11 มิ.ย. 2021 เวลา 07:02 • นิยาย เรื่องสั้น
4.7. หนอนผีเสื้อลอกคราบ
ฮกอ้วน สมุหนายก - กองซุนของ กองซุนก๋ง สองทายาทขุนพลม้าขาว
ตันฮก กุนซือกิเลนพิสดาร หนีรอดการตามล่าไปทางเหนือได้สำเร็จ ยังเข้าใจว่า แผนการต่อต้านทรราชย์ที่ร่วมมือกับทัวปาลี่เวยแห่งเผ่าเซียนเปยล้มเหลว จนถูกโจโฉตลบหลัง และทัวปาลี่เวยคงเสียชีวิตไปแล้ว จึงคิดแก้แค้นต่อโจโฉแทนตันก๋ง ผู้เป็นบิดา
เมื่อได้ข่าวว่า โจโฉกำลังไล่ล่าปราบปรามขุมกำลังต่างๆที่เข้าร่วมในเหตุการณ์ขบถปราสาทนกยูง ตามรายชื่อบุคคลสำคัญที่ตายในที่รบ ซึ่งได้แก่ กองซุนอวดแห่งขุมกำลังกิจิ๋ว เตียวเอี๋ยนแห่งกองทัพภูตมรณะ และฮูฉูเฉียนแห่งเผ่าซงหนู แต่เพียงไม่ปรากฏชื่อของทัวปาลี่เวยแห่งเผ่าเซียนเปย ตัวประสานงานหลัก และเล่าสือแห่งกลุ่มขบถวังหลวง อีกทั้ง กลุ่มคนในสังกัดสกุลโจ อาทิเช่น ตันกุ๋น ตันฮก ลิเตียน แต่อย่างใด จึงคาดเดาได้ว่า อาจจะมีเลศนัยทางการเมืองแอบแฝงอยู่ด้วย
ตันฮกจึงแสดงตัวสวามิภักดิ์เป็นกุนซือให้กับกองซุนของ เจ้าเมืองกิจิ๋วที่ประกาศตัวเป็นขบถแบ่งแยกดินแดน สืบทอดปณิธานต่อจากกองซุนอวดอยู่ก่อนแล้ว หวังอาศัยขุมกำลังเก่าทางเมืองเหนือ ทำลายล้างศัตรูร่วมกัน
อิทธิพลของคนสกุลกองซุน ถัดลงมาจากกองซุนจ้าน นับว่าฝีมือไม่เลว กองซุนอวด กองซุนของ สองพี่น้องร่วมสกุล ร่วมมือกันอาศัยกองกำลังจากกิจิ๋ว อิวจิ๋ว เปงจิ๋ว เป็นสำคัญ ผนวกทหารเมืองเหนือเข้ากับพวกกองทัพเดนตายจากชนเผ่าอูหวนที่หลงเหลือกับกลุ่มกองทัพภูตมรณะแห่งทะเลทราย ซ้ำยังมีเผ่าซงหนู เผ่าเซียนเปยร่วมเป็นพันธมิตรค้ำจุน กดดันต่อพวกโกกุเรียวเอาไว้ เพียงชูธงประกาศศึกรบ ก็สามารถยึดครองพื้นที่สามมณฑลทางเหนือกลับคืนมาได้อีกครั้ง
เสียดายที่กองซุนอวดเชื่อมั่นในตัวทัวปาลี่เวย อดีตหัวหน้าเผ่าเซียนเปย ผู้นำในการเชื่อมโยงขุมกำลังขบถมากเกินไป ยอมเข้าร่วมประสานงานเบื้องลึก เพื่อแลกกับสายสัมพันธ์พันธมิตรนอกด่านข้างต้น จึงติดตามลงมาช่วยเหลือที่สมรภูมิปราสาทนกยูงพร้อมกันกับฮูฉูเฉียนแห่งเผ่าซงหนู และเตียวเอี๋ยน อดีตผู้นำกองทัพภูตมรณะ
หากแม้นกองซุนอวดยังตั้งมั่นยืนหยัดอยู่ด้านเหนือ ก็คงตั้งตนเป็นผู้นำขบถ ครอบครองพื้นที่บางส่วนได้เองแล้ว ดังนั้น ตอนนี้ จึงกลายเป็นภาระหน้าที่ของกองซุนของ ลูกพี่ลูกน้อง ทายาทสายตรงของกองซุนตู้ ขุนพลม้าขาวผู้โด่งดังในอดีต ที่ต้องออกโรงขึ้นเป็นตัวหลักนำตระกูลกองซุนแทน
ผลงานชิ้นแรกของตันฮกในฟากฝั่งของพวกสกุลกองซุนยังคงสุดแสนพิสดารเกินคาดคิด คือการรับมือกองทัพแฮหัวเอี๋ยน เตียวคับที่ตั้งยันกันอยู่แต่แรกนั่นเอง การศึกไม่อาจคืบหน้ารวดเร็วนักด้วยว่าเป็นช่วงปลายฤดูหนาว เศษกองหิมะยังคงรอเวลาละลายอยู่ทั่วไป ยากแก่การเคลื่อนทัพทำสงครามเต็มรูปแบบ
กุนซือเจ้าปัญญาจึงให้กองทัพชุดเล็กของกองซุนของอาศัยภูมิประเทศที่ซับซ้อน หลอกล่อกองทัพฝ่ายรัฐบาลให้หลงเข้าทางแคบในหุบเขากันดารนอกเส้นทาง จากนั้น ตันฮกเพียงใช้คลื่นเสียง ตะโกนคำว่า “สังหาร” กองหิมะธรรมชาติที่ตกค้างอยู่ด้านบน พลันถล่มลงมาท่วมท้นทางแคบ กลบฝังทำลายกองทัพที่ไล่ตามมา ตายไปจำนวนมาก จนขุนพลทั้งสองต้องล่าถอยกลับไปตั้งทัพยันไว้ที่เนินผารอยจารึกฮ่องเต้ ใกล้กับสมรภูมิกัวต๋อในอดีตอีกครั้ง ไม่กล้าบุกจู่โจมอย่างรวดเร็วตามที่ตั้งใจไว้เบื้องต้น
จากนั้น ตันฮกอาศัยข้อมูลที่ว่า พวกชนเผ่านอกด่านเป็นพันธมิตรกัน ระดมโยกย้ายไพร่พลจากหัวเมืองใกล้เคียงเข้ามาเพิ่มเติมทางชายแดนด้านใต้อย่างเต็มที่ จนกองทัพตั้งรับของกงซุนของที่เริ่มต้นด้วยกำลังเพียงสี่ห้าหมื่นคน กลายเป็นกองทัพใหญ่ที่ปะปนหลายชนเผ่าเกือบสิบหมื่นคนในเวลาอันสั้น แถมยังนำเอารูปแบบกองทัพเกลียวคลื่น ม้าเหล็ก และฟ้าลั่น มาฝึกฝนปรับใช้อย่างเร่งด่วนด้วย หากเป็นเช่นนี้ คงต้องเป็นศึกกัวต๋อครั้งที่สอง ที่ยืดเยื้อไปอีกจุดหนึ่งแล้ว
ม้าเท้งในคราบของโจโฉประเมินสถานการณ์ด้านเหนือด้วยความระมัดระวัง จริงอยู่ที่พวกซงหนู เซียนเปย และอูหวน รวมทั้งเหล่าทหารเมืองเหนือ และกองทัพภูตมรณะ ล้วนแต่เป็นพรรคพวกของมัน แต่นั่นก็เป็นเพราะฐานะหัวหน้าเผ่าเซียนเปยทั้งสิ้น ตอนนี้ มันกลายเป็นเจ้าพระยาปราบอุดร โจโฉเสียเองแล้ว หากมันปล่อยเอาไว้ยืดเยื้อ ก็เกรงว่า ขุมกำลังฝั่งนั้น จักกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้ในภายหน้า โดยเฉพาะเมื่อกุนซือตันฮกกลับกลายไปเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญเช่นนี้
ดังนั้น มันจึงตัดสินใจที่จะยึดครองอำนาจทางเหนือเอาไว้ในมือเสียเลย เป็นการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม โดยอาศัยกุนซือสุมาอี้ ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกนอกด่านอย่างซงหนู เซียนเปย นำสาส์นลับไปเกลี้ยกล่อมให้ผู้เฒ่าหินผา ผู้นำเผ่าซงหนู และม่อหยงเว่ย หัวหน้าคนใหม่ของชนเผ่าเซียนเปยเปลี่ยนใจ ถอนตัวออกจากกลุ่มต่อต้าน
แน่นอนว่า สาส์นลับนั้นเป็นฝีมือของม้าเท้งเอง ที่สร้างสรรค์ปั้นเรื่องให้ทัวปาลี่เวย ซึ่งถือเป็นผู้อาวุโสชนเผ่า และเป็นที่รู้กันว่า คือ ตัวประสานงานชนเผ่า ถูก ตันก๋ง ตันฮก สองแกนนำสำคัญ หลอกลวงและถูกฆ่าตายไปในเหตุการณ์ขบถปราสาทนกยูงที่ผ่านมา
หมากตานี้ ทางหนึ่ง ทำให้ตัวตนของอดีตหัวหน้าเผ่าเซียนเปยตายไปอย่างแนบเนียน ปรับเปลี่ยนให้หัวหน้าขบวนการขบถกลับกลายเป็นตันฮก และตันก๋งที่ตายไปแล้วแทน และอีกทางหนึ่ง เป็นการปลุกระดมให้พวกชนเผ่าที่ยึดมั่นในพวกพ้องและคุณธรรม เกลียดชังกุนซือคนใหม่ที่หักหลังทำร้ายต่อคนอันเป็นที่รัก จึงเป็นการสลายศัตรูสร้างมิตรกับพวกชนเผ่านอกด่านได้อีกคราหนึ่ง
ที่จริงในจุดนี้ก็ยังมีเงื่อนงำซ่อนเร้น การขบถครั้งนี้ ทหารชนเผ่าเซียนเปย อูหวน มิได้ร่วมเคลื่อนไหว จึงลอยตัวไม่มีเรื่องราวอันใด นอกจากสูญเสียท่านผู้เฒ่า หากแต่เผ่าซงหนูกลับร่วมก่อการณ์ด้วยอย่างชัดแจ้ง การดวลกันระหว่างสองยอดฝีมือ แฮหัวตุ้นกับฮูฉูเฉียน และการเชือดคอตายทั้งกองทัพ ย่อมเป็นเหตุการณ์ที่ผู้คนรับรู้ เพียงแต่ม้าเท้งกลับมิได้กล่าวอ้างถึง เพราะรู้ว่า ยามเมื่อเฒ่าหินผาไม่มีเฒ่าเนินทราย ย่อมหมดพิษสงตอแย พร้อมที่จะสวามิภักดิ์ได้ในทันที มันจึงยื่นข้อเสนอมาเช่นนี้ หวังผลให้พวกชนเผ่าทั้งสามยอมสยบต่ออิทธิพลบารมีด้วยการทูต
จากนั้นให้ แฮหัวเอี๋ยน เตียวคับ เดินทัพออกจากเนินผารอยจารึกฮ่องเต้ กดดันเมืองกิจิ๋วทางด้านใต้ แล้วส่งสัญญาณให้พวกชนเผ่านอกด่านทั้งสาม ร่วมก่อการจากด้านเหนือ โดยมีเตาจี๋ เทียนอู ขุนศึกดั้งเดิมตั้งแต่สมัยสกุลอ้วนยังครองเมืองกิจิ๋ว และมีเชื้อสายชนเผ่า ที่ทำหน้าที่รักษาแนวชายแดน นำทหารเมืองเหนือเปลี่ยนข้าง เปิดกำแพงใหญ่ ทำให้กองทัพพันธมิตรนอกด่านรุกผ่านเข้ามาถึงเมืองกิจิ๋วได้โดยง่าย
กุนซือตันฮก โดนข้าศึกรุกกระหน่ำด้วยกองทัพแนวร่วมหลายกองพร้อมๆกัน จากกำลังพลร่วมสิบหมื่น เมื่อมีการแปรพักตร์เกิดขึ้นภายใน กลับกลายเป็นเหลือเพียงไม่กี่หมื่น น้อยกว่าศัตรูหลายเท่า จึงไม่อาจต้านทานไว้ได้ นอกจากชิงหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว กองซุนของหมดสิ้นหนทางสู้ต่อ จึงเชือดคอตาย ยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
เมื่อจบสิ้นความวุ่นวายในเมืองกิจิ๋วแล้ว สุมาอี้ กุนซือเต่าสมถะในฐานะตัวแทนของเจ้าพระยาปราบอุดร จึงยังไว้ไมตรี แต่งตั้งกองซุนก๋ง น้องชายของกองซุนของ ให้กลับไปกินเมืองปักเป๋ง จุดเริ่มต้นดั้งเดิมที่ห่างไกลออกไป เป็นการรักษาน้ำใจต่อตระกูลกองซุนที่ครั้งหนึ่งเคยทรงอิทธิพลทางเหนือ
จากนั้น จึงแต่งตั้งให้เทียนอู เตาจี๋ ปกครองเมืองกิจิ๋ว เปงจิ๋ว จุดยุทธศาสตร์สำคัญแทนตามลำดับ เป็นการสลายขั้วสลับผู้นำท้องถิ่นให้เข้าไปสู่จุดของทหารอาชีพที่ประสานงานกับฝ่ายรัฐบาลได้ดีขึ้นกว่าเดิม คลับคล้ายกับวิธีการที่โจโฉเคยทำกับขุมกำลังเกงจิ๋ว โยกย้ายทายาทเล่าจ๋องไปแดนไกล และแต่งตั้งชัวมอ เตียวเอี๋ยน ในคราก่อน
ตรงจุดนี้ สุมาอี้นับว่า มีความละเอียดอ่อนรอบคอบ ตรงที่ เตาจี๋เป็นเชื้อสายอูหวน เทียนอูเป็นเชื้อสายเซียนเปย แม้ว่า เตาจี๋จะอาวุโสสูงกว่า แต่เผ่าอูหวนถือว่าสิ้นสูญไปแล้ว การมอบตำแหน่งสำคัญอย่างเจ้าเมืองกิจิ๋วในช่วงเปลี่ยนผ่านเช่นนี้ จึงถูกส่งมอบให้กับเทียนอูที่สามารถเชื่อมโยงสายสัมพันธ์กับเผ่าเซียนเปยได้อยู่ และภายหลัง สุมาอี้ค่อยลอบชดเชยให้กับเตาจี๋ด้วยตำแหน่งการงานที่ดีให้กับเตาสู ผู้เป็นลูกชายด้วย
หมายเหตุ ภายหลัง ขุนศึกเตาจี๋ มีหลานชายชื่อเตาอี้ ผู้ซึ่งต่อมากลายเป็นวีรบุรุษผู้ปราบง่อก๊ก เป็นการปิดฉากพงศาวดารของยุคสมัยสามก๊กได้สำเร็จในอีกหลายสิบปีข้างหน้า
อีกทั้งแจกจ่ายทรัพย์สมบัติ อาหาร และสัตว์เลี้ยงให้กับเผ่าซงหนู และเซียนเปย อูหวน ที่ให้ความร่วมมืออย่างดี จนทำให้สงครามครั้งนี้จบสิ้นลงโดยง่าย สุมาอี้ยังสั่งผ่านเทียนอูให้พวกชนเผ่าเคลื่อนไหวทำการค้าตามชายแดน และเขตเมืองเหนือได้อย่างอิสระ ทัดเทียมกับชนชาวฮั่น และยกเลิกกฏระเบียบส่งส่วยม้าศึกให้เป็นการซื้อขายกันตามราคาท้องตลาดแทน สร้างความพึงพอใจให้กับพวกชนเผ่ามากยิ่งขึ้น ซึ่งในระยะยาว ย่อมทำให้มีกำลังใจคัดเลือกม้าศึกพันธุ์ดีให้แทน
แน่นอน ในจุดเปราะบางตรงนี้ สุมาอี้ย่อมเชื่อมโยงกิจการค้าขายของตนที่ดำเนินการผ่านตัวแทนเจ้าสัวจง เจ้าสัวเกียว แห่งสหพันธ์เทียมเจ้าสัว ให้มาครอบงำในธุรกิจหลักของดินแดนแถบนี้ เพิ่มเติมเข้าไปอาณาจักรพาณิชย์อันยิ่งใหญ่ของมันไปด้วย
สุดท้าย สุมาอี้ ยังปลอบประโลมจิตใจชาวเมืองเหนือด้วยการปลดทหารประจำการจำนวนมาก และงดเก็บส่วยภาษีให้ถึงสามปี เพื่อเป็นการซื้อใจประชาชนให้กลับคืนมาจงรักภักดีต่อรัฐบาลส่วนกลาง หลังจากที่ราษฎรแถบนี้จำนวนมากต้องถูกกะเกณฑ์ไปเป็นทหารเสียเนิ่นนานหลายปี และเผชิญกับทุกขภัยจากแมลงร้ายกัดกินพืชผล จนเกิดปัญหาสังคมตามมาอย่างต่อเนื่องมากมาย
การศึกทางเหนือยุติลงไปอีกครั้งหนึ่ง ไม่แน่ใจเช่นกันว่า เป็น เจ้าพระยาปราบอุดร โจโฉ เจ้าเมืองคนใหม่เชื้อสายเซียนเปย เทียนอู หรือ กุนซือใหญ่ที่น่านับถือ สุมาอี้ กันแน่ ที่ได้ใจประชาชน และชนเผ่าต่างๆทางเหนือไปครอง แต่ชื่อเสียงของบุคคลทั้งสามย่อมเป็นที่รู้จัก และเคารพนับถือมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จนอิทธิพลเก่าของตระกูลอ้วน และตระกูลกองซุนที่มีมายาวนาน ได้เสื่อมคลายไปหมดสิ้นแล้ว
ม้าเท้งในคราบของโจโฉ รู้สึกพึงพอใจต่อรายงานของสุมาอี้ กุนซือใหญ่ที่จัดการเรื่องราวทางเหนือได้เป็นอย่างดี แม้ว่ากุนซือ ตันฮก ยังคงหลบหนีไปได้อีกก็ตาม สถานการณ์ทางเมืองเหนือ และชนเผ่านอกด่าน ต้องถือว่า น่าไว้วางใจได้แล้วในระดับหนึ่ง ความสมดุลย์ของชนเผ่าทางชายแดนได้กลับคืนมาอีกครั้ง
สถานการณ์เมืองหลวงเอง ที่จริง ยังมีกลุ่มอิทธิพลเก่าอยู่บ้าง ทั้งสายขุนนางเก่า สายเชื้อพระวงศ์ ที่ตัวมันเองในคราบทัวปาเฒ่า เคยประสานงานเอาไว้เป็นหมากต่อเนื่องอีกสองสามกลุ่ม แต่เนื่องจากเหตุการณ์สวมรอยแทนลุล่วงไปแล้วด้วยดี จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยอีกต่อไป สามารถตัดทอนกลุ่มใต้ดินส่วนเกินทั้งหลาย ทั้งๆที่เคยรู้จักคุ้นเคยกันมา
ผู้นำหลักของกลุ่มอิทธิพลเก่า ย่อมเป็นสมุหนายก ฮกอ้วน และแกนนำจากสำนักหอสมุดใต้หล้า เช่น อองลอง อ้วนยู เล่าจิน เป็นต้น เพราะฝั่งของเชื้อพระวงศ์ก็คือเล่าสือได้ตายไปแล้ว หากแต่ม้าเท้งมิได้คิดทำลายทุกคนให้สิ้นซาก ต้องการตัดหัวไว้หาง สังหารเพียงตัวการใหญ่เป็นการตัดตอนอย่างไม่ให้ตั้งตัว
ดังนั้น ฮกอ้วนและฮกฮองเฮา ผู้เป็นธิดา จึงเป็นเป้าหมายใหญ่ที่ม้าเท้งมุ่งมั่นจัดการ ในเมื่อโจโฉตัวจริงไม่เคยคิดแตะต้องมาก่อน เพราะเป็นเครือญาติกับฮ่องเต้ และมีตำแหน่งสูงส่ง มันจึงสมควรต้องกระทำแทนเสียเลย สร้างบาปกรรมครั้งใหญ่ ส่งเสริมให้โจโฉเป็นทรราชย์ให้สอดคล้องกับคำครหาอย่างจริงจังเสียที
เหตุการณ์ขบถปราสาทนกยูงลุกลามใหญ่โตเป็นที่ประจักษ์ โจโฉกับกาเซี่ยงจึงจัดฉากสืบสวนค้นหาผู้นำขุมกำลังต่างๆที่เข้าร่วม โดยแอบนำตัวอองลองมารีดเค้นสารภาพ ข่มขู่ที่จะสังหารเหล่าบัณฑิตทั้งครอบครัว และทำลายสำนักหอสมุดใต้หล้าไปด้วย
สุดท้าย อองลอง เจ้าสำนักหอสมุดใต้หล้า ตระหนักถึงเงื่อนไข จำยอมสละชีวิตส่วนน้อยเพื่อรักษารากฐานใหญ่ ยอมเปิดโปงข้อมูลหลักฐานที่สามารถเอาผิดกับคนสกุลฮก เพื่อแลกเปลี่ยนกับชีวิตของคนทั้งหลาย ซึ่งม้าเท้งเห็นว่า คนผู้นี้่มีจิตใจอ่อนไหว ควบคุมได้ง่าย และสามารถพึ่งพาใช้สอยได้อยู่ จึงยอมละเว้นความผิดไว้ก่อน
ฮกอ้วน ฮกฮองเฮา จึงตกเป็นจำเลยในข้อหาผู้นำขบถกลุ่มอิทธิพลเก่า ต้องโทษประหารชีวิตทั้งตระกูล โจโฉสั่งการให้กาเซี่ยงและหมันทอง นำกำลังพลรักษาเมืองเข้าตรวจบ้านที่พัก ค้นพบเอกสารหลักฐานพร้อมมูล และยังขยายผลไปถึงพรรคพวกร่วมขบวนการอีกหลายคน รวมทั้ง เล่าจิน ปราชญ์แดนดิน หนึ่งในนักปราชญ์เจี้ยนอาน ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด และเป็นเชื้อพระวงศ์อาวุโสคนหนึ่งด้วย จึงสั่งการชำระโทษขบถแผ่นดินอย่างรวบรัด ไม่ให้ทันกษัตริย์เหี้ยนเต้ออกหน้าช่วยเหลือ
การปราบปรามขบวนการต่อต้านทรราชย์ที่เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่ต้นนั้น จึงถือว่าเป็นการกวาดล้างกลุ่มอิทธิพลเก่าครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา นอกจากฮกอ้วน เล่าจินแล้ว ยังมีขุนนางนายทหารที่เคยกระด้างกระเดื่องต่อสกุลโจ พลอยติดร่างแหสังหารไปด้วย หมากครั้งนี้สร้างความสั่นสะเทือนทั้งวงการการเมือง แม้แต่สำนักหอสมุดใต้หล้ายังต้องสูญเสียแกนนำให้ปรากฏ เท่ากับว่า ต่อไป ตระกูลโจจะหมดสิ้นเสี้ยนหนามในราชสำนักและวังหลวงแล้ว ด้วยฝีมือของม้าเท้ง คู่ปรับเก่าในครั้งนี้
หากเป็นโจโฉตัวจริง คงไม่สั่งการรุนแรงเช่นนี้ แต่ม้าเท้งมิได้แยแสให้มากความ หวังตัดทอนฝ่ายตรงข้ามก่อนยากจะควบคุม อย่างไรก็ตาม ม้าเท้งยังคล้ายไว้หน้าต่อองค์กษัตริย์ จึงส่ง โจเจี๋ย คู่แฝดโจเซียง โจหัว สามสาวสกุลโจเข้าไปเป็นพระมเหสีคนใหม่และพระสนมเอกแทน ซึ่งทำให้ตัวมันได้เป็นพ่อตาของกษัตริย์ไปโดยตำแหน่งทันที
อันที่จริง สามสาวสกุลโจล้วนเป็นบุตรสาวอันเกิดจากสาวใช้หน้าห้องทั้งส้ิน โจโฉจึงมิได้เชิดชูฐานะอันใดนัก ปล่อยให้ใช้ชีวิตตามสบายแบบคุณหนูอยู่ในบ้านพักตามยถากรรม แต่ม้าเท้งเกรงว่า คนเหล่านี้มีความสนิทสนมแบบลูกหลาน อาจจะมาจับผิดตนเองได้ จึงจัดการส่งตัวออกมาเป็นเบี้ยหมากในกระดานไปพร้อมกันทีเดียวทั้งสามคน
นอกจากฝ่ายตรงข้ามกับโจโฉตัวจริงที่ถูกกวาดล้างครั้งใหญ่ บรรดาข้าทาสคนสนิทใกล้ชิดที่อยู่ภายในจวนที่พัก รวมทั้งพ่อบ้านเทียลิด ก็พลอยโดนส่งไปประจำที่ปราสาทนกยูง เพราะม้าเท้งไม่ต้องการให้คนเหล่านี้ ผิดสังเกตในพฤติกรรมของตนเองในคราบของโจโฉ และคัดเลือกคนใหม่ที่ปราศจากข้อมูลเบื้องหลัง เข้ามาแทนที่
จนบัดนี้ก็ผ่านไปเกือบเดือนหนึ่งแล้ว ม้าเท้งก็ยังคงอยู่แต่ในเมืองหลวง เพื่อสะสางภารกิจต่าง จนยังไม่ได้กลับไปพักที่ปราสาทนกยูงเลย ม้าเท้งนั่งคิดประเมินสถานการณ์ ฝ่ายตัวเองก็ได้รับการปูนบำเหน็จไปแล้ว ฝ่ายตรงข้ามก็ถูกกำจัดไปเกือบหมดสิ้น นับว่า สถานการณ์เป็นที่น่าไว้วางใจยิ่งนัก ตัวตนใหม่ของมันกำลังจะไปด้วยดีทุกประการ
ม้าเท้งลุกขึ้นจากห้องหนังสือ และก้าวเข้าไปสู่ห้องนอนชั้นใน เพื่อเข้าไปจัดการบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่ง เป็นนางเปียนสี หรือนางเตียวเสี้ยน ภรรยาเก่าของลิโป้และโจโฉ ความงามของอดีตนายหญิงทำให้ยากจะตัดใจสังหารทิ้ง หากมันเพิ่มความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางได้อีกชั้นหนึ่ง ก็น่าจะควบคุมนางไว้ได้ไม่ยากเย็นกระไร เพียงแค่อิสตรีผู้หนึ่งที่ต้องการผู้ชายที่มอบความรักให้ มอบความมั่นคงให้กับชีวิตในห้องหอ
แต่ความลับเรื่องหนึ่งที่ม้าเท้งยังไม่ล่วงรู้คือ อิสตรีนางนี้ ที่แท้ เป็นถึงจารชนคนสำคัญ เตียวเฟิง ดาวนางงาม หนึ่งในขุมกำลังสัตตดารา ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมต่ออยู่กับขุนพล เตียวเลี้ยว เตียวคับ สองดาวโจรในฝ่ายเดียวกันนี้ด้วย เป็นสายลมที่แฝงตัวอยู่ในเมืองหลวงอย่างใจเย็นมาเนิ่นนานแล้ว
จังหวะนี้ ม้าเท้งเพียงต้องการนำกองทัพใหญ่บุกขึ้นไปทางเมืองเสเหลียง บรรจบกับกองทัพของตระกูลม้า เพื่อชักนำม้าเฉียว ม้าเลี้ยง และคนอื่นๆให้เข้ามามีส่วนร่วมกับแผนการขั้นต่อไป เป็นแผนการทำลายขุนพลสี่เทวะห้าพยัคฆ์ เพื่อกำจัดรากฐานอำนาจของโจโฉตัวจริง และเปิดทางนำคนสกุลม้าเข้ามากุมอำนาจทางทหารแทน
การเปลี่ยนถ่ายอำนาจทางทหาร ต้องระมัดระวัง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากกระทำอย่างแนบเนียนในยุคสมัยสงครามเช่นนี้ ความยากลำบากก็เพียงทำความเข้าใจกับพวกม้าเฉียว หันซุย ให้ได้ ก่อนกองทัพทั้งสองฝ่ายจะตรงเข้าปะทะกันจริงๆ จนเกิดความสูญเสียที่ควบคุมไม่ได้เท่านั้น
ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา มีเพียงหันซุย น้องร่วมสาบานและม้าเลี้ยง บุตรชายคนรองเท่านั้นที่กุมความลับการแทรกซึมของมันไว้ เพราะสองคนนี้มีสติปัญญาสูง และความอดทนหนักแน่นเพียงพอ ส่วนม้าเฉียว และคนอื่นๆนั้น วู่วาม ใจร้อน จึงไม่อาจรับรู้เรื่องสำคัญเช่นนี้ ซึ่งที่จริงก็น่าเสียดาย เพราะการเดินหมากเช่นนี้ เป็นเหตุให้สองคุณชาย ม้าเทียด ม้าตง ต้องพลาดพลั้งมาตายในเมืองหลวงอย่างไร้คุณค่าเมื่อหลายปีก่อน
การศึกสงครามย่อมต้องมีการสูญเสียบ้าง เจ็ดคุณชายตระกูลม้า จึงขาดหายไปถึงสามคนในช่วงเวลาที่ผ่านมา คนแรก คือ ม้าฮิว ถูกอ้วนเสี้ยวสังหารในเหตุการณ์ลอบสังหารครั้งแรก ม้าเทียด และม้าตง ที่ถูกซุนฮก และตันก๋งทำร้าย ขณะที่เข้ามาเคลื่อนไหวก่อการร้ายในเมืองหลวง
จริงสิ ความสัมพันธ์ของตระกูลม้ากับซุน ควรจะเป็นเช่นไร ในเมื่อตอนนี้ มันกลับกลายเป็นฝ่ายที่มีกำลังทหารเหนือกว่าแล้ว และไม่มีม้าหยุนลู่เป็นตัวประกันในเมืองต๋องง่อให้ต้องกังวลอีกต่อไป เพียงแค่มันใช้โอกาสที่มีพันธะสัญญาวีรสตรีไต้เกี้ยวสามปีนั้น เป็นหลักประกัน เพื่อเผด็จศึกทางฝั่งตะวันตกให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
โจโฉตัวปลอม ออกคำสั่งให้จัดทัพใหญ่ แฮหัวตุ้น โจสิด เอียวสิ้ว เป็นกองหน้า ตัวมันเอง และเคาทู เป็นทัพหลวง สุมาอี้ เป็นกองเสบียง ยกไปบรรจบกับแฮหัวเอี๋ยน โจหอง เตียวคับ ซิหลง ที่เมืองเตียงอัน เตรียมการถล่มเมืองเสเหลียงของม้าเฉียวแล้ว
ก่อนออกเดินทาง โจผี บุตรชายคนโต นำทัพกลับมาจากแดนใต้ สมทบกับโจหยิน กาเซี่ยง หมันทอง เพื่อตรึงกำลังเฝ้ารักษาเมืองหลวง คงทิ้งอิกิ๋มดูแลเมืองอ้วนเซีย และโจเจียง เตียวเลี้ยว ดูแลเมืองหับป๋าไว้เช่นเดิม แน่นอน มันย่อมต้องการกองกำลังที่เข้มแข็งในการป้องกันเมืองหลวง และชายแดนทางใต้ไว้ก่อนในช่วงการทำศึกแดนตะวันตก
และแล้ว กาเซี่ยง กุนซือคู่ใจ ก็นำพระบรมราชโองการจากกษัตริย์เหี้ยนเต้ แต่งตั้ง โจโฉ ขึ้นเป็นวุยก๋ง หลุดพ้นจากบรรดาศักดิ์สูงสุดของสามัญชนเข้าสู่เกณฑ์ตำแหน่งของเครือญาติหรือผู้มีพระคุุณต่อแผ่นดิน ทางหนึ่งเป็นการสร้างเสริมกำลังใจให้กับกองทัพ อีกทางหนึ่ง เป็นการยกย่องให้กับพ่อตาคนใหม่โดยแท้แล้ว นับเป็นอีกก้าวย่างสำคัญของตระกูลโจที่จะเคลื่อนเข้าแทนที่ตระกูลเล่าอย่างสมบูรณ์แล้ว
ตอนนี้ มันจึงคล้ายดั่งหนอนดักแด้ที่ลอกคราบเก่าออก กลับกลายเป็นผีเสื้อที่สวยงาม และพร้อมจะโบยบินไปข้างหน้าต่อไป สมรภูมิรบที่แอบแฝงความนัยที่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือกำลังรอคอยพวกมันอยู่
ขบวนครอบครัวของโจผีพร้อมกับข้าทาสบริวารเพิ่งแยกทางกับกองทัพเมื่อครู่ กำลังเคลื่อนย้ายสิ่งของสัมภาระเข้าสู่จวนที่พักของโจโฉผู้เป็นบิดา โจหิม โจยอย สองอาหลานที่อายุวัยไล่เลี่ยกัน กำลังวิ่งเล่นตามประสาเด็กที่ด้านนอก พอเห็นขบวนของโจโฉโจผีกลับมาจากวัง จึงพร้อมใจตะโกนเรียกหาท่านพ่อ ท่านปู่เสียงดัง
นางเอียนซี ในฐานะลูกสะใภ้ ออกมารายงานตัวด้วยอีกคน มองย้อนแสงอาทิตย์เห็นวุยก๋ง โจโฉ ผู้เป็นพ่อสามีที่กำลังก้าวลงจากรถม้า แต่กลับรู้สึกผิดประหลาดชอบกล เงาร่างเคลื่อนไหวด้านหน้ากลับคลับคล้ายคลับคลากับทัวปาลี่เวย บิดาผู้ล่วงลับ
เดิมทีรับฟังจากโจผีว่า บิดาเข้าไปมีชื่อพัวพันกับพวกขบถเล่าสือ และสูญหายไปในระหว่างเหตุการณ์ โดยคาดกันว่า น่าจะถูกสังหารตายไปแล้ว แต่โจโฉช่วยปกปิดข่าวไว้ให้ มิฉะนั้น นางก็ต้องถูกสังหารไปด้วยในฐานะที่เป็นเชื้อสายของขบถแผ่นดิน
หากแต่ครั้งนี้ นางกลับสังเกตเห็นท่าทางของบิดาที่คุ้นเคยมาเป็นเวลานาน ยังปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้า ท่ากำหนวดก่อนลูบที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ กลับเป็นโจโฉที่แสดงออกมาด้วยความเคยชิน หลายปีที่ผ่านมา นางไม่เคยเห็นพ่อสามีทำท่าทางเช่นนี้มาก่อน แต่ถึงความจริงจะเป็นเช่นไร นางก็ไม่รู้เช่นกันจะทำอะไรได้ เพราะนางไม่มีขุมกำลังใดๆในการต่อกรกับใครได้เลย ด้วยสถานะคนต่างเผ่าอย่างนางแล้ว คงไม่มีน้ำหนักกระไร
โจโฉตัวปลอมหันมาประสานสายตาของเอียนซีเข้าพอดี ถึงกับหยุดมือที่กำลังลูบหนวดด้วยความเคยชิน คล้ายรู้สึกถึงความพลั้งเผลอ และเสแสร้งสั่งความกับทหารองครักษ์แทน เมื่อลอบมองกลับมาอีกครั้ง นางเอียนซีก็ก้มหน้านิ่งไปแล้ว มันจึงได้แต่คิดเอาเองว่า นางไม่ทันสังเกตความผิดปกติครั้งนี้ แต่ความเคลื่อนไหวทั้งหมดไม่อาจรอดพ้นสายตาอันแหลมคมของพ่อบ้านเทียลิดที่ถูกเรียกตัวให้กลับมาดูแลบ้านเรือนอีกครา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา