Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
3 เม.ย. 2021 เวลา 01:39 • นิยาย เรื่องสั้น
3.3. รอยแค้นในแดนเถื่อน
ฮองเย่อิง ปราชญ์หญิง - ฮองเสงหงัน ผู้เฒ่านักปราชญ์ - เบ้งเฮ็ก หัวหน้าเผ่าม่าน
ช่วงเวลานี้ ขงหยง ปราชญ์จริยะ ผู้นำสายขงจื้อ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งสำนักหอสมุดใต้หล้า ถูกสมุหนายก ฮกอ้วน ส่งตัวให้มาใช้สถานที่เมืองเกงจิ๋ว เป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมโยงติดต่อกับเหล่าบัณฑิตเจี้ยนอานคนอื่นๆ ทำให้มีผลกระทบต่อสำนักนักปราชญ์ของสุมาเต๊กโชที่เปรียบเสมือนเป็นสำนักใหญ่สายเต๋าอยู่บ้าง
แนวทางของลัทธิขงจื้อภายใต้การนำของขงหยงกำลังต้องการสร้างฐานเสียงและกระแสนิยมให้แพร่หลาย โดยเฉพาะกลุ่มคนปัญญาชนในลัทธิอื่นๆที่ขาดความต่อเนื่องของกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ เหล่าบัณฑิตบางคนที่หวังในชื่อเสียงลาภยศ จึงเริ่มผันเปลี่ยนไปยอมรับนับถือสายขงจื้อแทนก็มี เช่น ยีเอ๋ง เป็นต้น
สุมาเต๊กโชปลอม หรืออินทรีพลังจิต ไม่ได้ห่วงกังวลกับความเคลื่อนไหวเบื้องต้นของกลุ่มคนสายวิชาการมากนัก เพราะยังคงเชื่อมั่นว่า สุดท้ายแล้ว ขุมกำลังดังกล่าวจะเสื่อมโทรมลงไปเองตามการกระทำของคนบางคนในอนาคตอันใกล้ จึงพลอยลดทอนความวุ่นวายภายในสำนักนักปราชญ์ไปจริงๆ แตกต่างจากสมัยที่อาจารย์คันฉ่องวารีตัวจริงยังมีชีวิตอยู่
มันจึงใส่ใจในการปรับเปลี่ยนแทรกซึมของกลุ่มทายาทมังกรของเครือข่ายสุมามากกว่า เพราะเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของคนทั้งหลายนี้ ที่ถูกปกปิดเอาไว้เป็นความลับมาตลอด ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ แต่ทั้งหมดยังคงอยู่ในโครงข่ายที่เชื่อมโยงกันได้ มันจึงปล่อยไปตามเส้นทางของแต่ละคน และคอยรับฟังรายงานที่หลั่งไหลเข้ามาด้วยความสนใจใคร่รู้
จะมีก็เพียงแต่จูกัดเหลียงที่เหมือนหายสาบสูญไปแล้วสักระยะหนึ่ง ไม่มีใครล่วงรู้ว่ามันหายไปในที่ใด หรือว่าเจ้ามังกรหนุ่มแอบก่อเรื่องสร้างแผนการอันใดอยู่
“เวลาพบกับเจ้านายของเจ้าใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว มังกรซ่อนเอ๋ย เจ้ามัวไปเล่นสนุกอยู่หนใดกัน” อินทรีพลังจิตครุ่นคิดด้วยความกังวลใจ
...
ที่จริงแล้ว จูกัดเหลียงย่อมคำนึงถึงขบวนการฟ้าดินที่จูกัดกุ๋ยก่อตั้งเหนือไปกว่าเครือข่ายสุมาอีกทอดหนึ่ง การกระทำของจูกัดเหลียงจึงอาจจะไม่เป็นปกติในแบบฉบับของจารชนสองหน้าที่ไม่แตกต่างไปจากซุนฮก กุนซือค้างคาว กระทำในอดีต
ดังนั้น สองพ่อลูกประเมินว่า เล่าปี่ยังตกระกำลำบากอยู่ที่เมืองซินเอี๋ยไปอีกสักพักใหญ่ หากจะรีบร้อนเข้าไปช่วยเหลือพร้อมกันกับศิษย์พี่รอง ก็ยังหนักแรงและเหนื่อยเปล่า สู้ยอมอดทนรอคอยอีกสักหน่อย ปล่อยให้ตันฮกแสดงฝีมือเปิดทางให้สว่างไปก่อนจะดีกว่า เมื่อโอกาสสุกงอม ค่อยแสดงตนสร้างชื่อเสียง
มันจึงใช้เวลาช่วงต้นไปในการสร้างระบบเครือข่ายให้กับตนเอง โดยส่งจูกัดกิ๋น พี่ชายไปเข้ากับฝ่ายกังตั๋งเป็นไส้ศึกให้กับมันทางหนึ่ง และจูกัดเอี๋ยน ลูกผู้น้องไปเข้ากับฝ่ายโจโฉอีกทางหนึ่ง เพื่อเผื่อไว้เป็นทางถอยให้กับตนเองในอนาคต
หากแม้นวันหน้า เล่าปี่ไปไม่รอด มันก็จะได้อาศัยเส้นทางสายสำรองในการเปลี่ยนฟากเข้าพวกกับซุนกวน หรือโจโฉได้แทน โดยกำกับให้ทั้งสองคนซุกงำประกายไว้บ้าง สร้างผลงานให้แค่พอประมาณ แต่อย่าให้เด่นเกินไปจนเป็นที่สังเกต
รูปแบบเช่นนี้ เป็นเรื่องปกติของการวางรากฐานแบบนักการทูตที่เห็นกันบ่อยครั้งอยู่แล้วในประวัติศาสตร์ แอบอิงอำนาจไว้หลายๆกลุ่ม และพร้อมจะย้ายข้างตามฝ่ายที่ได้ชัยชนะ หรือแม้แต่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามยั้งมือไว้หน้ากันก็เคยมี
นอกจากนั้นแล้ว จูกัดเหลียงยังต้องการให้บิดาหลบซ่อนกายจากแหล่งกบดานเดิม ส่งจูกัดจิ๋น น้องชายไปออกหน้าสร้างหมู่บ้านแห่งใหม่ในหุบเขาใกล้เมืองเกงจิ๋วแทน เพื่อเป็นที่มั่นกองกำลังลับของมัน ยังคงใช้ชื่อเป็นหุบเขามังกรซ่อน และให้จูกัดจิ๋นดำเนินแนวทางเป็นกลาง ไม่ต้องเข้าพวกกับฝ่ายใด แต่ให้สร้างอิทธิพลท้องถิ่น ซ่องสุมกองกำลังไว้ แสร้งทำเป็นมุ่งมั่นเพาะปลูกพืชไร่ ทำการค้าขายให้พอมีชื่อเสียง เผื่อเป็นทางถอยที่สองของมันในอนาคต
หากแม้นการเมืองยุ่งเหยิงเกินการควบคุมแล้ว หุบเขาแห่งนี้จะกลายเป็นที่พึ่งพิงนอกวงการการเมืองได้อีกทางหนึ่ง การวางแผนเช่นนี้ ดุจดั่งกระต่ายที่ต้องมีทางออกหลายโพรงเป็นทางรอดให้กับตนเอง
ทางหนึ่ง มันกระทำตามคำสั่งของเครือข่ายสุมา แต่อีกทางหนึ่ง มันก็เริ่มวางรากฐานสร้างเครือข่ายของตัวมันเอง หากยังร่วมทางเดียวกันตามที่สุมาผู้เฒ่าบอกไว้ ก็แล้วไป แต่หากวันหนึ่งเกิดมีทางแยกยากประสาน มันก็พร้อมจะผลักดันตัวมันเองให้เป็นเอกเทศได้เช่นกัน
ส่วนตัวมันเองก็อาศัยเวลาว่างเปล่าในช่วงนี้ ออกท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวข้อมูล และประสบการณ์ไปตามเมืองต่างๆทางผั่งเสฉวน เพื่อสำรวจภูมิประเทศให้คุ้นเคยไปก่อน รวมทั้งศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าพื้นเมืองตามตะเข็บชายแดนที่ติดกัน ร่ำลือกันว่า ชนเผ่าดังกล่าวไม่ธรรมดา และเพราะมันประเมินว่า ต้องนำพาเล่าปี่มาตั้งหลักปักฐานในฟากฝั่งตะวันตกแห่งนี้อย่างแน่นอน
ในอดีตกาล เล่าปัง ผู้เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ฮั่น เคยใช้ดินแดนฟากนี้เป็นถิ่นฐานที่มั่น สะสมกองกำลังจนแข็งแกร่งค่อยย้อนกลับมากลืนกินแผ่นดินอีกฟากฝั่ง มันเองจึงมองภาพเส้นทางการเดินทัพไว้ให้คล้ายคลึงกัน ชะตากรรมคนแซ่เล่าจะได้ดูเหมือนเป็นฟ้าลิขิต สวรรค์กำหนด
อาศัยกองกำลังของเล่าเปียวและเล่าเจี้ยง ยึดเสฉวนเป็นที่มั่น แล้วใช้เกงจิ๋ว ฮันต๋ง นำกองทัพใหญ่อ้อมเทือกเขาสูง บุกเมืองหลวงพร้อมกันสองเส้นทาง ประดุจกรรไกรตัดเมืองหลวงฝ่ายเหนือให้ย่อยยับในคราวเดียว
…
ระหว่างทางที่สำรวจชัยภูมิประเทศข้ามแม่น้ำลกซุยเลยไปทางหุบเขาลึกลับในมณฑลหนานจงทางใต้ของเสฉวน ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนระหว่างแผ่นดินฮั่นกับพวกชนเผ่าพื้นเมืองนั้นเอง จูกัดเหลียง มังกรซ่อน กลับพบกับเหตุการณ์ประหลาดที่เปลี่ยนแปลงชีวิตและแนวคิดของมันไปตลอดกาล
มันสังเกตพบกับดักทางธรรมชาติที่ดูคล้ายถูกจัดสร้างเอาไว้ตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นพืชพันธุ์พิสดาร สัตว์แมลงพิษร้าย และบึงน้ำมีพิษ ทำให้กระตุ้นความสนใจใคร่รู้ว่า ผู้ใดฝ่ายใดคือคนต้นคิดจัดสร้างสิ่งของเหล่านี้ มันจึงระวังตัวมากขึ้น และเดินรุกล้ำเข้าสู่ดินแดนหวงห้ามอย่างจงใจ
ห่างไกลออกไปสักสิบกว่าวา หญิงสาวผมดกดำเงางาม ใบหน้าสะสวย หากแต่โครงร่างสูงใหญ่ ท่าทางแข็งแรง สีผิวคล้ำเข้ม แต่งตัวในชุดชาวดอยสูงศักดิ์ สวมใส่หมวกขนสัตว์สะดุดตา ผิดวิสัยผู้หญิงชนชาวฮั่นทั่วไป กำลังนั่งคุกเข่าพับเพียบวางเรียงเม็ดหมากล้อมบนพื้นดิน คล้ายกับฝึกฝนการสร้างค่ายกลเจ็ดดาวตามตำราโบราณข้างกายอยู่ตามลำพัง
หากแต่เบื้องหลัง กำลังมีงูพิษตัวเท่าข้อมือเด็ก เลื้อยมาใกล้ไม่ทันรู้ตัว เห็นที สาวงามจะตายเปล่าด้วยอสรพิษอย่างน่าเสียดาย เมื่อผ่านการใคร่ครวญแล้ว มันจึงตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ส่งเสียงตวาดให้รู้ตัว และกำจัดงูร้ายไปในกระบี่เดียว
พอแนะนำตัวต่อกัน นางคือ ฮองเย่อิง นักปราชญ์หญิงผู้ดูแลตำราวิชาการของชนเผ่าพื้นเมืองโบราณ ตำนานของเผ่าม่านอันลี้ลับกล่าวว่า ในอดีตกาล เหล่าผู้นำพาผู้คนที่จงรักภักดีทั้งหลายหลบหนีภัยสงครามทางเหนือเข้ามาอาศัยซ่อนตัวในหุบเขาลึกลับแถบนี้เป็นเวลาหลายชั่วคนแล้ว ควบคุมครอบครัวนายพราน และชนเผ่าท้องถิ่นแดนรกร้างในบริเวณดังกล่าวยึดครองพื้นที่ใช้อาศัย ห้ามยุ่งเกี่ยวกับผู้คนจากแผ่นดินฮั่นอีกตลอดกาล สืบต่อมาถึงปัจจุบัน ก็หลงเหลือกันเพียงสองสามร้อยครอบครัวเท่านั้นเอง ที่กระจัดกระจายกันอาศัยอยู่ในป่าเขา
ช่่วงเวลาที่ผ่านมา ชนเผ่าม่านสร้างแนวกับดักทางธรรมชาติเป็นเขตแดนขวางกั้นเอาไว้ให้เป็นจุดสิ้นสุดความเจริญของอาณาจักรฮั่น คงมีแต่พรานป่าชำนาญเส้นทาง หรือผู้มีวิทยายุทธ์สูงส่ง จึงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่หากเป็นกองทัพ หรือคนธรรมดาไม่ชำนาญเส้นทาง คงยากจะผ่านภูมิประเทศส่วนนี้ไปได้
หากแต่ปัญหาสืบเนื่องได้เกิดขึ้น การที่บรรพบุรุษรุ่นแรกๆนั้นได้สั่งห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก และไม่ให้ลักลอบศึกษาตำราศักดิ์สิทธิ์ประจำเผ่าโดยเด็ดขาด ทำให้วิทยาการบางอย่างถดถอยสูญหายไปบ้าง หรือตกทอดกันอยู่แต่ในครอบครัวบ้างเท่านั้น จนทำให้กับดักทางธรรมชาติต่างๆเริ่มหดหายเสื่อมคลายมนตร์ขลังลงไปตามกาลเวลา เป็นเหตุให้กลุ่มผู้นำเผ่าเริ่มเกิดความกังวลใจ และเปิดโอกาสให้กลุ่มนักปราชญ์ผู้ทรงความรู้ได้กลับมาศึกษาตำราโบราณ หาทางฟื้นฟูกับดัก เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
เนื่องจากฮองเย่อิงเกิดในตระกูลนักปราชญ์ที่มีหน้าที่ดูแลตำราโดยตรง นางจึงมีโอกาสได้ค้นคว้าศึกษาวิทยาการไว้ได้มากที่สุดในชนเผ่านี้แล้ว และกำลังทดสอบวางค่ายกลพิสดารอยู่ตามลำพัง จนได้มาพบเจอกับจูกัดเหลียงตรงนี้
จูกัดเหลียงทดลองสติปัญญา และภูมิความรู้ของเย่อิง กลับพบเห็นความลึกล้ำของวิทยาการต่างๆที่นางมีความชำนาญ เช่น โหราศาสตร์ การแพทย์ ค่ายกล และแบบร่างเครื่องกลพิสดาร เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ ยังเหนือล้ำกว่าวิชาการที่อาจารย์สุมาเต๊กโชและศิษย์พี่ใหญ่เคยสั่งสอนมาก่อน และน่าจะก่อให้เกิดความได้เปรียบในการทำศึกสงครามได้ โดยเฉพาะจะทำให้มันได้เปรียบเหนือทายาทมังกรคนอื่นๆ
มันจึงคิดหาทางอาศัยฮองเย่อิงเป็นตัวเชื่อมในการเข้าไปทำความรู้จักกับชนเผ่าโบราณแห่งนี้ เพื่อค้นหาวิทยาการอื่นๆเพิ่มเติมให้ได้มากที่สุด จนถึงกับต้องวางแผนยินยอมเสี่ยงชีิวิตทำร้ายตัวเองแล้ว
ด้านข้างกาย เป็นเถาวัลย์มีพิษตามตำราที่เคยร่ำเรียนมา มันจึงแอบปล่อยแมงป่องพิษที่เพิ่งจับมาได้วันวาน ให้ออกมาขู่ขวัญนักปราชญ์หญิงก่อน แล้วใช้กระบี่สะบัดสังหาร แต่แสร้งพลาดไปโดนลำต้นของพืชมีพิษร้ายเต็มแรง ทำให้น้ำยาพิษกระเซ็นมาโดนแขนขาลำตัวจนไหม้พุพอง ดูรุนแรงหนักหน่วงกว่าที่จูกัดเหลียงคาดคิดไว้ก่อนด้วยซ้ำ พืชร้ายคงถูกดัดแปลงให้มีพิษร้ายสาหัสกว่าปกติไปแล้ว
ฮองเย่อิงเป็นสาวชาวดอย ย่อมไม่รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมฝ่ายตรงข้าม หลงเข้าใจว่า ชายหนุ่มหวังช่วยเหลือตนเองอีกครั้งจนพลาดพลั้ง ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงยอมฝ่าฝืนกฏประจำเผ่า นำตัวจูกัดเหลียงกลับมารักษาตัวในเขตแดนชนเผ่าม่านลี้ลับ
…
หุบเขาลึกลับอันเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าพื้นเมืองกลุ่มนี้ กลับมีความพิสดารคู่ควรกับคำว่ามังกรซ่อนยิ่งกว่าหุบเขาแห่งใหม่ที่สกุลจูกัดสร้างสรรเอาไว้ในดินแดนภาคกลาง ทางเข้าทั้งถูกปกปิดด้วยแนวเถาวัลย์พิษ ทั้งมีค่ายกลก้อนหินป่าไผ่ซับซ้อน และฝูงสัตว์มีพิษขวางกั้น หากมิใช่มีคนในนำพาเข้ามา เกรงว่า แม้แต่จูกัดเหลียงก็ไม่อาจฝ่าด่านเข้ามาได้เองอย่างปลอดภัย
การปรากฏตัวของชายหนุ่มชาวฮั่น ย่อมเป็นที่ต่อต้านขัดแย้งกับผู้คนชั้นปกครองในชนเผ่า หากแต่ฮองเย่อิงมีศักดิ์ศรีฐานะไม่ต่ำต้อย เพราะเป็นหญิงคู่หมั้นหมายของหัวหน้าชนเผ่า ทำให้ทั้งหมดต้องยินยอมให้คนแปลกหน้ามาอยู่อาศัยรักษาบาดแผลไปก่อน รอให้หัวหน้าชนเผ่าที่ออกไปทำธุระสำคัญในแดนไกลกลับมา ค่อยเปิดประชุมใหญ่ตัดสินใจกันอีกครั้ง
ภายใต้การดูแลรักษาของฮองเย่อิง ฮองเสงหงันพ่อลูก อาการบาดเจ็บของจูกัดเหลียงจึงทุเลาลงอย่างรวดเร็ว พลังฝีมือฟื้นคืนมาได้หลายส่วน และจูกัดเหลียงได้ตระหนักว่า หญิงสาวชาวดอยเริ่มมีใจให้กับตนเอง แต่เพียงติดขัดที่นางมีชายคู่หมั้นตามการจัดการของชนชั้นปกครองทั้งหลายอยู่ก่อนแล้ว และยังเป็นถึงผู้นำของชนเผ่าโบราณนี้ด้วย
แต่ทว่าคนผู้นี้ทั้งดุดันป่าเถื่อน ทั้งโหดเหี้ยมรุนแรง นางจึงไม่ได้ชมชอบพึงใจในคู่หมั้นหมายผู้นี้ แต่หลีกเลี่ยงมิได้ด้วยวัฒนธรรมประเพณี มันจึงมองเห็นโอกาส สามารถใช้กลยุทธ์ “ชายงาม” ล่อลวงให้เย่อิงหลงรัก และชักนำไปสู่ความรู้พิสดารจากตำราโบราณของชนเผ่าพื้นเมืองนี้ด้วยการอาสาแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อพัฒนาปรับปรุงกับดักธรรมชาติทางชายแดนให้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังคงต้องรอการตัดสินใจจากท่านผู้นำซึ่งคงติดธุระสำคัญมาก จนมิอาจแม้แต่ส่งข่าวคราวอันใดกลับมา ดังนั้น จูกัดเหลียงจึงได้แต่คอยติดตามสาวงามไปสำรวจศึกษาตามจุดคับขันต่างๆ และอ่านตำราขั้นพื้นฐานไปพลางๆเป็นการชั่วคราว ท่ามกลางความหวาดระแวงของผู้คนรอบข้าง
ถึงกระนั้น การตอบโต้จากฝ่ายที่ไม่พึงพอใจนั้นก็มีอยู่อย่างชัดเจน นักรบสาวกคนสนิทของผู้นำเผ่าแสดงความเป็นปรปักษ์ต่อหนุ่มชาวฮั่นอย่างเปิดเผย ช่วงเวลาสั้นๆไม่ถึงเดือนที่เข้าไปอยู่อาศัยในหมู่บ้านลึกลับนี้ มันก็ยังถูกก่อกวนด้วยฝูงช้างป่า เสือป่าบ้าง ถูกลอบทำร้ายโดยกลุ่มทหารเกราะหวายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสบ้าง และยังถูกวางยาได้รับพิษร้ายแทรกซึมบ้าง
ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือการสั่งการของชายคู่หมั้นผ่านลูกสมุนคนสนิท จนจูกัดเหลียงรู้สึกถึงความอ่อนด้อยของตนเองเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้านทานไม่ได้ แม้แต่คนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันด้วยซ้ำ พลังฝีมือที่กลับมาได้สักห้าหกส่วน และความเป็นอัจฉริยะทางความคิดที่มันเคยภาคภูมิใจมาตลอดนั้น กลับไม่อาจป้องกันตัวจากการจู่โจมเกิดความคาดเดาของผู้คนเหล่านี้ได้เลยสักครั้ง
โชคดีที่ได้เย่อิงช่วยเหลือเอาไว้ได้ โดยเฉพาะครั้งที่โดนพิษร้าย นางถึงกับยอมเสียสละตนเอง บำบัดพิษร้ายด้วยการสุมควันสมุนไพร จนไอพิษย้อนกลับเข้าสู่ร่างกายของนางแทน ผมที่เคยดำขลับเงางามของนางเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเหลืองแข็งกระด้างแปลกตาออกไป ทำให้นางต้องปกปิดไว้ด้วยการโพกผ้าคลุมหัวราวกับชนเผ่าพื้นเมืองฝั่งตะวันตกแทนการใส่หมวกขนสัตว์ทั่วไปแล้ว
แต่เหตุการณ์ทั้งหลายยิ่งทำให้จูกัดเหลียงได้รู้ซึ้งถึงศาสตร์พิสดารแห่งชนเผ่าเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมสัตว์ป่า สิ่งประดิษฐ์พิสดาร หรือ การใช้พิษร้าย จึงยิ่งเชื่อมั่นในความสำคัญของวิทยาการที่ยิ่งใหญ่นี้ หากแต่ปัญหาติดอยู่ที่ฮองเสงหงัน บิดาของเย่อิงเท่านั้นที่กีดกันหวงห้ามไม่ให้ฮองเย่อิงถ่ายทอดวิชาเหล่านี้ให้มัน จนกว่าจะมีคำอนุญาตจากท่านผู้นำเผ่าเท่านั้น
หลังจากการประเมินสถานการณ์แล้ว มีแต่การยุยงให้นางขโมยตำราวิเศษ และหนีตามเขากลับไปยังดินแดนตงหงวนเท่านั้น จึงจะทำให้มันมีชีวิตรอด และสมหวังในการครอบครองตำราวิชาการดังกล่าว อย่างน้อย กลุ่่มชนเผ่าพื้นเมืองคงไม่กล้าเคลื่อนไหวอุกอาจนอกอาณาเขตของตนเอง
เนื่องจากเย่อิงก็ไม่ได้ชอบพอต่อคู่หมั้นของนางอยู่แล้วเป็นทุนเดิม และจูกัดเหลียงก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่มีอนาคตสดใสไม่น้อย นางจึงฉวยจังหวะที่เหล่าสาวกสำคัญเดินทางไปต้อนรับคู่หมั้นหัวหน้าเผ่ากลับมาจากธุระสำคัญแดนไกล และบิดา ฮองเสงหงันออกไปหาสมุนไพรเพิ่มเติม ตัดสินใจรวบรวมเอาตำราวิชาการขั้นสูงของชนเผ่า หลบหนีออกจากที่พัก ติดตามจูกัดเหลียงไปอย่างง่ายดาย
...
ขณะที่ทั้งสองกำลังหลบหนีผ่านพ้นออกมาจากหุบเขาลึกลับ ปากทางสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านชนเผ่ากับชายแดนรกร้างด้านนอกนั้น ทั้งสองก็รับรู้ถึงการติดตามด้วยกองทัพสัตว์ป่าที่อึกทึกครึกโครมทางด้านหลัง ซึ่งคงจะเป็นชายคู่หมั้น ผู้นำแห่งชนเผ่านำกองกำลังชุดใหญ่ ติดตามมาอย่างแน่นอน
จูกัดเหลียงซึ่งยังอยู่ในช่วงบาดเจ็บ จึงได้แต่วิงวอนให้เย่อิงสร้างค่ายกลปิดทางแคบปากหุบเขา เพื่อสกัดกั้นกองทัพที่ติดตามนั้นไว้แค่ตรงนั้น ทั้งสองจึงได้ยินเพียงเสียงของชายหนุ่ม ว่าที่ผู้นำตะโกนข้ามมาด้วยความคลั่งแค้นใจ
“ฮองเย่อิง จูกัดเหลียง จงฟังไว้ เรา เบ้งเฮ็ก จะไม่ยอมให้พวกเจ้าอยู่อย่างสงบสุขได้ แม้จะต้องใช้เวลากี่สิบปี ชีวิตของผู้คนมากน้อยเพียงไรก็ตาม เราชาวม่านก็จะสร้างกองทัพให้ยิ่งใหญ่ และบุกเข้าไปจัดการกับพวกเจ้าให้ได้ ไอ้พวกหน้าขาวชาวจีน จะต้องพินาศให้หมดสิ้น และเจ้าจะต้องตายในเงื้อมมือของข้าเอง”
ด้วยคำประกาศครั้งนี้เอง ทำให้เบ้งเฮ็กละเลยคำสั่งห้ามของบรรพบุรุษ สั่งให้ลูกน้องคนสนิทในหมู่บ้าน แยกย้ายออกไปควบคุมชนเผ่าท้องถิ่นในแดนใต้กลุ่มอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อสร้างเป็นกองทัพอันเกรียงไกรในดินแดนรกร้างกว้างใหญ่ และตั้งเป้าหมายตามล่ากำจัดชนชาวฮั่นที่มาหยามน้ำใจกันเช่นนี้ในอนาคต มันไม่อาจให้ผู้อื่นมาทำลายศักดิ์ศรีความเป็นผู้นำของมันเช่นนี้ได้
ชนเผ่าม่านจึงเปิดเผยตัว และขยายอิทธิพลครอบคลุมชนเผ่าพื้นเมืองหลายสิบกลุ่มชนในดินแดนทางใต้ไปอย่างรวดเร็ว จนยกระดับกลายเป็นเมืองใหญ่ มีอิทธิพลเหนือเมืองอื่นๆในทางตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนฮั่น และก่อตั้งเป็นอาณาจักรขึ้นใหญ่โต ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นจากความขัดแย้งของคนทั้งสองในครั้งนี้
โชคชะตาช่างเล่นตลกให้คนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลยสองคน กลายมาเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน นำความแค้นส่วนตัวไปขยายเพิ่มจนเป็นชนวนศึกสงครามล้างเผ่าพันธุ์อย่างรุนแรงในอนาคตไปได้
…
เบ้งเฮ็ก ผู้นำเผ่าม่าน เป็นหนุ่มใหญ่วัยเกือบสามสิบปี ที่จริงแล้ว ถึงกับมีวันเดือนและเวลาเกิดตรงกันกับจูกัดเหลียง แตกต่างกันเพียงแค่ปีเกิดเท่านั้น และเผอิญเป็นปีนักษัตรที่ขัดแย้งกัน ราวกับฟ้ากำหนดไว้แล้วให้คนทั้งสองคนต้องมาเป็นคู่แค้นคู่อาฆาตที่มีพื้นฐานสติปัญญาทัดเทียมกัน
เบื้องต้นที่ผู้นำชนเผ่าลึกลับหายหน้าไปเป็นเวลานาน เพราะได้รับเบาะแสสำคัญในการค้นพบขุมทรัพย์ของอาณาจักรเก่าแก่นามว่า เพงาย ที่เคยรุ่งเรืองอย่างยิ่งในอดีต ภายในขุมทรัพย์ไม่เพียงแต่จะเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติมากมายที่เพียงพอต่อการก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาใหม่เท่านั้น หากแต่ยังมีคทาทองคำ ประกาศิตสูงสุดตามตำนานที่กษัตริย์เพงายเคยใช้สั่งการเหนือชนเผ่าท้องถิ่นกลุ่มต่างๆ
ดังนั้น เมื่อถึงเวลาอันสมควร เบ้งเฮ็กจึงปรับเปลี่ยนชนชั้นปกครองให้เป็นกลุ่มนักรบเบญจพิษ เทียบเท่าผู้อาวุโสประจำเผ่า และอาศัยประกาศิตคทาทองคำ ประสานความสัมพันธ์กับเจ้าเมืองอื่นๆตามคำทำนายโบราณที่กล่าวถึง “ผู้ถูกเลือก” และการกอบกู้อาณาจักรเพงายที่เคยล่มสลายด้วยฝีมือชาวฮั่น ให้กลับขึ้นมายิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยครั้งนี้ เบ้งเฮ็ก ผู้นำเผ่าม่าน จะดำรงตำแหน่งเป็นกษัตริย์องค์ใหม่
…
เมื่อกล่าวถึงคนที่ขัดแย้งกันด้วยชะตาลิขิต กลับมีอีกคู่หนึ่งที่เกิดในดวงชะตาเดียวกัน คนหนึ่งเป็นคนในตระกูลใหญ่ วางแผนหวังจะเป็นขุนพลในสังกัดเจ้านครปักเป๋งที่โด่งดัง หากแต่กลับมีชายหนุ่มจากเขาเสียงสานโผล่เข้ามาสอดแทรกเส้นทางการเมือง ช่วงชิงตำแหน่งที่หมายปองไปเสียก่อน ทำให้แผนการผิดเพี้ยนจนหมดสิ้น ไม่อาจเข้าถึงกองทัพม้าขาวดั่งที่ตั้งใจไว้
ตัวมันเองจำต้องระเห็จออกไปแดนไกลกันดาร รับตำแหน่งเป็นราชครูต่างถิ่นแทน ในขณะที่คนผู้นั้นยึดครองตำแหน่งขุนพลม้าขาวไปแทน สร้างชื่อเสียงเลื่องลือในระดับหนึ่ง และความเหมือนที่คล้ายลิขิตสวรรค์ล้อเล่นพวกมัน ก็คือ คนผู้นั้นใช้นามแฝงว่า จูล่ง (ทายาทแห่งมังกร) ส่วนตัวมัน เดิมชื่อ ล่ง คำเดียว จึงใช้ชื่อท้องถิ่นว่า จีหรง (มังกรผู้มีปัญญา) ซึ่งล้วนแต่เป็นเผ่าพันธุ์มังกรเช่นกันโดยบังเอิญ
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 3 - มังกรจ้าวบูรพา
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย