Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วันนี้คะ 😁
•
ติดตาม
5 มิ.ย. 2021 เวลา 01:34 • ไลฟ์สไตล์
แสงแห่งความหวัง....
ห้วงเวลาทุกข์แสนสาหัส ของเหตุการณ์ที่ย้อนผ่านไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว... ตอนนั้นเรียกได้ว่ากินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่มีความหวังความฝัน
เป็นเดือนๆตามที่เคยเล่าในตอนก่อน
ในช่วงเวลาอันหม่นหมองที่สุด ฉันมองหาทางออก ฉันพยายามหัดอ่านแต่ละวันๆ ...
ช่างเหมือนเดิม...
ในตอนนั้นหัวใจที่ไม่เคยได้สัมผัสความสุขเลยมาเกือบสองเดือน....
จากคนยิ้มง่าย ร่าเริง กลายเป็นไม่เคยมีรอยยิ้ม หรือเสียงหัวเราะอีกเลยมาเป็นเดือนๆ.... หัวใจหนักอึ้ง... มีแต่ความผิดหวัง...
ไหนใครๆก็ว่าวิชาความรู้เป็นของเราไง พ่อกับแม่บอกให้ตั้งใจเรียน มันจะเป็นสมบัติติดตัวเราจนตาย... นี่ไง จู่ๆก็อ่านหนังสือไม่ออก จะเป็นหมอต่อไปยังไง ไปทำงานไม่ได้... แล้วจะเลี้ยงชีวิตต่อยังไง... เกิดมาทำอะไรเป็นบ้างนอกจากเรียนเพื่อมาเป็นหมอ...
ไม่เลย....
เหมือนคนโดนหลอก โดนหักหลัง....โลกของตัวเอง พังตรงหน้า... ไหนว่าเป็นของเราไง....
คนๆเดียวที่บอกเตือนเรื่องนี้ ความไม่เที่ยง ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา แล้วมันก็เป็นแบบที่ท่านกล่าวไว้จริงๆด้วย ฉันกำลังถูกพิสูจน์ให้เห็นความจริงในข้อนี้ แม้ไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับ แต่ฉันเห็น เห็นว่ามันมีจริง เป็นจริง...
ทำไมที่ผ่านมา เราไม่เคยสนใจเรียนเรื่องนี้เลย ได้แต่ถามตัวเอง ...
เราไม่เรียน เรื่องของความจริง.... ความจริงแท้ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือหักล้างได้ตลอดกาล....ทำไมเราไม่เรียน พอไม่รู้ ก็ไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจรับ ก็ทุกข์เหลือเกิน ผิดหวังเหลือเกิน เศร้า เสียใจเหลือเกิน...
โหยหาความเหมือนเดิม.....
แล้วจะไปเรียนที่ไหน... ใครสอน... เรื่องทุกข์ เรื่องออกจากทุกข์
ตอนนั้น นึกออกคำเดียว.... วิปัสสนาทำให้เข้าใจเรื่องพวกนี้... ใครสอน
.... แม่ อยากไปวัด... อยากไปเรียนวิปัสสนา
2
แม่ พ่อ งง... ครอบครัวเรา ทำบุญ ตักบาตร ชอบให้ทาน แม่ชอบสวดมนต์ยาวๆๆๆๆๆๆ ฟังไม่รู้เรื่อง แม่เรียกทำวัตร...บ้านเราอยู่กันด้วยความปกติ
เข้าวัดทำบุญทั่วๅไป เหมือนคนอื่นๆ แต่พวกเราไม่เคยเข้าวัดฟังธรรม หรืออย่างอื่น...
ฉันก็ไม่เคย เติบโตมาแบบทำบุญตักบาตรทั่วไป คิดว่าทำอาชีพนี้ก็ทำบุญแล้ว ได้บุญแล้ว ได้ช่วยชีวิตคน ไม่เคยดิ้นรนเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม....อ่านหนังสือธรรมะบ้าง ก็ตีความตามเหตุผลก็ว่าเข้าใจ มันก็ใช่แหละ เรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย เรื่องไม่เที่ยง
ฉันใช้ชีวินแบบพุทธผิวเผิน
พุทธตามทะเบียนบ้าน....
พออยากเรียนรู้ จึงเริ่มต้นไม่ถูก...
แม่ไปวัดกัน ที่ไหนใส่ชุดขาวๆ อยากไป
สุดท้ายเลือกไปตามคำแนะนำของญาติมิตร
ไปวัดสายของหลวงพ่อจรัลสิ วัดป่าเวฬุวัน ท่านมีให้ปฏิบัติธรรม....มีเดินจงกรม นั่งสมาธิ มีคนแนะนำ
ไม่รู้อะไรที่เขาพูดสักอย่างค่ะ
ใครคือหลวงพ่อจรัล อะไรคือปฏิบัติธรรม เดินจงกรมทำยังไง อะไรคือ ยุบหนอ พองหนอ
รู้จักแค่... นั่งสมาธิ นั่งตั้งแต่เรียนอนุบาล เข้าใจตั้งแต่คุณครูสอนอนุบาลพานั่ง แต่ก็นั่งบ้างไม่นั่งบ้าง... ไม่นั่งซะมากกว่า...
เข้าใจว่าตั้งใจเรียนก็ใช้สมาธิแแล้ว...
ครั้งนี้ร้องขอไปแบบไม่รู้อะไรทั้งนั้น
รู้แค่สิ้นหวัง ฝึกอ่านมาเดือนครึ่ง.... ไม่มีอะไรกลับมา ลางานไม่มีกำหนด.... งานวิจัยยังไม่เสร็จ อ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเพื่อรับวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาก็ยังไม่ได้อ่าน เหลือเวลาอีกไม่ถึงปี เหลือไม่กี่เดือน คนไข้ไม่ได้จับ....
มันไม่เหลือความหวังอะไรเลยในอาชีพนี้...
มองหนทางข้างหน้าไม่ออกเลยค่ะ
แม้แต่หัวใจก็ไร้ความสุขมาตลอดตั้งแต่ป่วย....
ขอมีสิ่งนี้เป็นที่พึ่ง ตอนนั้นมองไม่เห็นที่พึ่งอื่นเลย... ที่พึ่งเดียวของหัวใจที่เศร้าหมอง... พระพุทธเจ้า ท่านรู้อะไรทำไมพาคนออกจากทุกข์ได้ เราทุกข์เหลือเกิน ไม่มีหมอคนไหนช่วยได้
พระธรรม ท่านสอนอะไรไว้ ทำไมเราไม่รู้ ไม่เคยเรียน
พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเท่านั้น คือสงฆ์แท้ ผู้รับถ่ายทอดวิชา.. รู้ว่ามีอยู่จริง แต่เราต้องหาว่าใคร ท่านสอนอะไร
จะมีใครบนโลกทำให้เราอ่านหนังสือได้อีกครั้ง... ไม่มีหมอคนไหนรับปาก หรือยืนยัน...
ไม่คิดว่าการไปวัดจะทำให้อ่านหนังสือได้นะคะ
ฉันไม่ได้ไปวัดเพื่อขออะไรแบบนั้น
ฉันแค่คิดว่า ตอนนี้ฉันทุกข์ใจมาก ถ้าอยากรู้เรื่องทุกข์ เรื่องการออกจากทุกข์ ฉันต้องทำแบบที่พระพุทธเจ้าสอนไว้...
ไม่ได้ไปเพื่อเรียกร้องให้ได้มาซึ่งสิ่งที่สูญเสียไปแล้ว ให้กลับมา แต่ฉันไปเพื่ออยากทำใจได้...
ไปเพราะทุกข์เหลือเกินกับความผิดหวังของชีวิต ทุกข์เพราะสูญเสีย ทุกข์เพราะความไม่เที่ยงของชีวิตตัวเอง....
ทุกข์เพราะโดนยึดความสามารถคืนแบบกระทันหัน ก่อนวัย ก่อนเวลา ..
จู่ๆก็ไม่ให้อ่านออก ใครจะทำไม....
พิการ แต่ดูไม่พิการ มีแขนขาเดินเหินปกติ ไม่ได้ปัญญาอ่อน แต่ทำมาหากินไม่ได้ เลี้ยงชีวิตพึ่งตัวเองไม่ได้....
คนที่เกิดมาไม่เคยมองเห็นความสามารถอื่นของตัวเอง นอกจากเรียนหนังสือ เพื่อเป็นหมอ และเป็นหมอได้ดีในแบบที่ตัวเองพอใจ มันยิ่งทำให้ชีวิต.... คับแคบ ผูกติด ยึดมั่น...
ฉันไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรมครั้งแรกในคราวนั้นเพราะแบกความทุกข์ของชีวิตไว้เต็มอก ไม่ได้ไปเพื่อร้องขอให้ได้สิ่งที่เสียไปให้กลับมา...
ฉันไปเพราะอยากเรียนรู้วิธีทำใจ คลายใจในแบบที่คนที่ค้นพบวิชานี้สอนมาสองพันกว่าปี ความจริงของวิชานี้ก็ยังคงอยู่ ฉันไปเพราะอยากเรียน....
ครั้งนั้น แม่กับป้าไปเป็นเพื่อน....
ด้วยความไม่เคยเข้าวัด แต่โชคดีเป็นคนเคารพกติกา รู้กาลเทศะ เคารพสถานที่ เคารพคนที่คิดว่าควรเคารพ และถ้าคิดว่าจะเรียน ก็จะตั้งใจ เชื่อฟัง สงสัยคือถาม ท่านตอบแล้วฟัง ถือว่าเป็นข้อมูล เชื่อไม่เชื่อ จริงไม่จริง อยู่ที่เราพิสูจน์... ด้วยอุปนิสัยแบบนี้ การไปจึงไม่ลำบาก ...
วันแรกที่ไปถึง เป็นเวลาทำวัตรเย็นพอดีค่ะ....
สวดมนตร์แปล เกิดมาไม่เคยได้ยิน ไม่เคยสวดมนต์แบบนี้ ท่านมีหนังสือสวดมนต์แปลแจกให้อ่าน ทุกคนอ่านออกเสียงพร้อมๆกัน....
สวดภาษาบาลี สันสกฤต แปลภาษาไทย...
ต้องอ่านไทยบาลี สันสกฤต และภาษาไทยปกติอ่านออกเสียงพร้อมกันทุกคน ทั้งศาลา....
... อ่านไม่ออกค่ะ อ่านไม่ทันเพื่อน สะกดไม่ทันได้แค่คลอเสียง ทำปากขมุบขมิบ แต่ฟังออก คิดตามได้ น้อมใจตามได้....
วันแรก นั่งร้องไห้ตอนสวดมนต์เย็น... .
ที่จริง บทสวดมนต์คือคำสอนเหรอ เรานึกว่ามันคือคำแปลกๆอะไรที่ศักดิ์วิจิตรจับต้องไม่ได้...
เพราะสวดมนต์แปล ถึงได้เข้าใจคำบาลีแปลกๆพวกนั้น
เพราะชีวิตเปลี่ยนไป ถึงมองเห็นและเข้าใจว่า
ในบทสวดมนต์ นั่นมันชีวิตฉันนี่นา เรื่องของฉันเลย ท่านเตือนทุกอย่างไว้หมดแล้วว่าชีวิตเป็นแบบนี้ แล้วมันก็เป็นจริงๆ นี่ไง มันเป็นอยู่ ท่านสอนไว้ให้รู้ในเรื่องทุกข์ ว่าคืออะไร เหตุของทุกข์จากอะไร การดับทุกข์ และทางดับทุกข์มีอยู่..
ท่านสอนถึงความไม่เที่ยง ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ควบคุมไม่ได้ บังคับไม่ได้ ท่านพูดถึงการเปลี่ยนแปลง การเสื่อม การสลาย การพลัดพราก ความตาย นั่งฟังบทสวดมนต์ แล้วร้องไห้....
ทำไมเราเพิ่งรู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันมีอยู่จริงๆในชีวิตเรา... ทำไมเราเพิ่งเห็น...
ฉันได้ยินได้ฟัง เรื่องที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนในชีวิต.... ฉันหมายถึงการได้ยินได้ฟังอย่างลึกซึ้ง.... ฟังด้วยหัวใจเปิดรับ ...
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต....
ฉันรู้แล้วฉันทุกข์เพราะฉันอยาก ฉันอยากให้มันเหมือนเดิม ให้มันคงอยู่ ไม่สูญหาย พอมันไม่เป็นแบบนั้นฉันก็ทุกข์ เพราะไม่ได้ดั่งใจคาดหวังของตัวเอง ... ฉันทุกข์เพราะทนไม่ได้ในสิ่งที่รัก ที่พอใจมันสูญสลายไป ฉันอยากให้มันคงอยู่
เหมือนๆเดิม... ฉันต้องการสิ่งที่ฝืนความจริง
ฝืนธรรมชาติ ฉันจึงทุกข์เหลือเกิน....
นั่งสวดมนต์เหมือนได้เข้าเรียนเลคเช่อร์ค่ะ
เรียนจากบทสวดมนต์แปล
ใจโหยหาการลงมือปฏิบัติ.... อยากลองว่าถ้าทำจะได้รู้ได้เห็นอะไร
ท่านให้นั่งก็นั่ง ท่านให้เดินก็เดิน ช่วงการสวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็น คือช่วงที่มีความสุขมาก เหมือนได้เข้าฟังเลคเช่อร์ที่อยากฟัง ฟังเรื่องที่อาจารย์สอนซ้ำๆ ฟังไป ร้องไห้ไป นี่มันชีวิตฉันนี่นา ตอนนี้มันเป็นแบบนี้เลย
ฉันอยากสวดมนต์ได้ พยายามอ่านตามทีละคำทีละคำ วันแล้ว วันเล่า กลางวันเดินจงกรม นั่งสมาธิที่นี่ ท่านให้กำหนดยุบหนอ พองหนอ ตอนเด็กๆครูให้ หายใจเข้าพุท ออกโธ ที่นี่เปลี่ยนเป็นยุบหนอ พองหนอ... ก็หลักการเดิม แค่เปลี่ยเทคนิก
เริ่มอยู่แบบไม่คาดหวังอะไรกับสิ่งที่เสียไป เริ่มยอมปล่อย แม้จะเศร้า แต่การได้รับรู้ความจริงจากบทสวดมนต์ครั้งแล้วครั้งเล่า.... เหมือนบทปลอบโยนหัวใจว่า... โลกมันก็เป็นแบบนี้แหละ เธออย่าตกใจเลย มันไม่ใช่ความแปลกของโลกนี้ เธอต่างหาก คาดหวังผิดๆกับโลก...
ตั้งใจเดินจงกรม นั่งสมาธิ... นี่แค่หลับตา ดูลมหายใจ ยุบหนอ พองหนอ ใจสงบ ยังมีสภาวะที่ปกติเราไม่มีโอกาสได้สัมผัส แต่พอทำแบบนี้เราได้สัมผัส ใจสงบเราได้พบเจอสิ่งที่ใจไม่สงบไม่สามารถสัมผัสได้...
ไม่เคยเจอไม่ได้แปลว่าไม่มีอยู่จริง...
นี่แค่สมถสมาธิตื้นๆนะ ยังมีอีกมิติของจิตใจเราเลย แล้วถ้าเราเข้าใจวิปัสสนาแท้ๆล่ะ... เราน่าจะสัมผัสความจริงเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง แจ้งแก่ใจ...
.... วิปัสสนาคืออะไรหนอ..... ทำไมเราฟังเรื่องทุกข์มาแล้ว เหตุของทุกข์มาแล้ว วิธีออกจากทุข์ต้องทำยังไง ทุกข์ดับแล้วเป็นยังไง ทำไมทุกข์ดับไม่ได้ด้วยการคิดอย่างมีเหตุผล หรือ การเข้าใจด้วยเหตุผลก็ยังดับทุกข์ไม่ได้... คำถามยังมีมากมาย... ยังไม่ได้คำตอบ
แต่กายเบา ใจเบา มีความสุขกับการอ่านบทสวดมนต์ตอนเช้า ตอนเย็น ตั้งใจอยู่กับการเดินจงกรม นั่งสมาธิ...
ความทุกข์เดิมยังมี แต่เริ่มรู้สึกว่า.. ช่างมันเถอะ ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้ก็ต้องรอ ตอนนี้ เวลานี้... ขอพักใจ เริ่มปล่อยความต้องการที่รัดรึงตัวเองมาตลอดเวลาเกือบสองเดือนค่ะ... เริ่มปล่อยทุกอย่างตามธรรมชาติ เพราะเริ่มรู้ว่าฝืนไปไม่มีประโยชน์... แต่ยังคงทำ... เพียรทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้า สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ...
วันแล้ววันเล่าจนครบหนึ่งสัปดาห์
แม่.....หนูอ่านหนังสือได้แล้วนะ....
ตอนนี้อ่านบทสวดมนต์ได้เยอะเลย ได้เกือบหมด
มันดีขึ้นประมาณ 70- 80% แล้ว...
เกือบๆ 80% แหละ...
บอกกับแม่ตอนออกจากวัด...
1
1
ปีนั้นที่ไป หลวงพ่อจรัลท่านเริ่มอาพาธหนักค่ะ ท่านมาที่วัดเวฬุวันเป็นบางครั้ง
แต่จะมีพระอาจารย์นำการปฏิบัติ ตามตารางงานของท่านค่ะ
ชีวิตเหมือนจะดีขึ้นใช่ไหมคะ.. ...
แต่สำหรับฉัน...ผู้หญิงหนึ่งคน อายุ 25 ที่ต้องดูแลชีวิตของตัวเอง และรับผิดชอบทุกอย่างในครอบครัวแทนพ่อที่เกษียณแล้ว...ฉันเป็นหัวหน้าครอบครัว ตั้งแต่อายุ 23 ปี...
หลังเรียนจบทันที...
เค้าให้บททดสอบมาอีก.... แค่นี้ไม่พอ
บันทึก
5
17
7
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
การเดินทางของหัวใจ
5
17
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย