Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ดูก่อนนอน
•
ติดตาม
18 พ.ค. 2021 เวลา 12:18 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้น ขวัญผวา ตอน ฝนมฤตยู
เรื่องราวฉบับตัวหนังสือ
“ดูสิ พ่อ!” เอรินร้องอุทานด้วยเสียงแหลม “ ดูสิว่า ว่าวของเควินขึ้นสูงแค่ไหน?”
“พ่อเห็นแล้วองค์หญิงน้อย” เดนตอบด้วยรอยยิ้ม “แต่ระวังหน่อยนะ! ถ้าสูงกว่านี้ มันขึ้นไปบนอวกาศแน่!”
เอรินหัวเราะกับคำพูดของผู้เป็นพ่อและดูเควินเล่นว่าวของเขาต่อไป เดนผู้เป็นพ่อเฝ้าดูลูกๆทั้งสองคนอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็รู้สึกเศร้ากับเหตุการณ์ที่จะเกิดต่อจากนี้ เขารู้ว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังจะเปลี่ยนไปสำหรับทุกคน “คุณแน่ใจแล้วใช่ไหม ว่าเราไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้จริงๆ” เดนถามภรรยาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไม่ต้องการให้เด็ก ๆ ได้ยิน “ฉันเป็นคนมองโลกในแง่ดีน่ะ พวกเราไม่มีใครมีความสุขและฉันก็ไม่เห็นว่าสิ่งต่างๆจะดีขึ้นเลย” เชอรีลตอบ ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะเริ่มร้องไห้ “ ฉันแค่คิดว่ามันจะดีกว่า ถ้าเราแยกทางกัน”
เดนอยากจะบอกเธอว่าเธอคิดผิดและพวกเขาสามารถผ่านทุกอย่างไปด้วยกันได้ เขาอยากจะบอกเธอว่าเขายังรักเธอและเขาไม่ต้องการให้ชีวิตแต่งงานของพวกเขาเกือบสิบสามปีมาถึงจุดจบ เขาอยากบอกเธอว่าเขาไม่ต้องการให้ลูก ๆ ต้องทนทุกข์กับการต้องเห็นพ่อแม่หย่าร้าง เขาอยากจะบอกเธอว่าเขาอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอในชีวิต เขาอยากจะบอกเธอหลายเรื่อง แต่กลับไม่ยอมพูดและเอาแต่นั่งอยู่ตรงนั้น พยายามยอมรับทุกอย่างโดยไม่ร้องไห้ออกมา
เดนเหลือบมองไปที่เควินกับเอริน ขณะที่พวกเขาเล่นว่าวไปเรื่อย ๆ คิดสงสัยว่าพวกเด็กๆจะเป็นยังไงต่อไป เอรินเพิ่งจะอายุแค่หกขวบ เธอคงไม่เข้าใจเรื่องที่พ่อแม่แยกทางกันอย่างแน่นอนและหวังว่าเควินจะช่วยเธอรับมือกับทุกอย่างได้ เขาเป็นพี่ที่ยอดเยี่ยมและเป็นผู้ใหญ่มาก ดังนั้นเดนจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะช่วยดูแลน้องสาวของเขาได้และทำให้ดีที่สุดเพื่อให้น้องสาวเข้าใจ
“เราควรจะบอกให้เด็กๆรู้เมื่อไหร่ดี?” เชอรีลถาม ราวกับว่าเธออ่านใจเขาได้ “ ผมก็ไม่รู้” เขาถอนหายใจและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า “ผมไม่รู้”
“เอาล่ะงั้นเราตัดสินใจกันดีกว่า เราจะต้องบอกพวกเขาไม่ช้าก็เร็วและฉันก็แค่อยากจะแก้ไขเรื่องนี้ให้จบ”
"ใช่ ผมคิดว่ามันยุติธรรมดี ถ้าคุณจะเป็นคนบอกพวกเขาเพราะเรื่องทั้งหมดนี้เป็นความคิดของคุณ”
เชอรีลกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงฟ้าร้อง มันดังมากจนเดนสะดุ้ง และเสียงร้องสยองสองสามครั้งดังมาจากใครบางคนที่เล่นวอลเล่ย์บอลอยู่ เนื่องจากเอรินรู้สึกหวาดกลัวกับพายุ เดนจึงมองไปที่เธอเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไร แล้วก็เห็นว่าเธอมีสีหน้าน่าเป็นห่วง เขาเริ่มลุกขึ้นเพื่อจะไปปลอบโยนเธอ แต่เควินเข้าไปโอบแขนน้องสาวของเขาไว้และพยายามทำให้เธอสงบลงด้วยคำพูดที่ผ่อนคลาย ใช่เควินเป็นพี่ใหญ่ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
เกิดฟ้าแลบขนาดใหญ่สว่างขึ้นบนท้องฟ้า ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม เดนลุกขึ้นจากโต๊ะปิกนิก เพราะเขาคิดว่าเขากำลังจะถูกฝนห่าใหญ่เล่นงาน เขาต้องการให้ทุกคนไปที่รถก่อนที่ฝนจะตกลงมา เขารู้สึกดีใจนิดๆที่พายุกำลังมา เพราะนั่นหมายความว่าการพูดคุยของเขากับเชอรีล จะต้องถูกเลื่อนออกไป แต่ถึงกระนั้นเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมอากาศถึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันในช่วงเวลาไม่นาน มันดูผิดธรรมขาติมาก
ตอนแรกที่มาถึงที่นี่ อากาศค่อนข้างดี ทำให้มันเป็นวันที่เหมาะสำหรับการปิกนิก มันควรจะดีและอบอุ่นตลอดสุดสัปดาห์ แต่เขาเดาว่าสภาพอากาศคงผิดปกติเหมือนอย่างเคย
ลมเริ่มพัดพัดจานกระดาษและถ้วยพลาสติกปลิวออกจากโต๊ะปิกนิก เมื่อฟ้าร้องและฟ้าแลบบ่อยขึ้นผู้คนที่เล่นวอลเลย์บอลจึงตัดสินใจหยุดเล่นและเริ่มเดินออกจากสนาม เด็กที่เล่นสเก็ตบอร์ดและเพื่อน ๆ ของเขาก็เริ่มกลับบ้านเช่นกัน แล้วท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลืองแปลก ๆ มันทำให้ขนแขนของเดนลุกพรึ๊บ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องและสิ่งที่เขาอยากทำก็คือพาครอบครัวกลับบ้าน ที่ซึ่งจะทำให้พวกเขาปลอดภัย
ก่อนที่เขาจะบอกเอรินและเควินว่าถึงเวลาต้องไปแล้ว สายฝนและเสียงกรีดร้องก็เริ่มขึ้น เดนรู้ว่ามันไม่ใช่ฝนที่ตกแบบธรรมดา เมื่อเขาเห็นมันทำให้ว่าวของเควิน ฉีกขาด แทนที่จะเป็นหยดน้ำ กลับเป็นเศษแก้วเทลงมาจากท้องฟ้าแทน เศษแก้วขรุขระตัดและแทงทุกสิ่งที่พวกมันสัมผัส
"เกิดอะไรขึ้น?" เชอริลกรีดร้องขณะที่ทั้งคู่ยืนดูมันอย่างตกใจและไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็น “ ผมไม่รู้เหมือนกัน!” เขาตอบพลางหลับตา ขณะที่ฝนแก้วตกใส่เด็กที่เล่นสเก็ตและเพื่อนของเขา จนร่างของพวกเขาฉีกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ เราต้อง...” เชอริลเริ่มพูดขึ้น แต่เธอไม่มีโอกาสที่จะพูดจบ เพราะมีที่เศษแก้วขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้าเสียบทะลุจากด้านบนศีรษะของเธอไปจนถึงคาง เลือดเธอไหลทะลักไม่หยุดเช่นเดียวกับชิ้นส่วนสมอง เดนไม่มีเวลาเสียใจกับการตายของเธอ เขายุ่งมากกับการพยายามหลบเศษแก้วทั้งหมดที่ตกลงมา แต่เขาก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ ว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องบอกกับเด็ก ๆ ว่า พ่อแม่ของพวกเขากำลังหย่าร้างกันอีกต่อไปแล้ว
มีศพอยู่ทุกหนทุกแห่ง หญ้าเปื้อนเลือดจนเป็นสีแดง ชิ้นส่วนของร่างกายที่ถูกตัดขาดเกลื่อนไปทุกทิศทุกทาง เดนเกือบสะดุดล้มขณะที่เขาพยายามวิ่งไปยังจุดที่เควินและเอรินอยู่ หลายคนรีบวิ่งไปที่ศาลาหลบฝนใกล้ ๆ ซึ่งพวกเขาปลอดภัยจากเศษแก้วพวกนั้นแล้ว และคนที่สามารถไปถึงที่นั่นได้อย่างปลอดภัยก็ส่งเสียงร้องเรียกให้ เดนเข้าไปหลบกับพวกเขา แต่เดนไม่สนใจ ในตอนนี้ความปลอดภัยของเขาไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาต้องการก็คือไปหาลูก ๆ ของเขาและดูให้แน่ใจว่าพวกเขาปลอดภัย เดนเริ่มถูกแก้วหั่นเนื้อของเขาและมีเลือดจากบาดแผลบริเวณศีรษะของเขา เลืดดเริ่มไหลเข้าตา แต่เขาก็ยังมองเห็นเควินที่นอนอยู่ด้านบนของเอรินเพื่อปกป้องเธอ เขาเป็นพี่ที่ดีมากๆ
เดนรู้ว่าตอนนี้เควินตายแล้ว มีเศษแก้วหลายชิ้นปักอยู่ด้านหลังศีรษะ แขนและขา ทำให้เขาดูเหมือนเม่นที่มีขนเป็นแก้ว เควินมีเลือดไหลกองอยู่ใต้ตัวเขา เดนหายใจเข้าลึก ๆ และเคลื่อนย้ายศพของเควิน พยายามอย่างเต็มที่เพื่ออดกลั้นความเสียใจที่เห็นลูกชายอยู่ในสภาพนี้
เอรินนั้นชุ่มไปด้วยเลือด ทำให้เดนรู้สึกว่าหัวใจของเขาดึกวูบลงไป จนกระทั่งเขาสังเกตเห็นว่าเธอยังหายใจอยู่ เธอนอนคว่ำหน้าและร้องไห้ เขาจึงอุ้มเธอขึ้นอย่างรวดเร็วและพยายามวิ่งไปยังศาลาที่มีหลังคาคลุมอย่างปลอดภัย เอรินรู้สึกตัวว่าพ่อกำลังอุ้มเขาอยู่ เธอกรีดร้องดังขึ้นอีก แต่เดนก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะข้ามสวนสาธารณะไปยังศาลา
น่าเสียดายที่พวกเขาไปได้ไม่ไกลนักเนื่องจากเศษแก้วฟาดเข้าที่น่องของเดนทำให้เขาล้มลงกับพื้น เดนล้มลงทับเอริน แต่เอรินสามารถดิ้นหลุดออกมาจากน้ำหนักของเดนได้ แม้เดนจะรู้สึกเจ็บปวดจากแผลทั้งหมดที่เขาได้รับ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นแห่งความโล่งใจเมื่อเขารู้ว่าลูกสาวของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ
“ พ่อ ลุกขึ้น!” เธอร้องไห้จับมือเดน และพยายามช่วยพยุงเดนให้ลุกขึ้น ก่อนที่เดนจะยืนขึ้นได้ กลับมีเศษแก้วขนาดใหญ่เสียบเข้าทางด้านหลังและยึดเขาไว้กับพื้น เดนพยายามจะตะโกนบอกให้เธอวิ่งไป แต่สิ่งที่ออกมาจากปากของเขาคือเลือดซึ่งยืนยันว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอน เศษแก้วอีกหลายชิ้นตกลงมาที่ด้านบนของเขาทำให้ร่างกายของเขาฉีกขาดแทบทุกส่วน
ในตอนที่เขาเริ่มจะหมดสติ เขาก็เห็นคนคนหนึ่ง เป็นหญิงสาวผมบลอนด์ในวัยยี่สิบต้น ๆ เธอวิ่งออกมาจากใต้ศาลา พยายามอุ้มเอรินขึ้นมา แต่ก็ยังคงกรีดร้องอย่างร้อนรนและวิ่งกลับไปหาที่กำบัง ขณะที่เพื่อน ๆ ของตะโกนกรีดร้อง ให้เธอรีบเข้ามาที่ศาลา ก่อนที่ เดนจะสูดลมหายใจเฮือกสุดท้าย เขาก็เห็นว่าหญิงสาวผมบลอนด์กับลูกสาวของเขากลับไปที่ศาลาแล้ว ที่ซึ่งผู้รอดชีวิตรวมตัวกันอยู่ ผู้หญิงที่ยอมเสี่ยงชีวิตอย่างกล้าหาญเพื่อช่วยเอรินลูกสาวของเขา ได้รับบาดแผลเพียงเล็กน้อยในระหว่างการช่วยเหลือ
และแล้วฝนก็หยุดตก เมื่อเวลาผ่านไปพบว่ามีผู้เสียชีวิตหลายพันคน เหตุการณ์นี้ไม่เพียงส่งผลกระทบแค่สวนสาธารณะเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อทั้งเมือง
เจ้าหน้าที่กู้ภัยมาถึงที่เกิดเหตุและได้นำตัวผู้บาดเจ็บไปรักษาที่โรงพยาบาล และมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งเคยเห็นฉากที่น่าสยดสยองมากให้ความคิดเห็นว่า มันเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาตลอดชีวิตของเขา มีศพนับไม่ถ้วนทุกหนทุกแห่ง สื่อท้องถิ่นมาถึงที่เกิดเหตุด้วยและเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ทั้งโลกจะได้รับรู้ถึงโศกนาฏกรรมดังกล่าว แสงเทียนถูกจัดขึ้นทั่วโลกและคริสตจักรทุกแห่งเต็มไปด้วยผู้คนที่หน้าสวดภาวนาให้ทั้งเหยื่อและผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองนี้ ธงถูกชักไว้ที่ครึ่งเสาทั่วประเทศและประธานาธิบดีได้กล่าวถึงประเทศชาติโดยประกาศให้ วันที่เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นวันแห่งการไว้ทุกข์แห่งชาติ โดยทั่วไปทั้งประเทศ ทั่วโลกต่างตกใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามมีอยู่คนนึงที่มีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นและเขาแน่ใจว่าเขาจะทำให้คนอื่น ๆ พอใจมากไม่แพ้กัน เขานั่งในรถตู้ที่จอดอยู่ข้างถนน ดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นและสูบบุหรี่ เขาหมุนโทรศัพท์รับสายที่โทรเข้ามา
“ ใช่ครับ ฝนมฤตยู เป็นความสำเร็จที่สมบูรณ์อย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ” เขากล่าว “ วิธีการโจมตีนี้พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพโดยเฉพาะ พวกศัตรูของประเทศเราไม่มีทางรู้แน่ว่ามันมาจากไหน ครับผมรู้สึกดีใจมากครับที่ท่านประธานาธิบดีพอใจกับผลงานการสาธิตของเรา”
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เรื่องสั้น ขวัญผวา
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย