18 พ.ค. 2021 เวลา 12:30 • สุขภาพ
CDC บอกว่าโควิดติดได้แบบ airborne แล้วควรทำอย่างไร?
CDC หรือ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของอเมริกาได้อัพเดทล่าสุดเกี่ยวกับการแพร่เชื้อของโควิด เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2021 ที่ผ่านมาว่ามีโอกาสที่เชื้อจะสามารถแพร่ผ่านทางอากาศได้ไกลกว่า 6 ฟุต หรือ 1.8 เมตร
1
ความจริงนี่ไม่ใช่เรื่องเกินคาด เพราะมีหลักฐานจากงานวิจัยตั้งแต่ปลายปีที่แล้วที่ทำให้นักวิจัยคาดว่าเชื้อโควิดน่าจะกระจายทางอากาศได้ไกลกว่าที่คิดไว้ตอนแรก เพียงแต่ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่นอน เพราะโควิดเป็นเชื้อไวรัสโคโรนาที่ก่อโรคโดยตรงกับระบบทางเดินหายใจและทำให้ปอดอักเสบเหมือนกับซาส์และเมอส์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งซาส์และเมอส์ไม่ได้เป็นโรคที่ CDC ประกาศให้เป็น Pandemic หรือ โรคระบาดที่แพร่กระจายไปทั่วโลกแบบโควิดเพราะสามารถจำกัดวงระบาดและยุติการระบาดได้เร็ว จึงยังไม่มีข้อมูลศึกษามากนัก
2
เพียงแต่โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ ก็เป็นเรื่องปกติที่เชื้อจะสามารถแพร่ออกจากจมูกและปาก ทั้งผ่านทางการสัมผัสจากมือโดยตรง หรือ ผ่านจากสารคัดหลั่งที่ออกจากจมูกและปาก เช่น น้ำมูก, น้ำลาย เป็นต้น
4
ดังนั้น ความเข้าใจแรกเกี่ยวกับการแพร่เชื้อของโควิดจึงเข้าใจว่าเป็นการแพร่ผ่านละอองฝอย (Droplets) ที่ออกมาจากปากกับจมูก ซึ่งส่วนใหญ่ละอองฝอยพวกนี้จะหนัก เป็นเม็ดใหญ่ เดินทางในอากาศได้ไม่ไกลก็จะตกพื้นภายในหลักวินาทีหรือนาที ทำให้ระยะทางในการแพร่กระจายไม่กว้าง
4
เปรียบเทียบกับเชื้อที่ก่อโรคแบบ airborne ซึ่งมักจะเป็นละอองฝอยเล็ก (Aerosol particles) เมื่อละอองฝอยระเหยแห้งไปแล้ว ยังสามารถเดินทางไปกับอากาศได้เป็นระยะไกลหลักนาทีถึงหลายชั่วโมง และสามารถก่อโรคได้ผ่านทางการหายใจเอาเชื้อเข้าไป เช่น หวัด, ไข้หวัดใหญ่, อีสุกอีใส, วัณโรค เป็นต้น
ทำให้กว่าจะยืนยันได้ว่าโควิดสามารถแพร่เชื้อผ่านทางอากาศได้เป็นระยะไกล ต้องใช้เวลาศึกษาและผ่านการเก็บข้อมูลจนแน่ใจเสียก่อน
J Hosp Infect. 2016 Mar; 92(3): 235–250. Published online 2015 Oct 3. doi: 10.1016/j.jhin.2015.08.027
จากข้อมูลล่าสุด จึงสามารถสรุปการแพร่เชื้อของโควิด 19 ได้เป็น 3 ข้อหลักดังนี้
1. การหายใจเอาเชื้อเข้าไป
2. การโดนละอองฝอย/สารคัดหลั่ง จากผู้ติดเชื้อโดยตรง
3. การสัมผัสสิ่งของ/บริเวณที่มีเชื้อ ซึ่งเกิดจากการที่ผู้ติดเชื้อเอามือที่สัมผัสเชื้อจากตัวเองไปสัมผัสตามที่ต่างๆ
ดังนั้นการป้องกันตัวเองจากเชื้อ จึงแบ่งได้เป็น 2 หลักการ คือ
1. ลดความเข้มข้นของเชื้อในอากาศ เช่น เลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ปิด, อากาศไม่ถ่ายเท, สถานที่ที่มีสารคัดหลั่งออกเป็นจำนวนมาก เช่น คนเยอะ, สถานที่ออกกำลังกาย, งดการพูดคุยใกล้กันเป็นเวลานาน
2. ลดความอยู่รอดของเชื้อ เช่น หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีอากาศเย็น, หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีความชื้น ซึ่งไวรัสจะอยู่ได้นานกว่า, ไม่ไปสถานที่ที่ไม่ได้ทำควาสะอาดเป็นเวลานาน
ในกรณีนี้ CDC ชี้แจงว่ามาตรการเดิมที่ประกาศไว้ตั้งแต่แรกเพียงพอแล้วในการป้องกันการแพร่เชื้อ เช่น
🌱 รักษาระยะห่างจากผู้อื่นประมาณ 2 เมตรถ้าทำได้
1
🌱 ถ้าต้องไปสถานที่ปิดและมีอากาศเย็น เช่น ห้างสรรพสินค้า ให้ใช้เวลาน้อยที่สุด เพราะผลของงานวิจัยบอกว่าถ้าอยู่ในพื้นที่ปิดอย่างน้อย 15 นาที และบริเวณนั้นมีกิจกรรมที่เพิ่มการแพร่กระจายเชื้อ เช่น การออกกำลังกาย, การพูดคุยกัน จะช่วยเพิ่มโอกาสการติดเชื้ออย่างมาก
🌱 ถ้าต้องกลับไปทำงาน อาจจะสลับวันกันเพื่อลดความหนาแน่นของคน
🌱 การสวมใส่หน้ากากอนามัยจะช่วยป้องกันทั้งการแพร่เชื้อและการรับเชื้อ
🌱 ระวังการสัมผัสสิ่งของที่อาจมีเชื้อปนเปื้อนอยู่
🌱 รักษาความสะอาด
2
ดังนั้น ถึงแม้โควิดจะสามารถแพร่เชื้อผ่านทางอากาศได้ แต่ก็ควรระวังตัวเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน
[ ความเห็นส่วนตัว ]
ตั้งแต่เห็นว่าสายพันธุ์อังกฤษสามารถแพร่กระจายได้ง่ายกว่าเดิม กรีนก็เริ่มคิดแล้วว่าเชื้อโควิดอาจแพร่ได้แบบ aerosol เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้แปลกใจตอนเห็นข่าวนี้ค่ะ
1
สิ่งที่กรีนกังวลมากกว่าคือเชื้อกลายพันธุ์ค่ะ ยิ่งตอนนี้มีการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์จำนวนมาก การที่มีคนติดเชื้อมาก ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้เชื้อเกิดการกลายพันธุ์ รวมถึงยังมีสายพันธุ์ต่างประเทศที่อาจเล็ดลอดเข้ามาในประเทศได้อีก
1
ทางป้องกันหนึ่งที่มีประสิทธิภาพขณะนี้คือ วัคซีน ค่ะ ก่อนที่จะมีเชื้อสายพันธุ์ใหม่ระบาด ควรให้คนไทยรับวัคซีนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้ามีเชื้อกลายพันธุ์เกิดขึ้นจริง ถึงแม้วัคซีนที่ใช้อยู่อาจไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ แต่ถึงอย่างไรก็ยังช่วยลดความรุนแรงได้ระดับหนึ่ง ดีกว่าไม่มีอะไรป้องกันตัวเลย
ซึ่งจะช่วยลดภาระให้กับระบบสาธารณะสุขและบุคคลากรทางการแพทย์ได้เยอะค่ะ เพราะถ้าผู้ป่วยเยอะขึ้น จนระบบสาธารณะสุขล้มเหลว ก็จะเป็นแบบอินเดียซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดแน่นอน ดังนั้นควรรีบป้องกันในขณะที่ยังมีเวลากันนะคะ
💐
References >>

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา