Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
21 ก.ค. 2021 เวลา 02:02 • นิยาย เรื่องสั้น
5.9. อาชาคะนองศึก
ม้าต้าย ม้าเฉียว ม้าเลี้ยง ขุมกำลังอาชาแห่งเสเหลียง
ขบวนธรรมยาตราเริ่มเคลื่อนผ่านหน้ากองทัพของโจโฉไปแล้ว สองหลวงจีนสูงศักดิ์ที่อยู่กึ่งกลางขบวน อยู่ห่างจากพวกโจโฉอีกเพียงสิบก้าว กลับบังเกิดเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นต่อเนื่องยาวนานมาจากสะพานเตียงปันอีกฝั่งฟากหนึ่ง ราวกับฟ้าดินถล่มทลาย จนสะพานคู่สั่นไหวไม่หยุด ฝุ่นควันคละคลุ้งเต็มฟากฟ้า
เหล่าทหารทั้งหลายต่างแตกตื่นตกใจ ขยับลุกขึ้นดูสถานการณ์ตรงหน้ากันวุ่นวาย พลอยทำให้โจโฉผุดลุกขึ้น โบกมือให้กุนซือใหญ่สุมาอี้อยู่ทำหน้าที่แทน ส่วนตนเองกับองครักษ์เคาทูรีบขยับเข้าไปส่วนลึกของกองทัพ เพื่อระวังความปลอดภัยของตน โดยไม่สนใจต่อพิธีกรรมทางพุทธศาสนาอีกต่อไป
บ้อคง เภาเจ๋ง สองหลวงจีนใหญ่ ตกใจต่อความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ต้องการละทิ้งโอกาสอันหายากยิ่ง จึงเปล่งเสียงตะโกนเรียกวุยก๋งให้รั้งรอ พร้อมทั้งเร่งฝีเท้าก้าวเข้าหา จนโจโฉลังเล รีรอไปอีกชั่ววูบหนึ่ง เพราะแปลกใจในท่าทีอันแปลกประหลาดของภิกษุผู้ทรงศีลทั้งสอง หรือว่ามีเหตุอื่นอันใดแอบแฝงอยู่
ทันใดนั้น ท่ามกลางกองทหารของฝ่ายโจโฉที่รายล้อมอยู่ด้านหลัง กลับมีทหารชั้นผู้น้อยกระโจนลอยตัวขึ้น พร้อมทั้งชี้ทวนนำหน้า พุ่งเข้าหาโจโฉอย่างรวดเร็ว แต่องครักษ์หมีทมิฬ เคาทูตาไว รีบกวาดทวนเข้าใส่ หยุดยั้งสภาวะการโจมตีไว้ได้ทันท่วงที จึงเกิดการปะทะกันขึ้นต่อเนื่อง เหล่าทหารรีบแตกกระจายเป็นวงกว้างล้อมคู่ต่อสู้เอาไว้
เคาทูมองหน้าศัตรูที่เคยต่อสู้กันมาหลายครั้งหลายครา จดจำได้แม้ว่าจะมีการปลอมแปลงรูปโฉมมาบ้าง จึงรีบตะโกนรายงานด้วยเสียงอันดัง “เป็นม้าเฉียวแห่งเสเหลียง ลอบทำร้ายท่านวุยก๋ง”
นามของคน เงาของไม้ เพียงทราบว่าเป็นม้าเฉียว ขุนพลเงาหิมะชื่อดังที่คราวก่อน บุกเข้าเมืองหลวงฮูโต๋ ลอบสังหารโจโฉ จนทหารตายเกลื่อน ก็ทำให้เหล่าทหารยิ่งถอยห่างออกไปมากขึ้น เปิดทางให้เคาทูปะทะเพลงทวนกับม้าเฉียวอย่างดุเดือด ทำให้แฮหัวตุ้นที่เบียดเสียด ฝ่าข้ามกองทหารมาอยู่ข้างกายโจโฉได้ทันเวลา และสั่งการให้ทหารองครักษ์มารุมล้อมอารักขาผู้นำของตนไว้ จนโจโฉกลืนหายเข้าไปในหมู่ทหาร ส่วนสุมาอี้ก็กลับเข้ามารวมกลุ่มแล้วด้วยเช่นกัน
จังหวะนั้น ลิเจียง เตียวเฟิง อยู่ห่างไกลจุดปะทะ ไม่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ตีความเอาว่า โจโฉตระบัดสัตย์ หวังทำลายสะพานเตียงปัน ตัดหนทางกลับเมือง จึงรีบก่อความวุ่นวาย รุกไล่โจมตีเข้าใส่พวกอิกิ๋มที่ขวางเส้นทางอยู่ โดยลิเจียงนำหน้า เข้าต่อสู้กับอิกิ๋มเป็นคนแรก จนเกิดเป็นภาพการสู้รบตะลุมบอนกัน เพื่อชิงพื้นที่เชิงสะพาน
กองทัพฝ่ายโจโฉ แฮหัวตุ้น จึงรีบหนุนเนื่องเข้าไปช่วยเหลือ ทำให้พวกบ้อคง เภาเจ๋ง และขบวนธรรมยาตรา กลับกลายเป็นส่วนเกินของสมรภูมิความวุ่นวายเสียแล้ว ถูกเบียดเสียด จนผู้คนกลิ้งล้มกันอลหม่าน ข้าวของสัมภาระพังเสียหาย กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ร้องระงมเสียงดังไปทั่วบริเวณ
กุนซือสุมาอี้ รีบสั่งการให้คุ้มครองเหล่าหลวงจีน และชาวบ้านผู้มีศรัทธาในธรรม ให้รอดพ้นจากการเบียดเสียดล้มตาย จนกลายเป็นภาพกลุ่มคนสีเหลือง ตกอยู่ในวงล้อมของกองทหารที่มีมากมายกว่าหลายเท่าตัว พร้อมส่งทหารองครักษ์ไปรับตัวสองหลวงจีนเข้ามาใกล้ๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่า มีน้ำใจปกป้องขบวนธรรมยาตราอย่างสูงสุด จึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่พวกบ้อคงจะได้เข้าใกล้กับจอมทรราชย์ โดยความช่วยเหลืออย่างแนบเนียนของกุนซือหลักสุมาอี้
แต่แล้ว ภายในวงล้อมที่โจโฉหายลับสายตาไปนั้น กลับปรากฏรถม้าโดยสารขนาดย่อม ทะยานฝ่ากองทัพออกมา เป็นรถม้าหรูหราสีดำสนิทสลักรูปนกยูงสีทองรำแพนหางคันหนึ่ง ข้างตัวรถเสริมไว้ด้วยเกราะเหล็ก เพิ่มพลังป้องกันมากยิ่งขึ้น ม้าเทียมรถทุกตัวก็ล้วนเป็นม้าศึกพร้อมเกราะแบบโบราณ ภาพลักษณ์แม้ดูคร่ำครึอยู่บ้าง แต่กลับมีประสิทธิภาพการป้องกันที่สูงยิ่งนัก
สองฟากข้างรถม้าหุ้มเกราะนั้น ยังกระหนาบด้วยกองทหารม้า และทหารเดินเท้าที่ดูองอาจเข้มแข็งกว่าปกติ กำกับทัพโดยขุนพลแฮหัวตุ้น ตั้งกองพร้อมจะตะลุมบอน เห็นผ้าปิดบังหน้าต่างถูกเลิกขึ้น ถึงกับเป็น โจโฉ นั่งอยู่คู่กันกับตังชง โผล่หน้าออกมาสั่งการชี้นิ้วให้ตรงเข้าสู่จุดหมายข้างหน้า คือ นางโจรเตียวเฟิงและซัวบุ้นกี หมายจะชิงตัวประกันในช่วงชุลมุนเช่นนี้
ปกติ การศึกสงครามปรากฏรถม้าโดยสารเช่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ เพื่อให้ขุนทัพได้พักผ่อน หรือรองรับขุนพลบาดเจ็บ แต่โจโฉไล่ล่ากองทัพเตียวเฟิง ลิเจียง อยู่เนิ่นนาน เพื่อช่วงชิงตัวประกันแม่ลูก และอาจจะรวมถึงแฮหัวสือ บุตรีของแฮหัวตุ้นด้วย ดังนั้น โจโฉ แฮหัวตุ้นจึงแอบเตรียมการล่วงหน้า ถึงกับซุ่มสร้างเป็นขบวนรถม้าหุ้มเกราะพร้อมรบกลุ่มหนึ่ง ไว้ใช้การช่วงชิงตัวประกันนั่นเอง
บ้อคง เภาเจ๋ง มองเห็นเป้าหมายกำลังจะหลุดรอดมือไปอีกครั้ง จึงตัดสินใจฉวยโอกาสครั้งสำคัญนี้ ส่งสัญญาณให้ขบวนธรรมยาตรา เปลี่ยนบทบาทจากที่แกล้งทำเป็นอ่อนแอ ป้องกันตัวไม่ได้ ให้เป็นกองทัพธรรมอันเข้มแข็ง ชักอาวุธออกจากที่ซ่อน ตรงเข้ายื้อยุด และโจมตีขบวนรถม้าพร้อมรบในทันที
เพียงชั่วพริบตา ขบวนรถม้าของโจโฉอันเข้มแข็งกลับตกอยู่ในวงล้อมการจู่โจมของกองทัพธรรมที่มีจำนวนหลายร้อยคน โดยมีกองทหารทั้งหลายกลับถูกกันออกไปเป็นวงกว้างอีกวงหนึ่ง
แฮหัวตุ้นเห็นการเปลี่ยนแปลงตรงหน้า รีบสั่งการระดมทหารให้เข้ามาจัดการกับศัตรูที่รายล้อม และผลักดันเปิดทางให้รถม้าพุ่งออกไปข้างหน้า เพื่อเข้าสู่กลุ่มทหารฝ่ายของตนเอง เลยกลายเป็นสมรภูมิสงครามระหว่างทหารหลวงกับหลวงจีนและชาวบ้าน คล้ายดั่งรูปแบบการเล่นหมากล้อม ฝ่ายหนึ่งต้องการเคลื่อนที่เข้าหาพรรคพวกเดียวกัน ฝ่ายหนึ่งพยายามหยุดยั้งไม่ให้รุกหน้าได้สำเร็จ
เภาเจ๋งรู้ดีว่า การยุติสงครามให้ได้ ก็คือ จับโจร จับที่หัวหน้า จึงรีบจัดการกับโจโฉที่อยู่ในรถม้า เห็นเภาเจ๋งลอยตัว วิ่งข้ามหัวเหล่าทหาร พุ่งเข้าใส่รถม้าจากด้านบน ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่องว่างไร้เกราะกำบัง
แฮหัวตุ้นยังสมเป็นเทพคุ้มครอง รีบกระโดดขึ้นมาขัดขวาง ยอดฝีมือทั้งสองจึงต่อสู้กันด้วยอาวุธอยู่บนรถม้าหุ้มเกราะที่กำลังพยายามเคลื่อนที่ไปข้างหน้าตลอดเวลา ทางหนึ่ง โอนเอนไปตามแรงเหวี่ยงของรถม้า ทางหนึ่ง กวาดอาวุธโจมตีศัตรู กลับทำให้แฮหัวตุ้นพอต่อต้านได้นานกว่าปกติที่ควรจะเป็น
…
ทางด้านลิเจียงกับอิกิ๋มที่ต่อสู้กันด้วยเชิงอาวุธอย่างดุเดือด แต่ภายในใจแล้ว ทั้งสองก็สับสนอยู่ไม่น้อย เพราะช่วงวัยเด็กของลิเจียงนั้น ผูกพันสนิทสนมอยู่กับพวกห้าพยัคฆ์ทุกคน โดยเฉพาะอิกิ๋มที่เป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา รักในการต่อสู้ อุปนิสัยตรงกันกับตนมากที่สุด แต่บัดนี้ ทั้งสองต้องมาสู้รบกัน เพราะอยู่คนละฟากฝั่งความคิดเสียแล้ว
ทางด้านฝีมือประสบการณ์แล้ว อิกิ๋มย่อมเหนือกว่า หากแต่ลิเจียงยังได้เปรียบในด้านพละกำลังและวิทยายุทธ์ที่หลอมรวมมาจากอาจารย์หลายคน ทำให้การต่อสู้ดูสูสีก้ำกึ่งกัน แต่จู่ๆ อิกิ๋มเกิดรู้สึกเลือดลมสะดุด ปวดแปลบขึ้นที่ชายโครงกระทันหัน คล้ายมีลมเสียดท้อง ทำให้กระบวนท่าชะงักไปวูบหนึ่ง จึงต้านทานแรงทวนของลิเจียงไม่ได้ ถูกปลายด้ามทวนของลิเจียงกระแทกเข้าที่ช่องท้องจนตกจากหลังม้า ล้มลงไปกองกับพื้น
ลิเจียงยังมีจังหวะซ้ำให้ตายได้ไม่ยาก แต่เพราะมีความผูกพันกับอิกิ๋มมานาน ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่อาจขัดขวางแล้ว จึงละทิ้งเป้าหมายให้เป็นไปตามชะตากรรม บังคับม้าหันมาหมายจะคุ้มครองกลุ่มทหารองครักษ์ที่มี เตียวเฟิง และซัวบุ้นกี ให้รุดหน้าต่อไปยังสะพานเตียงปัน มุ่งหมายหลบหนีโดยเร็ว
หากแต่นางเตียวเฟิงติดตามดูเหตุการณ์อยู่รอบด้าน รีบสั่งการให้ลิเจียง เข้าไปช่วยเหลือเภาเจ๋งที่กำลังต่อสู้กับแฮหัวตุ้นบนหลังคารถม้าแทน หากสามารถเผด็จศึก จับตัวการใหญ่ได้ ก็ไม่ต้องพะวงเรื่องการหลบหนีอีกต่อไปแล้ว เป้าหมายสำคัญที่มีร่วมกันย่อมเป็นวุยก๋ง โจโฉ
…
ในจังหวะที่เตียวเฟิงมัวแต่สั่งการกับลิเจียง จนลิเจียงผละจากไปนั่นเอง นางซัวบุ้นกีที่ดูอ่อนแอ บอบบาง เห็นเป็นโอกาสสำคัญ แอบใช้ปิ่นปักผม ของมีคมหนึ่งเดียวที่มีติดตัวอยู่แทงสวนเข้าใส่เตียวเฟิงที่สีข้างส่วนที่เป็นช่องรอยต่อของชุดเกราะเต็มแรง แล้วไม่รอดูท่าทีของฝ่ายตรงข้าม รีบวิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุ พยายามหาที่หลบซ่อนตัวจากความชุลมุนวุ่นวายของการสู้รบทันที
ต้องไม่ลืมว่า ซัวบุ้นกีเคยเป็นบุปผาทะเลทราย หญิงมากความรู้ในชนเผ่านอกด่าน ที่เคยต้องผจญกับความยากลำบากในต่างแดน ร่อนเร่พเนจรอยู่นานหลายปี อย่างน้อย นางก็พอจะประเมินกำลังความสามารถของตนเองได้บ้าง ตลอดมาเพียงแต่นางอยู่ท่ามกลางศัตรูที่เข้มแข็งมากกว่าหลายคน พร้อมกับลูกน้อยเป็นภาระในการหลบหนี แต่ครั้งนี้ นางอยู่ตามลำพัง ในขณะที่ฝ่ายตรงข้าม เหลือเพียงเตียวเฟิง ที่ไม่ทันระวังตัวด้วยเช่นกัน
เตียวเฟิงพยายามสั่งการให้ทหารองครักษ์รีบสกัดจับ แต่บาดแผลที่เกิดขึ้นกลับสะกดไม่ให้นางเปล่งเสียงใดๆออกมาได้ มือทั้งสองที่พยายามไขว่คว้าไปข้างหน้า จึงเปล่าประโยชน์ จนสูญเสียกำลังใจ และทนพิษบาดแผลไม่ไหว ล้มลงในอ้อมแขนขององครักษ์หญิงคนสนิทที่กำลังสับสน และทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้นเอง
…
ม้าเฉียวต่อสู้กับเคาทูอยู่เป็นนาน จนแขนขาเริ่มอ่อนล้า การรีบเร่งเดินทางมาในระยะทางไกล ต้องหลบซ่อนปะปนในหมู่ทหาร เพื่อให้เข้าใกล้ตัวโจโฉที่สุด อีกทั้ง ทวนทมิฬที่นำมาใช้ก็ยังไม่ถนัดมือ ทำให้พละกำลังของตนเองถดถอยลงอย่างรวดเร็ว จึงได้แต่มุ่งหวังให้ม้าต้ายสามารถทำตามแผนการให้ได้ทันเวลา
เนื่องจากม้าเฉียวเป็นขุนพลเข้าใหม่ที่ใช้ทวนเป็นอาวุธคู่มือ เล่าปี่จึงมอบทวนทมิฬของเตียวหยิมให้กับม้าเฉียวเป็นสินน้ำใจ เหมือนดั่งแต่ก่อนที่โจโฉเคยมอบทวนไร้น้ำใจของลิโป้ให้กับเตียวหุย แต่สำหรับม้าเฉียวแล้ว ทวนทมิฬมีความแข็งกระด้างมากกว่าทวนปกติทั่วไป ไม่ยืดหยุ่นอ่อนตัว ขัดกันกับกระบวนท่าทวนของตนเอง ในระยะเวลาอันสั้น จึงยังใช้ไม่ค่อยถนัดมือ กลับกลายเป็นการลดความได้เปรียบในเชิงทวนลง เมื่อต้องมาต่อสู้กับขุนพลที่เก่งกาจ และเคยต่อสู้กันมาหลายหนอย่างเคาทู
ทันใดนั้น ม้าเฉียวฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงตัดสินใจเสี่ยงทดลองใช้สักครา รีบเงื้อทวนขึ้นตรงๆ และฟาดลงใส่ทวนของเคาทู เลียนแบบกระบวนท่าที่เตียวหยิมเคยใช้ทำลายทวนไร้น้ำใจของจูล่งที่เมืองเสฉวน
เสียงดังเปรี้ยะดังสนั่น ทวนของเคาทูก็หักสะบั้นลงกับมือ เฉกเช่นเดียวกัน เพียงแต่กระบวนท่าของม้าเฉียวไม่ได้ฝึกฝนให้ใช้ต่อเนื่อง เคาทูจึงเพียงแค่สูญเสียทวนคู่มือไป แต่ยังล่าถอย หลบกลับเข้าสู่กองทัพของตนเองได้ทันเวลา
ม้าเฉียวจึงละทิ้งความสนใจต่อเคาทู รีบกวาดตามองหาโจโฉ เป้าหมายหลัก จนคาดเดาได้ว่า รถม้าที่กำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าไกลๆ โดยมีหลวงจีนชรากับแฮหัวตุ้นต่อสู้กันอยู่ด้านบนหลังคานั้น น่าจะเป็นจุดหมาย จึงรีบวิ่งกระโจนข้ามเหล่าทหารไป
…
พอม้าเฉียวเข้าใกล้รถม้า กลุ่มทหารอารักขาที่กระหนาบข้างรถม้าหุ้มเกราะ ก็เริ่มทำงานประสานกันพัวพันม้าเฉียว แต่ไม่อาจยับยั้งไว้ได้ จึงบาดเจ็บล้มตายจนหมดสิ้นอย่างรวดเร็ว และเปิดทางให้ม้าเฉียวหยุดยั้งรถม้ามิให้หลบหนีได้ต่อไป
ในจังหวะที่ม้าเฉียวตัดเชือกผูกม้าเทียมรถ จนหยุดยั้งรถม้าลงได้ พอดี ลิเจียง หรือ อดีตโจเจียงก็วิ่งฝ่ากองทัพเข้ามาถึงระยะประชิดตัว ทำให้ม้าเฉียวกลับเข้าใจผิด คิดว่า ลิเจียงจะเข้ามาช่วงชิงตัวศัตรู จึงเสือกทวนเข้าสกัดไว้ กลายเป็นการต่อสู้กันระหว่างขุนพลเงาหิมะ กับ ทายาทขุนพลหัวสิงห์ ทั้งๆที่มีศัตรูร่วมกันแท้ๆ
ทางด้านบนหลังคารถม้าที่สงบนิ่งลง เนื่องจากเชือกบังเหียนถูกตัดขาด ปัจจัยถ่วงดุลย์พลังยุทธ์จึงขาดหายไปด้วย ในที่สุด แฮหัวตุ้นที่มีฝีมือสูงสุดในกลุ่มสี่เทวะ ต้านทานพลังไม้เท้าพระธรรมของเภาเจ๋งไม่ไหว โดนฟาดเข้ากลางหลัง ร่วงหล่นไปกับพื้นดิน
เภาเจ๋งไม่รอช้า จึงฟาดไม้เท้าพระธรรมโครมเข้าที่หลังคา จุดเปราะบางที่สุดของรถม้าหุ้มเกราะ เปิดช่องให้เห็นโจโฉกับตังชงที่อยู่ด้านใน แต่โจโฉก็ไม่ทิ้งลายนักรบผู้โชกโชน กลับซัดกระบี่สั้นสวนกลับขึ้นมาในทันที ปักใส่ไหล่ซ้ายของเภาเจ๋ง เรียกเลือดจากหลวงจีนผู้ไร้เทียมทานได้พอดี
ถึงแม้เภาเจ๋งจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังแค่ผิวกาย จึงชักกระบี่สั้นขว้างทิ้งไปพร้อมกับไม้เท้าพระธรรม เพื่อไม่ให้กีดขวางการเคลื่อนไหว และกระโดดลงไปในห้องโดยสาร เพื่อจะจับตัวประกันทั้งสองเอาไว้ ยุติความชุลมุนวุ่นวายเสียที
แต่แล้ว เคาทู องครักษ์ผู้พิทักษ์กลับใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที เหวี่ยงตัวเข้ามาทางประตูด้านข้าง กระชากโจโฉ ตังชงกระเด็นออกไปจากรถม้าก่อน แล้วใช้ทั้งแขนทั้งขา เหนี่ยวรั้งแขนทั้งสอง และต้นขาของเภาเจ๋งไว้จากด้านหลังด้วยวิชามวยปล้ำแบบที่ชนนอกด่านใช้เล่นกัน แต่กลับพอเหมาะพอดีกับพื้นที่แคบเล็กภายในห้องโดยสารรถม้า
มองเผินๆแล้ว ท่าร่างของเคาทูราวกับคางคกตัวใหญ่รัดร่างเภาเจ๋งเอาไว้ อย่างน้อยก็พอซื้อเวลาให้โจโฉอุ้มตังชงหลบหนีออกไปได้ทัน ปล่อยให้เภาเจ๋งต้องหาทางแก้ไขด้วยการกระแทกร่างเคาทูที่เกาะติดอยู่ด้านหลัง เข้ากับผนังรถม้าไปรอบๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนรับรู้ได้ถึงความบอบช้ำของร่างกายฝ่ายตรงข้าม
…
พอโจโฉวิ่งโผล่พ้นรถม้าออกมาให้เห็นถนัดตา ม้าเฉียวก็แบ่งสมาธิไปไล่ฆ่าฟันศัตรูคู่แค้น แต่ลิเจียงกลับพัวพันเอาไว้ให้เสียจังหวะ ยิ่งเพิ่มความแค้นเคืองให้กับขุนพลเงาหิมะ จึงเร่งพลังรุกไล่ใส่ลิเจียงอย่างรุนแรง แล้วเงื้อทวนขึ้นฟาดอีกครั้งด้วยกระบวนท่าที่บังเอิญค้นพบ ทำให้ทวนของลิเจียงพลอยหักสะบั้นไปอีกคน
ม้าเฉียวขยับตามจังหวะจะแทงใส่ให้ตาย แต่ครานี้ กลับมีดาบใหญ่ขวางรับ กลับเป็นแฮหัวตุ้น ขุนพลตาเดียว ที่พาร่างอันบอบช้ำมาช่วยลูกเขยตัวเองเอาไว้ และฟาดฟันดาบใหญ่เข้าใส่ม้าเฉียวอย่างบ้าคลั่ง ลิเจียงสำนึกว่ารอดชีวิตมาได้เพราะพ่อตายังมีเยื่อใย จึงคว้าเอาทวนทหารที่ตกหล่นอยู่ตามพื้น ขึ้นมาร่วมวงต่อสู้กับม้าเฉียวด้วยอีกแรง กลับเปิดช่องให้โจโฉพาตังชงวิ่งหนีเข้าสู่วงล้อมของกองทัพได้แล้ว
ม้าเฉียวที่เหนื่อยล้าสุดกำลัง เพียงคนเดียว ย่อมไม่อาจต้านรับแฮหัวตุ้นและลิเจียง ที่สอดประสานกันลงมือในคราวเดียวกัน จึงโดนอาวุธไปหลายครา จนเลือดโทรมกาย ต้องปักทวนทมิฬลงกับพื้นดิน ยืนพิงกับรถม้าโดยสาร เตรียมตัวรับความพ่ายแพ้แล้ว
แต่แล้ว จู่ๆ รถม้าหุ้มเกราะที่ดูแข็งแกร่งข้างกายม้าเฉียว กลับแตกกระจายออกช่องใหญ่ พร้อมร่างกายสูงใหญ่อันเต็มไปด้วยเลือดของเคาทู ลอยพุ่งออกมากระเแทกใส่แฮหัวตุ้น ลิเจียง จนล้มระเนระนาดกันไปหมดทั้งสามคน
เภาเจ๋งโผล่ทะยานออกมาจากตัวรถ พร้อมไหล่ซ้ายที่ชุ่มเลือด และจีวรที่ขาดวิ่นเปรอะเปื้อน หมดสภาพนักบวชผู้สูงส่ง รีบลอยตัวขึ้นไปยืนบนหลังคารถม้าอีกครั้ง เพื่อมองหาเป้าหมายสังหาร
พอเห็นโจโฉกับตังชง กำลังควบม้าหนีอยู่บนทางหลวงไกลไปทางทิศใต้ ถึงกับใช้วิชาตัวเบา เหยียบข้ามหัวเหล่าทหาร ตรงเข้าหาเป้าหมายโดยเร็ว จนกลายเป็นภาพหลวงจีนชุดขาดรุ่งริ่ง และแปดเปื้อนโลหิตแดงฉานกำลังวิ่งไล่ตามม้าศึกที่ควบหนีสุดชีวิต ฝ่าสมรภูมิรบที่กำลังต่อสู้กันอยู่
แฮหัวตุ้นตะโกนสั่งการให้ทหารช่วยกันขัดขวางไว้ แต่ไม่เป็นผล จึงต้องรีบวิ่งคว้าม้าศึกใกล้ตัว ควบฝ่าทัพเข้าช่วยเจ้านายเอง ทิ้งให้นายทหารระดับรองลงไป ดูแลลิเจียงกับเคาทูซึ่งหมดสติอยู่ที่จุดเกิดเหตุนั้นเอง พร้อมกันกับควบคุมตัวม้าเฉียวที่ไร้กำลังจะขยับเขยื้อนกายแล้ว ชั่วพริบตา ก็ห่างหายไปจากคลองสายตาอีกคนหนึ่ง
…
ทันใดนั้น อีกฝั่งฟากหนึ่งของสะพานเตียงปัน เสียงโห่ร้องของกองทัพดังขึ้น พร้อมกับภาพกองทัพม้าศึกแห่งเมืองเกงจิ๋ว วิ่งตรูข้ามสะพานมาอย่างรวดเร็ว ธงแม่ทัพปรากฏชื่อเป็นกวนอูและเตียวหุยขึ้นเคียงคู่กัน มองไปที่กลางทัพ เห็นผู้นำทัพคือ ขุนพลหน้าแดงหนวดยาว ถือง้าวใหญ่ โดยมีขุนพลหน้าดำขนาบอยู่ด้วย ฤาจะเป็น กวนอู ขุนพลจันทร์พิฆาต กับ เตียวหุย ขุนพลฟ้าคำราม นำพากองทัพเกงจิ๋วมาแล้ว
เมื่อขุนศึกชื่อดังพร้อมกันกับกองทัพเกงจิ๋วสอดแทรกมาเช่นนี้ ยิ่งทำให้สถานการณ์สู้รบวุ่นวายยิ่งขึ้น กลายเป็นศึกสามเส้า ผู้มาทีหลังยังสดชื่น มีเรี่ยวแรง และกำลังใจสูง จึงไล่ฆ่าฟันกองทหารฝ่ายโจโฉ และกองทัพธรรม จนร่นถอยไม่เป็นขบวน เพราะขาดแม่ทัพที่เข้มแข็งควบคุมทัพ สุดท้าย ถึงกับเริ่มแตกหนีกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางแล้ว แม้แต่นายทัพระดับรองยังต้องรีบตัดสินใจ นำตัวลิเจียง กับเคาทู หลบหนีไปก่อน
ม้าเฉียวมองกองกำลังเกงจิ๋วที่เข้ามาช่วย พร้อมยิ้มแย้ม นึกในใจ “ม้าต้ายทำสำเร็จตามแผนการของท่านหวดเจ้งแล้ว มันนำกำลังของเกงจิ๋วมาช่วยทันเวลาพอดี”
ที่จริง ถ้ามีใครสักคนใช้อาวุธแทงใส่สักคราหนึ่ง ม้าเฉียวคงจะสิ้นชื่ออยู่ ณ ที่นั้น หากแต่ไม่มีใครกล้าเสี่ยงที่จะเข้าควบคุมตัวอัศวินหนุ่มผู้เหี้ยมหาญในยามคับขันเช่นนี้ ม้าเฉียวจึงยังปลอดภัยได้อีกครั้งหนึ่ง เห็นม้าเลี้ยงกับม้าต้ายนำกองกำลังย่อยเข้ามาคุ้มกันภัยให้กับพี่ชายผู้เป็นผู้นำตระกูลม้าคนปัจจุบัน ปล่อยให้ “กวนอู” กับ “เตียวหุย” นำทัพเกงจิ๋ว ไล่ล่าติดตามกองทัพทั้งสองฝ่ายต่อไป
ม้าเฉียว เลิกคิ้วเชิงไต่ถามบัณฑิตคิ้วขาว ม้าเลี้ยง จึงรีบเฉลยความนัย “ท่านกวนอูเดินทางไปช่วยคนที่วัดป่าน้อยแห่งเขาจวนหยกสัน จนได้รับบาดเจ็บ เป็นเล่าฮอง จูล่ง และตันฮก กำลังนำกองทัพซงหยงคุ้มครองกลับเมือง พอม้าต้ายนำความมาแจ้งกับเรา เราจึงเชื้อเชิญกวนเป๋ง จิวฉองที่อยู่เฝ้าเมือง ให้แสร้งปลอมแปลงเป็นกวนอู เตียวหุย นำกองทัพเกงจิ๋วมาขู่ขวัญกองทัพทั้งสองฝ่าย โชคดีที่ไม่มีผู้ต่อต้าน มิฉะนั้น ฝีมือของขุนพลระดับรองอย่างกวนเป๋ง จิวฉอง คงไม่อาจรับมือขุนพลฝ่ายโจโฉได้”
ที่จริงแล้ว ม้าเฉียว ม้าต้าย ยังคงขัดแย้งแตกหักกันกับม้าเลี้ยง ม้าเจ๊ก ในเรื่องการตายของม้าเท้ง กับ ม้าหยุนลู่ แต่เมื่อพี่น้องประสพเภทภัยอันตราย ก็ยังคงต้องยื่นมือช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ และสมกับที่เป็นบัณฑิตคิ้วขาว แผนการวางไว้โดยหวดเจ้ง มุ่งหวังให้กวนอูแห่งเกงจิ๋วมาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ หากเมื่อกวนอูไม่สะดวก ม้าเลี้ยงจึงปรับเปลี่ยนแผนการด้วยกลยุทธ์แต่งแต้มดอกไม้ เปลี่ยนให้กับกวนเป๋ง จิวฉอง ขุนพลรองดูน่าเกรงขาม อาศัยนามอันเกรียงไกรของกวนอู เตียวหุย ขู่ขวัญกองทัพฝ่ายโจโฉที่ขาดไร้แม่ทัพ จนแตกกระเจิงไปอย่างง่ายดาย
ถึงตอนนี้ ม้าเฉียว ม้าเลี้ยง ม้าต้าย สามในสี่คุณชายตระกูลม้าที่หลงเหลืออยู่ มองหน้ากันพร้อมกอดไหล่หัวร่อร่าด้วยหัวใจที่เปิดเผยแบบชนนอกด่าน ผ่อนคลายความบาดหมางใจที่เคยเกิดขึ้นในอดีตไปจนหมดสิ้น
…
บ้อคง-เล่าเจี้ยง ซ่อนตัวมองดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากพงไม้ทึบห่างจากสมรภูมิรบไปสักระยะหนึ่ง ท่ามกลางหลวงจีนองครักษ์ที่มีฝีมือห้าหกคน ค่อยหันกายมากล่าวกับสุมาอี้ ที่ซ่อนตัวหลบสายตาคนอื่น “กวนอู เตียวหุย เพิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝีมือของน้องเรา ไม่น่าจะฟื้นตัวได้เร็วเช่นนี้ ผู้มาย่อมมิใช่ขุนพลตัวจริงเป็นแน่แท้ หากเจ้าออกหน้าควบคุมสถานการณ์กองทัพของโจโฉ ยังน่าจะจัดการพวกเกงจิ๋วได้ไม่ยากเย็นนัก อย่างน้อย ก็พอคุ้มครองทรัพย์สินก้อนสุดท้ายในรถม้าทั้งหลายของเราเอาไว้ได้”
บ้อคงโบกมือส่งสัญญาณให้หลวงจีนคนสนิทสองคนอ้อมเส้นทางไปช่วยคุ้มกันขบวนรถม้าซึ่งเป็นทรัพย์สินมีค่าจากเมืองเสฉวนโดยเร็ว เหตุผลที่มันยังคงต้องอยู่ในสมรภูมิรบด้วย ทั้งๆที่เป็นสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายเกินไป ก็เพราะเพื่อแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าในการวางหมากรุกฆาต ปิดกระดานรบเช่นนี้
“แผนการนั้น ยังสุ่มเสี่ยงเกินไป นายท่าน โปรดรับฟังข้อเสนอของข้าน้อย” สุมาอี้ ทิ้งจังหวะให้ทั้งสองไปจนพ้นสายตาก่อน ค่อยลดเสียงลง คล้ายต้องการกระซิบหารือ
สถานการณ์กำลังร้อนแรง คุกรุ่น บ้อคง-เล่าเจี้ยง ไม่ทันระวังตัว จึงขยับกายเข้าไปใกล้ สุมาอี้เห็นเป็นโอกาสอันสวยงาม จึงชักมีดสั้น จ้วงแทงใส่กลางอกของหลวงจีนชรา จนตาเบิกโพลง ไม่อาจกล่าววาจาใดๆ
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 5 - พยัคฆ์หยกนรกทักษิณ
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย