Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
12 มิ.ย. 2021 เวลา 03:54 • นิยาย เรื่องสั้น
4.8. หงส์ผงาดเหนือมังกร
หวดเจ้ง เดชนกยูง - บังทอง หงส์ผงาด - ขงเบ้ง มังกรซ่อน
ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน เตียวหุย ขุนพลฟ้าคำราม ฉายาใหม่ น้องสามของเล่าปี่ ผู้ซึ่งเป็นขบถแผ่นดินของรัฐบาลโจโฉ และเชื้อพระวงศ์พลัดถิ่นของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ลอบเดินทางเข้ามาในเมืองเตียงสา หนึ่งในเมืองสำคัญฝั่งใต้ของมณฑลเกงจิ๋ว
ทันทีที่กลุ่มพันธมิตรสี่เมืองใหญ่ล่มสลาย ฮันเหียน เจ้าเมืองเตียงสา คล้ายมีแผนการอยู่ในใจก่อนแล้ว อ้างความภักดีต่อแผ่นดินฮั่น ไม่ยอมรับคำสั่งของทรราชย์โจโฉ และขบถเล่าปี่ นำพาเจ้าเมืองบุเหลง ประกาศสวามิภักดิ์กับเล่าเจี้ยงแห่งเสฉวน ทั้งที่เขตแดนก็มิได้ติดต่อกันโดยตรง เพราะยังมีเมืองเลงเหลง ฮุยเอี๋ยงกั้นขวาง หากแต่เล่าปี่ก็ไม่กล้าผลีผลามหักหน้าชิงเมืองกับเล่าเจี้ยงในทันที จึงทำให้เมืองทั้งสองอยู่รอดปลอดภัยมาได้หลายปีแบบเฉียดฉิวยิ่งนัก
ส่วนสาเหตุที่เตียวหุยเสี่ยงชีวิตเข้ามาในเมืองคู่อริกัน ทั้งที่ฝ่ายเล่าปี่กับเล่าเจี้ยงมีปัญหามึนตึงกันในเรื่องการย้ายข้างของเมืองสำคัญเหล่านี้ ก็เพราะอีกฐานะหนึ่งของเขา คือ นางแอ่นแห่งหน่วยปักษาสวรรค์ ซึ่งยังคงมีภารกิจหน้าที่ต้องสานต่อเรื่องราวต่างๆให้สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ให้ได้มากที่สุด
สืบเนื่องจากนกยูง คนของหน่วยปักษาสวรรค์ที่มาเป็นสายในฝ่ายเล่าเจี้ยง พบเบาะแสของกุนซือหงส์ผงาด บังทอง หนีคดีจารชนไส้ศึกมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ทั้งๆที่ตามเนื้อหาประวัติศาสตร์ดั้งเดิมนั้น บังทองควรจะเข้าพวกกับเล่าปี่ไปนานแล้ว อินทรีมือเหล็ก หัวหน้าหน่วย จึงต้องส่งเตียวหุยมาชักชวนโดยตรง อย่างน้อย เขาจะได้ชื่อว่า เป็นคนที่ชักนำให้เล่าปี่ได้กุนซือคนสำคัญเช่นเดิม
ภารกิจครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เตียวหุยรู้สึกคับแค้นใจ ไม่น้อยกว่ากรณี "ความฝันเพียงตื่นเดียว" ของมันกับจูล่งเมื่อคราก่อน เพราะบังทองเป็นผู้ต้องสงสัย ร่วมกับน้องเจ็ด นกเป็ดน้ำ คนทรยศ ในการตายของน้องแปด นกพิราบ โลซก และน้องสิบสอง นกฮูก ขงเบ้ง สองมือดีของหน่วยปักษาสวรรค์
อีกทั้งบังทอง ยังร่วมมือกับสุมาอี้ ตันฮก สองทายาทมังกร ในการวางกับดักลอบฆ่าพี่ใหญ่ อินทรี ที่สวมรอยเป็นปราชญ์เต๋าชื่อดัง สุมาเต๊กโช จนถูกเปิดโปงตัวตน และถูกทำร้ายจนมือพิการทั้งสองข้าง
หากนับเรื่องราวความแค้นส่วนตัวแล้ว ในวันนี้ บังทองนับเป็นศัตรูตัวแสบที่สุดของพวกมันหน่วยปักษาสวรรค์ในยุคนี้ แต่แล้ว กลับกลายเป็นตัวมันที่ต้องผลักดันให้บังทองมีโอกาสก้าวหน้าขึ้นมายืนหยัดได้อีกครั้ง ในฐานะกุนซือคนสำคัญของเล่าปี่
…
เตียวหุยนั่งดื่มสุราอาหารในโรงเตี๊ยมใหญ่กลางเมืองครึ่งค่อนวันแล้ว เพื่อรอคอยให้บังทองเดินเข้ามา เบาะแสจากนกยูงแจ้งมาว่า บังทองมักจะนัดหมายคนคุ้นเคยเข้ามาดื่มกินที่นี่ทุกวัน อันเป็นเรื่องปกติวิสัยของผู้คนในยุคสมัยนั้น มันจึงได้แต่จดจ่อต่อการดื่มสุราอาหาร สะกดความคับแค้นใจ จนเริ่มเมามายแล้ว
หากมันไม่ได้เมามายเกินไปบ้าง คงจะสังเกตพบว่า มันกำลังตกเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่มหน้าเสี้ยมในชุดรัดกุมที่นั่งหลบมุมอยู่ด้านในร้านมาเนิ่นนานแล้ว
อุยเอี๋ยนนั่งนิ่งเฉยตั้งแต่พบเห็นชายหน้าดำร่างท้วมผู้นี้เดินเข้ามา เพราะมันจดจำได้ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เคยแทรกซึมเป็นทหารประจำการณ์อยู่ในเมืองเกงจิ๋วว่า นี่คือ เตียวหุย น้องสามของเล่าปี่ มันจึงรอดูอยู่ว่า ขุนพลหน้าดำลอบเข้ามาเมืองเตียงสาด้วยเหตุอันใดกัน คงมิได้มาเพียงร่ำดื่มสุรารสเลิศเช่นนี้
…
ที่หน้าประตู บังทองกับฮองตงในชุดเจ้าหน้าที่ราชการเต็มยศ พร้อมด้วย ศิษย์คนสำคัญ บังเต๊กที่ทำหน้าที่คล้ายองครักษ์ กำลังเดินเข้ามาตามร่วมดื่มกินกับมันตามเวลาที่นัดหมาย บังทองเป็นชุดตุลาการ ใส่หน้ากากปิดครึ่งหน้า ฮองตงใส่ชุดขุนพลพร้อมรบ
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ฮองตงได้รับการเปลี่ยนถ่ายเลือดล้างไขกระดูก ฝึกฝนวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น และกินโสมพันธุ์พิเศษจากหมอฮัวโต๋จนไข้ป่าพิษร้ายเรื้อรังเกือบหายสิ้นแล้วนั้น กระท่อมรังนกพลันถูกเผาทำลาย ขาดการรักษาต่อเนื่อง ฮองตงจึงได้แต่เสี่ยงหยิบเอาตำราเก่าแก่ที่ติดตัวมานาน ออกมาใช้ทดแทน ถึงกับช่วยปรับเปลี่ยนร่างกายลมปราณได้ดีขึ้น จึงทุ่มเทฝึกฝนต่อมาจนกลับมาแข็งแกร่งได้ดังเก่าอีกครั้ง แม้แต่วิทยายุทธ์ดั้งเดิมที่เคยติดขัดค้างคา ก็สามารถใช้ออกได้คล่องแคล่วไปด้วย
วิสัยของฮองตงเป็นคนทะนงในชื่อเสียง ไม่อาจทนอยู่เพียงแค่อาจารย์สำนักยุทธ์ได้นาน พอเกิดเรื่องราวที่ฮันเหียนหวั่นเกรงขุมกำลังเกงจิ๋ว จนต้องไปสวามิภักดิ์ต่อเล่าเจี้ยง ก็อ่านรูปการณ์ได้ว่า ฮันเหียนต้องพึ่งพาขุนพลเก่งกาจ แต่ยังหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่แสดงตัวให้เรียกใช้ หากไม่เชื้อเชิญอย่างอ่อนน้อมจริงใจ
ยังดีที่หวดเจ้ง กุนซือฝ่ายเสฉวน เผอิญลอบเข้ามาเจรจาความเมืองกับฮันเหียน และทราบเบาะแสคนดังประจำท้องถิ่น ถึงกับสั่งความให้ฮันเหียนส่งเทียบเชิญตัวขุนพลผู้เฒ่ากลับมารั้งตำแหน่งสำคัญอีกครั้ง
…
อุยเอี๋ยนจึงรีบส่งสัญญาณให้ทั้งสามสังเกตชายหน้าดำที่ยังนั่งโงนเงนไปมาด้วยฤทธิ์สุรา บังทองจดจำได้ในทันทีเช่นกัน จึงเบี่ยงกายให้พวกฮองตงทั้งสองเดินเข้าไปก่อน ไม่ให้ผิดสังเกต แล้วตนเองค่อยทำเป็นเดินช้าๆตามเข้ามา เหมือนมองหาคนรู้จักอยู่
ทันใดนั้น เตียวหุยคล้ายเมามาย จนขาดสติพอดี เร่ิมส่งเสียงเอะอะโวยวายให้นำสุรามาเพิ่มเติม และแสดงอำนาจใช้พลังฝ่ามือฟาดโต๊ะเก้าอี้ จนแตกหักเสียหาย ผู้คนหวาดระแวงเภทภัยถึงตัว แตกตื่นวิ่งหนีออกไปจากพื้นที่ไว้ก่อน
บังทองเห็นท่าไม่ดี เกรงจะวุ่นวาย จึงส่งสัญญาณให้พรรคพวกนิ่งเฉย แล้วตัวเองเดินแทรกกายเข้าไปถึงตัวคนก่อเหตุเพียงลำพังก่อนเรื่องราวจะลุกลามใหญ่โต “ท่านคือขุนพลฟ้าคำราม เตียวหุย ใช่หรือไม่ ยังจำข้าน้อย บังทอง อดีตกุนซือคนสนิทของโลซกแห่งกังตั๋งได้หรือไม่”
เตียวหุยหยุดมือ หันมาทำตาปรือแบบคนเมามาย บังทองจึงส่งเสียงเบาๆ เพียงแค่พอให้ได้ยินเฉพาะตัว “ที่นี่ไม่สะดวกคุยนาน เชิญท่านไปพูดคุยเป็นการลับกับข้าเถิด”
บังทองวางเงินชดใช้ค่าเสียหาย โบกมือว่าไร้เรื่องราว แล้วกึ่งประคองกึ่งฉุดลากเอาเตียวหุยกลับออกไป คนรอบข้างเห็นว่า มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้ามาไกล่เกลี่ยเรื่องราวแล้ว จึงแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตตามปกติ
ระหว่างนั้น บังทองหันมาส่งยิ้มสบตากับพวกฮองตง อุยเอี๋ยน “ถึงเวลาที่หงส์จะกลับไปสยายปีกบนเส้นทางสายการเมืองอีกแล้ว เดี๋ยวมันพาเจ้าหน้าดำไปเปิดหูเปิดตาสักรอบ”
…
บังทองในฐานะหัวหน้าตุลาการเมืองเตียงสา ต้องการแสดงความสามารถให้ปรากฏ จึงพาเตียวหุยที่ยังเมามาย ไปนั่งดูการตัดสินคดีความอย่างรวดเร็วของมัน สั่งความให้เสมียนเปิดศาลนำเอาคดีความต่างๆ พร้อมเรียกเบิกตัวโจทก์จำเลยมาให้ครบคน
คดีความมากมายที่คั่งค้างอยู่ในศาลเมือง ผู้คนจึงมากันอย่างหนาแน่น ภายในครึ่งวันบ่าย คดีความยี่สิบสามสิบคดีจึงโดนสอบสวนและตัดสินไปในทันทีอย่างรวบรัดรวดเร็ว สร้างความยินดีและตื่นเต้นแก่เหล่าราษฎรที่อยู่ในเหตุการณ์
บังทองหันมาพูดคุยกับเตียวหุย หวังจะได้รับคำชมเชย แต่แทนที่ขุนพลหน้าดำ จะพึงพอใจในความสามารถ กลับเอ่ยถามสั้นๆด้วยน้ำเสียงมีนเมาว่า “หากท่านมีความสามารถถึงปานนี้ เหตุใดจึงพักคดี รั้งรออยู่เสียเนิ่นนานหลายเดือน ค่อยมาจัดการให้พวกเขา เช่นนี้ จะเป็นธรรมต่อประชาชนผู้เดือดร้อนเหล่านี้หรือไม่”
กุนซือหงส์ผงาด บังทองรับฟัง จึงสะดุ้งใจต่อมุมมองของเตียวหุยที่ดูเปลือกนอก หยาบกร้าน แต่ที่จริง กลับละเอียดอ่อนต่อจิตใจคนมากกว่าตนเองด้วยซ้ำ
…
เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการที่มันได้รับการติดต่อจากฝ่ายของเล่าปี่ โดยมีเตียวหุยเป็นตัวประสาน เพราะการสร้างความประทับใจแรกพบจึงไม่สวยงามราบรื่นอย่างที่คาดไว้ มันจึงยอมรับข้อเสนอสุดหิน เป็นงานลอบสังหารจิวยี่ถึงแดนกังตั๋ง ถิ่นเก่า ที่มันเคยพยายามแทรกซึม และปะปนอยู่ในสังกัดจวนโลซกเสียเนิ่นนาน
เตียวหุยในยามเมามาย หลุดปากเผยข้อมูลว่า ขุนพลสำอางซ่อนกายในหอสูง วางแผนการชั่วร้าย หมายยึดครองเกงจิ๋วไม่ลดละ แต่ด้วยแผนการที่แสร้งทำให้คนอื่นตายใจ จึงทำให้การป้องกันพลอยย่อหย่อนเปราะบางไปด้วย ทำให้ตัวมันต้องถ่อร่างเดินทางมาหมายจะข้ามฟากไปจัดการด้วยตนเอง
บังทองครุ่นคิดขึ้น “ดินแดนกังตั๋งเป็นถิ่นที่มันคุ้นเคยชำนาญ หากมันสามารถลงมือสังหารจิวยี่ หรือแม้เพียงทำให้บาดเจ็บสาหัส ก็ล้วนแต่เป็นผลงานเปิดตัวที่ดีทั้งสิ้น มันจึงสมควรทดลองดูสักครา”
แน่นอน บังทองก็มิได้ล่วงรู้มาก่อนว่า จิวยี่มีฝีมือสูงส่ง จึงบุกลุยเดี่ยวเข้าไปในยามราตรี ลังเลเพียงในหอสูงที่ยังมี เล่งทอง ลกซุน อยู่ร่วมด้วย กลับทำให้โดนจิวยี่สั่งสอนจนได้รับบาดเจ็บ รีบล่าถอยออกมา กลับกลายเป็นการล่อเสือออกจากถ้ำ เปิดทางให้ผู้อื่นที่ไม่รู้ว่าใคร ลงมือสังหารได้สำเร็จแทน
แม้ว่าการลอบสังหารในส่วนของมันจะมีความผิดพลาดจนไม่อาจนำมาเป็นผลงานแรกเข้าได้อีกก็ตาม แต่ในที่สุด ณ วันนี้ ด้วยผลงานศึกผาแดงที่มันเปิดเผยความลับในมุมมองที่เป็นประโยชน์ต่อการงาน และคำรับประกันที่หนักแน่นของเตียวหุย มันยังคงได้เข้ามาเป็นหนึ่งในกุนซือซ้าย-ขวาของเชื้อพระวงศ์พลัดถิ่น เล่าปี่ ถูกยกย่องให้มีอำนาจทัดเทียมกับขงเบ้ง ศิษย์ผู้น้อง ผู้มาก่อนแล้วด้วยซ้ำ
ดังนั้น มันจำต้องหาเรื่องสร้างผลงานทดแทน พลันพบพานเบาะแสของศิษย์ผู้น้องที่ต้องการสร้างบารมีเกินขอบเขต มันจึงพาลหาเหตุเล่นสงครามประสาทกับจูกัดเหลียงที่เพิ่งกลับมาจากแดนใต้สักครา
หลังจากที่มันชิงเปิดโปงขงเบ้งเรื่องชาติกำเนิด และความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องกับจูกัดกิ๋น ขุนนางมีชื่อในฝ่ายซุนกวน และจูกัดจิ๋น ประมุขหมู่บ้านมังกรซ่อน ทำให้สถานะของขงเบ้งคลอนแคลนแล้ว พวกเล่าปี่อดระแวงใจไม่ได้ว่า เหตุไร ขงเบ้งหรือจูกัดเหลียง จึงต้องปิดบังเรื่องดังกล่าว ทำให้ตำแหน่งการงานสำคัญหลายอย่างโดนถ่ายเทมาให้มันดูแลแทน ส่งผลให้กุนซือมังกรซ่อนต้องหลบประคองตัวอยู่เงียบๆชั่วคราว
บัดนี้ สัญญาสงบศึกสามปีผ่านไปแล้วสองปีเศษ เป้าหมายสำคัญอันดับต่อไปของส่วนรวม จึงเป็นการบุกเข้าตีเสฉวน ยึดเป็นฐานที่มั่นแห่งใหม่ให้กับก๊กเล่าปี่ สำหรับคนอื่นๆ งานนี้อาจจะเป็นเรื่องยาก เพราะฝั่งเล่าเจี้ยงมีขุนพลคนสำคัญคือ เตียวหยิม ฮองตง เงียมหงัน เบ้งตัด เป็นอาทิ
ถึงแม้สองคนหลังจะสูงวัยแล้ว แต่ก็มีฝีมือยอดเยี่ยม หากโดนเล่าเจี้ยงเรียกใช้ขึ้นมาอย่างจริงจังแล้ว ย่อมจะเป็นศึกหนักหนาสาหัส เพียงแต่คล้ายว่า ฮองตงมีความในใจ แม้ว่า เมืองเตียงสาจะเข้าสวามิภักดิ์กับทางเล่าเจี้ยงมานานแล้ว ฮองตงก็ไม่ยอมแสดงตน รับคำสั่งจากเล่าเจี้ยง เจ้านายเก่าเลยสักครั้ง
ในช่วงที่ตัวมันซ่อนตัวกับอุยเอี๋ยน ศิษย์เอก จนได้สนิทสนมคุ้นเคยกับฮองตงเป็นอย่างดี และยินว่า ฮองตงเองก็เป็นสหายสนิทกับขุนพลเฒ่า เงียมหงันอีกทอดหนึ่ง ดังนั้น ด้านการรบพุ่งกับพวกเสฉวน จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นแล้ว เพราะขุนพลกึ่งหนึ่งเป็นฝ่ายของมัน เพียงแค่รอคอยวันเวลาเข้าไปเจรจานัดแนะให้สวามิภักดิ์เท่านั้น
ยังมี หวดเจ้ง ขุนนางคนสนิทของเล่าเจี้ยง ก็นับว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับมันด้วย เพราะเมื่อหลายเดือนก่อน หวดเจ้งเดินทางมาถึงเมืองเตียงสา และได้เชื้อเชิญให้ฮองตง ขุนพลผู้ชรา ฉายา จ้าวแห่งเกาทัณฑ์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอดีต กลับมารับใช้ราชการในตำแหน่งขุนพลรักษาเมืองหน้าด่าน มีอำนาจเพียงรองจากตำแหน่งเจ้าเมืองเตียงสาเท่านั้น ฮองตงจึงได้ชักนำให้หวดเจ้งได้พบกับตัวมันในฐานะสหายคนสนิทด้วยอีกคนหนึ่ง ซึ่งหวดเจ้งใจกว้าง ถึงกับชักจูงให้มันเป็นตุลาการเมืองเตียงสาไปด้วยเช่นกัน
ซึ่งครั้งนั้นเองที่ทั้งสามนั่งดื่มเหล้าเล่าความหลังถึงครึ่งค่อนคืน จนมีความเห็นสอดคล้องกันว่า เล่าเจี้ยงโลเล อ่อนด้อย สิ้นไร้อนาคต เล่าปี่จึงเหมาะสมที่จะพึ่งพาได้ หากมีโอกาสดีพร้อมแล้ว ทั้งหมดก็จะย้ายค่ายเข้าพวกกับเล่าปี่จนหมดสิ้น ในฐานะพันธมิตรสามเส้า ฮองตง บังทอง และหวดเจ้ง
…
ด้วยเหตุนี้ เมื่อบังทองเข้ามาสังกัดเล่าปี่แล้วสักพัก ปรับปรุงกองทัพให้เข้มแข็งแล้ว จึงขันอาสาเป็นทัพหน้า ร่วมกับเตียวหุย บุกเสฉวน และจัดให้เล่าปี่อยู่ประจำในทัพหลวง ส่วนขงเบ้ง กวนอู จูล่ง และนายทหารสำคัญระดับรองลงไป เช่น เล่าฮอง กวนเป๋ง จิวฉอง ล้วนปล่อยให้อยู่เฝ้าระวังสถานการณ์ตามเมืองชายแดนต่างๆทั้งสิ้น
อันที่จริง พวกเล่าฮองทั้งสามถูกตันฮกวางตัวให้เป็นขุนพลองครักษ์ พิทักษ์อยู่ข้างกายสามพี่น้องสวนท้อเป็นสำคัญ หากแต่เตียวหุยไม่ยอมรับ เล่าปี่ไม่ใส่ใจ สุดท้าย จึงมีเพียงกวนอูที่ยอมรับแผนการดั้งเดิม รั้งตัวกวนเป๋ง จิวฉองไว้เสริมบารมี ส่วนเล่าฮองกลับถูกทิ้งขว้างไม่ใคร่ใยดี จนต้องไปคลุกคลีกับพวกบิต๊กแทน
บังทองจึงอาศัยประเด็นการเมืองนี้ ผลักดันให้พวกเล่าฮองทั้งสามแยกออกจากสังกัดเดิม กลายเป็นขุนพลรองประจำชายแดน ควบคู่กับกลุ่มบิต๊กทั้งห้า บิต๊ก บิฮอง หนึ่ง เล่าฮอง อิเจี้ย หนึ่ง กวนเป๋ง กันหยง หนึ่ง จิวฉอง ซุนเขียน หนึ่ง จึงถูกจับคู่บุ๋นบู๊ออกไปประจำเมืองต่างๆตามลำดับความสำคัญ ทิ้งให้กวนอู จูล่ง ขงเบ้ง อยู่เป็นศูนย์กลางประสานงาน
เหตุที่จัดเตรียมเช่นนี้ เพราะบังทองตั้งเป้าหมายไปรับเอา ฮองตง อุยเอี๋ยน บังเต๊ก จากเมืองเตียงสา เข้ามาเป็นพวกโดยเร็ว และจะได้สร้างผลงานเริ่มต้นในการบุกยึดเสฉวนได้ทันที จึงเลือกแต่เตียวหุยที่เป็นระดับขุนพลใหญ่ไปเพียงคนเดียว
ผลงานยิ่งใหญ่เช่นนี้ คงเพียงพอให้ตัวมันกลับเข้าสู่เวทีการเมืองระดับแผ่นดินได้อย่างงดงาม ลบล้างข่าวคราวความพ่ายแพ้เมื่อครั้งศึกผาแดง และ บังทอง หงส์ผงาด กำลังจะก้าวขึ้นเหนือ ขงเบ้ง มังกรซ่อนได้แล้ว
“เหนือมังกร ยังมี หงส์ผงาด
แผนโดนวาด ไว้แล้ว ไม่เลือนหาย
สายตาปราชญ์ ย่อมรู้ ถึงความนัย
ขาดหนึ่งไป คนอื่น ยังเสริมเติม”
…
การประชุมใหญ่ของหน่วยปักษาสวรรค์เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ยังมีอินทรี อดีตสุมาเต๊กโชที่ถูกเปิดโปงโฉมหน้าไปแล้ว นกฮูก-หมอฮัวโต๋ ผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด กระตั้ว-กาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจฝ่ายโจโฉ นางแอ่น-เตียวหุย ขุนพลฟ้าคำรามฝ่ายเล่าปี่ หัวขวาน นักประดิษฐ์อัจฉริยะ และเหยี่ยวดำ จอมยุทธ์มือสังหาร สองปักษาที่ปรับบทบาทเป็นคนไร้ตัวตนในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป นั่งประชุมกันในกระท่อมรังนกแห่งใหม่ ที่พักอาศัยหลักที่ “มิตรสหาย”ของหมอฮัวโต๋สร้างไว้ให้ในหุบเขาลึกลับ
“เจ้ากระทำการสุ่มเสี่ยงเกินไป บังอาจยุยงให้บังทองไปแอบฆ่าจิวยี่ หากมันพลั้งพลาด ถูกจิวยี่สังหารไปจริงๆ คงทำให้ประวัติศาสตร์วุ่นวายไปแล้ว ดีนะที่ข้ากับเหยี่ยวดำเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน” อินทรีมือเหล็ก คล้ายมีอารมณ์ขุ่นมัว เพิ่งมีโอกาส กล่าวตำหนินางแอ่น- เตียวหุย หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้นไปนานวันแล้ว
“มันก็เป็นแค่ตัวละครเล็กๆตัวหนึ่ง จะถูกฆ่าตายในสงคราม หรือ ตายเพราะการลอบสังหาร คงไม่ผิดเพี้ยนกระไรดอก พี่ใหญ่” นางแอ่นคล้ายมีความเครียดสะสม เริ่มมีปากเสียงโต้แย้งในภารกิจที่ยาวนานตลอดทั้งชีวิตของพวกมันเอง
“ดูเหมือนมันไร้บทบาท เร่งร้อนทำการใหญ่จนผิดพลาด แต่ที่จริง มันคือ ใบเบิกทางทำให้เล่าปี่สามารถรุกคืบเข้าเสฉวนโดยง่าย” กระตั้วเฉลยความ “เพราะว่ามันมีไพ่สำคัญอยู่ในมือโดยไม่รู้ตัว นกยูงแจ้งว่า มันเชื่อมโยงได้ทั้งฮองตง อุยเอี๋ยน และบังเต๊ก สามขุนพลชื่อดังล้วนเป็นพวกพ้องของมันทั้งสิ้น”
กระตั้วหยุดหายใจ ค่อยกล่าวต่อ “แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การตายของมันจะทำให้เล่าปี่มีข้ออ้างในการยึดครองเสฉวนได้อย่างราบรื่น มิฉะนั้น รัชทายาทพลัดถิ่นยังคงมิอาจอ้างความอันใดในการทำสงครามกับเล่าเจี้ยง คนแซ่เล่าด้วยกัน”
นางแอ่นสงบปากคำลง ชีวิตโบราณท่ามกลางภารกิจชั่วชีวิตแบบปิดทองหลังพระเช่นนี้ อาจทำให้ความคิดของมันเริ่มแปรเปลี่ยนไปแล้ว “ทำไม มันจะต้องคอยทำตามประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นอยู่ร่ำไป และทำไม มันจะแก้ไขประวัติศาสตร์ให้ดีขึ้นกว่าเดิมไม่ได้ บ่อยครั้งที่มันเริ่มครุ่นคิดถึงถ้อยคำก่อนตายของกระสา-อ้วนเสี้ยว ขึ้นมาบ้างแล้ว”
“เอาเถอะ ส่งข่าวกับนกยูง ทำตามแผนต่อไปด้วยกัน” อินทรีกล่าวสรุปตัดบท เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศการประชุมของหน่วยงาน “เนื่องจากประวัติศาสตร์ผิดเพี้ยนไปประมาณหนึ่งแล้ว การตายของคนสำคัญหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เตียวก๊ก อิเกียด เกียดเป๋ง ซุนฮก ไทสูจู้ สุมาเต๊กโช จิวยี่ ก็ล้วนคลาดเคลื่อนไปหมดสิ้น และสมาชิกเราก็ไม่ครบตำแหน่งดังเดิม นับจากนี้ เราในฐานะผู้นำหน่วยจะเป็นผู้ตัดสินทิศทางของการแทรกแซงเอง”
นกฮูก-ฮัวโต๋ สบตากับกระตั้ว-กาเซี่ยง คล้ายจะกล่าวอันใดคัดค้านเพิ่มเติม หากแต่กระตั้วขยิบตาห้ามไว้ นกฮูกจึงได้แต่ลอบถอนหายใจ
…
อินทรีมือเหล็ก ออกเดินทางจากกระท่อมรังนกมาแล้ว ค่อยเอามือกุมช่องท้องคล้ายเจ็บปวดอันใด พลันรับรู้ถึงอาคันตุกะไม่ได้รับเชิญทางด้านหลัง
“เป็นเราเอง” เหยี่ยวดำรีบเปิดเผยตัวตน ก่อนที่จะถูกลงมือจู่โจม “เราสังเกตเห็นว่า พี่ใหญ่มีความเจ็บปวดที่ช่องท้อง แต่ทนฝืนเอาไว้ จึงสงสัยว่า เหตุไรไม่แจ้งให้พี่นกฮูกช่วยจัดการรักษาในเรื่องนี้”
“คนทุกคนล้วนแต่มีความลับต้องปกปิดเอาไว้ เราเองเป็นแค่ลมอืด แน่นท้อง อยู่เนืองๆ จึงไม่จำเป็นต้องรบกวนหมอใหญ่ดอก” อินทรีรีบเปลี่ยนเรื่อง “จริงสิ เจ้าสืบพบหรือยังว่า จิวยี่เป็นศิษย์ของผู้ใด หรือ เรียนรู้วิชายอดเยี่ยมเช่นนั้นมาได้อย่างไรกัน”
เหยี่ยวดำส่ายหน้าอับจนปัญญา คนก็ตายไปแล้ว จวนที่พักยังถูกเผาผลาญสิ้น เบาะแสจึงยากจะค้นหาจริงๆ
…
“นับถอยหลัง เนินหงส์ร่วง” ถ้อยคำสั้นๆ ปรากฏอยู่บนจดหมายลับในมือของนกยูง สมาชิกอันดับสิบแห่งหน่วยปักษาสวรรค์ ที่แฝงเร้นอยู่ในเมืองเสฉวน เมื่อผ่านตาเรียบร้อย ตัวจดหมายก็ถูกส่งเข้ากองไฟ ให้เผาทำลายไปอย่างช้าๆ
จารชนที่ดี ย่อมไม่เก็บหลักฐานไว้ใกล้ตัวให้ถูกจับได้โดยง่าย นกยูงเอง ก็คิดเห็นเช่นกัน ตั้งแต่มันเข้าประจำตำแหน่งแล้ว จึงหลีกเลี่ยงไม่เข้าร่วมวงประชุมกับหน่วยปักษาสวรรค์เลย ถึงตอนนี้ ก็น่าจะเป็นเวลาร่วมสิบปีแล้ว
มันคิดเห็นว่า ประวัติศาสตร์พินาศสิ้นมาตั้งแต่ครั้งกระสา-อ้วนเสี้ยวทรยศ สังหารพวกพ้องเดียวกันแล้ว เพียงแต่คนอื่นคล้ายไม่ยอมรับความจริง สู้ฝืนดำเนินการตามแผนดั้งเดิม ไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะอ่านเรื่องราวไม่ออก หรือ แสร้งโอนอ่อน เพื่อจุดประสงค์อื่น และที่แน่ๆก็คือ สมาชิกหน่วยปักษายังทะยอยล้มตายอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายคน จึงสมควรฉีกแผนการดั้งเดิม ด้นสดตามสภาพความเป็นจริงได้แล้ว
หากการกระทำของพวกมันที่เหลือ ส่งผลกระทบเลวร้ายอันใดออกไป อย่างมาก องค์กรต้นสังกัดย่อมส่งคนมาบอกกล่าวยับยั้งได้เอง หรือ อินทรี ผู้นำก็สามารถใช้เครื่องย้อนเวลากลับไปรับแผนการใหม่ก็ย่อมได้ แต่นี่ไม่เห็นความเคลื่อนไหวอันใดในเรื่องนี้ แสดงว่า การกระทำที่เกิดขึ้นมายังคงใช้ได้อยู่ และเป็นที่ยอมรับได้ขององค์กร
ยังมี ต้นสังกัดห้ามมิให้มันนำบทความใดๆข้ามเวลากลับมาในอดีต แต่มิได้ห้ามมิให้มันจดบันทึกเรื่องราวตามความทรงจำเอาไว้เอง วันแรกๆที่ย้อนเวลามา มันจึงแอบจดบันทึกลับเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญต่างๆเอาไว้ช่วยเตืือนความจำตนเองก่อนที่จะถูกกระแสวังวนกาลเวลาปรับเปลี่ยนไป และมันได้ค้นพบแล้วว่า เรื่องราวที่มันจดจำในวันนี้ ผิดเพี้ยนไปจากบันทึกเดิมนั้น หลายจุดหลายเรื่องแล้วจริงๆ
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 4 - อาชาตะวันตก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย