22 เม.ย. 2021 เวลา 04:28 • นิยาย เรื่องสั้น
ปรัชญารถไฟเหาะตีลังกา
ผมยืนงง ๆ อยู่หน้าชานชาลารถไฟ
มีรถไฟรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดมากมาย
จอดเรียงรายเต็มไปหมด
บางขบวนสีสันสดใสแสบตาเหมือนแสงของนีออน
บางขบวนใสโปร่งแสงเหมือนหลอดแก้ว
บางขบวนรูปร่างคล้ายรถไฟเหาะตีลังกา
1
ผมกำตั๋วรถไฟในมือไว้แน่น
เมื่อต้องเดินผ่านรถไฟที่น่าตื่นตาตื่นใจเหล่านั้น
"ถ้าชีวิตคือการเดินทาง
ขอเดินทางด้วยรถไฟธรรมดานี่แหล่ะ
ปลอดภัยที่สุดแล้ว" ผมรำพึงกับตัวเอง
ผมขึ้นรถไฟคันเดิม
นั่งที่นั่งเดิมติดหน้าต่างเดิม
มองภาพวิวเดิมทุกวัน
แม้จะมีบางครั้งที่หัวใจกระซิบให้ผม
ใช้ชีวิตหวือหวาตื่นเต้นบ้าง
แต่สมองมักจะเป็นฝ่ายเสียงดังกลบทุกที
" ชีวิต​นายแค่ต้องการพื้นที่ที่ปลอดภัย
พื้นที่ที่คุ้นเคย​ เดาได้​ ควบคุมได้​ จำไว้"
ผมสะดุ้งจากภวังค์ความคิด
ไม่ทันสังเกตว่ามีผู้ชายคนนึง
มานั่งฝั่งตรงข้ามผมตั้งแต่เมื่อไหร่
“พร้อมไหม” เขาจ้องมาที่ผมแล้วยิ้มให้
“หืม” ผมมองไปซ้ายขวาสงสัยว่าเขาพูดกับใคร
แต่ทั้งโบกี้นี้ไม่มีใครเลยนอกจากผมและเขา
ทันใดนั้นเอง ก็มีเหล็กหนารูปตัวยูคร่อมลงมาล็อกตัวผมกับเก้าอี้ไว้
ราวกับว่าผมกำลังนั่งรถไฟเหาะตีลังกาอยู่
“จับแน่นๆนะ” เขาพูดต่อ
“จับอะไร” ผมถาม
“3...2...1...Ready Go!” เขาพูดต่อ
“เฮ้ย!” ผมตกใจลนลาน
จู่ๆรถไฟก็กระชากความเร็วพุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
ผมกำเหล็กตัวยูที่คร่อมร่างผมไว้แน่น
ปากร้องตะโกนให้คนช่วย
รถไฟยังคงพุ่งสูงขึ้น สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
ชายที่อยู่ตรงหน้าผม ทำสีหน้าราบเรียบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นี่คุณทำบ้าอะไร ปล่อยผมลงไปเดี๋ยวนี้”
ผมจ้องเขม็งไปที่เขา
“ใจเย็นๆ สูดลมหายใจลึกๆ” เขากล่าว
“เย็นบ้าอะไร ปล่อยผมลงไปเดี๋ยวนี้”
ผมตะโกนใส่เขาด้วยความโกรธ
“ผมทำอะไรไม่ได้ ผมไม่ใช่คนควบคุมรถไฟนี้”
เขาพูดยียวน
“งั้นใครเป็นคนควบคุมรถไฟนี้” ผมโกรธหน้าแดง
“โชคชะตา” เขายิ้มก่อนตอบ
ทันใดนั้นเองรถไฟก็ทิ้งตัว
วูบหล่นลงมาจากบนท้องฟ้า
ก่อนจะม้วนตัวหมุนกลิ้งหลายตลบ
วนเหมือนเกลียวริบบิ้นที่ติดอยู่บนกล่องของขวัญ
“ไอ้โชคชะตาเฮงซวย หยุดเดี๋ยวนี้”
ผมหลับตาปี๋
เหมือนคลื่นที่พัดหาฝั่ง
รถไฟยังคงหมุนเกลียวอีกหลายตลบไม่สิ้นสุด
“โธ่เอ๊ย...รู้งี้ไม่น่าขึ้นมาเลย”ผมยังสบถต่อไป
“รู้งี๊ ก็พูดแบบนี้กันทุกคนแหล่ะ”
เขายังกวนประสาทต่อ
“ได้ยินไหม บอกให้หยุด” ผมหลับตาตะโกนสุดเสียง
ได้ผลรถไฟหยุดลอยอยู่บนท้องฟ้า
แต่แค่ชั่วขณะ
ก่อนจะทิ้งตัวหมุนเกลียวย้อนกลับลงไปอีกด้านนึง
“โอ๊ย....ไม่ไหวแล้ว” ผมเริ่มผะอืดผะอม
“สูดลมหายใจลึกๆ
จัดการในสิ่งที่จัดการได้
ปล่อยวางในสิ่งที่จัดการอะไรไม่ได้” เขากล่าว
“จะมาปรัชญาอะไรตอนนี้ ไม่ไหวแล้วโว้ย”
ผมด่าสวน
“ไม่ไหวก็แค่ไม่ไหว ยอมปล่อยให้มันเป็นไป”
เขายังพูดนิ่งๆ ต่อไป
“โอ๊ย จะให้ยอมอะไรล่ะ
ผมแค่อยากให้มันหยุดตอนนี้โว้ย” ผมเริ่มสติแตก
“แล้วมันหยุดให้ไหมล่ะ” เขาพูดสวน
“ไม่” ผมลืมตามองไปที่ชายคนนั้น
“นั่นน่ะสิ
แล้วจะไปจัดการในสิ่งที่จัดการไม่ได้ทำไมล่ะ”
เขาพูดเสียงราบเรียบ
“แล้วอะไรที่เราจัดการได้ล่ะ” ผมถาม
“หัวใจเราไง” เค้ายิ้ม
ทันใดนั้นเองรถไฟก็เบรคหยุดกระทันหัน
ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์
ผมลืมตามา
หันมองซ้ายขวา
รีบสำรวจตัวเอง
สำรวจรอบข้าง
ไม่มีเหล็กตัวยูที่ล็อกผมเอาไว้
ไม่มีผู้ชายที่นั่งตรงข้าม
ไม่มีอะไรเลย
มีแต่เพียงความคิดของผมเท่านั้นกับเสียงประกาศ
"ถึงสถานีปลายทางแล้ว
ผู้โดยสารทุกท่านกรุณาลงจากรถไฟ
ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ"
1
ก่อนที่รถไฟคันนั้นได้แล่นจากไป
ผมถอนหายใจโล่งเฮือกใหญ่
เดินลงมาซื้อตั๋วต่อรถไฟขบวนถัดไป
"ตั๋วธรรมดาไม่เอาพิเศษนะครับ" ผมย้ำคนขายตั๋ว
"ต่อให้สั่ง​ธรรมดา
ชีวิตก็มักจะแถมความผกผันมาให้เสมอแหล่ะ"
คนขายตั๋วที่หน้าตาคล้ายชายบนรถไฟยื่นตั๋วให้ผม
"ขอให้สนุกกับการเดินทาง" เขายิ้ม
1
ผมยิ้มตอบ
คว้าตั๋วแล้วก้าวขึ้นรถไฟที่กำลังจะแล่นออกไป
=====================
คำ : สาระ : ภาพ​ 10
ทาเบบี้ไมม์
05-04-21
#ปรัชญารถไฟเหาะตีลังกา
#คำ_สาระ_ภาพ
#ทาเล่นโชว์
ปรัชญารถไฟเหาะตีลังกา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา