Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
14 มิ.ย. 2021 เวลา 04:14 • นิยาย เรื่องสั้น
4.9. สัญลักษณ์ดวงอาทิตย์
ฮองตงหยวน ฮองเสงหงัน สองอัจฉริยะพิสดาร - ฮองเย่อิง นักปราชญ์สาวแดนเถื่อน
ขงเบ้ง หรือ จูกัดเหลียง เฝ้ามองการเดินหมากของบังทอง อดีตศิษย์พี่ที่กลายเป็นคู่แค้นด้วยความสงบนิ่ง ตั้งแต่ที่บังทองเปิดโปงชาติกำเนิดของมัน ก็ทำให้เล่าปี่ และพวก เกิดเส้นบางๆมากั้นกลางตัวมันให้เหินห่างออกมาจากวงใน ผลักดันให้ต้องหนีหน้าออกมาจัดการเรื่องเสบียง ทหาร และยุทโธปกรณ์อยู่ที่เมืองกังแฮบ้าง เมืองซงหยงบ้าง จนนับวัน ยิ่งดูไม่เข้าที่ไม่เข้าทาง แต่มันก็ต้องจำทน รักษาสถานะของตนเองเอาไว้ก่อน จังหวะนี้ มันไม่ควรแสดงท่าทีให้โจ่งแจ้งเกินไป เพื่อการล้างแค้น สิบปียังไม่สาย
เพียงแต่วันนี้ กลับเป็น ศิษย์พี่ใหญ่ สุมาอี้ เรียกประชุมด้วยรหัสลับที่รู้กันภายในกลุ่มทายาทมังกรเท่านั้น สถานที่เป็นศาลาพักผ่อนบนเนินผาที่ฉากหลังเป็นทุ่งดอกเบญจมาศ จุดเดิมที่กองทัพใหญ่โจโฉเคยตั้งประจันหน้ากับพวกกังตั๋งในศึกเซ็กเพ็ก และเป็นที่เดิมที่โจโฉเคยถูกลอบทำร้ายปางตาย โดยขุนพลเมฆขาว จูล่ง และวีรสตรีสยบศึก ไต้เกี้ยวเมื่อคราวก่อน
ขงเบ้งมาถึงก่อนเวลานัดหมายเล็กน้อย ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อหมุนลงจากรถม้าตามลำพัง ปล่อยให้สารถีนำพาหนะจากไป พลางนึกชมเชยคนนัดหมายว่า เข้าใจในสมรภูมิดียิ่งนัก เพราะเนินเขาเล็กๆสูงเด่น รายล้อมด้วยที่ราบเวิ้งว้างกว้างไกล ไม่อาจมีกองกำลังมาซุ่มซ่อนได้สะดวก การคิดลอบทำร้ายในที่แห่งนี้ ย่อมเปลืองแรงความคิดยิ่งนัก นอกจากจะเป็นมือสังหารระดับสุดยอดฝีมือจริงๆแล้ว
ขงเบ้งปล่อยความคิดให้โลดแล่นไป จนรถม้าคันหนึ่งปรากฏขึ้นให้เห็นแต่ไกล ค่อยๆเคลื่อนเข้ามาตามเส้นทางที่คดเคี้ยว และมาจอดสงบอยู่เบื้องหน้า สารถีสวมใส่หมวกปีกกว้าง นั่งก้มหน้าสงบนิ่งอยู่เช่นนั้นจนเนิ่นนาน ชวนให้อึดอัดใจ สุดท้าย ขงเบ้งคล้ายหมดความอดทน ต้องยอมเอ่ยปากทักทายก่อน “เป็นพี่ใหญ่กับพี่รอง ใช่หรือไม่”
“เป็นพวกเราเอง” เสียงทุ้มหนัก ดังออกมาจากรถม้า แต่ยังไม่ปรากฏความเคลื่อนไหว กลับเป็นอีกเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนหลังคาศาลาตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ ทำเสียงดังเกรียวกราวขึ้นโดยบังเอิญ คล้ายลื่นเสียหลักไม่ทันตั้งตัว
“น้องเล็ก ลงมาเถิด” ขงเบ้งกล่าวเรียกเบาๆ ทำให้เงาร่างนั้น ไถลตัวเลื่อนลงมาจากหลังคาอย่างว่องไว เป็นคนคลุมหน้าในชุดรัดกุมคนหนึ่ง คงมาแอบซ่อนอยู่เนิ่นนานแล้ว เพื่อดูความผิดปกติจากด้านบน เห็นมันตรงเข้าผลักเก้าอี้ล้อหมุนของขงเบ้ง คล้ายจะเข้าไปใกล้รถม้า เพื่อเริ่มต้นพูดคุยกันตามที่นัดหมาย
ทันใดนั้น เกิดเกาทัณฑ์สามดอกพุ่งเข้าใส่สารถี และตามด้วยอีกสามดอกพุ่งเข้าใส่คนภายในรถม้าในทิศทางแตกต่างกันอย่างรวดเร็ว ราวกับสายฟ้าฟาด สารถีรีบล้มตัว กลิ้งไปทางด้านข้าง อาศัยรถม้าเป็นที่กำบังก่อน พลางดึงทวนประจำกายออกจากที่ซ่อนใต้ท้องรถ ในขณะที่คนภายในรถม้า ดีดตัวทะลุหลังคารถม้า กระโดดสวนทางกับเกาทัณฑ์ ตรงเข้าไปยังโพรงไม้ที่ซ่อนตัวของมือสังหาร พร้อมกับเหวี่ยงอาวุธประจำกายไปข้างหน้า เป็นดาบใหญ่เล่มหนึ่ง
เงาร่างหนึ่งพุ่งหลบออกจากโพรงไม้ที่พรางตัว เหวี่ยงคันเกาทัณฑ์ทิ้ง พลางดึงง้าวด้ามสั้นที่เหน็บหลังไว้ออกมากดปุ่มกลไก ดีดออกเป็นง้าวยาว ต่อสู้รับมือกับดาบใหญ่ได้อย่างสูสีกัน สารถีขยับทวน หมายจะช่วยเหลือ แต่ยังคงเป็นเกาทัณฑ์อีกสามดอก พุ่งมาปักลงพื้นดินเบื้องหน้า ยับยั้งมันไว้ที่เดิม ไม่อาจออกมาจากมุมอับนั้นได้ แสดงว่า ยังมีมือสังหารคนที่สองแอบซ่อนอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามนั้น
เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายเกินคาดคิด “น้องเล็ก” ดันเก้าอี้ล้อหมุนหมุนกลับ ตั้งใจจะพาขงเบ้งหลบหลีกการต่อสู้เข้าไปยังศาลาพักร้อนก่อน แต่เป็นมือสังหารคลุมหน้าคนที่สาม โผล่ออกมาจากโพรงลับใต้ดินอีกแห่งหนึ่ง และยิงเกาทัณฑ์สามดอก ทะลุหลังของ “น้องเล็ก” จนล้มฟุบลงไปนอนกับพื้นในทันที และดึงเกาทัณฑ์อีกสามดอกบรรจุเตรียมไว้ เล็งไปยังขงเบ้งที่หมุนตัวเองกลับมาประจันหน้ากันแล้ว
“ในอดีตหลายสิบปีก่อน เคยเล่าขานถึงเกาทัณฑ์คู่สุริยันที่เลื่องชื่อ แม้ครานี้ จะแตกต่างเป็นสามลูกเกาทัณฑ์ไปแล้ว ก็คงมิใช่ฝีมือใครอื่น ท่านคงจะเป็นจ้าวแห่งเกาทัณฑ์ ผู้อาวุโส ฮองตงแห่งเมืองเตียงสา กระมัง” ขงเบ้งแย้มยิ้มประสานมือกล่าวทักทาย ราวกับมองไม่เห็นการต่อสู้ดุเดือดเบื้องหน้า
มือสังหารคล้ายงุนงงไปวูบหนึ่ง พาลปลดผ้าคลุมหน้าออก เห็นเป็นชายชราคิ้วขาว ผมขาว แต่ใบหน้ายังเต่งตึงราวทารกคนหนึ่ง คันเกาทัณฑ์มีร่องรอยดัดแปลง ทำให้สามารถยิงได้ทีละสามดอก “ถูกต้องแล้ว เป็นเรา ฮองตง คาดไม่ถึงวิชาเกาทัณฑ์ชั้นสูงนี้ไม่ได้ใช้มานานวัน พอลงมือขึ้น ก็มีคนระบุถูกต้องได้ในทันที”
“ตัวท่านนับเป็นสุดยอดฝีมือคนหนึ่งในแผ่นดิน ที่จริง พลังยุทธ์อาจจะเหนือกว่าทวนไร้น้ำใจ ขุนพลลิโป้ในอดีตเสียด้วยซ้ำ เราจึงมิอาจไม่สนใจได้ เพียงแต่ท่านหายสาบสูญไปนาน นึกไม่ถึง วันนี้ได้มีโอกาสพบพานตัวจริงเสียงจริงเช่นนี้” ขงเบ้งยังคงทักทาย คล้ายจะเยินยอเสียด้วยซ้ำ
ฮองตงอดหน้าแดงวูบหนึ่งมิได้ ชื่อเสียงในอดีตของมันอาจจะเคยสูงส่งถึงปานนั้น แต่มันกลับต้องมาทนโดนหยามเหยียดจากฮันเหียน เจ้าเมืองเตียงสามานาน และยิ่งมารับหน้าที่นักฆ่ามือสังหารอันต่ำต้อยไร้เกียรติจากเล่าเจี้ยงบ่อยครั้ง ซึ่งก็รวมทั้งครั้งนี้ด้วย ทำให้ในใจมีความขัดแย้งต่อการกระทำแบบมือสังหารเช่นนี้อยู่ตลอดเวลา
มาถึงเวลานี้ สัญชาตญาณนักฆ่าลดน้อยลงกว่าเดิม ฮองตงกวาดตามองขงเบ้งโดยละเอียด แล้วคล้ายพบเห็นสิ่งใดเข้า เกาทัณฑ์ที่ขึ้นลำเหนี่ยวเล็งไว้แล้ว กลับส่ายไหว ลดต่ำลงเล็กน้อย ผิดเพี้ยนจากเป้าหมายสำคัญ แต่ก็เพียงพอให้ขงเบ้งฉกฉวยโอกาสขยับมือ กดปุ่มกลไกที่พนักพิงแขนแล้ว
กลไกใยตาข่ายนี้นับว่าร้ายกาจนัก ขนาดคราก่อนนั้น กวนอู เตียวหุย สองยอดฝีมือ ยังไม่อาจรอดพ้น ฮองตงเองก็ไม่แตกต่างกัน ตาข่ายผืนใหญ่พุ่งวาบออกมาคลุมร่างของฮองตงในทันที จนขยับตัวไม่ได้ ยิ่งดิ้นรนยิ่งรัดแน่นกว่าเดิม
มือสังหารคนที่สองรีบพุ่งตัวออกจากโพรงไม้พรางตัว ชักง้าวสั้นออกมายืดเป็นง้าวยาว ตรงเข้าหมายช่วยเหลือ แต่ขงเบ้งกดกลไกเพิ่มเติม กลายเป็นอาวุธลับมากมาย พุ่งเป็นเส้นสายคล้ายฝูงตั๊กแตน เข้าขวางทางไว้
มือสังหารคนที่สองพลันเปลี่ยนทิศทาง หันง้าวกวาดเข้าใส่ขงเบ้งแทน ขงเบ้งจึงต้องรีบเบี่ยงกาย กดปุ่มให้กงล้อดีดออกมากระแทกให้มือสังหารถอยห่างออกไปเล็กน้อย พอให้ขงเบ้งได้ส่งสัญญาณพลุไฟขึ้นสู่ท้องฟ้า แตกกระจายเป็นรูปมังกรสีแดงตัวหนึ่ง
ทันใดนั้น นักสู้หลายสิบคน นำโดยจูกัดจิ๋น น้องชาย ประมุขหมู่บ้านมังกรซ่อน และฮองเย่อิง ภรรยาของขงเบ้ง วิ่งกรูกันขึ้นมาจากชายป่าด้านล่างเนินเขา แต่ระยะยังห่างไกลพอสมควร มือสังหารคนที่สองกวาดตาประเมินสถานการณ์ มันพอมีเวลา “จะช่วยอาจารย์ก่อน หรือ เอาชีวิตขงเบ้งก่อน”
มันเลือกตัวเลือกที่สองก่อน ง้าวยาวนั้นหดสั้นลง เหวี่ยงหมุนออกจากมือ ตรงเข้าใส่ขงเบ้งโดยเร็ว แล้วตัวมันพุ่งเข้าหาฮองตง และชักมีดสั้นออกพยายามตัดใยตาข่าย พลางหันกลับมาดูผลงาน หวังจะเห็นขงเบ้งนั่งจมกองเลือดอยู่บนเก้าอี้ล้อหมุน
แต่แล้ว ขงเบ้งที่นั่งบนเก้าอี้ล้อหมุน คล้ายคนพิการมาโดยตลอด กลับยืนตระหง่าน พร้อมง้าวสั้นของมันเองพาดอยู่ที่ลำคอของมันแล้ว ส่วน “น้องเล็ก” ที่โดนเกาทัณฑ์ยิงฟุบไปตั้งแต่แรก ก็ยืนถือกระบี่พาดคอฮองตงไว้เช่นกัน ทั้งๆที่เกาทัณฑ์ยังปักอยู่ถึงสามดอก ทางด้านจูกัดจิ๋นและฮองเย่อิง พร้อมกับพรรคพวกมาถึง และตรงเข้าล้อมมือสังหารคนแรก ที่ยังต่อสู้เสี่ยงชีวิตอยู่กับ “คนในรถม้า” อย่างติดพัน และสูสี
“หยุดมือ” เสียงตวาดดังขึ้นจากปากของฮองตงที่ยังอยู่ในใยตาข่าย ทำให้ทั้งหมด รวมทั้งคู่ต่อสู้ หันมาทางจอมยุทธ์เฒ่า เห็นฮองตงจ้องมองไปทางฮองเย่อิงแน่วนิ่ง จนนางอดใจไว้ไม่ได้ เพราะมีปมค้างในใจในเรื่องสีผิวและสีผมของตนเองที่แปลกประหลาด ผิดกับอิสตรีชาวฮั่นทั่วไปอยู่ ต้องตวาดเสียงดุว่า “จ้องมองอันใด ตาเฒ่า เดี๋ยวข้า ฮองเย่อิง จะควักลูกตาเจ้าเองกับมือ”
ทันใดนั้น ฮองตงกลับเงยหน้า หัวร่อร่า พลางกล่าว “บิดาของเจ้าชื่อ ฮองเสงหงัน ใช่หรือไม่ ใบหน้าของเจ้าช่างไม่ผิดเพี้ยนไปจากมารดาเจ้าเลย” ไม่ทันรั้งรอให้ตอบคำ ฮองตงรีบพูดต่อไป “เจ้าจงหยิบคันเกาทัณฑ์ของข้าขึ้นมาดู ใช่มีตราสัญลักษณ์ประจำตระกูล สลักอยู่หรือไม่”
ฮองเย่อิงหยิบคันเกาทัณฑ์ที่ตกอยู่กับพื้น เห็นรูปพระอาทิตย์ส่องแสง สัญลักษณ์ประจำตระกูล ปรากฏอยู่จริงดังคำกล่าว ทำให้นึกย้อนถึงคำสอนของบิดา ฮองเสงหงัน ที่เคยเล่าถึงพี่ชายร่วมสายเลือดของท่านที่หลบหนีออกจากเผ่าแล้วหายสาบสูญไปเมื่อหลายสิบปีก่อน หรือว่า ที่แท้ ฮองตง จ้าวแห่งเกาทัณฑ์ผู้เลื่องชื่อ ก็คือ ฮองตงหยวน มีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆของนางเอง
ฮองเย่อิงรีบเล่าเรื่องราวให้ขงเบ้ง ผู้เป็นสามีรับฟังคร่าวๆ พลางชี้ให้เห็นรูปพระอาทิตย์ สัญลักษณ์ประจำตระกูลที่ปรากฏอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ พระอาทิตย์ย่อมมีปรากฏอยู่ทั่วไปโดยบังเอิญได้ แต่สัญลักษณ์นี้ จะมีตำหนิเว้าแหว่งที่ลำแสงอาทิตย์สองสามจุดอย่างจงใจ หากไม่ชี้ให้ดู ก็จะไม่ทันสังเกตเห็น
เมื่อศัตรูกลับกลายเป็นญาติสนิทไปเช่นนี้ ขงเบ้งจึงได้แต่ลดอาวุธ สั่งหยุดมือ คลี่คลายสถานการณ์ แล้วเห็น “คนในรถม้า” ซึ่งก็คือ กวนอู ฉายา ขุนพลสยบมังกร ขึ้นม้าควบจากออกไปอย่างหุนหัน จึงชวนเฉพาะฮองตง ฮองเย่อิง ให้มานั่งลงพูดคุยกันในศาลาริมทางนั้นแทน ส่วนคนอื่นๆ ให้รั้งรอพักผ่อนอยู่ห่างออกไปด้านนอกก่อน
…
ขงเบ้งเป็นฝ่ายเริ่มก่อน มันเดาออกว่า การนัดพบศิษย์เก่าของกลุ่ม “ทายาทปรมาจารย์เล่าจื้อ” ครั้งนี้มีเลศนัย แต่ต้องการวางแผนซ้อนแผน ยามฉุกละหุก จึงอาศัยกองกำลังมากฝีมือเท่าที่มีใกล้ตัว เชื้อเชิญขุนพลสยบมังกร กวนอู และกวนเป๋ง จิวฉอง สองขุนพลผู้พิทักษ์ ให้มาช่วยกันสวมรอย ปลอมแปลงตนเข้ามา โดยให้ กวนอู ที่ใบหน้าแดงคล้ำ สะดุดตาเกินไป ซ่อนตัวอยู่ในรถม้า จิวฉอง เป็นสารถีสวมหมวกปิดบังใบหน้า และกวนเป๋งเป็นคนคลุมหน้าที่มาเข็นเก้าอี้ให้
ส่วนแผนสำรอง ยังเป็นจูกัดจิ๋น กับฮองเย่อิง ที่นำกำลังเสริมจากหุบเขามังกรซ่อน ให้เตรียมพร้อมอยู่ไกลออกไป เพื่อไม่ให้ศัตรูตื่นตัว หลบหนีไปก่อน หากต้องการเรียกใช้ ก็เพียงส่งสัญญาณพลุไฟเรียกเข้ามา
แน่นอน กลุ่ม “ทายาทปรมาจารย์เล่าจื้อ” ย่อมเป็นเรื่องราวเหลวไหล หากแต่ขงเบ้งต้องหลอกลวงกวนอูกับพวก ให้มาร่วมมือ จึงแต่งสรรค์ปั้นเรื่องขึ้น ขืนบอกว่าเป็นกลุ่มทายาทมังกร ก็จะกลายเป็นการเปิดเผยร่องรอยตนเองไปเปล่าๆ
ในขณะเดียวกัน ขงเบ้งก็แอบส่งข่าวกำชับให้ทายาทคนอื่นๆรู้ตัว อย่าได้เดินทางมาให้ติดกับดักการจัดฉากในครั้งนี้ไปด้วย รอให้มันซ้อนกลจัดการทุกอย่างเองตามลำพัง เพื่อดักล่อเอาตัวต้นคิดออกมาจัดการให้ได้
แม้ว่าฮองตงจะกลายเป็นญาติฝ่ายภรรยา ก็ใช่ว่าขงเบ้งจะไว้วางใจในทันที จึงเพียงยืนกรานไปในเรื่องเดิมที่แต่งขึ้นไปพลางๆก่อน เล่าเรื่องกึ่งจริงกึ่งเท็จปะปนกันไปภายใต้รอยยิ้มเปื้อนหน้า
จากนั้น ขงเบ้งจึงเฉลยสาเหตุที่กวนเป๋งไม่ตายด้วยเกาทัณฑ์สามดอกนั่น ก็เพราะได้นำเอาเกราะหนังอ่อนพิเศษที่ฮองเย่อิงจัดทำขึ้นมาใช้ในการนี้ แต่เมื่อหยิบมาดู ยังเห็นเกาทัณฑ์ทั้งสาม ทะลุเกราะหนัง แทงเข้าไปในแผ่นหลัง แต่ไม่ลึกนัก ก็ยังบาดเจ็บผิวกายอยู่ดี นับว่า กลไกเกาทัณฑ์ของฮองตงมีแรงดีดที่รุนแรง น่าเกรงขามเกินไปจริงๆ
สำหรับการที่ตัวมันเองยืนได้โดยไม่ต้องอาศัยเก้าอี้นั้น ก็เพราะที่จริงตัวมันได้รับบาดเจ็บ จนเดินเหินไม่สะดวก หาใช่พิการทุพพลภาพ จึงใช้เก้าอี้ล้อหมุนมาเนิ่นนานแล้ว แต่การลอยตัว ยืนอยู่กับที่นั้น ย่อมไม่ได้เป็นปัญหาอันใดอยู่แล้ว
…
เมื่อขงเบ้งกล่าวจบความ ฮองตงจึงเริ่มชี้แจงแถลงไขบ้าง มันได้รับคำเชื้อเชิญจากสหายสนิทให้นำศิษย์เอกทั้งสอง มาลอบสังหารกุนซือมังกรซ่อน ซึ่งเป็นไส้ศึกฝ่ายโจโฉ ที่แฝงตัวเข้ามาอยู่กับเล่าปี่ และกำลังจะมีการนัดพบกับพวกพ้องเดียวกัน เพื่อเป็นการสร้างผลงานก่อนการเข้าร่วมวง สวามิภักดิ์ให้กับเล่าปี่ หากแต่มันยืนกราน ยังไม่สะดวกที่จะเปิดเผยชื่อคนผู้นั้นจากปากของตนเอง
ส่วนการที่มันหายสาบสูญจากญาติพี่น้องเมื่อหลายสิบปีก่อน ก็เป็นเพราะความคึกคะนองในวัยหนุ่ม และสนุกสนานกับการใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ ที่แตกต่างไปจากหุบเขากันดารในแดนใต้นั้นนั่นเอง ถึงกับยอมฝ่าฝืนคำสั่งเสียของบรรพชน ขโมยของวิเศษของเผ่ากับตำรายุทธ์สองสามเล่ม และหนีออกมาสู่โลกกว้างภายนอกตามลำพัง
เนื่องจากตัวมันชำนาญด้านบู๊ ในขณะที่ฮองเสงหงัน ชำนาญด้านบุ๋น จนรับสมญา สองอัจฉริยะพิสดาร มันจึงใช้วิทยายุทธ์ที่มี ผนวกกับความรู้ที่ได้จากตำราโบราณเพิ่มเติม สร้างกลไกพิเศษให้กับอาวุธของมัน กรุยทางสร้างชื่อเสียง จนได้รับฉายา จ้าวแห่งเกาทัณฑ์ โลดแล่นเป็นจอมยุทธ์พเนจรอยู่ในแผ่นดินกว้างใหญ่มาก็นาน วนเวียนเป็นนักรบอยู่ในแวดวงราชการก็มี
ช่วงหลายปีแรกนั้น มันเองก็ไม่กล้าอยู่เป็นหลักแหล่งนานๆ เพราะเกรงว่าจะถูกคนในชนเผ่าออกมาตามตัวกลับไปลงโทษ หลายครั้งที่มันถึงกับละทิ้งลูกศิษย์หรือคนสนิท โดยรีบร้อน และไม่ร่ำลา เพราะความหวาดระแวงภัยที่อาจจะมีต่อตนเอง และคนที่เกี่ยวข้องนั่นเอง (ซึ่งหนึ่งในลูกศิษย์นั้น คือ ลิโป้ ตามที่เคยเฉลยไว้แล้ว ส่วนอีกสองคน ยังไม่ได้กล่าวถึง - ผู้เขียน)
แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่ลืมเลือนพื้นเพชาติตระกูล ต่อมาหลายสิบปี เมื่อเริ่มวางใจในตัวตนใหม่ และฝีมือวิทยายุทธ์ที่พัฒนาขึ้นมากแล้ว จึงได้สลักสัญลักษณ์ประจำตระกูลไว้ที่คันเกาทัณฑ์ เป็นเครื่องเตือนใจมาโดยตลอด เพราะไม่คิดว่าจะมีใครคนอื่นมาพบเห็นอาวุธคู่กายของมันได้ง่ายๆ
ที่จริง ภายหลังจากที่มันได้รับบาดเจ็บสาหัส เทียบเท่าการสูญเสียวิทยายุทธ์เมื่อหลายปีก่อน ใช้เวลาเนิ่นนานจึงจะฟื้นคืนกลับมาดังเดิม ทำให้เกิดปลงตก ยอมรับชะตากรรม อยากจะกลับไปเยี่ยมเยียนญาติมิตร เมื่อสองสามปีก่อน เคยลองย้อนกลับไปสืบหาทางเข้าหุบเขาตามลำพัง แต่คล้ายมีค่ายกลผีสางอันใดขวางทางไว้ จึงไม่อาจกลับไปได้อีก
…
มาถึงตรงนี้ ขงเบ้งและฮองเย่อิงลอบสบตากัน แสดงว่า ค่ายกลที่นางสร้างขึ้น ไม่เพียงขวางกั้นเบ้งเฮ็ก คู่อริ ไม่ให้ออกมาเท่านั้น ยังขวางกั้นคนภายนอกอย่างฮองตงไม่ให้กลับเข้าไปได้ด้วย คงมีแต่ฮองเสงหงันย่อมเป็นข้อยกเว้น เพราะอัจฉริยะด้านบุ๋นผู้นั้นคือปรมาจารย์แห่งค่ายกลอยู่แล้ว
อีกประการหนึ่ง การที่ขงเบ้งจดจำฮองตงได้นั้น ที่จริงก็เป็นเพราะเหตุการณ์ลอบสังหารกลางเมืองหลวงเมื่อหลายปีก่อน ที่ทำให้มันสืบสาวค้นหาผู้ต้องสงสัยที่ชำนาญด้านเกาทัณฑ์ จนคาดเดาได้ว่า เป็นฮองตง จ้าวแห่งเกาทัณฑ์ แต่ด้วยความที่มันก็หายสาบสูญไปหลายปี จนผู้คนแทบจะลืมเลือนไปแล้ว วันนี้มาพบพานกันเมื่อแรก ขงเบ้งจึงแสร้งเยินยอให้ตายใจ เพื่อให้ยอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา
สุดท้าย ฮองตงอดไม่ได้ที่จะแสดงเกาทัณฑ์ลับในแขนเสื้อ ไม้ตายสุดท้ายที่ปรับเปลี่ยนมาบรรจุเป็นระเบิดเพลิงเอาไว้ ที่มันเตรียมพร้อมจะยิงผ่านช่องตาข่ายออกไป หากมิใช่ในจังหวะนั้น ขงเบ้งลอยตัวขึ้นจากเก้าอี้ จนทำให้มันสังเกตเห็นสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์บนพนักพิงหลังได้ถนัดตา และฮองเย่อิง หลานสาวที่มีบุคลิกโดดเด่น ปรากฏตัวขึ้นมาพอดี จึงเปลี่ยนจากอาวุธกลายเป็นแพรพรรณ
แสดงว่า ที่จริง ฮองตงยังมีทีเด็ดพลิกฟื้นสถานการณ์ได้จริงๆ สมกับเป็นขิงแก่ที่มากประสบการณ์ จนขงเบ้งต้องลอบร้องหวาดเสียวอยู่ในใจ
…
นับจากการที่มีคนริเริ่มทำระเบิดเพลิงออกมาใช้ให้ปรากฏแล้ว บรรดาช่างมีฝีมือต่างก็พยายามค้นคว้าหาทางทำเลียนแบบขึ้นบ้าง ไม่ต่างจากการพัฒนากระบวนการรบ หรือการเดินทัพที่พลิกแพลงพิสดาร เพียงแต่บางคนทำสำเร็จ บางคนยังล้มเหลว แตกต่างกันไปตามศักยภาพและความรู้ที่มีมาแต่เดิม
การที่ฮองตงนำอุปกรณ์ทันสมัยมาประยุกต์ใช้จึงมิได้สร้างความประหลาดใจอันใด จนไม่มีใครจี้ถามว่า ความคิดดัดแปลงกลไกเครื่องมือนั้น ที่จริงมาจากอุยเอี๋ยน ลูกศิษย์อัจฉริยะหนุ่มอีกคนหนึ่งของขุนพลเฒ่าฮองตง
ฮองตงอาจจะเก่งกาจด้านวรยุทธ์ฝีมือลึกล้ำ หากแต่พอถึงเรื่องกลไกซับซ้อน กลับต้องศึกษาเลียนแบบมาจากตำราประจำเผ่าที่ขโมยมา หลายสิบปีที่ผ่านมา จึงพัฒนาไปได้แค่กลไกลูกเกาทัณฑ์คู่เท่านั้น ซึ่งก็นับว่า เป็นสุดยอดวิชาระดับหนึ่งแล้ว
ภายหลัง พอได้อุยเอี๋ยนมาเป็นศิษย์เอก เห็นแววความสามารถในการปรับปรุงพลิกแพลง จึงพาลชักชวนให้มาศึกษาตำราโบราณร่วมกัน จากที่เคยติดขัดคิดไม่ออก ก็พบพานหนทางจัดทำได้โดยง่าย ทั้งสองจึงเริ่มพัฒนากลไกสามเกาทัณฑ์ และเกาทัณฑ์ในแขนเสื้อมาใช้เพิ่มเติม
แต่เนื่องจากฮองตงยังคงเก็บงำตัวตนของสองศิษย์เอกเบื้องหน้า มันจึงจำต้องกลบเกลื่อนเป็นตัวมันเองที่พัฒนาสิ่งประดิษฐ์พิสดารพวกนี้ออกมา
…
ส่วนฮองเย่อิงก็เล่าเรื่องราวในครั้งที่ตนเองหลบหนีเบ้งเฮ็ก คู่หมั้น ออกจากหมู่บ้านโบราณพร้อมกับขงเบ้งบ้าง กลับทำให้ฮองตงถึงกับตบหัวเข่าฉาดใหญ่ ชื่นชมความกล้า บ้าบิ่น สอดคล้องกันอุปนิสัยของตน และกล่าวด่าทอฮองเสงหงัน น้องชายที่คร่ำครึ คิดจะยกหลานสาวให้กับเบ้งเฮ็ก ผู้นำชนเผ่า ทั้งๆที่ ฮองตงเองก็ไม่เคยเห็นหน้าตาของเบ้งเฮ็กมาก่อน เพราะตนเองก็หลบหนีออกจากเผ่ามานานมากแล้ว
แต่เมื่อได้เล่าถึงเรื่องราวของฮองเสงหงันตัวปลอม ฮองตงก็ได้แต่ทอดถอนใจ เห็นด้วยว่า ฮองเสงหงันคงถึงจุดจบไปแล้ว จึงเปิดบัญชีแค้นต่อกลุ่มคนลึกลับนี้ไปด้วยอีกคน
…
ที่จริงแล้ว ยังคงมีความลับหนึ่งที่ฮองตงไม่เปิดเผยออกมาต่อพวกขงเบ้งทั้งสอง ก็คือ สาเหตุหลักที่มันสะบัดหน้าหนีออกจากหมู่บ้าน เป็นเพราะผิดหวังต่อความรักที่มีต่อมารดาของฮองเย่อิงนี่เอง
ในยามนั้น สองอัจฉริยะพิสดารนับเป็นชายหนุ่มที่มีอนาคตก้าวไกล เพียงรองจากผู้นำหัวหน้าเผ่า จึงเป็นที่หมายปองของสาวๆในเผ่า โดยเฉพาะฮองตงหยวนที่ถูกจริตต่อสังคมป่าเถื่อนรกร้าง ดังนั้น สาวงามผู้เป็นมารดาของฮองเย่อิงย่อมมีใจต่อพี่ชายสายบู๊มากกว่าน้องชายสายบุ๋น
หากแต่มันคุ้นเคยสนิทสนมกับน้องชาย ย่อมพบพานพิรุธเรืื่องความรักสามเส้าไม่ยาก มันจึงยอมตัดใจ เปิดทางให้กับฮองเสงหงันแทน โดยแสร้งทำตนเป็นคนมากรัก หักหาญน้ำใจสาวงามไปอย่างรุนแรงหลายครั้ง จนนางทนไม่ไหว เปลี่ยนใจไปชอบพอกับคนที่ซื่อตรงกว่าแทน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการวิวาห์ของน้องชายกับสาวงามแล้ว มันมิอาจทำใจพบเห็นภาพบาดตาได้ทุกวี่วัน ไม่อาจทนอยู่ใกล้ชิดกันได้อีก ได้แต่เดินทางไกลไปในต่างแดน หากแต่ภายในใจ มันไม่เคยลืมหญิงสาวผิวดำคมเข้มเมื่อหลายสิบปีคนนั้นได้เลย จนไม่เคยมีคู่ครองเป็นตัวเป็นตนสักที และทำให้เพียงปราดเดียวที่เห็นฮองเย่อิง จึงจดจำได้ทันที เพราะมีเค้าหน้าและสีผิวเฉกเช่นเดียวกันกับคนรักเก่านั่นเอง
เพื่อเป็นการรับขวัญหลานสาว หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ บุตรีของคนรักเก่า ฮองตงจึงมอบเคล็ดลับการทำกลไกเกาทัณฑ์สามสุริยัน และเกาทัณฑ์ลับในแขนเสื้อให้กับฮองเย่อิงไว้ชุดหนึ่ง เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาอาวุธต่อไป รวมทั้งยังมอบตำราโบราณที่ตนเองขโมยมาจากเผ่าตั้งนานกลับคืนให้ด้วย เพราะนางดำรงอยู่ในสถานะผู้รวบรวมวิชาการโบราณ และตนเองจดจำข้อความได้หมดสิ้นอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาตำราคร่ำคร่าเอาไว้อีกต่อไป
ภายหลัง ฮองเย่อิง รำลึกถึงวีรกรรมของท่านลุงฮองตง ถึงกับปรับปรุงออกมาเป็นเกาทัณฑ์เจ็ดสุริยัน ด้วยการลดขนาดของลูกเกาทัณฑ์ลง ขยายช่องบรรจุให้กว้างขึ้น จนใส่เกาทัณฑ์ได้ทีละเจ็ดดอก ตั้งใจนำไปใช้กับเก้าอี้ล้อหมุนของสามี แต่สุดท้าย กลับกลายเป็นอาวุธล้ำสมัยของกองทัพจ๊กก๊กในอีกหลายปีข้างหน้า
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 4 - อาชาตะวันตก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย