Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
18 ก.ค. 2021 เวลา 23:59 • นิยาย เรื่องสั้น
5.7. มรสุมใหญ่ก่อตัว
เตียวเจียว จูล่ง สุมาอี้ แกนหลักนิกายแสงจรัส
บนเส้นทางหลวงมุ่งไปทางทิศเหนือ ห่างจากวัดป่าน้อยที่สองออกไปถึงหนึ่งช่วงขุนเขา กองทัพหลวงจีนจำนวนหลายร้อยรูป และชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่ง โผล่ออกมาจากดงป่าไม้ที่ปกปิดเส้นทางลับหลังเขา โดยมีรถม้าที่เต็มไปด้วยสมบัติจากดินแดนเสฉวนร่วมสี่สิบคัน คล้ายไข่แดงปะปนอยู่ภายในกลุ่ม
นี่คือทางลับที่เป็นเงื่อนไขสร้างความได้เปรียบแก่พวกนิกายแสงจรัส ที่จะสามารถลัดเส้นทางตัดตรงเข้าสู่สมรภูมิรบทุ่งเตียงปัน โดยไม่มีใครได้ทันตั้งตัว ใครเล่าจะคาดคิดว่า ภายในเทือกเขาอันสลับซับซ้อน เต็มไปด้วยป่าไม้รกทึบ กลับมีเส้นทางเชื่อมโยงทะลุจากเมืองซินเอี๋ย มุ่งตรงขึ้นเหนือได้ในเวลาอันสั้น
เนื่องจากตำแหน่งดังกล่าวกางกั้นไว้ด้วยขุนเขากว้างใหญ่ และปากทางอีกด้านก็ถูกเพลิงไหม้เผาทำลายร่องรอยแล้วตามแผนการที่วางไว้ เหล่ากองทัพธรรมจึงไม่ต้องกังวลว่า กองทัพฝ่ายเมืองซงหยงจะติดตามมาด้านหลังอีก
เปลือกนอก หลวงจีนด้านหน้าจึงชูธงวัดป่าน้อย วัดสายพุทธอันดับสองแห่งแผ่นดิน ทำพิธีสวดมนต์ พร้อมโปรยดอกไม้และกระดาษเงินกระดาษทอง ไปตามรายทาง กลายเป็นขบวนธรรมยาตราในพิธีกรรมการเดินธุดงค์ ที่ระยะหลังนี้ พวกวัดสายพุทธจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่ผ่านมา เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างวัดป่าน้อยที่สอง เมืองซินเอี๋ย ใจกลางประเทศ กับวัดม้าขาว เมืองลกเอี๋ยงทางเหนือ
แต่ที่จริงแล้ว ขบวนธรรมยาตราครั้งนี้ ก็คือการเคลื่อนทัพที่เปิดเผยและว่องไว ควบคุมไม่ให้ผิดแผกไปจากพิธีกรรมที่เคยทำไว้ให้เคยชินกัน ทำให้เคลื่อนผ่านเส้นทางหลวง ผ่านพ้นด่านสกัดต่างๆไปได้อย่างรวดเร็ว และราบรื่นที่สุด
สมรภูมิทุ่งเตียงปันที่คราก่อน กองทัพร้อยหมื่นของโจโฉ รุมล้อมหมายจับตัวจูล่ง จนไปเสียรู้ต่อเตียวหุยที่เชิงสะพานข้ามหุบเขา มาบัดนี้ บ้อคง-เล่าเจี้ยงคาดหวังจะใช้กองทัพธรรมจับตัวโจโฉ ยึดอำนาจแผ่นดินคืนจากจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาในร่างแหใหญ่ครั้งนี้แบบไม่ให้ทันได้ตั้งตัว
…
ภายในห้องโดยสารของรถม้าคันใหญ่ท่ามกลางขบวนธุดงค์จาริกบุญ สองอาหลานแซ่เล่าได้นั่งกันตามลำพัง บ้อคง-เล่าเจี้ยงจึงเอ่ยปากถามเภาเจ๋ง-เล่าฉวน “ท่านอามีแผนการณ์เช่นไร จึงถอนทัพใหญ่ออกจากวัดป่าน้อย ยอมสูญเสียกำลังไปหลายสิบคน และละทิ้งขุมทรัพย์พรรคฟ้าเหลืองไปเช่นนี้”
เปลือกนอกเมื่อครู่ บ้อคงคล้ายดั่งผู้บงการสูงสุด สั่งการบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่าง แต่ความเป็นจริงแล้ว คนที่ควบคุมสถานการณ์ตัวจริงกลับเป็นเภาเจ๋ง ที่สั่งการเอาไว้ล่วงหน้าแล้วทั้งสิ้น แสดงว่า อาหลานคู่นี้มิได้ไว้วางใจในคนทั้งหลายที่มาร่วมประชุม จึงยังแฝงเร้นเงื่อนงำความนัยเอาไว้มากมาย มิให้ถูกพบเห็นความจริงโดยง่าย
ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ก็สมควรอยู่ เพราะนิกายแสงจรัสก่อตั้งมาเนิ่นนาน คนที่ร่วมรู้เห็นล้วนเป็นคนเก่าแก่ดั้งเดิม ตั้งแต่ เตียวก๊กแห่งพรรคฟ้าเหลือง สุมาเต๊กโชแห่งเครือข่ายสุมา มิใช่ผู้สืบทอดภารกิจอย่าง เตียวเจียว สุมาอี้ ตันฮก หรือผู้มาใหม่อย่างกาเซี่ยง เอียวสิ้ว ตันเซ็ก จึงยังมิอาจไว้วางใจได้อย่างแท้จริง
เภาเจ๋ง ผู้นำสายกองทัพธรรมตัวจริง บ้อคง ตัวหลอกในการประชุมครั้งแรก ยังมี บังเต๊กกง ที่ถูกอ้างอิงถึงในฐานะผู้นำสูงสุด ย่อมสามารถชะลอการขัดขวางจู่โจมของจารชนไส้ศึกได้ ถ้าหากมีจริง และนี่ยังไม่ทันกล่าวถึงโครงสร้างของขบวนการฟ้าดินที่ทับซ้อนอยู่เบื้องหลังนิกายแสงจรัสอีกชั้นหนึ่งด้วยซ้ำ
ต้องไม่ลืมว่า เมื่อสิบห้าปีก่อน เภาเจ๋ง-เล่าฉวนร่วมมือกับจูกัดกุ๋ย กำจัดเล่าหัว-เภาก้วย เล่าเปียว เล่าเอี๋ยน แม้ว่ายังคงจัดฉากให้ทุกคนกลายเป็นหุ่นเชิด คงสภาพขุมกำลังให้เติบโตต่อไป แต่ยึดกุมอำนาจสั่งการไปหมดสิ้น ขบวนการฟ้าดินจึงเท่ากับเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ยังคงเป็นเสาหลักยึดเหนี่ยวกิ่งก้านสาขา แต่ถูกปรับเปลี่ยนเนื้อในไปเสียแล้ว โดยคนทรยศทั้งสองคนร่วมหัวกันอย่างแยบยล
เภาเจ๋งและจูกัดกุ๋ยแสร้งทำท่าทีดูแลโครงข่ายแทนผู้นำสูงสุด เล่าหัว แต่ที่จริง สุมหัวกันเสริมเติมขุมกำลังตนเองให้แกร่งกล้าพร้อมรบ จนหลายปีที่ผ่านมา จูกัดกุ๋ยเองกลับหายสาบสูญไป เนื่องจากออกเสาะหาหนทางรักษาอาการบาดเจ็บให้กับจูกัดเหลียง บุตรชาย จนเกิดเรื่องราวของม้าเท้ง ซึ่งที่จริงก็เป็นคนหนึ่งในโครงข่ายฟ้าดินมาตั้งแต่ต้น ดังนั้น เภาเจ๋งเองจึงเริ่มเห็นหนทางลัด คิดชิงเอาชนะหักหาญกับโจโฉดูสักครา
“เพื่อชัยชนะในศึกใหญ่ ไม่กลัวแพ้ในสมรภูมิย่อย การสูญเสียกำลังพล และขุมทรัพย์นั้นเป็นเบี้ยเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย ทางเราต้องการป้องกันทรัพย์สินในรถม้า ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญ และรักษากำลังพลเท่าที่มีอีกหลายร้อยคน เพื่อใช้ในการบุกเข้าชิงตัวโจโฉไม่ให้ทันระวังตัว ดังนั้น หากมัวแต่ปะทะเอาชัยต่อพวกกวนอูด้วยกำลัง เกรงว่าจะยืดเยื้อจนเสียการใหญ่ และเป็นข่าวแพร่งพรายออกไปทั่ว กองหนุนของฝ่ายเล่าปี่ก็จะระดมพลกลับมาอีก เราจึงยอมเสียสละทหารหลวงจีนหนึ่งกองร้อยออกไป เพื่อให้พวกมันตายใจว่า กำลังพลของเรามีไม่มากนัก และเปิดทางให้ตันฮก ซึ่งเคยอยู่กับพวกมัน ได้กลับเข้าไปเป็นจารชน แทรกซึมในกองทัพเมืองเกงจิ๋วได้อีกครั้ง
หากเป็นไปตามแผนการ ในช่วงเวลาที่พวกเราจับตัวโจโฉด้วยความช่วยเหลือจากลิเจียง เตียวเฟิง และสุมาอี้ที่กลับไปร่วมทัพอยู่นั้น ตันฮก จูล่ง ก็จะยึดอำนาจจากกวนอูที่ได้รับบาดเจ็บอยู่กับพวกเล่าฮองที่เหลือ และร่วมมือกันกับกองกำลังหุบเขามังกรซ่อนของจูกัดเหลียง จูกัดจิ๋น ชิงเอาเมืองเกงจิ๋ว ซงหยง กังแฮ มาเป็นฐานกำลังให้กับพวกเราได้พอดี นับเป็นบันไดขั้นแรกของแผนการ
จากนั้น พวกเราจะใช้ตัวประกันโจโฉ บีบบังคับอิกิ๋มที่เมืองอ้วนเซีย อาศัยเตียวเลี้ยวที่หับป๋า เตียวคับ บังเต๊กที่เตียงอัน ลุกฮือก่อขบถมาจากสามทิศทาง บีบเข้าสู่เมืองหลวงฮูโต๋พร้อมกัน และสอดประสานกันกับ กาเซี่ยง เอียวสิ้ว ซึ่งเดินทางล่วงหน้าไปที่เมืองหลวงฮูโต๋ก่อนแล้ว ให้เจาะทำลายโครงสร้างกองทัพฝ่ายโจโฉมาจากภายใน ยึดครองอำนาจรัฐบาลเอาไว้ นับเป็นบันไดขั้นที่สอง
ส่วนรอบนอกจะอยู่ในขั้นตอนถัดไป จูกัดเหลียง เบ้งตัด อุยก๋วน จะเข้าควบคุมฝ่ายเล่าปี่แห่งเสฉวน เตียวเจียว ลกซุน จะเข้าควบคุมฝ่ายซุนกวนแห่งกังตั๋ง จบสิ้นกระบวนการแผนไต่บันไดเมฆาในแบบฉบับที่ข้าวางเอาไว้
นี่จะเป็นการรวมกำลังครั้งใหญ่ของนิกายแสงจรัส ที่มีขุมกำลังสัตตดารา และกลุ่มทายาทมังกร เคลื่อนไหวพร้อมๆกัน น่าเสียดายที่กองทัพธรรมที่มีลิฉุย กุยกี จะขาดหายไปในนาทีสุดท้าย หลงเหลือเพียงแต่พวกเราที่เป็นผู้นำกองทัพธรรมเพียงลำพัง ไม่เช่นนั้น ฝ่ายเราก็จะเข้มแข็งขึ้นอีกขั้นหนึ่ง ต้องนับว่า เจ้าเตียวหุยนี่ เป็นดาวหายนะของพวกเราแท้ๆเชียว” เภาเจ๋งเฉลยแผนการอย่างละเอียดต่อบ้อคงผู้หลาน
“อย่างน้อย เตียวหุยบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว คงจะไม่กลับมาเป็นปัญหาอีกสักระยะหนึ่ง ว่าแต่ ข้ายังสงสัยในผู้ที่ปลอมแปลงเป็นจูล่งผู้นั้นอยู่ ฝีมือของมันคล้ายยังสูงส่งกว่ากวนอู เตียวหุยหรือจูล่งตัวจริงเสียอีก” บัอคังยังคงกังวลอยู่บ้าง
“เอาเถิด ไม่ว่ามันจะเป็นพวกใคร ฝ่ายใด อีกไม่นาน พวกเราคงต้องพบพานกับพวกมันอีก แต่ถึงตอนนั้น พวกเราก็น่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ และยึดครองแผ่นดินฮั่นให้กับท่านบังเต๊กกงได้แล้ว” เภาเจ๋งสรุปทิ้งท้าย แต่ยังมิวายทิ้งปริศนาให้ขบคิดว่า เหตุใด มันยังคงต้องลากเอาบังเต๊กกงมาบังหน้าอยู่อีก หรือว่า แม้แต่เล่าเจี้ยงผู้เป็นหลานชาย ก็มิได้รับความไว้วางใจอย่างที่สุดเช่นกัน
…
เตียวเจียว ดาวนักปราชญ์แห่งขุมกำลังสัตตดารา ที่จริงแล้ว สมควรที่จะนั่งบนเรือโดยสารหรูหรา มุ่งหน้าสู่เมืองต๋องง่อ เพื่อกลับไปประสานงานกับลกซุนตามแผนการที่วางไว้ แต่เตียวเจียวผู้เฒ่า กลับอยู่บนรถม้า วิ่งไปทางเมืองหับป๋า เพื่อพูดคุย และอธิบายสังกัดใหม่กับเตียวเลี้ยว ดาวขุนพล โดยตรง
มันเห็นว่า หากหมากแต่ละจุดเคลื่อนไหวไม่ถูกต้อง แผนการอาจจะยุ่งเหยิงวุ่นวาย การดึงเอาเตียวเลี้ยวเข้ามาเป็นตัวช่วย จึงจะรัดกุมยิ่งขึ้น เตียวเลี้ยวเป็นคนมีหัวคิด อาจจะทำการนอกกรอบ พลิกแพลงตามอารมณ์ได้ทุกเมื่อ ในเมื่อหน้าที่ของมันคือการประสานงานอยู่แล้ว สมควรยอมลำบากสักครา มิใช่หรือ
ในจังหวะนี้ เตียวเลี้ยวสมควรอยู่ให้นิ่งสงบ เพื่อให้โจโฉกริ่งเกรงในท่าทีของขุนพลเสือโคร่งผู้นี้ จนไม่กล้ารวบรัดเผด็จศึกกับโจเจียง ส่วนทางลิเจียง และเตียวเฟิง ก็สมควรหนึตายอย่างอดทน เพื่อรอคอยเวลาที่เหมาะสมเช่นกัน
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้มันส่งสาส์นพิราบออกไปถึงสามฉบับในช่วงเวลาที่ผ่านมา ฉบับแรก ถึงเตียวเลี้ยว ดาวขุนพล ฉบับที่สอง ถึงเตียวเฟิง ดาวนางงาม และฉบับที่สาม ถึงเตียวคับ ดาวอำพราง ขุมกำลังสัตตดาราที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมดกำลังถูกดาวนักปราชญ์จัดวางตำแหน่งให้แล้ว โดยที่จูล่ง ผู้เป็นประมุขขุมกำลังสัตตดารา และพรรคฟ้าเหลือง กลับไม่มีส่วนรับทราบเลยแม้แต่น้อย
หากดูจากจุดนี้ แสดงว่า ดาวนักปราชญ์ เตียวเจียว น่าจะเป็นกุนซือตัวหลักของนิกายแสงจรัส ที่แฝงตัวลงมากำกับทิศทางของพรรคฟ้าเหลืองนั่นเอง เฉกเช่นเดียวกันกับตันก๋ง ที่แฝงตัวเข้าไปอยู่ข้างกายสุมาเต๊กโช แห่งเครือข่ายสุมา นี่คือความร้ายกาจของนิกายแสงจรัส ที่ส่งคนเข้ามาอยู่ในระดับบริหารของขุมกำลังต่างๆ และสร้างอิทธิพลไว้เหนือกว่าผู้นำในนามมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
…
อีกด้านหนึ่ง จูล่ง นั่งพักผ่อนอยู่ในรถม้า พร้อมกับกวนอูที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังเดินทางกลับสู่เมืองซงหยง โดยมีเล่าฮอง ตันฮก ควบคุมทัพอยู่ด้านนอก ดาบใหญ่สีดำสนิทยังวางพิงไว้ข้างกาย
มันนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ต่อสู้เมื่อสักครู่ หลังจากที่ตัวมันถูกมอมยาสลบ จับตัวอยู่ในถุงผ้ามาเนิ่นนาน จนมารู้สึกตัวตื่นขึ้นที่กลางป่า หลังพุ่มไม้ใหญ่ คนแรกที่ได้พบหน้า กลับเป็นตันฮก หรือชีซี กุนซือกิเลนพิสดาร ที่เดิมเคยอยู่กับเล่าปี่ แล้วย้ายไปอยู่กับฝ่ายโจโฉด้วยความจำยอม แต่ได้ยินว่า เกิดปัญหาแตกหักกันเมื่อไม่นานมานี้ แล้วตอนนี้ ตันฮกคือฝ่ายใดกัน หรือว่าเป็นคนบงการจับตัวมันมาที่นี่
พอคิดได้เช่นนั้น มันจึงขยับกายควานหาอาวุธคู่กาย กลับเป็นตันฮกที่ยื่นส่งดาบใหญ่สีดำสนิทเข้ามาให้ พร้อมกับกล่าวรหัสลับที่รู้กันเพียงชนชั้นผู้นำของพรรคฟ้าเหลือง
“ลมพัด เมฆเคลื่อน โบยบิน สู่ฟ้า เราท่านเป็นพวกเดียวกัน มีเวลาไม่มากนัก ไว้จะอธิบายทีหลัง ตอนนี้ รีบไปช่วยเหลือกวนอู ขับไล่หลวงจีนด้านนั้นก่อนเถิด จำไว้ เพียงขู่ขวัญให้ล่าถอย อย่าลงมือให้หนักหน่วงเกินไป ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรงเต็มที่” ตันฮกสั่งความพลางชี้มือไปทางด้านนอกพุ่มไม้ใหญ่ที่กำลังเกิดเหตุต่อสู้ระหว่างสองยอดฝีมือแห่งแผ่นดินอยู่
มันจึงออกไปขัดขวางการต่อสู้ของกวนอูกับหลวงจีนเฒ่า ถึงตันฮกไม่สั่งความใดๆ มันก็ไม่อาจใช้พลังเต็มที่อยู่แล้ว เพราะอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดี จึงได้แต่หลอกล่อให้ฝ่ายตรงข้ามถอนตัวไปเอง จนมันอดหัวร่อไม่ได้ ทางหนึ่ง หัวร่อที่ได้ชัย เพียงเพราะข่มขู่ด้วยชื่อเสียงที่สะสมมานาน ทางหนึ่ง เพื่อระบายความอัดอั้นว่า ตนเองคงต้องเผชิญกับเรื่องวุ่นวายในเวลาอันใกล้อย่างแน่นอน
ระหว่างที่ตระเตรียมเดินทางกลับจากเชิงเขาจวนหยกสัน ตันฮกได้แวะเข้ามาเฉลยความที่สำคัญอย่างยิ่งโดยละเอียด ที่แท้ พรรคฟ้าเหลือง และเครือข่ายสุมา ถึงกับเป็นรากเหง้าเดียวกัน เตียวก๊ก และสุมาเต๊กโช สองผู้นำ ล้วนแต่เป็นหุ้นส่วนผู้ออกหน้าให้กับบังเต๊กกง ประมุขผู้อยู่ในเงามืดตัวจริง ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ เตียวเจียว เตียวเฟิง รับรู้มาโดยตลอด แต่มันกลับไม่เคยรู้มาก่อนเลย นี่น่ะหรือ ประมุขพรรคฟ้าเหลืองคนปัจจุบัน ผู้นำขุมกำลังสัตตดารา ช่างน่าสมเพชนัก
มาถึงตอนนี้ บังเต๊กกง ผู้เป็นประมุขสูงสุด ถึงกับรวมพลังทุกสำนักที่มี ทุ่มทุนครั้งสุดท้าย มันซึ่งเป็นหมากตัวหนึ่ง มีหน้าที่ร่วมกับตันฮก จูกัดจิ๋น ต้องช่วยกันยึดอำนาจจากกวนอู ควบคุมเมืองเกงจิ๋ว และหัวเมืองทั้งหลายแถบแม่น้ำไต้กังตอนบนนี้ไว้ให้ได้ เพื่อรอรับคำสั่งในลำดับถัดไป
จูล่งหัวร่ออีกแล้ว คำพูดของตันฮกทำให้ตัวมันเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างกระจ่างชัด หลายปีที่ผ่านมา มันนึกว่า ตัวเองคือประมุขพรรค ผู้ที่ได้รับการสืบทอดต่อจากเตียวก๊ก ผู้เป็นบิดาบุญธรรม
แต่ที่จริงแล้ว มันก็เป็นเพียงเบี้ยหมากที่ถูกคนอื่นควบคุมอีกทอดหนึ่ง เตียวเจียว เตียวเฟิง หรือ แม้แต่ เตียวเลี้ยว เตียวคับ ลูกสมุนคนสำคัญทั้งหลาย อาจจะแอบหัวเราะเยาะมันอยู่เนืองๆด้วยซ้ำ
มันเริ่มรู้สึกชิงชังคนพวกนี้ยิ่งนัก ใครๆล้วนแต่มีความลับหลอกลวงตัวมันซ้ำแล้วซ้ำอีก เบื้องหลังความเป็นมาของมันยังคลุมเครือไม่ชัดเจน เรื่องเล่าจากเตียวล่อวันก่อนย้อนมาทับถมกับความตายของเตียวหยิมที่อาจจะเป็นทายาทของตนเอง ทำให้จิตใจมันเปราะบางหวั่นไหวมากกว่าปกติ
สายตาที่เหม่อลอย สูญเสียความมั่นใจของจูล่ง กระทบเข้ากับดาบใหญ่สีดำสนิทที่วางอยู่ไม่ไกลนั้น กลับรู้สึกเหมือนพบกับสิ่งที่คุ้นเคย จนต้องหยิบขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง
“ในเมื่อเราสูญเสียทวนไร้น้ำใจไปกับศึกครั้งล่าสุด เตียวหยุน-เตียวจูล่ง ขุนพลเมฆขาว ผู้โด่งดังในอดีตก็สมควรตายไปเช่นกัน ต่อไป เราจะใช้ดาบใหญ่นี้เป็นอาวุธคู่กายแทน เป็น จูล่ง ขุนพลท่องเมฆา คนใหม่ ที่ใช้ดาบอสูรนี้เป็นอาวุธแทนทวนไร้น้ำใจ”
นี่กลับกลายเป็นครั้งแรกที่จูล่งเกิดความรู้สึกที่ดีต่อสมญานามใหม่ที่ตนเองได้รับมาจาก ขงเบ้ง กุนซือมังกรซ่อน อีกหนึ่งสาวกของนิกายแสงจรัสตามที่ตันฮกบอกเล่าไว้
…
สุมาอี้ ผู้นำเครือข่ายสุมาคนปัจจุบัน นั่งอยู่ในรถม้าที่กำลังเร่งรีบเดินทางกลับไปร่วมกองทัพล่าสังหารของโจโฉ ในตอนขามา ตัวมันเองอ้างต่อกองทัพว่าแวะไปเยี่ยมญาติพี่น้องระหว่างทาง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไปที่อาจจะใช้สิทธิพิเศษเป็นครั้งคราว
แต่ขากลับนี้ มันก็รู้สึกแทบจะไม่แตกต่างกันกับจูล่งเลย เพียงแต่มันยังดีกว่าที่ล่วงรู้ความคงอยู่ของบังเต๊กกงมาได้ระยะหนึ่งแล้ว จึงพอมีเวลาทำใจได้ และยังเชื่อมั่นในตัวทายาทมังกรที่เหลือสองคน คือ จูกัดเหลียง และลกซุน ที่เป็นศิษย์น้อง และเสมือนลูกศิษย์ที่มันสั่งสอนวิชาความรู้ให้มาตั้งแต่ต้น
เพียงแต่มันรู้สึกตื่นตะลึงที่ตันก๋ง คนสนิทของบิดาที่ดูไม่น่าไว้วางใจมาโดยตลอดนั้น ถึงกับเป็นสายตรงของบังเต๊กกง และยังเห็นตัวอย่างจากศิษย์น้องอีกสองคนที่กลับกลายเป็นเหมือนคู่ปรับคู่แค้นกันไปเสียแล้ว
ตันฮก กับ บังทอง ที่จริงก็ไม่แตกต่างจากศิษย์น้องทั้งสอง ตอนนี้ คนหนึ่งเคียดแค้นมันจนเข้ากระดูก คนหนึ่งก่อกวนพวกมัน จนถูกสังหารตายไปก่อน หากไม่ระมัดระวัง มันคงเป็นเป้านิ่งให้ฝ่ายตรงข้ามกำจัดเช่นกัน
พอนึกถึงพฤติกรรมของบังทองที่จองล้างจองผลาญต่อจูกัดเหลียงและตนเองมาเนิ่นนาน สุมาอี้กลับฉุกใจคิด เชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางสายเลือดของบังทองกับบังเต๊กกง ตันฮกกับตันก๋ง หรือว่า ที่แท้ บังเต๊กกงไม่ได้ไว้วางใจตัวมัน จึงส่งคนประกบไว้ข้างกายของมันมาโดยตลอด หากตัวมันแสดงท่าทีไม่ถูกต้อง อาจจะถูกสั่งตายได้ในทันที
สุมาอี้ลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้าวย่างของผู้นำเครือข่ายสุมาที่สุมาเต๊กโช ผู้เป็นบิดาทุ่มเทก่อสร้างมาทั้งชีวิต ดูเหมือนสวยงาม รัดกุม แต่ที่จริง กลับแฝงไว้ด้วยเล่ห์กล และการชักใยจากคนเพียงผู้เดียว เป็น บังเต๊กกง หุ้นส่วนผู้ลึกลับคนนั้น
ถึงเวลาแล้วที่ตัวมันจะต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางสู่อนาคต ทางหนึ่ง คือ เข้ากับโจโฉ ขุนนางผู้เรืองอำนาจ เปิดโปงแผนอำมหิตที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า อีกทางหนึ่ง คือ เชื่อฟังบังเต๊กกง บุคคลลึกลับที่ชักใยสามขุมกำลังใหญ่ กลืนกินฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นซากโดยไม่ทันให้รู้ตัว
พอดี มันเหลือบสายตาออกไปทางนอกหน้าต่าง กลับพบเห็นทางสว่าง แผนการที่จะนำมันหลุดรอดออกจากมรสุมใหญ่ในครั้งนี้ได้ ปรากฏขึ้นในหัวสมองทันที
…
ห่างไกลออกไปทางทิศตะวันตก บุรุษในชุดกุนซือประเมินสถานการณ์อยู่กับแผนที่จำลองขนาดใหญ่ในห้องหนังสืออย่างจดจ่อ จวบจนรู้สึกถึงนกพิราบสื่อสารที่มาเกาะอยู่ข้างหน้าต่าง จึงรับเอาม้วนกระดาษมาอังกับเตาไฟ เพื่ออ่านข้อความสักพัก แล้วค่อยเผาทำลายทิ้งไปตามความเคยชิน
ตัวมันเดินมาทางแผนที่จำลอง มองดูป้ายธงสามสี่อันที่ปักวางไว้บนทุ่งโล่ง แล้วจัดเรียงใหม่ ป้ายธงชื่อ โจโฉ วางไว้เหมือนไล่ตามป้ายธงชื่อ เตียวเสี้ยน ห่างกันพอสมควร มันหยิบเอาป้ายธงชื่อ กวนอู ที่ขวางทางด้านหน้า ออกไปทางด้านขวาล่าง และวางป้ายธงชื่อ เล่าฮอง ไว้แทนที่เดิม ยังมีป้ายธงชื่อ เตียวเลี้ยว ที่อยู่ด้านล่าง กลับวางเฉียงไปทางด้านขวาบนแทน
จากนั้น มันจึงหยิบเอาป้ายธงชื่อ ม้าเฉียว ปักลงตรงใจกลางสมรภูมิ ระหว่างป้ายธงชื่อ โจโฉ กับ เตียวเสี้ยน ทั้งสองอัน และเพิ่มป้ายธงไม่มีชื่อ วางลงทางมุมด้านซ้ายล่างอีกจุดหนึ่ง อย่างมีนัยยะสำคัญ
มันนึกคิดอยู่ในใจ ตัวเลือกของมันมีไม่มาก จนถึงกับสุ่มเสี่ยง ส่งคนที่เข้มแข็งที่สุดไปแก้ไขสถานการณ์ แต่ที่น่ากังวลก็คือ คนที่ส่งไปนั้น ดันเป็นคู่แค้นคู่อาฆาตกับเป้าหมาย “หวังว่า การเพิ่มตัวละครเข้าไปเช่นนี้ คงจะไม่ทำให้ท่านชะตาขาดได้หรอกนะ โจโฉ”
หวดเจ้งเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เบ้งตัด อุยก๋วน ออกอุบายเชิญชวนเตียวหุย จูล่งไปกินเลี้ยง แล้วขุนพลทั้งสองกลับหายตัวไปอย่างลึกลับภายหลังจากงานเลี้ยง เข้ากับสถานการณ์คับขันในครั้งนี้
อุยก๋วน เบ้งตัด นับว่า เป็นตัวปัญหา แต่ยังสามารถรั้งรอการจัดการได้อยู่ เดิมที มันคาดคิดว่า นี่เป็นฝีมือจู่โจมของฝ่ายโจโฉที่ต้องการลดทอนกำลังของฝ่ายเล่าปี่ จึงต้องรีบเสี่ยงส่งม้าเฉียว ม้าต้าย สองพี่น้องตระกูลม้าผู้มีฝีมือสูงส่ง ออกไปช่วยเหลือ โดยคาดเดาว่า จุดหมายคือ กองทัพโจโฉ ที่เล่นเอาล่อเอาเถิดอยู่กับกองทัพโจรฟ้าเหลืองอยู่แถบเมืองอ้วนเซีย จนผิดสังเกต
แต่พอได้รับจดหมายลับจากกระตั้ว-กาเซี่ยง กลับกลายเป็นคนละเรื่อง สถานการณ์กลับยุ่งเหยิงซับซ้อนกว่าที่คาดคิด เพราะยังมีขุมกำลังใหม่ก่อตัวขึ้น และกำลังจะขย้ำใส่จอมทรราชย์โจโฉอยู่รอมร่อแล้ว
ยังดีที่มันได้รายงานเรื่องการหายตัวไปของเตียวหุย จูล่ง ให้กับนกฮูก-ฮัวโต๋ ผู้นำหน่วยปักษาสวรรค์คนปัจจุบันแล้ว อย่างน้อย ทางด้านนกฮูก และหัวขวาน คงจะมีการเคลื่อนไหวล่วงหน้าไปแล้วเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นกำลังเสริมทางด้านบุ๋นก็ตาม ครั้งนี้ มันได้แต่ทอดถอนหายใจ
“อินทรี กระเรียน กระสา พวกท่าน สมาชิกที่มีฝีมือการต่อสู้ของหน่วยปักษาสวรรค์ กลับจากลารวดเร็วเกินไปแล้ว ทำให้พวกเราสายบุ๋นต้องพึ่งพาคนในยุคสมัยโบราณมากขึ้นแล้ว” กุนซือเดชนกยูงได้แต่ทอดถอนใจ ฝืนประคับประคองชะตากรรมคนตั้งมากมายด้วยการพลิกแพลงไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้า
…
กวนอูรับฟังรายงานจากสายข่าวที่ออกไปสืบหาเบาะแสคราวก่อน เคาทูบุกมาพบปะกันหยง สมควรต้องมีเงื่อนงำอันใด มันจึงส่งคนออกไปสืบเรื่องราวในวัยเยาว์ของเล่าปี่ที่บ้านเกิด จนพบเห็นตำนานชาติกำเนิดเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ
เป็นหญิงวิปลาสที่เก็บเด็กกำพร้ามาเลี้ยง ทดแทนลูกชายที่ป่วยตายตั้งแต่เด็ก ช่วยกันประคับประคองเอาชีวิตรอดมาได้จนเติบใหญ่ แต่แล้ว วันหนึ่ง นางบ้ากลับถูกอันธพาลสังหาร ลูกชายหายตัวไปไร้ร่องรอย จนกลับไปโด่งดังในวงการการเมืองในภายหลัง
“ที่แท้ เจ้าก็มีความโสมมอยู่บ้างเช่นกัน” กวนอูนับย้อนเวลาแล้ว เชื่อมั่นว่า นั่นคือช่วงเวลาเดียวกันกับที่เล่าปี่กลับไปเก็บข้าวของ หลังค่ำคืนการสาบานที่สวนดอกท้อ
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 5 - พยัคฆ์หยกนรกทักษิณ
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย