Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
20 ก.ค. 2021 เวลา 00:25 • นิยาย เรื่องสั้น
5.8. ตัวประกันแม่ลูก
เตียวเฟิง นางโจรพรรคฟ้าเหลือง - ซัวบุ้นกี ตังชง ตัวประกันแม่ลูก
การตามล่าอันยืดเยื้อยาวนานระหว่างกองทัพโจโฉ แฮหัวตุ้น กับ กองทัพเตียวเฟิง ลิเจียง กำลังจะถึงจุดแตกหักเข้ามาทุกที เพราะฝ่ายหลบหนีนั้นเหลือกำลังพลน้อยเกินกว่าจะต่อกรได้แล้วจริงๆ ยังคงมีเปรียบก็เพียงตัวประกันที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่เท่านั้น
แฮหัวตุ้น เคาทู เคยเสนอตัวจะลอบบุกเข้าไปช่วยเหลือตัวประกันในยามค่ำคืนอีกครั้ง แก้ตัวให้กับความล้มเหลวคราก่อน หากแต่กุนซือสุมาอี้ ห้ามปรามไว้ โดยกำหนดสมรภูมิรบสุดท้ายไว้เป็นทุ่งเตียงปัน ใกล้เมืองซงหยง ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งกว้าง ยากต่อการหลบหนี หรือวางกับดักหลุมพรางใดๆได้
ดังนั้น กองทัพฝ่ายโจโฉจึงแยกเป็นสองส่วน แฮหัวตุ้นกับสุมาอี้จะอ้อมเส้นทางมาดักไว้ที่เชิงสะพานเตียงปันก่อน กะเวลาให้กองทัพโจเจียงเข้ามาถึงตำแหน่งที่กำหนด พร้อมกันกับกองทัพของโจโฉ เคาทูที่ติดตามมาด้านหลัง
แผนการณ์ที่ฟังดูสมเหตุสมผลจากกุนซือสุมาอี้ ทำให้โจโฉไว้เนื้อเชื่อใจ ยินยอมเสียเวลาเนิ่นนาน เพื่อช่วยเหลือหญิงคนรัก และพิสูจน์ความจงรักภักดีของขุนพลสำคัญ ยินยอมไม่ใช้กำลังพลเผด็จศึกโดยเร็ว แต่โอนอ่อนจนกว่าจะถึงจุดหมาย ซึ่งยังอยู่ในเขตแดนที่ตนเองปกครอง
และในช่วงเวลาสุดท้าย โจโฉยังปรับเปลี่ยนตัวบุคคลในแต่ละจุด และได้นัดหมายให้อิกิ๋มนำทัพมาดักรอไว้ด้วยอีกทางหนึ่งแล้ว ในที่สุด สมรภูมิทุ่งเตียงปันก็พร้อมที่จะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในชีวิตของโจโฉอีกครั้ง
…
เที่ยงแล้ว เตียวเฟิง บุตรสาวของอดีตประมุขพรรคเตียวก๊ก จารชนสาวที่ผ่านประสบการณ์มายาวนานหลายปี เคยสวมบทบาทเป็นสาวงามล่มเมืองมากมายหลายคน ตั้งแต่ นางเตียวเสี้ยน ต้นเหตุความขัดแย้งของตั๋งโต๊ะกับลิโป้ นางเจ๋าซือ หญิงผู้ทำลายทัพโจโฉที่เมืองอ้วนเซีย
ล่าสุดคือ นางเปียนสี หนึ่งในภรรยาของโจโฉ ทุกบทบาทที่เปลี่ยนแปลง นางใช้การปรับแต่งโฉมหน้า ทรงผม เสื้อผ้า และบุคลิกท่าทางให้ผิดแผกกันไป จนบัดนี้ นางจึงได้กลับสู่ตัวตนที่แท้จริงสักที เป็นรูปโฉมของนางโจรผู้สูงศักดิ์
นางอยู่ในชุดรัดกุมแบบนักรบหญิงที่องอาจสวยงามราวกับนางพญาแห่งหมู่โจร ถ่ายทอดคำสั่งให้พักกอง และกำลังนั่งกินข้าวร่วมกัน กับ ลิเจียง หรือ อดีตโจเจียง ทายาทที่เหลือรอดของลิโป้ และแฮหัวสือ ลูกสะใภ้ที่เป็นบุตรีคนเดียวของแฮหัวตุ้น อยู่ภายในกระโจมแม่ทัพอันกว้างใหญ่
ห่างออกไป ยังมีที่นั่งของนางซัวบุ้นกี และตังชง บุตรชาย ซึ่งทั้งสองเป็นเพียงตัวประกันที่ไม่มีฝีมือใดๆ จึงได้รับการผ่อนปรนให้ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องถูกจองจำแบบนักโทษ นับว่า เตียวเฟิงยังมีน้ำใจให้กับอดีตศัตรูความรักมากแล้ว หรืออีกนัยหนึ่ง เตียวเฟิงคงมิได้ใส่ใจในเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของโจโฉกับซัวบุ้นกีอีกต่อไป
หลายสัปดาห์ก่อน เตียวเฟิงรับคำสั่งนกพิราบจากเบื้องบนถึงแผนการล่อหลอกให้โจโฉไล่ล่าติดตามมาทางแดนใต้ จึงนำความไปปรึกษาวางแผนต่อลิเจียง แสร้งรุกแสร้งถอยให้ดูน่าเชื่อถือมานานหลายสัปดาห์ ควบคุมตัวประกันอย่างใกล้ชิด ยอมสูญเสียไพร่พลไปไม่น้อย เพื่อหลอกล่อให้ฝ่ายโจโฉติดตามมาได้เรื่อยๆอย่างย่ามใจ
ทุ่งเตียงปัน พื้นที่กว้างใหญ่ด้านหน้าเมืองอ้วนเซียและเมืองซงหยง ก่อนถึงสะพานเตียงปัน เป็นจุดนัดหมายที่บังเต๊กกงระบุไว้อย่างชัดเจนตั้งแต่แรก ตามสายข่าวที่แจ้งมา วันนี้ โจโฉสมควรจะบุกมาแย่งชิงตัวประกันด้วยตัวเอง นางเพียงแต่ทำตัวไปตามปกติ และรอรับฟังสัญญาณให้ลงมือ
…
ตั้งแต่เกิดกระแสข่าวเปิดโปงฐานะที่แท้จริงของโจเจียง ลิเจียงก็ยอมรับกับศักดิ์ฐานะใหม่อย่างเปิดเผย และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ สมกับเป็นลูกคนโปรดของเตียวเฟิง แสดงว่า ยอมรับเรื่องราว และได้เลือกข้างที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามโจโฉมาได้สักพักหนึ่งแล้ว สองแม่ลูกจึงไม่รู้สึกกระไร แต่กลับเป็นแฮหัวสือ ลูกสะใภ้ที่เหมือนจะสะเทือนใจต่อการเปลี่ยนแปลง และเซื่องซึมลงจนซูบเซียวลงไปอย่างชัดเจน
นับตามศักดิ์ฐานะของโจเจียง การที่บุตรชายคนที่สองของโจโฉจะเกี่ยวดองสัมพันธ์กับบุตรสาวโทนของแฮหัวตุ้นที่เป็นญาติผู้น้อง ย่อมเป็นเรื่องที่ดีงาม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเครือญาติให้แน่นแฟ้นขึ้น แต่ครั้นโจเจียงกลับกลายเป็นลิเจียง ทายาทของทวนไร้น้ำใจ ลิโป้ อดีตขบถแผ่นดิน กลับทำให้เรื่องราวซับซ้อนขึ้น
ยังไม่นับรวมเลือดเนื้อที่อยู่ในท้องของนางแฮหัวสือ ที่ใกล้จะถึงกำหนดคลอดอยู่อีกไม่นานนี้ เบื้องแรก นางแฮหัวสือที่มีครรภ์แก่แล้ว ขอติดตามทัพมาด้วย หวังเพียงเพื่อจะคลอดลูกใกล้ๆกับชายคนรัก โดยเข้าใจไปเองว่า โจเจียงจะเข้าเมืองหลวงช่วยปราบปรามกบฏให้กับแผ่นดินฮั่น
แต่บัดนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไป สามีกลับกลายเป็นขบถเสียเอง และกำลังต่อสู้ต่อเนื่องอยู่กับแฮหัวตุ้น บิดาของนางเอง ตลอดจนวางแผนหมายมั่นจะสังหารโจโฉ ที่เป็นทั้งพ่อสามี และลูกผู้พี่ของบิดาตน ซ้ำยังทำร้ายโจซุน ผู้เป็นอา จนตายกลางสนามรบไปแล้ว
นางมองดูนางซัวบุ้นกี และตังชงที่อยู่ห่างออกไป กลับรู้สึกว่า นางเองก็เป็นตัวประกันคนหนึ่งของลิเจียงไปแล้วกระมัง สองคนแม่ลูกนั้น ย่อมส่งผลต่อโจโฉ ส่วนนางกับเด็กในท้องก็ส่งผลต่อแฮหัวตุ้นด้วยเช่นกัน การศึกที่กำลังพลแตกต่างกันมากมาย จึงสามารถยืดเยื้อมาได้ยาวนานเหลือเกิน
เท่าที่นางทราบ ช่วงแรก ฝ่ายโจโฉนำกำลังทัพตามมาทัน และรุมล้อมฝ่ายตนด้วยกำลังทหารที่มีมากกว่าหลายเท่านั้น ลิเจียงท้าดวลสู้รบกับแม่ทัพฝั่งตรงข้าม ซึ่งก็คือแฮหัวตุ้น บิดาของนางเอง แต่ไม่ได้รับการสนองตอบ จึงมีแต่ไพร่พลที่สู้รบกันไปจนร่อยหรอลงเรื่อยๆ จนนางโจรแค้นเคืองใจ
เตียวเฟิงจึงสั่งการให้ลิเจียงนำตัวซัวบุ้นกีออกไปปรากฏตัวให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น และขู่บังคับให้เปิดทางหลบหนี มิฉะนั้น จะสังหารตัวประกันทิ้ง ยอมตกตายตามกัน สร้างความปั่นป่วนให้กับโจโฉ มิกล้าลงมืออุกอาจต่อไป
พอทำเช่นนี้ได้สำเร็จในครั้งแรก ครั้งต่อๆมา เพียงเห็นกองทัพโจโฉ เคาทู หรือแฮหัวตุ้นที่แยกย้ายกันมาสกัดกั้น ลิเจียงก็นำซัวบุ้นกีบ้าง ตังชงเด็กน้อยบ้าง ออกไปขู่บังคับเช่นเดิมอีก เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ถึงแม้การรบจะไม่มีผลคืบหน้า แต่ก็ส่งผลให้ทหารฝ่ายลิเจียงอิดโรยเหนื่อยล้าลงทุกที เช่นเดียวกับขวัญกำลังใจที่ลดน้อยถอยลงไปด้วย
ล่าสุด ได้ยินว่า ท่านพ่อแฮหัวตุ้นนำพากลุ่มคนจำนวนน้อยเข้ามาหวังแย่งชิงตัวประกัน กลับพบพานท่านอาโจซุนในที่คุมขัง จนเกิดการบาดเจ็บล้มตาย แต่นางก็ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในรถม้าที่หลบหนีออกมาได้อยู่ดี คลาดกันกับท่านพ่อเพียงแค่ไม่กี่สิบวา
คิดถึงตรงนี้ นางแฮหัวสืออดมิได้ที่ต้องเปรียบเทียบกันตนเองว่า สมควรจงรักภักดีต่อสามีสุดที่รักต่อไป หรือ กลับคืนสู่อ้อมอกที่อบอุ่นของบิดาแทน คนสกุลแฮหัวสมควรยอมรับชะตากรรมที่ตนเองกำหนดขึ้นเอง
ในอดีต ท่านพ่อพลาดท่าถูกทำร้ายจนตาบอด ท่านยังกลืนกินดวงตาตนเองกลางสนามรบ ครั้งนี้ นางตกอยู่ในเงื้อมมือคนชั่ว อีกทั้งยังอุ้มท้องให้คนโฉด แล้วสมควรกระทำการเช่นไรดี
…
เสียงโห่ร้องดังขึ้นมาจากทางตะวันออก นายทหารชั้นผู้น้อยเข้ามารายงานต่อเตียวเฟิง ลิเจียงว่า กองทหารกลุ่มใหญ่ของอิกิ๋มแห่งเมืองอ้วนเซียได้มาปิดกั้นเส้นทางเบื้องหน้า ตัดหนทางข้ามสะพานเตียงปันไว้แล้ว
ไม่ทันขาดคำ เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นประสานมาจากทิศเหนือและทิศใต้พร้อมกัน นายทหารชั้นผู้น้อยทะยอยเข้ามารายงาน เป็นโจโฉ เคาทู กองหนึ่ง และ แฮหัวตุ้น กองหนึ่ง แยกย้ายกันมากดดันอีก
แสดงว่า ฝ่ายโจโฉใช้ประโยชน์จากสมรภูมิที่โล่งกว้าง และใกล้เขตพื้นที่เมืองอ้วนเซีย กดดันเข้ามาพร้อมกันสามทิศทาง เพื่อให้เห็นการเคลื่อนไหวของฝ่ายลิเจียงได้อย่างชัดเจน แต่ระยะทางยังห่างไกลพอประมาณ กลับหยุดยั้งไว้ทั้งหมด จึงกลายเป็นกองกำลังสี่กอง จ้องมองดูท่าทีกันอยู่
โจโฉในชุดแม่ทัพ ขยับออกมาด้านหน้าพร้อมกับเคาทู องครักษ์ และสุมาอี้ กุนซือคนสำคัญ เพื่อเริ่มต้นเจรจาอีกรอบหนึ่ง เตียวเฟิง ลิเจียง จึงออกจากกระโจมแม่ทัพ มารับฟังข้อเสนอ ปล่อยให้นางแฮหัวสือ ลูกสะใภ้ ดูแลสองตัวประกันแม่ลูกอยู่ภายใน พร้อมกับทหารอารักขาจำนวนหนึ่ง เป็นการชั่วคราว
ครั้งนี้ โจโฉ เป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน “นางโจรพรรคฟ้าเหลืองที่หลงรอด เตียวเฟิง และลูกขบถแผ่นดิน ลิเจียง ฟังไว้ ตอนนี้ เจ้าถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนาท่ามกลางพื้นที่โล่งกว้างของทุ่งเตียงปันที่ยากจะหลบหนีได้แล้ว หากเราสั่งการให้บดขยี้กองทัพจำนวนน้อยนิดของเจ้า ก็คงไม่นานเกินสองชั่วยาม
แต่ข้ามีข้อเสนอ หากเจ้ายอมปล่อยซัวบุ้นกีแม่ลูกออกมา เราให้คำมั่นสัญญา จะยอมให้เจ้าทั้งสองนำกองทัพทั้งหมดเดินทางต่อไปได้ เจ้าจงตัดสินใจ จะเอาชีวิตรอด หรือ สูญสิ้นไปทั้งหมดในคราวเดียว”
โจโฉจงใจตอกย้ำศักดิ์ฐานะที่แท้จริงของเตียวเฟิง ลิเจียง อีกครั้งหนึ่ง ทางหนึ่ง เพื่อลดทอนขวัญกำลังใจของเหล่าทหารที่กำลังให้การช่วยเหลือขบถแผ่นดิน อีกทางหนึ่ง เป็นการตัดขาด อดีตนางเตียวเสี้ยนและโจเจียง ให้กลายเป็นนางโจร และลูกนอกคอกไปอย่างชัดเจน แต่กลับคล้ายจงใจ ไม่เอ่ยถึงแฮหัวสือแต่อย่างใด
เตียวเฟิง คล้ายขบคิดก่อน ค่อยกระชากเสียงกล่าว “นางซัวบุ้นกี สองแม่ลูก สำคัญเพียงนั้นเชียวหรือ เจ้าถึงกับยอมปล่อยพวกเราทั้งกองทัพ เพื่อแลกกับชีวิตของคนทั้งสอง ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เราจะตามตัวมาให้เจ้าเลยละกัน” ว่าพลางส่งสัญญาณให้ทหารองครักษ์เข้าไปนำตัวประกันออกมา หวังใช้ขู่ขวัญฝ่ายตรงข้ามเหมือนเช่นเคย
แต่คราวนี้ ทหารองครักษ์หายไปนานผิดสังเกต ค่อยออกมารายงานเบาๆให้เตียวเฟิง ลิเจียงพอได้ยินเนื้อความ “นางซัวบุ้นกีแม่ลูก และนางแฮหัวสือ พร้อมกับทหารอารักขาทั้งหมด ล้วนหายไปทางด้านหลังกระโจมจนหมดสิ้นขอรับ”
เตียวเฟิง ลิเจียงมองสบตากันวูบ คงเป็นนางแฮหัวสือออกอุบายชักชวนตัวประกัน ปลอมตัวเป็นทหาร หวังจะหลบหนีออกไปในช่วงชุลมุนสู้รบ สมควรจะไปไหนไม่ได้ไกลนัก
เตียวเฟิงคร่ำหวอดกับการจัดการเด็กน้อยมาหลายคน จึงแสร้งกล่าวคำเสียดสีด้วยเสียงอันดังว่า “ว่ากระไรนะ เด็กน้อยตังชงขลาดเขลาหวาดกลัว จนท้องไส้ปั่นป่วน ทำเอาเสื้อผ้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งจนไม่กล้าออกมาเลยหรือ ช่างน่าละอายใจยิ่งนัก”
เสียงเฮอะฮะดังขึ้นประท้วงคำพูด ห่างออกไปไม่กี่สิบวา เป็นกองทหารฝ่ายเสบียงที่กำลังเคลื่อนย้ายเก็บกวาดกระโจมที่พักชั่วคราว เพื่อเตรียมการก่อนสู้รบตามปกติของรูปแบบการรบ ลิเจียงสายตาไว มองเห็นความเคลื่อนไหวของทหารร่างเล็กที่กำลังรีบปิดปากทหารร่างเตี้ยแคระอีกคนที่ส่งเสียงนั้นออกมา จึงกระโดดลอยตัววิ่งไปบนหัวทหารเลว ตรงเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทวนคู่ใจในมือ
ลิเจียงวางทวนไว้บนบ่าทหารร่างเล็ก พลางยื่นมือปลดหมวกออก เห็นเป็นนางซัวบุ้นกี ในชุดทหารเสบียง ทหารเตี้ยแคระที่ส่งเสียงรีบยื่นมือทุบตี ลิเจียงจึงไม่ปรานี สะบัดมือฟาดใบหน้าไปคราหนึ่ง จนหมวกทหารหลุดกระเด็น
เห็นเป็นตังชง เด็กน้อยในชุดทหารเสบียงเช่นกัน จึงสั่งการให้ทหารควบคุมตัวไว้ พลางมองหาตัวการสำคัญอีกคน คือ นางแฮหัวสือ เมียรัก แต่มองไม่เห็น จึงตัดใจ จัดการเรื่องสำคัญเฉพาะหน้าก่อน
ลิเจียงรีบนำตัวซัวบุ้นกี ตังชง ขึ้นมาอยู่ข้างกายเตียวเฟิง ผู้เป็นมารดา รอรับฟังคำสั่งต่อไป เตียวเฟิงจึงกล่าวต่อรองต่อโจโฉอีกครั้ง “นี่คือซัวบุ้นกี ตังชง คนที่เจ้าต้องการ หากปล่อยให้พวกข้าข้ามสะพานเตียงปันได้เรียบร้อยแล้ว ข้าจะปล่อยตัวประกันให้ทันที จงรีบเปิดทางให้โดยเร็ว”
ใครๆก็จดจำได้ ศึกคราวก่อนโน้น เตียวหุย จูล่ง ข้ามสะพานเตียงปันพ้นแล้วทำลายสะพานทิ้ง ทำให้โจโฉไล่ตามพวกเล่าปี่ไม่ทันไปพักใหญ่ และสุดท้าย เป็นฝ่ายกังตั๋งยื่นมือเข้าแทรกแซง ดังนั้น โจโฉจึงต้องคิดหนัก จะให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก หรือกดดันยื้อเวลากันต่อไปในดินแดนที่ตนได้เปรียบ
การข้ามสะพานเตียงปันนั้น จะทำให้สมรภูมิรบเปลี่ยนแปลงไป กองกำลังของอ้วนเซียลดทอนแรงกดดันลง แต่กองกำลังทางบกจากด้านหับป๋า เกงจิ๋ว หรือกังตั๋ง จะมีอิทธิพลสูงกว่า สถานการณ์การต่อรองอาจจะกลับด้านกันอย่างสิ้นเชิง โจโฉมากประสบการณ์รบ ชำนาญพื้นที่เป็นอย่างดี จึงไม่ยอมปล่อยให้เสือกลับสู่ป่าเป็นแน่
สุมาอี้ขยับกายมากระซิบกับโจโฉ “กับดักวางไว้เรียบร้อยแล้ว นายท่านอย่าได้กังวลเลย ยอมทำตามที่นางต้องการเถิด”
โจโฉรับฟังคำยืนยัน จึงสูดหายใจลึกก่อนกล่าวตอบ “ปล่อยเด็กน้อยตังชงมาก่อน เราจะให้พวกเจ้าข้ามสะพาน แล้วค่อยปล่อยซัวบุ้นกี เมื่อพวกเจ้าข้ามฝั่งไปแล้ว ตัวประกันเพียงคนเดียว น่าจะเพียงพอต่อคำพูดของเรา”
“ตกลงตามนั้น ตังชง เจ้าไปได้แล้ว” เตียวเฟิงกล่าวพลางดึงเด็กน้อยออกมาด้านหน้า ยื่นมือผลักไสออกไป ตังชงรีบเดินออกไปทางฝ่ายวุยก๋ง โจโฉ โดยเร็ว
มันเป็นเด็กมีสติปัญญา สำนึกตัวดีว่า เมื่อครู่ เป็นมันที่ผิดพลาด แสดงตัวให้โดนจับได้ ครั้งนี้ มันจึงไม่ว่ากล่าวโต้แย้งใดๆอีก เพียงหันมามองหน้ามารดาเป็นระยะๆด้วยความเป็นห่วงตามประสาเด็กน้อยเท่านั้น
เมื่อตังชงข้ามผ่านมาถึงฝ่ายกองทัพของตนแล้ว โจโฉจึงสั่งการให้ทหารองครักษ์นำตัวเข้ามาดูแล และออกคำสั่งเปิดทาง ปล่อยให้ทหารของฝ่ายตรงข้ามได้เคลื่อนทัพออกไปทางตะวันออกต่อไป โดยมีกองทัพฝั่งตะวันตกและทางเหนือ ติดตามห่างๆ ส่วนกองทัพอิกิ๋มก็ถอยคุมเชิงทิ้งระยะห่างกันพอสมควรกลายเป็นภาพเคลื่อนทัพกันไป คุมเชิงกันไปที่แปลกตา จนไปถึงสะพานเตียงปันที่โด่งดังได้ในที่สุด
…
เดิมที สะพานเตียงปันเป็นสะพานเชือกแขวนขนาดใหญ่สะพานเดียว แต่ถูกเตียวหุยระเบิด และเผาทำลายไปเมื่อครั้งการอพยพใหญ่ หลังจากนั้น จึงถูกสร้างขึ้นใหม่โดยฝ่ายโจโฉ กลายเป็นสะพานเชือกแขวนขนาดใหญ่สองสะพานคู่กัน เพื่อให้เคลื่อนทัพผ่านไปได้โดยเร็ว
กองทหารฝ่ายเตียวเฟิง ลิเจียง หลงเหลืออยู่ไม่มากแล้ว สมควรจะใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถหลุดพ้นสะพานได้หมดสิ้น ดังนั้น พวกเตียวเฟิง ลิเจียง จึงคลายความกังวลลงอย่างมาก และเริ่มจัดขบวนให้พร้อมสำหรับการข้ามสะพานคู่อย่างรวดเร็วที่สุด รอให้กองทัพอิกิ๋มเปิดทางให้เมื่อไหร่ ก็พร้อมจะรีบเดินทางต่อไปทันที
แต่แล้ว อีกฝั่งฟากหนึ่งของสะพาน กลับเริ่มมีเสียงสวดมนต์ดังขึ้น กลับกลายเป็นขบวนธรรมยาตรา อันประกอบด้วย หลวงจีนในพุทธศาสนากลุ่มใหญ่ พร้อมกับผู้คนที่ศรัทธาในธรรม กำลังทำพิธีเดินธุดงค์ โปรยดอกไม้ และกระดาษเงินกระดาษทอง ตรงเข้ามา เพื่อข้ามสะพานเช่นกัน สังเกตดูจากป้ายผ้าแล้ว เป็นหลวงจีนจากวัดป่าน้อยที่สอง ผู้เป็นต้นกำเนิดวิถีแห่งขบวนธรรมยาตราจริงๆ
ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ฮูฉูเฉียน ผู้นำขบถเคยทำไว้เป็นต้นแบบ เมื่อขบวนธรรมยาตราผ่านไปที่ใด ไม่ว่าทหารหรือราษฎรล้วนต้องคุกเข่าเปิดช่องให้ขบวนเดินทางผ่านไปก่อน โดยตัวผู้นำจะคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า เพื่อเป็นตัวแทนแสดงความเคารพ และรับศีลรับพร จนกลายเป็นภาพจดจำอันน่าประทับใจสืบมา
แต่เท่าที่ผ่านมา ไม่เคยมีครั้งใดที่ขบวนธรรมยาตราเดินผ่านสนามรบที่กำลังคุกรุ่นเช่นนี้มาก่อน ดังนั้น ทั้งเตียวเฟิง ทั้งโจโฉ และขุนพลคนอื่นๆ จึงพลอยงงงันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปด้วยเช่นกัน
ขบวนธรรมยาตราเคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งนัก ชั่วครู่เดียว ก็ยึดครองพื้นที่ เคลื่อนมาถึงกลางสะพานแล้ว ทำให้กองทัพของอิกิ๋มที่คุมเชิงอยู่หน้าสะพานต้องรีบคุกเข่าวางอาวุธ ตัวอิกิ๋มเอง ไม่กล้าสวนกระแสศรัทธา จึงรีบลงจากหลังม้า นั่งคุกเข่านำอยู่เบื้องหน้าเหล่าทหาร
เห็นหลวงจีนในชุดจีวรที่บ่งบอกสถานะสองคนลงจากรถม้า ตั้งแต่กลางสะพาน ลงมาเดินเท้าร่วมกับหลวงจีนอื่นๆ คงเป็นการให้ความสำคัญต่อผู้นำทัพเช่นกัน เห็นหลวงจีนทั้งสองคล้ายกล่าวคำให้พรต่ออิกิ๋มอยู่ครู่นึง จนขุนพลเทวะยังแย้มยิ้มยินดี
เมื่อเห็นกองทัพอิกิ๋มเป็นแบบอย่างแล้ว เตียวเฟิง ลิเจียง ก็กระทำเลียนแบบเช่นกัน ทุกอย่างล้วนปล่อยวาง เพื่อสัมผัสพลังพุทธมนต์ และศรัทธาธรรมอย่างเต็มที่ ถึงกับฉุดลากเชลยสาวซัวบุ้นกีลงไปคุกเข่าอยู่ข้างกายด้วยเช่นกัน ซึ่งหลวงจีนทั้งสองก็ยังคงกล่าวคำให้พรเฉกเช่นกัน
และแล้ว ขบวนธรรมยาตราก็มุ่งหน้าผ่านกองทัพเตียวเฟิง ใกล้จะถึงกองทัพใหญ่ฝั่งโจโฉแล้ว โจโฉจ้องมองสองหลวงจีนอาวุโส คลับคล้ายกับเงาร่างบุคคลที่เคยรู้จัก จึงลังเลวูบหนึ่ง พลันนึกถึงคำทำนายสะท้านแผ่นดินขึ้นมาในใจ "จ้าวลัทธิอวิชชา พลิกแผ่นฟ้าล้างแผ่นดิน จากต่ำต้อยค่อยโบยบิน กลืนกินสิ้นสุดราชวงศ์”
สุมาอี้ที่อยู่ข้างกาย เห็นโจโฉยังนิ่งเฉยอยู่ จึงรีบขยับดึงแขนเสื้อโจโฉ “วุยก๋ง พวกเราสมควรแสดงความคารวะต่อพระสงฆ์ผู้สูงส่งในธรรมเหล่านี้เช่นกัน”
ว่าแล้ว ทั้งสอง รวมทั้งองครักษ์เคาทู จึงรีบก้าวเดินออกมาด้านหน้า วางอาวุธลงข้างกาย พร้อมคุกเข่า ให้การต้อนรับต่อขบวนธรรมยาตรา ทำให้แฮหัวตุ้นที่เฝ้าระวังอยู่ห่างออกไปอีกกองทัพหนึ่ง ต้องรีบฝ่ากองทัพมาร่วมในพิธีกรรมด้วย และช่วยคุ้มครองโจโฉเพิ่มอีกคนหนึ่ง
…
บ้อคง-เล่าเจี้ยง เภาเจ๋ง-เล่าฉวน มองทอดสายตาไปเบื้องหน้า วุยก๋ง โจโฉนั่งคุกเข่าอยู่ข้างกายกุนซือ สุมาอี้ องครักษ์ เคาทู ตามแผนการที่วางไว้ทุกประการ อีกเพียงยี่สิบก้าวเท่านั้น ทั้งสองก็จะก้าวถึงตัวจอมทรราชย์แห่งแผ่นดินแล้ว
ตามแผนการดั้งเดิม สมควรมีหลวงจีนอาวุโส บ้อเมี่ย-ลิฉุย บ้ออ้วง-กุยกี อยู่ช่วยกัน และไม่คาดคิดว่า อิกิ๋มจะมาปรากฏตัวด้วย แต่ในเมื่อทั้งสองตกตายไปก่อนหน้านี้ และฝ่ายตรงข้ามมีอิกิ๋มเพิ่มเติมขึ้นมา เภาเจ๋งจึงจำต้องเสี่ยงใช้วิชาฝ่ามือพิษยะเยียบ สร้างความบอบช้ำแทรกซึมใส่ขุนพลพยัคฆ์ อิกิ๋มไปก่อนแบบไม่รู้ตัว เมื่อตอนลงมือขั้นสุดท้าย จะได้เหลือเพียงเคาทู แฮหัวตุ้นที่เป็นภาระหนัก
ด้วยฝีมืออันสูงส่งของเภาเจ๋งย่อมคร่ากุมตัวโจโฉ ตัวการใหญ่ได้ไม่ยาก ขบวนธรรมยาตราก็จะปรับเปลี่ยนเป็นกองทัพธรรม ควบคุมสถานการณ์เหนือฝ่ายตรงข้าม จากนั้น เภาเจ๋ง ลิเจียง จะเร่งลงมือกำจัดแฮหัวตุ้น เคาทู เสียให้หมดสิ้น ยึดกุมกองทัพทั้งหมดไว้ในมือ เป็นการเริ่มต้น “โบยบินสู่ฟากฟ้า” อย่างแท้จริง
คิดถึงตรงนี้ บ้อคง-เล่าเจี้ยง อดมิได้ ต้องหันมาแย้มยิ้มกันกับเภาเจ๋ง-เล่าฉวน วูบหนึ่งด้วยความกระหยิ่มยินดีในใจ ที่ทุกอย่างกำลังจะเข้าสู่เส้นทางสู่บัลลังก์ของมันแล้ว รอยยิ้มแห่งชัยชนะที่รอคอยมานานแสนนาน
โจโฉ ผู้เป็นเป้าหมายสำคัญ กำลังคุกเข่าก้มหน้าอยู่เบื้องหน้า ห่างออกไปอีกเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง แผนการใหญ่ใกล้จะสำเร็จแล้ว
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 5 - พยัคฆ์หยกนรกทักษิณ
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย