6 เม.ย. 2021 เวลา 10:57 • นิยาย เรื่องสั้น
The Adventures of จ.Jump ตอน รถจอดน่าสงสัย
สวัสดีพ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายานลูกหลานเหลนโหลนทุกท่านกับผมนายจั๊มพ์ครับ หลังโกงความตายหนีคมเขี้ยวฉลามมาได้ คราวนี้พิกัดเกิดเรื่องหาได้ต้องไปไกลเหมือนตอนที่แล้วไม่ เพราะระหว่างทางทุกเช้าที่ไปทำงานหนีไม่ห่างจากตรอกห้ามหันหลังกลับ รถที่ไม่รู้ใครเป็นเจ้าของชวนให้ผมหวั่นวิตกกริ่งเกรงว่าภายในที่มองไม่เห็นจากภายนอกได้ซุกซ่อนอะไรไว้ ซึ่งหากผู้ใดอยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อต้องตามอ่านกับตอนนี้ที่ชื่อว่า รถจอดน่าสงสัย
1
ช่วงเวลาตอนตื่นนอนเป็นอะไรที่ยากลำบากเหลือหลายสำหรับผม เพราะกว่าที่ดวงตาจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพต้องผ่านการโดนน้ำเย็นจากก๊อกน้ำไหลผ่านซักระยะ
1
ซึ่งบางวันแม้หน้าจะเปียกซ่กก็มิอาจต้านความงัวเงียที่เกิดจากการนอนดึกไปได้
เพราะงั้นเวลาออกจากบ้านไปทำงานผมจึงหลับตาปี๋จนกว่าพ่อจะไปส่งถึงสถานีรถไฟใต้ดิน
1
แต่ใช่ว่าทุกวันตอนเช้าของผมจะมืดบอด เนื่องจากพฤติกรรมของบิดามักจะขับรถมาส่งด้วยการไม่เปิดแอร์เป็นประจำ
1
ผมเลยต้องจำใจลืมตาข้างสองข้างมองมือที่เข้าเกียร์เมื่อไหร่จะเปลี่ยนมากดเปิดเครื่องปรับอากาศในรถ
ซึ่งบางวันบอกเลยแค่เวลา 10-15 นาทีที่นั่งรถจากบ้านออกมาปากซอยเหงื่อกาฬก็ไหลรินยิ่งกว่าไปวิ่งออกกำลังกายซัก 30 นาทีอีก
เหตุนั้นในกระเป๋าเสื้อผมจึงต้องพกผ้าเช็ดหน้าติดตัวไว้ตลอดเวลาเพื่อจะได้ซับเหงื่อที่ผุดพรายออกมาจากผิวหนัง
โดยจังหวะส่วนใหญ่ที่ร่างกายเริ่มขับเหงื่อออกมาคือตอนที่รถมักแล่นผ่านสามแยกถัดจากสี่แยกที่ต้องเลี้ยวขวาก่อนสองที
ความที่เกิดขึ้นบ่อยจนสังเกตรับรู้ได้ร่างกายผมจึงเกิดปฏิกิริยาอัตโนมัติตาแหกเองโดยไม่ได้ตั้งใจตอบสนองเร้าต่อนิ้วมือข้าวขวาที่เลื่อนจับผ้าเช็ดหน้ามาลูบไล้ใบหน้า
1
ทว่าทุกครั้งที่เกิดเหตุทำนองนี้มักทำให้ผมมองรถที่จอดคาอยู่ในซอยสามแยกด้วยอารมณ์พลางสงสัยไยพาหนะคันนี้ถึงไม่เคยเห็นไปจอดตรงอื่นบ้าง
ครั้นเลิกงานกลับถึงบ้านเจ้ารถคันเดิมก็หาได้เคลื่อนย้ายหรือจากไปไหน
ไม่ว่าจะวันธรรมดา วันเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่าง ๆ มันยังคงจอดคาติดอยู่ริมบ้านของใครบ้างคน
แม้จะดูเหมือนเจ้าของรถไม่ใคร่สนใจใยดี แต่ผมกลับไม่เคยเห็นเลยว่ารถคันดังกล่าวจะมีฝุ่นเกาะหรือคราบน้ำฝนเหลือทิ้งไว้เลย
นับว่าแปลกมากสำหรับยานพาหนะที่จอดอยู่เหนือใต้อาคารร่มเงาของตึกหรือพุ่มไม้ขนาดใหญ่
เหตุนั้นเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบ 4 เดือนเห็นจะได้ผมถึงสังเกตเห็นความผิดปกติเกี่ยวกับตัวรถที่ยลโฉมออกมา
ภายนอกหากมองผ่าน ๆ คงไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะประหลาดตรงไหน เพียงแต่ถ้าคุณหมกมุ่นพอหรือเป็นคนชอบมองในจุดที่ไม่มีใครสนใจ คุณจะเห็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างต่างรุมเร้าโบยบินเกาะติดแถวหน้าต่างและตัวรถ
แวบแรกที่เห็นผมนึกว่าเกิดจากขี้ตากระเด็นออกไม่หมดในตอนล้างหน้า ทว่าพอถึงอีกวันตอนรุ่งขึ้นถึงกระจ่างว่าพวกมันคือฝูงแมลงวันที่รุมตอมรถกันจ้าละหวั่น
ผมอดคิดไม่ได้อะไรคือสาเหตุความพิลึกกึกกือที่ชวนให้แมลงวันมาบินรายล้อมรถที่จอดไม่ไปไหน
และด้วยการกลั่นกรองใช้สมองคิดแทบจะทั้งวันทำงานแบบผิด ๆ ถูก ๆ ผมจึงสรุปได้อย่างเดียวว่ามันต้องมีศพคนตายอยู่ในรถแหง
ถึงสมมุติฐานจะลุล่วงมีความเป็นไปได้มากกว่า 80 % แต่ตราบใดที่ยังไม่ถึงวันหยุดผมก็ไม่อาจพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่อยู่ในหัวได้ เพราะความเหนื่อยจากการยืนทำงานมันล้าขนาดที่เผลอหลับระหว่างทางกลับบ้าน
ในที่สุดเมื่อวันหยุดมาถึงผมก็พร้อมจะออกไปตะลุยกับความแคลงใจที่เก็บไว้กว่า 3 วัน
กระนั้นใช่ว่าตื่นแล้วจะออกไปได้ทันทีเพราะผมต้องรอพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าก่อนถึงจะขี่จักรยานไปส่องได้โดยไม่โดนใครสังเกตเห็น
เมื่อความมืดเข้าครอบงำบดบังประสาทสายตาให้ถอยลงผมก็รีบปั่นจักรยานไปหารถที่จอดทิ้งไว้พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ที่ใส่ไว้ในตระกร้าข้างหน้า
ตอนที่ปั่นมาถึงรถยังคงอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน และที่ไม่ได้ไปไหนอีกอย่างก็คือฝูงแมลงวันที่บินให้เห็นลาง ๆ
จังหวะที่เอาจักรยานไปจอดพักไว้ผมก็เริ่มได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยโชยออกมาจากตัวรถที่หุ้มด้วยฟิล์มกันแดดหนาทึบมองไม่เห็นข้างใน
ผมพยายามเข้าใกล้ใช้สายตาเพ่งพินิจติดขอบกระจกรถ ทว่าด้วยความมืดจากรอบข้างและตัวฟิล์มกรองแสงจึงยากที่มองทะลุผ่านได้
ที่ยากยิ่งกว่าคือต้องกลั้นหายใจระหว่างเข้าใกล้รถ เพราะกลิ่นเหลือร้ายเป็นพิษภัยเล่นเอาผมสำลักความเหม็นไปหลายรอบกว่าจะทำใจยื่นหน้าไปมอง
ถึงจะโชคร้ายด้านกลิ่นหาอะไรมาปิดจมูกไม่ได้แต่โชคยังดีอุปกรณ์ที่หยิบติดมือมามีไฟฉายกำลังสูง ให้แสงสว่างแรงขนาดทำคนหรี่ตาไม่กล้ามองซึ่ง ๆ หน้าต่อเครื่องมือชนิดนี้
พอเปิดไฟฉายนำไปส่องที่ด้านข้างคนขับหาได้มีอะไรแปลกประหลาดนอกจากเบาะที่ว่าง แต่พอเปลี่ยนมุมมาเท่านั้นแหละผมก็เห็นข้าวของระเกะระกะวางกองสุมอยู่ใต้เบาะหลัง
ทว่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจเนื่องจากบางครั้งเวลาอาศัยรถเพื่อนติดกลับบ้านจะเห็นข้าวของวางเกลื่อนกลาดในทำนองนี้ตลอด
โดยจุดที่แตกต่างระหว่างรถเพื่อนกับรถตรงหน้ามีมือที่เผยออกมาจากซากที่วางทับถมโผล่ออกมา
ไม่รอช้าเมื่อรู้ว่ามือที่เห็นในรถไม่ไหวติง ผมรีบวิ่งไปหยิบประแจในตะกร้าหน้าจักรยาน เหวี่ยงเต็มแรงทุบกระจกไม่หยั่งจนเศษกระจกร่วงกราว
ครั้งไม่มีอะไรมาขวางกั้นจากการกู้ภัย ผมรีบเอื้อมมือข้ามไปปลดล็อกเปิดประตูออก เร่งช่วยคนที่จมอยู่กับซากข้างใน
ท้ายที่สุดหลังจากขนข้าวของโยนออกไปนอกรถจนหมด สิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างใต้คือภาพที่ชวนตกตะลึงกับเสียงสัญญาณเตือนภัยที่ดังค้างปลุกความสนใจรอบข้างให้มาล้อมวงภายใต้รถที่จอดคา
***เฉลยปม***
หลังเสียงสัญญาณเตือนภัยหยุดลงเมื่อเจ้าของออกมาปิดสัญญาณ
ผมแทบจะใจหายเมื่อรู้ว่ามือที่มองเห็นภายนอกเป็นเพียงถุงมือแบบที่หมอสวมกัน
1
เพราะเหตุที่เข้าใจผิดผมพยายามอธิบายกับตำรวจที่พึ่งมาสมทบเหตุการณ์ในภายหลังให้ทราบ
โดยพยายามใช้คำพูดให้ตัวเองดูดี ปัดความผิดให้เจ้าของรถด้วยการชี้ไปที่ฝูงแมลงวันสาธยายความน่าจะเป็นจากการอาจมีศพเก็บไว้ข้างใน
แม้ชาวบ้านและตำรวจจะเข้าใจกับความหวังดีที่ผมมีให้กับสังคม แต่ทางฝั่งเจ้าของกลับไม่รับฟังพร้อมแจ้งความดำเนินผิดแก่คนที่ก่ออาชญากรรม
1
ซึ่งหลังจากเดินทางไปสถานีและเสียค่าปรับในการทุบกระจกรถชาวบ้านเรียบร้อย
ปริศนาที่แมลงวันรวมตัวเกาะกลุ่มบนรถก็กระจ่าง เพราะระหว่างทางทั้งผมทั้งตำรวจทั้งชาวบ้านต่างปิดจมูกกั้นหายใจอัดอั้นความเหม็นที่ลอยฟุ้งออกมาจากข้าวของในตัวรถและจากกลิ่นตัวผู้เป็นเจ้าของ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา