เป็นเวลาเกือบ 1 ศตวรรษที่ดยุคแห่งเอดินบะระ หรือที่เราคุ้นหูกันในชื่อของเจ้าชายฟิลิป โลดแล่นถนนแห่งชีวิต เริ่มต้นจากการเป็นราชนิกุล ระหกระเหินลี้ภัยการเมืองข้ามประเทศ เป็นทหารเรือในราชนาวีอังกฤษ สละฐานันดรกลายเป็นสามัญชนข้าแผ่นดินอังกฤษเพื่ออภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธ
ชะตาฟ้าลิขิตให้เจ้าหญิงองค์นี้ได้ขึ้นครองราชย์ นับแต่นั้นมาเจ้าชายฟิลิปปฏิญาณตนที่จะเป็นคู่ชีวิต ที่ปรึกษา ผู้ติดตาม การปกครองราชอาณาจักรของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ด้วยความรักและเสียสละ
ตลอดระยะเวลา 74 ปี ที่ช่วยแบ่งเบาพระราชภารกิจในทุกด้านจวบจนวาระสุดท้ายของพระองค์ มาในวันนี้ที่ไม่มีเจ้าชายฟิลิปอีกต่อไป สถานการณ์ของราชวงศ์ย่อมเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นอย่างแน่นอน
แต่แรงกระเพื่อมลูกนั้นอาจไม่ได้ส่งผลรุนแรงน่ากังวลมากนักหากพิจารณาว่า ตัวเจ้าชายฟิลิปเองได้เกษียณจากราชการมาได้ 4 ปีแล้ว และทางสำนักพระราชวังอังกฤษได้มีการตระเตรียมความพร้อมประปรายสำหรับการ “เปลี่ยนผ่าน” รัชสมัยเป็นที่เรียบร้อย
ขณะที่พระราชินีจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพระมหากษัตริย์ในช่วงเวลาของการไว้ทุกข์ แต่หลังจากนั้นมีการคาดหมายกันว่าจะถึงเวลาที่รัชทายาทสืบทอดทั้งสองรุ่นเข้ามาทรงงานหลัก ๆ แทน เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ราบรื่นในระยะยาว
https://www.silpa-mag.com/culture/article_22739
เจ้าชายชาร์ลส์แห่งเวลส์พระราชโอรสองค์โตของพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 กับเจ้าชายฟิลิป (ลำดับสืบสันตติวงศ์หมายเลข 1): หลังจากครองตำแหน่งการเป็นมกุฏราชกุมารที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ เจ้าชายชาร์ลส์ได้เริ่มกระบวนการรับหน้าที่บางอย่างเช่น ทรงเสด็จแทนพระองค์ไปวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์รำลึกวันรำลึกทหารหาญ เสด็จแทนพระองค์ไปเป็นพิธีเปิดงานราษฎร์ งานหลวง ตลอดจนการเสด็จเยือนต่างประเทศ
แต่ถึงกระนั้นควีนเอลิซาเบธที่สอง พระราชมารดาที่มีพระชนมพรรษา 94 พรรษา ไม่ทรงมีวี่แววว่าจะวางมือง่าย ๆ หนำซ้ำยังเตรียมจัดงานใหญ่ฉลองการครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ ครบ 70 ปี ในปีหน้าอีก
สาเหตุหลัก ๆ ที่พระราชินียังมีท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้อยู่นั้น ส่วนหนึ่งคือ “ความไม่ไว้เนื้อเชื่อพระทัยในตัวเจ้าชายชาร์ลส์” แม้ตัวพระราชินีเองจะทราบดีว่าเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างน้อยที่สุดก็ขอเล่นเกมประวิงเวลานี้ออกไปให้นานที่สุดก่อน
เพราะปัจจุบันคะแนนนิยมในตัวเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ถดถอยเป็นอย่างมากจากอุปนิสัยส่วนตัวและการขาดบารมีในการปกครอง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายถึงการอยู่รอดของสถาบันกษัตริย์ในโมงยามที่คนรุ่นใหม่ไม่รักใคร่ผูกพันใดๆ ด้วยสักเท่าไหร่
https://www.marieclaire.com/celebrity/a31876779/prince-william-day-he-dreaded-most-coronavirus/
เจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ เป็นพระราชโอรสองค์โตของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับ เลดี้ไดอาน่า สเปนเซอร์ และเป็นพระราชนัดดาของพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 กับเจ้าชายฟิลิป (ลำดับสืบสันตติวงศ์หมายเลข 2)
แสงสปอตไลต์จึงฉายลงมายังที่เจ้าชายองค์นี้ จากฐานความนิยมตั้งแต่สมัยพระมารดาเลดี้ไดอาน่า ที่ส่งผ่านความเป็นกันเองและการเข้าอกเข้าใจประชาชน รวมถึงความพยายามในการปรับตัวให้สอดคล้องกับความคาดหวังใหม่ๆ จากประชาชน
เรื่องเหล่านี้คือสิ่งที่เจ้าชายวิลเลียมมี ในขณะที่พระราชบิดาของตัวเองยังขาดไป อาจเพราะตัวพระบิดา เจ้าชายชาร์ลส์เติบโตมาแบบมีหัวโขนคอยเหนี่ยวรั้ง เต็มไปด้วยแรงกดดันถาโถมรอบทิศ
ดยุคแห่งเคมบริดจ์ได้ออกจากงานในตำแหน่งนักบินค้นหากู้ภัยเพื่อย้ายครอบครัวเล็ก ๆ ของเขากลับไปลอนดอนตั้งแต่ปี 2560 เพื่อทำงานให้ราชวงศ์เต็มเวลา
ซึ่งในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้มักมีกระแสข่าวลือออกมาเรื่อย ๆ ว่า “เจ้าชายชาร์ลส์อาจจะหลีกทางให้พระโอรส เจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทอันดับสอง ขึ้นสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากควีนเอลิซาเบธที่สองแทนพระองค์ เพื่อความอยู่รอดของสถาบัน”
จริงแท้แค่ไหนเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์
https://www.matichon.co.th/lifestyle/news_1303613
เจ้าหญิงแอนน์พระราชกุมารีเพียงพระองค์เดียวของพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 กับเจ้าชายฟิลิป (ลำดับสันตติวงศ์หมายเลข 15)
หลายท่านอาจสงสัยว่าเจ้าหญิงแอนน์เป็นถึงพระราชบุตรองค์ที่ 2 ที่ประสูติตามหลังเจ้าชายชาร์ลส์ออกมาเพียงแค่ 18 เดือนแต่ทำไมลำดับสืบทอดราชบัลลังก์ในปัจจุบันถึงหลุดไปไกลถึงที่ 15
นั่นก็เพราะตามกฎมณเฑียรบาล จะให้สิทธิบุรุษสืบราชสมบัติก่อนหน้าสตรี และหากบุรุษคนไหนให้กำเนิดโอรสหรือธิดา ลำดับศักดิ์นั้นก็จะลัดคิวแทรกเข้ามาได้เสมอ ทำให้เจ้าหญิงแอนน์ถูกพี่น้องผู้ชาย และลูกหลานผู้ชาย ผู้หญิงของทุกพระองค์แซงลำดับไปทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่า เจ้าหญิงแอนน์คือลูกคนโปรดของเจ้าชายฟิลิป เพราะในอุปนิสัยที่คล้ายกัน เด็ดเดี่ยว กล้าคิดกล้าทำ เสมือนเป็นด้านกลับของเจ้าชายชาร์ลส์ที่จะค่อนข้างนุ่มนวลและอ่อนโยนกว่า ชนิดที่เคยมีบทความเขียนทำนองว่า “เจ้าหญิงแอนน์คือลูกชายในอุดมคติที่เจ้าชายฟิลิปอยากจะมี”
เจ้าหญิงไม่ชอบตกเป็นข่าวเมาท์ในสังคม เป็นหนึ่งในผู้ปิดทองหลังพระให้กับตระกูลนี้ ไม่ชอบได้รับความสนใจจากสื่อ ชอบทำงานรับใช้อยู่เงียบ ๆ และได้รับความรัก ความเคารพจากคนที่เห็นคุณค่าในตัวเจ้าหญิงจริง ๆ มากกว่า
แต่นั่นก็เป็นข้อโต้เถียงถึงลักษณะนิสัยที่เหมาะสมในการขึ้นมาครองราชย์ในปัจจุบัน เพราะโดยพื้นฐานแล้วเจ้าหญิงแอนน์จะค่อนข้างมีความ “อนุรักษ์นิยมสูง” สนใจที่ผลลัพธ์มากกว่าความรู้สึก ไม่ค่อยชอบการเปลี่ยนอะไรที่ฉับพลันเหมือนในปัจจุบัน เหมือนที่เคยออกมาเตือนราชวงศ์รุ่นหลัง (คาดว่าพุ่งเป้าไปที่เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล) ว่า “ให้ยึดแนวปฏิบัติดั้งเดิม ในเมื่อมันดีอยู่แล้ว”
กระนั้นก็ดี ในขวบปีที่ 70 หลังจากการจากไปของพระบิดาอันเป็นที่รัก เจ้าหญิงแอนน์ก็ยังคงยืนหยัดช่วยงานพระราชกรณียกิจให้กับราชสำนักอังกฤษต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน
เดี๋ยวกลับมาพบกับท่าทีและบทบาทของสมาชิกราชวงศ์ที่เหลือได้ใน Part 2 นะครับ
- 8
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
