทนาดีหรือไม่ เขามองตอบและพยักหน้านิดเดียว
“สปอนเซอร์ที่จะส่งกูไปงานวิ่งใหญ่ของฝรั่งเศสปีหน้า ทางบริษัทแม่เค้าจัดแคมป์นักวิ่งจากทั่วโลก เพื่อส่งอีลิทวิ่งตามงานใหญ่ แผนคือเทรนกันทั้งปี อยากปรึกษามึงว่ากูไปดีมั้ยวะ ถ้าไปก็ต้องงดลงงานตลอดทั้งปีเหมือนกัน” โค้ชเด่นเล่าด้วยเสียงเรียบเจือความกังวลเล็กน้อย
“โอกาสมาอยู่ตรงหน้า มึงต้องมาถามกูอีกเหรอวะ” โค้ชเปอร์ยิ้มส่ายหัว “ได้ไปเทรนเป็นปีกับแคมป์ระดับโลกเลยนะเว้ย ต่อให้ต้องงดลงงานวิ่งตลอดทั้งปีก็ยังน่าไป สปอนเซอร์เค้าซัพพอร์ทค่าใช้จ่ายทั้งหมดใช่มั้ย”
โค้ชเด่นพยักหน้า “สปอนเซอร์ดูแลหมดทั้งนักกีฬาและผู้ติดตาม มีที่พักพร้อม แถมพ็อคเก็ตมันนี่อีกนิดหน่อยด้วย”
“เงื่อนไขอื่น ๆ ล่ะ” โค้ชเปอร์ถาม
“ก็ปกติไม่มีอะไรมาก เทรนในแค้มป์ ใส่เสื้อผ้ารองเท้าที่จัดให้ ถ่ายภาพนิ่ง ภาพวิดีโอระหว่างซ้อม แล้วก็รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเคย” โค้ชเด่นพยักพเยิดให้เหมือนกับว่าเป็นเรื่องที่ทั้งคู่เคยประสบอยู่เป็นประจำกับการเป็นพรีเซนเตอร์ หรือรับสปอนเซอร์จากสินค้าหรือผลิตภัณฑ์อะไรสักอย่าง
“ไปเมื่อไหร่วะ” คนตัวสูงถาม
“อีกสองเดือน” คนตัวเตี้ยกว่าหันมาจ้องหน้าเมื่อเอ่ยถาม “เป็นมึงจะไปมั้ยวะเปอร์"
“ไป!” คำตอบหนักแน่น และเอ่ยต่อ “พวกเราใกล้จะเลยช่วงพีคของร่างกายแล้ว ไม่ไปตอนนี้จะไปตอนไหนวะ”
“เออ ไปก็ไป” โค้ชเด่นระบายลมหายใจ “เขาอยากได้มึงอีกคน งั้นมึงไปกับกูนะ”
โค้ชเปอร์ไม่ทันตั้งตัว หันมามองฝนที่ก็ตกใจไม่แพ้กัน
“หืมมม?!!” เลิกคิ้วสูงด้วยสายตาสับสน
“เออ เค้าอยากได้แนวหน้าจากเมืองไทยสองคน แล้วจะมีใครวะก็ต้องเป็นมึงกับกูนี่แหละ มึงไปมั้ย”
เด่น โยนคำถามที่เขาแทบไม่ต้องคิดถ้าวันนี้เขานั่งอยู่ลำพัง ก็คงลุกขึ้นเก็บข้าวเก็บของตามมันไปเรียบร้อย หันไปมองหญิงสาวข้าง ๆ ตอนนี้ชีวิตไม่เรียบง่ายเหมือนเก่า มีหัวใจอีกดวงให้ห่วงหา ถ้าต้องห่างกันไปเป็นปีแค่คิดก็ใจหาย หรือถ้าจะขอให้เธอตามติดไปด้วยจะเป็นไปได้ไหม
“ฝรั่งเศส!!!” สามสาวร้องขึ้นพร้อมกัน ฝนพยักหน้ารับหน้าตาวุ่นวายใจ
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ มึงจะตัดสินใจยังไง?” เจนถามสีหน้าวุ่นวายใจไม่แพ้เพื่อน
“ยังไม่ได้บอกเรื่องนั้นกับโค้ชใช่มั้ย?” คุณหวีจ้องหน้าคาดคั้น ฝนเม้มปากส่ายหัว
❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา