15 มิ.ย. 2021 เวลา 06:38 • นิยาย เรื่องสั้น
4.10. ล้มเหลวเพราะแทรกแซง
กวนอู ขุนพลสยบมังกร - บังเต๊ก อุยเอี๋ยน สองศิษย์ร่วมสำนัก
เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจในเหตุและผลของฝ่ายตรงข้ามแล้ว ศัตรูจึงกลายเป็นญาติสนิท ฮองตงรับอาสาเป็นกาวประสานใจ กลับไปแจ้งข่าว เกลี้ยกล่อมให้สหายสนิทผู้นั้น เปลี่ยนใจสลายความแค้นเคือง
ขงเบ้งสังเกตอยู่แล้วว่า ฮองตงจงใจหลีกเลี่ยงไม่แนะนำชื่อเสียง และไม่เปิดเผยหน้าตาของศิษย์เอกทั้งสอง เพื่อไม่ให้สืบเดาได้ว่า คนบงการจัดฉากผู้นั้นคือใคร และไม่ให้คิดอาฆาตต่อศิษย์ทั้งสองที่ลงมือหนักหน่วงกับพวกตนเองในภายภาคหน้า
“ท่านไม่บอก เราก็คาดเดาได้อยู่แล้ว หงส์ผงาด คือคนจัดฉากเรื่องนี้ แต่น่าเสียดาย ที่มันไม่ได้มาด้วยตัวเอง” ขงเบ้ง-จูกัดเหลียง คิดอยู่ในใจ พลางสังเกตจดจำสรีระร่างกายของบุคคลทั้งสามด้วยความสามารถพิเศษของตนเอง ก่อนแยกย้ายกันไป
เพียงแต่ ครั้งนี้ การคาดคะเนของมันผิดไปไกลแล้ว อันที่จริง ฮองตงไม่ได้คิดซับซ้อนอันใดเลย เพียงแต่ไม่กล้าแนะนำศิษย์เอกทั้งสอง เพราะพวกมันก็เป็นลูกศิษย์ และญาติสนิทของบังทองด้วย มันจึงคิดจะไกล่เกลี่ยเรื่องราวให้เสร็จสิ้นก่อน หากเปิดเผยไปตอนนี้ อาจจะเป็นการทำร้ายต่อลูกศิษย์ทั้งสองเสียเปล่าๆ
ก่อนจากกัน ฮองเย่อิงคาใจมาเนิ่นนาน อดไม่ได้ต้องสอบถามว่า ของวิเศษที่ฮองตงขโมยออกมาจากเผ่าคือสิ่งใด ฮองตงจึงเฉลยว่า มันตีปริศนาของวิเศษไม่ออก จึงบอกไม่ถูกเช่นกัน และได้ทำสูญหายไปเนิ่นนานแล้ว
“ในช่วงแรกๆที่หลบหนีออกมา รับรู้เพียงว่า ภายในเป็นก้อนกลมเล็กๆสีขาวขุ่นวางอยู่สามลูก ลักษณะอ่อนหยุ่นเท่านั้นเอง แต่ขบคิดวิธีใช้งานไม่ออก ภายหลัง ข้าต่อสู้กับศัตรูทางภาคเหนือ แล้วคงทำมันสูญหายไปทั้งกล่อง” ฮองตงทบทวนความจำที่มีต่อของวิเศษประจำเผ่านั้น
ขงเบ้ง และฮองเย่อิงได้แต่ร่ำร้องเสียดายในใจ ขนาดตำราโบราณของเผ่าแต่ละเล่มก็ล้วนเป็นสุดยอดวิชาแล้ว ของวิเศษประจำเผ่า เห็นทีจะต้องเป็นสิ่งที่หาค่ามิได้แล้วกระมัง ซึ่งความคาดเดาก็ถูกต้องยิ่งนัก เพราะผู้ที่มีบุญวาสนาเก็บของวิเศษนั้นไปก็คือคนสกุลม้าที่กำลังก่อเหตุประหลาดวุ่นวายอยู่ทางฝั่งเหนือนั่นเอง เป็นหน้ากากพิสดารสามชุด
พื้นฐานนิสัยของบังทองเป็นคนอำมหิต โหดเหี้ยม ย่อมอดระแวงไม่ได้ว่า เบาะแสการนัดหมายของพวกทายาทมังกรปรากฏต่อหน้าของมันง่ายดายเกินไป สุ่มเสี่ยงเกินไป คราวนี้ มันจึงวางหมากให้พวกฮองตงทั้งสามคน ปลอมแปลงเป็นมือสังหารไร้สังกัด ออกหน้าลงมือก่อน
หากสำเร็จ เครือข่ายสุมาก็แทบจะหมดสิ้น และเป็นการเปิดตัวพรรคพวกของมันได้ยอดเยี่ยม กลายเป็นผลงานสำคัญของมันชิ้นหนึ่งที่มีต่อขุมกำลังเกงจิ๋ว แต่หากผิดพลาด หมากเด็ดของมันบาดเจ็บล้มตาย ความสัมพันธ์กับพวกมันก็ยังเป็นความลับ พวกทายาทก็ไม่อาจสืบสาวเรื่องราวมาถึงตัวมันได้
แต่อย่างไร มันก็ยังเชื่อมั่นในฝีมือของฮองตง และอุยเอี๋ยน บังเต๊ก ศิษย์เอกทั้งสองมากกว่าพวกทายาทมังกร แม้ว่าเหล่าทายาทจะมีความสามารถไม่น้อย แต่ไม่น่าจะรอดพ้นต่อการลอบสังหารในครั้งนี้ได้ โดยเฉพาะเมื่อมันได้แอบชี้แนะให้อุยเอี๋ยนปรับปรุงเกาทัณฑ์ลับในแขนเสื้อให้บรรจุระเบิดเพลิงร้ายแรง
สุดท้าย ยังมีมันคอยเสริมทัพอยู่ด้านนอกด้วยอีกคน บังทองแอบมองความเคลื่อนไหวทั้งหมด ผ่านกล้องส่องทางไกลที่พันธมิตรผู้ล่วงลับ เคยมอบให้เป็นของกำนัล ทำให้มันมีความได้เปรียบที่เห็นสิ่งต่างๆได้ในระยะที่ไกลขึ้นกว่าปกติ สามารถซ่อนตัวคุมเชิงอยู่ในที่ไกลๆได้เกินคาดหมาย แม้ว่าจะไม่มีความสามารถในการอ่านปาก เหมือนนกเป็ดน้ำ ผู้เป็นบังทองตัวปลอม แต่ก็พอคาดเดาความเปลี่ยนแปลงได้จากท่าทาง และสีหน้าของคนเหล่านั้น
ดังนั้น เมื่อเกิดความพลิกผันเช่นนี้ แทนที่มันจะบุกเข้าไปเป็นกองหนุนสุดท้ายตามแผนการณ์ มันจึงได้แต่ถอนตัวกลับไปตั้งรับยังเมืองเกงจิ๋ว ซึ่งเป็นตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่น่าจะปลอดภัยไว้ก่อน ในภาวะสงครามเช่นนี้ กุนซือใหญ่ย่อมมีกองทหารองครักษ์คุ้มครองได้อย่างแน่นหนายิ่งนัก รอดูต่อไปว่า พวกฮองตงจะแจ้งแก้ตัวมาอย่างไร
ตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา บังทอง ขงเบ้ง ขัดแย้ง ชิงดีชิงเด่นกันเอง จนถึงขั้นที่บังทองวางแผนลอบสังหารขงเบ้งโดยอาศัยพวกพ้องจากเมืองเตียงสา แม้ว่าขงเบ้งจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ซ้อนกลจนบังทองสังเวยชีวิตไปได้ และเล่าปี่ก็ได้อ้างถึงคนเมืองเตียงสา เปิดฉากจู่โจมเล่าเจี้ยงแห่งเสฉวน ผู้บงการหลังฉาก ทำให้เนินเขาทุ่งดอกเบญจมาศแห่งนั้นจึงถูกเรียกว่าเนินหงส์ร่วง เพื่อรำลึกเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้
ที่จริง ผู้ที่แจ้งนัดหมาย ถึงกับเป็นอินทรีมือเหล็ก อดีตสุมาเต๊กโชนั่นเอง แล้วพวกอินทรี หัวขวาน และเหยี่ยวดำ ก็แอบซ่อนอยู่ในอุโมงค์ลับที่ทำขึ้นจากฝีมือช่างของหัวขวานข้างใต้ศาลาพักร้อน เชื่อมโยงออกไปถึงแนวชายป่า รอแก้ไขสถานการณ์อยู่แล้ว เพียงให้บังทองปรากฏตัว ย่อมมีหนทางจัดการกับฝ่ายตรงข้ามได้
แต่ด้วยความสัมพันธ์ทางสายเลือดของฮองตงกับฮองเย่อิงปรากฏ กลับพลิกเปลี่ยนสถานการณ์ บังทองคงแอบซ่อนอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อพบเห็นความเปลี่ยนแปลง จึงสะบัดหน้าจากไปก่อน ทำให้แผนเนินหงส์ร่วง ต้องล่มสลายไปเอง ปักษาทั้งสามได้แต่เสียแรงเปล่า ไม่อาจกำจัดหงส์ผงาดได้ตามที่วางแผนการณ์ไว้
ในเมื่อฮองตง ฮองเย่อิง เป็นคนของชนเผ่าโบราณ ที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดยทีมย้อนเวลาที่สูญหายไปในอดีต นับไปแล้ว ก็เป็นเพราะพวกมันที่ทำให้เกิดความซับซ้อนเช่นนี้เกิดขึ้นในวังวนเวลาอีกครั้งหนึ่ง
ฮองตง อุยเอี๋ยน และบังเต๊ก เดินทางมุ่งสู่เมืองเตียงสามาได้ระยะหนึ่ง ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังมาจากด้านหลัง เห็นเป็นกวนอู ขุนพลสยบมังกร ถือง้าวมังกรเขียวประจำตัว ขี่ม้าเซ็กเทา วิ่งตามมา จึงหยุดรั้งรอ คิดว่า ขงเบ้งฝากเรื่องราวอันใดมาว่ากล่าวเพิ่มเติม อุยเอี๋ยนกับบังเต๊กรีบดึงปิดผ้าคลุมหน้าไว้เช่นเดิม เพื่อมิให้จดจำใบหน้าได้
กวนอูมาถึง ก็ไม่รอช้า ใช้ง้าวมังกรเขียวโดดลงจากหลังม้า ชี้หน้าด่าทอใส่บังเต๊กที่ปิดหน้าอยู่ แต่ยังคงจำรูปร่างท่าทางได้ในทันที “เมื่อครู่ เราใช้ดาบใหญ่ อาวุธไม่ถนัดมือ เจ้าจึงต่อสู้กับเราได้สูสี บัดนี้ เรามีอาวุธประจำกายแล้ว จงมาลองฝีมือกันอีกสักครั้งเถิด”
ที่แท้ กวนอูไม่ยอมเลิกรา ไม่ยินยอมให้ใครมาทาบรัศมี เมื่อครู่ ถึงกับกลับไปหยิบฉวยอาวุธคู่มือ เพื่อต้องการมาพิสูจน์ฝีมือกับคู่ต่อสู้อีกครา
พวกฮองตงล้วนเป็นนักรบเลือดร้อน ไม่อาจรับฟังคำท้าทายเช่นนี้ จึงเลือดขึ้นหน้ากันทั้งสิ้น บังเต๊กเองก็ยังเป็นวัยหนุ่มฉกรรจ์ โมโหร้ายอยู่แล้ว จึงชักง้าวออกมาต่อสู้กันกับกวนอูอีกครา แต่ครั้งนี้ กลับสู้น้ำหนักแรงบวกน้ำหนักง้าวของกวนอู พร้อมกับกระบวนท่าสยบมังกรไม่ได้ ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำอย่างเห็นได้ชัด
พริบตาเดียว คนคลุมหน้าก็โดนกรีดไปหลายแผลแล้ว กวนอูจึงกระหยิ่มใจ แต่แทนที่จะเอาให้ถึงตาย กลับเปลี่ยนจังหวะ เป็นดึงผ้าคลุมหน้าออกให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของบังเต๊กเท่านั้น อย่างน้อย มันก็ไม่อาจหักหาญลงมือกับคนพวกนี้จนถึงตายอยู่ดี เพียงแค่สั่งสอนให้สำนึก ก็เพียงพอแล้ว
เสียงเกาทัณฑ์ฝ่าอากาศมาทางด้านหลังสามดอก กวนอูสะบัดง้าวขวางไว้ เป็นคนคลุมหน้าอีกคนหนึ่ง ไม่อาจเดาใจกวนอู เพียงคิดต้องการช่วยเหลือ จึงรีบร้อนลงมือจากด้านหลัง อันเป็นเรื่องถือสาของการต่อสู้แบบชาวยุทธภพ กวนอูจึงโกรธเคืองขึ้นบ้าง และเปลี่ยนเป้าหมายมาไล่ฟันใส่คนนี้แทน
อาวุธของอุยเอี๋ยนก็เป็นง้าวยาวเช่นกัน บังเต๊กกับอุยเอี๋ยน สองศิษย์ร่วมสำนักจึงใช้สองง้าวกลุ้มรุมใส่กวนอู แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ กลับเป็นกวนอูมากประสบการณ์ ค่อยๆตีตื้นขึ้นมาเป็นฝ่ายมีเปรียบกว่าแล้ว
ฮองตง เห็นศิษย์ทั้งสอง ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ เกรงว่าจะเป็นอันตราย ในตัวก็ไม่มีเกาทัณฑ์แล้ว เพราะมอบให้ฮองเย่อิงไปหมดสิ้น จึงได้แต่ชักง้าวสั้นของตนออกมา กดกลไกให้กลายเป็นง้าวยาวเช่นกัน ตรงเข้าขัดขวางอาวุธของทั้งสองฝ่าย พลางประกาศขึ้นด้วยเสียงอันดัง “ท่านกวนอู จงหยุดก่อน เห็นแก่ข้าผู้เฒ่า ฮองตง ด้วยเถิด”
กวนอูได้ยินเสียงแล้ว หยุดมือให้ทันทีจริงๆ หันมาพลางเบิ่งตามองฮองตงอย่างเต็มตา “เจ้าคือ ฮองตง จ้าวแห่งเกาทัณฑ์ หรือ”
เมื่อครู่ ตอนที่ขงเบ้งเรียกฮองตง ฮองเย่อิง เข้าไปพูดคุย ขุนพลกวนอูรีบร้อนกลับไปหาง้าวมังกรเขียว และม้าเซ็กเทา เพื่อจะมาแก้มือ จนไม่ทันรับทราบเรื่องราวอันใด ภายหลัง ได้สิ่งของมาแล้ว พบว่า ทั้งสามออกเดินทางกลับเมืองเตียงสา ก็ไม่ทันฟังอะไร รีบเร่งขึ้นม้ามาในทันที จึงไม่รู้แม้แต่ชื่อแซ่ญาติสนิทของฮูหยินท่านขงเบ้งเลยด้วยซ้ำ
ฮองตง งงงันในท่าทีของกวนอู พลางสังเกตหน้าตาที่แดงคล้ำไหม้เกรียม ทำให้นึกย้อนไปถึงอดีตที่เคยไล่ล่าเผิงเสียนเป็นเวลานานขึ้นมา “กวนอู ที่จริง เจ้าก็คือเผิงเสียน คนร้ายหนีคดีฆ่าคนวางเพลิงผู้นั้น”
คู่แค้นทั้งสอง จ้องมองกันไม่ไหวติง คนหนึ่งมองดูคนร้ายหนีคดี ที่ทำให้ชีวิตราชการของมันต้องล่มสลาย คนหนึ่งก็จ้องมองมือปราบที่ตามไล่ล่า จนตัวเองเสียโฉมพลัดถิ่นฐาน และเสื่อมเสียศักดิ์ศรีมานาน การกลับมาเจอกันในทางแคบเช่นนี้ ถึงกับทำให้เลือดขึ้นหน้า ไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์อื่นใดแล้ว นอกจากต้องการแลกชีวิตตามเส้นทางของนักสู้เท่านั้น
ในมือทั้งสองยังคงถือง้าวคู่มือเอาไว้แน่น กวนอูประเมินฝ่ายตรงข้ามมีถึงสามคน และตัวเองก็เหนื่อยล้ามาพักใหญ่แล้ว ส่วนฮองตงสำนึกว่าไม่มีเกาทัณฑ์ และเกาทัณฑ์ลับอยู่กับตัว ต่างฝ่ายต่างยังกริ่งเกรงกันอยู่ในที จึงนิ่งอยู่ ไม่กล้าลงมือ
เสียงฝีเท้าม้าดังขึ้นอีกครา เป็นกวนเป๋ง และจิวฉองติดตามมาทันผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วง แต่กวนอูยังประเมินออกว่า ทั้งสองห่างชั้นกว่าฝ่ายตรงข้ามมาก ถึงแม้ตนจะมีจำนวนคนเท่ากัน จึงไม่ได้มีเปรียบกว่าเมื่อครู่เท่าไรนัก กลับเป็นคนคลุมหน้า ส่งเสียงท้าทายขึ้นแล้ว
“ในเมื่อต่างฝ่ายต่างมีคนเท่ากัน และมีเรื่องแค้นเคืองจากอดีต จงลงมือต่อสู้ให้เต็มที่เถิด แล้วเรื่องราวในวันนี้ ให้จบสิ้นลงที่นี่ ต่อไป ห้ามถือสาหาความกันอีก” อุยเอี๋ยนเห็นว่าฝ่ายตนได้เปรียบ จึงกระตุ้นเตือนให้ครอบคลุมไว้ ต่อไป จะได้ไม่อาจรื้อฟื้นอาฆาตแค้นในภายหลัง
ว่าแล้ว อุยเอี๋ยนเองก็ส่งสัญญาณให้บังเต๊ก ลงมือเข้าใส่กวนเป๋ง จิวฉอง ทันที เปิดทางแกมบีบบังคับให้ฮองตง ต้องลงมือกับกวนอูเช่นกัน แต่เพียงไม่กี่กระบวนท่า กวนเป๋ง จิวฉอง ก็ถูกด้ามง้าวฟาดใส่จนสลบเหมือดไปกองอยู่กับพื้นด้วยความห่างชั้น หลงเหลือแต่กวนอูที่ยังกัดฟันต่อสู้กับฮองตงได้อย่างสูสี เพราะต่างก็เป็นนักรบทรงพลังที่ใช้ง้าวยาวเป็นอาวุธด้วยกันทั้งคู่
อุยเอี๋ยน บังเต๊กยืนคุมเชิง พลางสังเกตกระบวนท่าของทั้งสองฝ่ายสักพักใหญ่ พบเห็นว่า ฮองตงเสียเปรียบกว่าเล็กน้อย เพราะไม่มีเกาทัณฑ์ลับเข้ามาเสริมในบางกระบวนท่า ทำให้เป็นช่องว่างให้กวนอูเร่งมือกระหน่ำง้าวเข้าใส่ไม่หยุดมือ และกำลังชิงเป็นฝ่ายมีเปรียบแล้ว
อุยเอี๋ยนรีบส่งสัญญาณกับบังเต๊ก ให้ระดมยิงเกาทัณฑ์ลับในแขนเสื้อ กวนอูหลบเลี่ยงเกาทัณฑ์ของอุยเอี๋ยนได้ทัน แต่เกาทัณฑ์ของบังเต๊กปักเข้าที่หัวไหล่ซ้ายของกวนอูเต็มแรง ทำให้กระบวนท่าที่เชื่องช้าลงวูบนึง
ฮองตงอยู่ในสภาวะหมุนวนตามแรงเหวี่ยง ไม่ทันยั้งกระบวนท่า จึงฟันง้าวซ้ำเข้าที่ชายโครงของกวนอู จนเลือดสาดกระจาย แต่กวนอูก็ยังไม่ยอมหยุดมือ รีบรวบรวมเรี่ยวแรง กวาดง้าวเข้าใส่หมายแลกชีวิตก่อนเพลี่ยงพล้ำยิ่งขึ้น ฮองตงจึงพลิกใช้คมง้าวของตนเองกวาดไล่ไปตามง้าวมังกรเขียวของกวนอู จนต้องปล่อยมือ ง้าวมังกรเขียวเสี้ยวจันทร์คู่กายร่วงไปกับพื้น กวนอูได้แต่ยืนนิ่งหลับตา รอรับชะตากรรมแล้ว
ฮองตงกำลังมีเปรียบ แต่กลับกระแทกง้าวกับพื้น พลางตวาดให้คนอื่นๆหยุดมือ “หยุดก่อน เรา ฮองตง จ้าวแห่งเกาทัณฑ์ เป็นผู้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีมากพอ การต่อสู้ครั้งนี้ เป็นการสะสางความแค้นในยุทธภพ ไม่ใช่การต่อสู้ในสงคราม ไม่สมควรให้คนอื่นสอดแทรก เราต้องขออภัยต่อเจ้าแทนคนของข้าด้วย”
มันจงใจเรียกเป็นคนของข้า แทนที่จะเป็นลูกศิษย์ของข้า เพื่อป้องกันไม่ให้กวนอูสืบสาวเรื่องราวในวันหน้า จากนั้น พลางประสานมือให้กับกวนอู กล่าวคำสืบต่อ “ให้ท่านกลับไปรักษาตัวก่อน พร้อมเมื่อไหร่ ขอให้ท่านอาสานำทัพไปพบกับข้าที่เมืองเตียงสา คราวหน้า เป็นการศึกสงคราม เราสองจะต่อสู้กันในทุกรูปแบบ จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง ครั้งนี้ เราไว้ชีวิตของท่าน จึงขอยึดม้าทั้งสามตัวไว้เป็นตัวประกันชั่วคราว จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาไล่ตามกันอีก”
ฮองตงสมกับเป็นผู้เฒ่าประสบการณ์สูง เพียงใช้ข้ออ้างสมเหตุสมผล ถึงกับยึดม้าเซ็กเทาอันเลื่องชื่อไปใช้เป็นการชั่วคราวเสียแล้ว
ฮองตงกล่าวจบแล้วไม่รอช้า ลอยตัวขึ้นม้าเซ็กเทาของกวนอู และเรียกให้ศิษย์ทั้งสองขึ้นม้าของกวนเป๋ง จิวฉอง เพื่อเดินทางจากไปโดยเร็ว และป้องกันไม่ให้ถูกตามทันอีก
กวนอูจึงได้แต่มองม้าเซ็กเทาอันมีค่าดั่งของวิเศษ และเป็นพาหนะคู่ใจของตนมานาน หายลับสายตาไปพร้อมกับศัตรูคู่อาฆาต เหลือแต่ง้าวมังกรเขียวที่ร่วงหล่น และกวนเป๋ง จิวฉองที่ยังนอนหมดสติอยู่กับพื้น
“เป็นเวลาเนิ่นนานยิ่งนักที่มันไม่เคยประสพกับความพ่ายแพ้ แต่วันนี้ มันถือว่า แพ้แล้ว แพ้ให้กับศัตรูเก่าที่เคยตามไล่ล่ามันมานานนับปีอีกแล้ว” กวนอูทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างสะทกสะท้อนใจ และพร่ำบ่นประโยคเดิมซ้ำๆ “อยู่ ให้มีศักดิ์ศรี ตาย ให้มีคุณค่า สักวันหนึ่ง เราจะตามไปแก้แค้นกับเจ้าแน่นอน ตาเฒ่าฮองตง”
ฝ่ายฮองตงทั้งสาม เดินทางกลับไปเมืองเตียงสา ตลอดทาง ฮองตงดุด่าว่ากล่าวทั้งอุยเอี๋ยน และบังเต๊กอย่างหนัก ที่สอดแทรกลงมือแบบผิดวิสัยจอมยุทธ์ จนบังเต๊ก จอมใจร้อน อดทนไม่ไหว แอบหนียามค่ำคืน ชิงล่วงหน้าไปพบกับบังทอง ลูกพี่ลูกน้องกัน และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังโดยละเอียด โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางเครือญาติของฮองตงกับฮองเย่อิง ขงเบ้ง
บังทองพิจารณาเรื่องราวแล้ว จึงสั่งความให้บังเต๊กขึ้นเหนือ ไปสมัครเข้าร่วมในกองทัพของม้าเฉียวแทน ในเมื่อฮองตง ยังมีอุยเอี๋ยนประกบอยู่ บังเต๊กจึงไม่จำเป็นต้องกลับไปอีกแล้ว สู้แยกให้ไปเป็นหมากลับในกองทัพม้าเฉียวไว้ก่อน
เมื่อมันยึดครองเสฉวนเสร็จ ค่อยยกทัพขึ้นเหนือ ปราบฮันต๋งของเตียวล่อ ม้าเฉียวก็จะกลายเป็นเมืองชายแดนติดต่อกัน หากร่วมมือกัน ช่วยกำจัดโจโฉได้ ก็แล้วไป แต่หากต้องรบพุ่งกันเอง ก็จะมีศิษย์เอกของตนเองอยู่เป็นสายในนั้นแล้ว
นี่เป็นการวางหมากข้ามขั้นหลายชั้นของบังทอง ด้วยเห็นว่า ขุมกำลังตระกูลม้าทางตะวันตกเฉียงเหนือนั้น น่าสนใจยิ่งนัก และบังเต๊ก ผู้มากฝีมือด้านบู๊ น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับสมรภูมิด้านนั้น เรื่องราวด้านนี้ เพียงแค่ตัวมันกับอุยเอี๋ยนอยู่ช่วยกันจัดการ ก็น่าจะเพียงพอ
อินทรี หัวขวาน และเหยี่ยวดำ รู้สึกโชคดีที่ได้พบเห็นการต่อสู้ของหกนักสู้แห่งยุคโดยบังเอิญ แม้ว่าจะไม่รู้ว่า คนคลุมหน้าทั้งสองคือใคร แต่จากเบาะแสความสัมพันธ์ของฮองตงแล้ว สมควรจะเป็นบังเต๊กกับอุยเอี๋ยน ศิษย์เอกในสังกัดของฮองตง
“ประเมินฝีมือของคนเหล่านี้กับจิวยี่แล้วเป็นเช่นไร” อินทรีมือเหล็กยังติดใจเรื่องเดิม ความเป็นมาของจิวยี่ยังเป็นเรื่องที่ต้องสืบค้นต่อไป
“หากจิวยี่เตรียมพร้อมต่อสู้ สมควรชนะคนทั้งหมดนี้ได้ในที่สุด” เหยี่ยวดำไม่อ้อมค้อม “แต่เราสองคนอาจจะต้องอาศัยความพลิกแพลงจึงจะเอาชัยได้”
อินทรีขมวดคิ้วแนบแน่น กังวลใจว่า เบื้องหลังของจิวยี่จะมีอะไรที่ยิ่งใหญ่ซ่อนเร้นอยู่ และบุคคลในตำนานมีใครบ้างที่เป็นเช่นดั่งขุนพลสำอาง แอบซ่อนวรยุทธ์ไว้ในยามฉุกเฉิินค่อยลงมืออย่างจริงจัง ซึ่งจะทำให้ความทรงจำของพวกมันด้อยค่าสูญเปล่าความได้เปรียบไปในทันที
“แผนผิดพลาด หงส์ไม่มา” นกยูงอ่านข้อความลับ แล้วโยนทิ้งเข้ากองไฟเช่นเคย น่าเสียดาย ประวัติศาสตร์ผิดเพี้ยนไปอีกบทตอนหนึ่งแล้ว
ซึ่งหากวิเคราะห์กันอย่างแท้จริงแล้ว แผนการณ์ครั้งนี้ ผิดพลาดไปอย่างมาก ก็เป็นเพราะกล้องส่องทางไกล เครื่องมือล้ำสมัยของนกเป็ดน้ำ ที่มอบเป็นเครื่องกำนัล แสดงความจริงใจให้กับบังทองต่างหาก ที่ทำให้บังทองชิงมีเปรียบ ประเมินสถานการณ์ได้จากระยะไกล ไม่เช่นนั้น ถึงแม้บนเนินเขา จะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นไร บังทองก็ต้องมาอยู่ในระยะที่ถูกตรวจพบได้อยู่ดี แต่ความผิดเพี้ยนเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ คนในหน่วยปักษาไม่ทราบเรื่อง จึงคาดเดาไปอีกทางหนึ่ง
“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ต่อไป พวกเราก็คงต้องลิขิตประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับบุคคลเหล่านี้” นกยูงตัดสินใจ พลางหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนข้อความในจดหมาย แต่กลับไม่มีตัวอักษรบนนั้น นอกจากรอยจางๆของของเหลวสีขาวขุ่น เป็นน้ำมะนาวเข้มข้น และจดหมายไม่เพียงหนึ่งฉบับ แต่กลับมีถึงสองฉบับ ถูกส่งไปในทิศทางที่แตกต่างกัน
หมายเหตุ การใช้นำ้มะนาวเขียนหนังสือล่องหนบนจดหมายลับ โดยต้องเอาไปอังไฟจึงจะอ่านได้นี้ เป็นเรื่องที่สามารถทำได้จริง
ในอีกมุมมองหนึ่ง การต่อสู้อย่างดุเดือดของฮองตงทั้งสามกับกวนอูนั้น ทำให้แต่ละคนกลับไปปรับปรุงพัฒนาวิทยายุทธ์ของตนไปตามแนวทางที่ตนเองถนัดยิ่งขึ้น หลังจากที่หลงคิดว่า ฝีมือตนเองสูงส่งเลอเลิศมานาน พอเจอของจริงเข้าในยุคสมัยปัจจุบัน ทำให้เกิดผลักดันให้ต้องพัฒนาความคิดใหม่ๆขึ้นมาแล้ว
ฝ่ายบังเต๊ก เดินทางขึ้นเหนือมาเข้าเป็นพวกกับม้าเฉียว ยามว่าง ก็ทบทวนวิทยายุทธ์ของตนเองจากการต่อสู้จริงๆกับกวนอูที่เกิดขึ้น และได้พบพานรูปแบบการต่อสู้เฉพาะตัวแบบชนเผ่าทางเหนือ ถึงกับปรับเปลี่ยนอาวุธประจำตัว จาก ง้าวยาวที่เยิ่นเย้อ รุ่มร่าม ให้เป็น ดาบฟันหัวม้าที่รุนแรงฉับไว เพื่อให้สอดคล้องกับอุปนิสัยของตนเอง และลดความสิ้นเปลืองเรี่ยวแรง เพราะจุดเด่นของมัน เป็นความเร็ว ไม่ใช่ความแรง แนวทางของดาบฟันหัวม้าของบังเต๊กจึงรวดเร็ว และแฝงพลังฆ่าฟันมากยิ่งขึ้น
ด้านอุยเอี๋ยน ก็ไม่ได้วางใจนิ่งเฉย ใช้ประสบการณ์ที่ได้จากการต่อสู้ในครั้งนี้ ขอคำชี้แนะจากอาจารย์ฮองตงเพิ่มเติม ผนวกกับความเป็นอัจฉริยะส่วนตัว เปลี่ยนจากง้าวยาวเดียวดาย มาเป็นง้าวคู่ด้ามสั้นแทน เพราะจุดเด่นของมันคือ พลิกแพลง ไม่ใช่ความแรง เช่นกัน การใช้ง้าวสองมือของอุยเอี๋ยน จึงเป็นเหมือนเพิ่มความซับซ้อนเป็นสองเท่าให้กับกระบวนท่าของตนเอง
ส่วนฮองตงเอง ถึงแม้แก่ชราแล้ว แต่ก็ยังหลงไหลในวิทยายุทธ์แปลกใหม่ไม่เสื่อมคลาย พาลพบเห็นว่า เคล็ดลับรักษาตัวที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากกระท่อมรังนก เมื่อผนวกกับเคล็ดลมปราณที่ศึกษาจากตำราโบราณเพิ่มเติม ไม่เพียงฟื้นคืนความแข็งแกร่งกลับมา แต่ยังช่วยส่งเสริมต่อแนวทางพลังยุทธ์สายลมปราณด้วย
ดังนั้น มันจึงนึกถึงวิชาฝีมืออีกแนวหนึ่งที่มันเคยขบคิดตีความ แต่ละเลยมานานหลายสิบปีแล้ว เพราะครั้งนั้น ยังอ่อนด้อยในด้านกำลังภายใน แต่บัดนี้ มันเชื่อมั่นว่า พลังลมปราณของมันพร้อมสมบูรณ์ถึงขีดสุดแล้ว
เป็นพลังดรรชนียิงตะวันจากตำราโบราณที่เป็นต้นแบบของเกาทัณฑ์คู่สุริยัน!!

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา