Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
7 ส.ค. 2021 เวลา 01:15 • นิยาย เรื่องสั้น
5.24. ประลองยุทธ์ชิงบัลลังก์
เล่าปี่ รัชทายาทพลัดถิ่น - จูกัดเหลียง อุยเอี๋ยน คู่แค้นฟ้ากำหนด
กวนอู จูล่ง ตันฮก กำลังเดินทางกลับจากเมืองหับป๋าทันที หลังเสร็จสิ้นภารกิจลับ จึงไม่ทันล่วงรู้ข่าวการตายของโลซกจากทางฝั่งกังตั๋ง ผู้เป็นหัวหน้าพันธมิตรแห่งฟากฟ้า ดังนั้น ตันฮกจึงประเมินผลงานว่า ทั้งสามออกโรงร่วมมือกับเตียวเลี้ยว ในฐานะที่เป็นสหายสนิทของหัวหน้าขุนพลห้าพยัคฆ์ เพื่อต้านกองทัพสิบหมื่นจากแดนใต้ ด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่าหลายเท่า
สถานการณ์ที่กดดันกลับทำให้ทหารเมืองหับป๋า ยอมเชื่อฟังคำสั่งของกุนซือลึกลับ และหลงเชื่ออย่างโง่งมว่า สองขุนพลชาญศึกภายใต้หน้ากากสีแดงสีขาวนี้ คือ ลิเตียน งักจิ้น ที่โจโฉส่งเข้ามาร่วมนำทัพด้วย ทั้งที่จริงแล้ว สองขุนพลนั้นได้ตายจากโลกนี้ไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว
นับว่า ทั้งสามคนลงทุนลงแรงไม่มากนัก แต่ตัดกำลังของฝ่ายกังตั๋งจนง่อยเปลี้ยไปอีกนาน และผลักดันให้เตียวเลี้ยว เสือโคร่ง ได้ใจคนเมืองหับป๋า ตลอดจนประชาชนทั่วไปไม่น้อย ยามใดที่เตียวเลี้ยวชูธงพันธมิตรแห่งฟากฟ้าจริงจังขึ้นมา คงได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาจากทั่วทุกสารทิศอย่างแน่นอน
แผนการของตันฮก กุนซือกิเลนพิสดาร ออกจะสุ่มเสี่ยงอยู่บ้างที่ละทิ้งเมืองเกงจิ๋วออกไปตามลำพัง แต่ด้านการทำศึก เขามั่นใจ และเห็นด้วยกับแผนการที่ศิษย์น้อง จูกัดเหลียง จัดการวางแผนเด็ดปีกเสือไว้ได้อย่างรัดกุม ในขณะที่ด้านการเฝ้าระวังที่มั่นที่เมืองเกงจิ๋วนั้น ม้าเฉียวที่ยังพักฟื้นอาการบาดเจ็บ กับม้าต้าย เป็นผู้รักษาการณ์ โดยมี กวนเป๋ง จิวฉอง อยู่ช่วยเหลืออีกแรง น่าจะพอรับมือความเปลี่ยนแปลงทางฝั่งนี้ได้อยู่
ที่จริงแล้ว พวกตระกูลม้าเพิ่งเข้าสวามิภักดิ์กับพันธมิตรแห่งฟากฟ้า อาจจะเป็นผู้ที่สร้างปัญหาความวุ่นวายเสียเอง ตันฮกจึงแสร้งดึงตัวม้าเลี้ยงเอาไว้เป็นหลักประกัน เปลือกนอก คือสั่งงานให้วิเคราะห์สถานการณ์การศึกในภายหน้าเป็นการภายใน แต่ที่จริง คือ การควบคุมตัวบัณฑิตคิ้วขาวไว้ในห้องลับอย่างแนบเนียน
...
ณ เก๋งน้อยบนเนินทุ่งดอกเบญจมาศ จุดยุทธศาสตร์ที่เคยเกิดเรื่องราวสะท้านฟ้ามาไม่น้อยกว่าสองครั้งที่สำคัญยิ่งนัก ครั้งแรก คือ การลอบสังหารโจโฉโดยจูล่งกับไต้เกี้ยวที่สุดท้ายกลับกลายเป็นการพลีชีพเพื่อชาติของสาวงาม เพื่อก่อกำเนิดสัญญาสงบศึกลำน้ำไต้กัง สามปี ครั้งที่สอง คือ การลอบสังหารขงเบ้ง-จูกัดเหลียงโดยฮองตงและพวก ที่แปรเปลี่ยนจากศัตรูเป็นญาติมิตร และเปลี่ยนโฉมหน้าของเนินหงส์ร่วง จุดดั้งเดิมตามประวัติศาสตร์ในโลกคู่ขนานไปตลอดกาล
จนบัดนี้ เนินทุ่งดอกเบญจมาศยังคงเป็นสถานที่พักผ่อนไร้ชื่อเสียงเช่นเดิม ดอกเบญจมาศยังคงมีสีเหลืองสวยงาม ลำธารเล็กๆไหลผ่านด้านหนึ่งของศาลาพักผ่อน อีกด้านหนึ่งคือแม่น้ำไต้กัง ม้าเฉียว ม้าต้าย ออกมาตั้งโต๊ะเลี้ยงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ตามที่นัดหมาย จุดนัดหมายที่เปิดโล่งเช่นนี้ ย่อมง่ายต่อการหลบหลีก หากมีความผิดปกติเกิดขึ้น นั่นคือ สิ่งที่กุนซือกิเลนพิสดารตระเตรียมการณ์ไว้ล่วงหน้า
หากแต่กลุ่มคนที่นั่งรอในศาลารับรองกลับมีมากมายกว่าที่ควรจะเป็น มองเห็น เล่าปี่ ขงเบ้ง ฮองตง และอุยเอี๋ยน กำลังดื่มกินอย่างสบายใจอยู่ฟากหนึ่ง ทิ้งโต๊ะว่างอีกหนึ่งแถวไว้อย่างจงใจ ในขณะที่พวกม้าเฉียวทั้งสอง และทหารองครักษ์จำนวนไม่มากนัก กลับยืนทำสีหน้าไม่ถูกอยู่ด้านล่างของเนินสูง ภายใต้วงล้อมพร้อมอาวุธครบมือของกองทหารหลายร้อยนาย
ห่างไกลออกไปในแนวป่าไม้ ยังปรากฏกองทัพขนาดย่อมชูธง เล่าฮอง เบ้งตัด ตั้งกองธนูรออยู่อย่างเข้มแข็ง นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกม้าเฉียวไม่กล้าวู่วาม ฝ่ายเล่าปี่คงสั่งการระดมทัพซงหยงของเล่าฮอง ลูกเลี้ยง แอบเข้ามารายล้อมกลุ่มคนที่รอคอยแบบไม่ให้ทันตั้งตัว เพื่อรอเจรจาความกับกวนอูโดยตรง ไม่บอกก็พอเดาได้ว่า นี่คือ การจัดการซ้อนกลของกุนซือมังกรซ่อน ขงเบ้ง นั่นเอง
กวนอู ตันฮก จูล่ง ลงจากหลังม้า ปรึกษาพูดคุยกันเบาๆ ขงเบ้งยิ้มเยาะพลางกล่าว “ท่านทั้งสามเดินทางมาไกล วางอาวุธไว้ตรงนั้นก่อน แล้วขึ้นมาดื่มสุราดอกท้ออันหอมหวานกันเถิด” ขงเบ้งจงใจเน้นคำ ดอกท้อ แดกดันให้กวนอูนึกถึงเหตุการณ์สาบานในสวนดอกท้อ ดีที่กวนอูหน้าแดงอยู่แล้ว จึงไม่พบเห็นความเปลี่ยนแปลงในสีหน้า นอกจากนัยน์ตาที่ลุกวาวด้วยความโกรธ
เสียงกองทัพเคลื่อนมาจากด้านหลังของพวกกวนอู สร้างความงุนงงต่อทุกคนในพื้นที่ แต่พอธงสัญลักษณ์ปรากฏ กลับทำให้ฝ่ายของกวนอูเริ่มใจชื้น เป็นธงกวนเป๋ง จิวฉองที่เฝ้าระวังเมืองเกงจิ๋ว เคลื่อนเข้ามารั้งรออยู่ด้านหลัง เหมือนกับเพิ่มเสริมบารมีให้กับผู้เป็นบิดาบุญธรรม และผู้เป็นเจ้านาย
ตันฮกเห็นความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ก็ยิ้มเยาะกลับในทีเช่นกัน ประสานมือพลางเริ่มต้นเจรจาบ้าง “ฝั่งท่านมีกองทัพซงหยง ฝั่งเรามีกองทัพเกงจิ๋ว กังแฮ จำนวนเบี้ยถือว่า เราได้เปรียบเล็กน้อยแล้ว ตัวขุนพลเล่า พวกท่านมีเล่าปี่ ฮองตง อุยเอี๋ยน ขงเบ้ง สี่คน ฝ่ายเราก็มีกวนอู จูล่ง ม้าเฉียว กับตัวข้า รวมสี่คนเช่นกัน เอาเช่นนี้เถอะ เรามาต่อสู้ในเชิงบุ๋นกัน เพื่อลดความสูญเสียของพวกเราจะดีหรือไม่ ประลองฝีมือแค่สามรอบ ใครแพ้สองในสาม ยอมล่าถอย ให้สัตย์สาบานเป็นพันธมิตร สนับสนุนให้ฝ่ายที่ได้ชัย ขึ้นครองอำนาจรัฐอิสระเสฉวนแทน มิให้รากฐานที่ร่วมกันสร้างมาต้องสูญเปล่า”
ขงเบ้งรู้ทัน ตอบโดยไม่ต้องยั้งคิดให้เนิ่นนาน “ท่านตันฮกประเมินผิดพลาดแล้ว ขุนพลสองฝ่ายมีจำนวนเท่ากันก็จริง แต่ลำดับชั้นฝีมือยังต่างกัน ฝั่งเรามีขุนพลสวรรค์เพียงหนึ่งเดียว คือ ฮองตง แต่ฝั่งท่านมีถึงสามขุนพลสวรรค์ คือ กวนอู จูล่ง ม้าเฉียว เลยทีเดียว ประลองเชิงบู๊ยังพอสูสี ช่วยเหลือกันได้บ้าง แต่หากเป็นเชิงบุ๋นเช่นนี้ กลับทำให้ฝ่ายท่านได้เปรียบขึ้นมาทันที แบบนี้ คงยินยอมไม่ได้หรอก”
“อืม ถ้าเช่นนั้น เราจะอธิบายเรื่องหนึ่งให้พวกท่านเข้าใจเสียใหม่ ครั้งนั้น พวกท่านสามพี่น้อง เสาะหาบุตรบุญธรรม ท่านเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยได้เล่าฮอง กวนเป๋ง และจิวฉอง ตามลำดับ เป็นผู้ใดจัดหาให้หนอ...” ตันฮกทิ้งจังหวะลากเสียงล้อเลียนอีกครั้ง “อ้อ เป็นเรา ตันฮก นี่เอง ที่จัดหาให้พวกท่านทั้งสาม ถ้าเช่นนั้น เกรงว่า พวกท่านจะเสียเปรียบเสียแล้วล่ะ กองทหารซงหยง ที่จริง เป็นฝ่ายพันธมิตรแห่งฟากฟ้าต่างหาก พวกท่านไม่มีกองกำลังทหารมาสนับสนุนในครั้งนี้หรอก”
ตันฮก ทำท่าชูสามนิ้วขึ้นฟ้า พลันเล่าฮอง เบ้งตัด กวนเป๋ง จิวฉอง และกองทัพเกงจิ๋ว กังแฮ และซงหยง ต่างยกมือทำตามอย่างพร้อมเพรียง สัญลักษณ์พันธมิตรแห่งฟากฟ้า ปรากฏขึ้นแล้ว แม้แต่ ม้าเฉียว ม้าต้าย ที่เดิมทำท่าคล้ายพ่ายแพ้ ก็ยืดอกขึ้นพร้อมกล่าวนำ “พันธมิตรแห่งฟากฟ้า ที่หนึ่งในใต้หล้า” เสียงกองทัพแห่งดินแดนภาคกลางประสานเสียงท่องตามดังสนั่น จนพื้นดินสั่นสะเทือนไปทั้งบริเวณ
พวกเล่าปี่ทั้งสี่ กลับกลายเป็นกลุ่มคนที่โดดเดี่ยว ท่ามกลางกองทัพนับพันรายล้อม พอกองทัพซงหยงที่เป็นกองหนุนกลับแปรพักตร์ไปเช่นนี้ สมดุลย์ของกองทัพสองฝ่ายก็หมดสิ้นไป ข้อเสนอของตันฮกกลับกลายเป็นทางออกที่รอดตายเพียงทางเดียวเสียแล้ว หากได้ชัย ก็ยังอาจจะรอดชีวิต แต่หากพ่ายแพ้ ก็เท่ากับยกบัลลังก์ให้กวนอูแทน
นับว่า ความคิดของกุนซือกิเลนพิสดาร ช่างยอกย้อนสมดังฉายานาม ถึงกับหลอกล่อให้เจ้ามังกรซ่อนนำพาเล่าปี่มาติดกับดัก เพื่อหลอกเอาแผ่นดินไปครองอย่างเรียบง่ายที่สุด
สีหน้าของกวนอู ตันฮก จูล่ง แช่มชื่นขึ้นโดยไม่ต้องปั้นสีหน้าเช่นกัน กวนอูซึ่งไม่ได้เอ่ยคำใดๆ พลันกล่าวเสริมด้วยจิตใจห้าวหาญ “เอาเถิด พี่ใหญ่ ข้าให้ท่านเป็นฝ่ายเลือกคู่ต่อสู้ตามสะดวกใจ ลำดับตัวแทนของฝ่ายพันธมิตรแห่งฟากฟ้าจะเป็นเช่นนี้ คนแรกคือ ม้าเฉียว คนที่สองคือ จูล่ง และ คนที่สาม คือ ตัวข้าเอง”
…
ภายในเก๋งพักร้อน เล่าปี่ ขงเบ้ง ฮองตง อุยเอี๋ยน รีบปรึกษากัน เพื่อเอาชีวิตรอด สถานการณ์ตรงหน้านั้น ล่าถอยก็ยากเย็น คงมีแต่ต้องยอมลงสนามประลองฝีมือตามที่ฝ่ายตรงข้ามเสนอมา ซึ่งต้องยอมรับว่า กวนอูยังมีใจนักเลงพอ และต้องการที่จะเอาชนะการประลองอย่างใสสะอาด เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในตำแหน่งผู้นำอย่างแพร่หลาย จึงกล้าที่จะระบุรายชื่อออกมาก่อนเช่นนั้น
หากจัดวางตามลำดับฝีมือในเวลานี้ เล่าปี่ ฝีมือปานกลาง และอายุมากแล้ว ย่อมถือว่าอ่อนด้อยที่สุด ถัดมา คือ ขงเบ้ง ที่มีฝีมืออยู่บ้าง แต่มีเก้าอี้ล้อเลื่อนที่มีกลไกสุดพิสดาร ส่วน อุยเอี๋ยน ฮองตง นั้น อยู่สายนักรบ ย่อมมีพลังฝีมือสูงส่งอยู่แล้ว เพียงแต่ ฮองตง มีชื่อเสียงมานานกว่า และมีชื่อติดอยู่ในทำเนียบขุนพลสวรรค์ด้วย
เมื่อนำไปเปรียบฝีมือกับฝ่ายตรงข้ามแล้ว การจัดลำดับต่อสู้ จึงพอเดาภาพเป็น ขงเบ้งจับคู่กับม้าเฉียว ที่เพิ่งหายบาดเจ็บสาหัสจากศึกสะพานเตียงปันครั้งที่สอง อุยเอี๋ยนจับคู่กับจูล่ง ที่เพิ่งหายบาดเจ็บเช่นกันจากศึกเสฉวน และฮองตงจับคู่กับกวนอู ที่บาดเจ็บน้อยที่สุดในสามคน จากการต่อสู้ที่วัดป่าน้อยที่สอง ส่วนเล่าปี่ กับ ตันฮก คงได้แต่เป็นผู้ดูอยู่ด้านข้างเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องลงมือ
แต่ขงเบ้งกลับส่ายหน้า เสนอวิธีพลิกแพลงออก “เราจะใช้กลยุทธ์สลับม้าของซุนปินในอดีต หลีกเลี่ยงแข็ง ปะทะอ่อน” ขงเบ้งหยุดคำแล้วค่อยกล่าวต่อ “ด้วยสภาพร่างกายที่สมบูรณ์กว่าฝ่ายตรงข้าม รอบแรก ส่ง อุยเอี๋ยน สู้กับ ม้าเฉียว ผลคือ เราชนะ รอบสอง ส่ง ฮองตง สู้กับ จูล่ง ผลคือ เราชนะ ดังนั้น รอบสาม ค่อยส่งใครออกไปสักคน ซึ่งไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับกวนอู ฝ่ายเราก็ชนะสองในสามครั้งแล้ว”
หมายเหตุ กลยุทธ์สลับม้าของซุนปิน คือ การเรียงสลับอันดับฝีมือของม้าแข่ง จัดให้ตัวด้อยสุดไปสู้กับตัวแกร่งสุดของฝ่ายตรงข้าม ยอมพ่ายแพ้ไปหนึ่งครั้ง แต่รอบสอง รอบสาม จัดให้ตัวที่เหนือกว่าฝ่ายตรงข้ามออกไปประลอง ก็จะกลายเป็นฝ่ายได้ชัย สองในสาม จึงถือว่าชนะได้มากกว่า นั่นเอง
…
ขุนพลเงาหิมะ ม้าเฉียวเป็นคนแรก กลับไม่มีทีท่าแสดงให้เห็นว่ายังมีอาการบาดเจ็บอยู่เลยแม้แต่น้อย ก้าวเดินออกมายืนตรงลานโล่งปลายเนิน พร้อมทวนเหล็กคู่ใจ เป็นทวนทมิฬมีความแข็งกระด้างมากกว่าทวนปกติทั่วไป จับตามองไปท้องฟ้าเบื้องหน้า คล้ายกำลังขบคิดเรื่องราวอันใด
ที่จริง ในใจของม้าเฉียว มีความทรงจำที่ดีกับเล่าปี่อยู่ไม่น้อย เมื่อครั้งศึกสิบแปดเจ้าเมือง ขุนพลลิโป้สร้างความกังวลให้กับฝ่ายต่อต้านทรราชย์ จนม้าเท้งลอบสั่งการให้ม้าเฉียวปกปิดชื่อแซ่ ตามมาช่วยอีกแรง หวังให้ลองเสี่ยงดวง สร้างชื่อเสียงเป็นที่ปรากฏ
แต่พอมาถึง ไม่ทันแนะนำตัวให้เป็นที่ประจักษ์ ก็พอดีกันกับที่สามพี่น้องรุมต้านลิโป้ได้สำเร็จ ม้าเฉียวจึงอยู่ร่วมงานฉลองชัยขนะ ดื่มสุราจนเมามาย ก่อเรื่องทะเลาะวิวาทกับนายทหารคนอื่นในค่ายทหารกลาง กลับถูกอ้วนเสี้ยว โจโฉ สั่งการให้จับมัดไว้รอการลงโทษขั้นประหารชีวิตในวันรุ่งขึ้น ด้วยไม่รู้ว่าเป็นม้าเฉียว เข้าใจว่าเป็นเพียงนายทหารหนุ่มน้อยชั้นปลายแถวจากเมืองเสเหลียงเท่านั้น
ม้าเท้ง ผู้เป็นบิดา ซึ่งอยู่ในงานเลี้ยงระดับเจ้านครภายในกระโจมแม่ทัพ พอทราบเรื่อง ก็โกรธมากที่ทายาทเลือดร้อน ทำให้เสียการใหญ่ แต่จนใจ ไม่รู้จะเอ่ยปากเช่นไรดี
กลับเป็นเล่าปี่ สหายพันธมิตรคนใหม่ของบิดา ที่ทราบข่าวทหารหนุ่มจากเสเหลียงเมาอาละวาดในงานฉลองโดยบังเอิญ รีบเอ่ยปากกับ อ้วนเสี้ยว โจโฉ ขอให้ละเว้นโทษตาย แลกกันกับความดีความชอบที่ตนเองเพิ่งได้กระทำมาในวันนั้น ม้าเฉียวจึงรอดจากอาญาทัพ และถูกสั่งเนรเทศกลับไปเสเหลียงในทันที
ความผิดพลาดของม้าเฉียวครั้งนั้น จึงมีน้อยคนที่ล่วงรู้เรื่องราวทั้งหมด แต่ถูกตราตรึงอยู่ในความทรงจำของม้าเฉียวมาโดยตลอด ดังนั้น หากผู้ที่ก้าวออกมา คือ เล่าปี่ มันคิดจะออมมือ แสร้งทำเป็นอาการบาดเจ็บกำเริบ ยอมแพ้พ่ายให้สักครา เป็นการตอบแทนให้กับผู้มีพระคุณ
แต่พอเห็นเป็น อุยเอี๋ยน นักรบที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้ามาโดยตลอด แสดงง้าวคู่ด้ามสั้นออกมาประกาศตัวพร้อมลงสนามในรอบแรก ทำให้ม้าเฉียวประเมินสถานการณ์ใหม่อีกครั้ง ขุนพลหนุ่มซึ่งพลาดหวังต่อการเข้ากลุ่มขุนพลสวรรค์คนนี้ เป็นคนหนึ่งที่ตัวมันไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกพบพาน ความคิดจะยอมอ่อนข้อให้จึงลบเลือนไปในทันที
…
ความคิดของอุยเอี๋ยนที่มีต่อม้าเฉียว ก็ไม่แตกต่างกันสักเท่าไรนัก สำหรับขุนพลสวรรค์คนอื่นนั้น มันยังพอทำใจ ยอมรับในความสามารถ และความอาวุโสที่มีต่อเล่าปี่ คงมีแต่ม้าเฉียวที่เพิ่งเข้ามาสวามิภักดิ์ในภายหลังจากการเสียเมืองเสเหลียง และฮันต๋งให้กับโจโฉถึงสองครั้งสองครา อีกทั้งฝีมือและอายุก็ไล่เลี่ยกันกับตนเอง แต่ขงเบ้งกลับจัดแจงให้ได้เข้าทำเนียบขุนพลสวรรค์ด้วยศักดิ์ฐานะลูกหลานเจ้าเมืองเก่าแห่งเมืองใหญ่เสเหลียง อุยเอี๋ยนจึงดูแคลนภายในใจมาโดยตลอด
ดังนั้น ทั้งสองจึงคล้ายจะไม่ชอบพอกันเท่าไหร่นัก การมาประลองกันในครั้งนี้ จึงกลายเป็นคู่แข่งที่พบพานกันในทางแคบอย่างแท้จริง
จุดเริ่มต้นของแผนการนี้ ขงเบ้งล่อหลอกให้ตันฮกนำตัวเหล่าขุนศึกทั้งสามไปร่วมศึกหับป๋า แต่สายข่าวเกงจิ๋วได้แจ้งมาว่า ม้าเฉียวได้รับบาดเจ็บสาหัส เพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นาน กวนอูจึงทิ้งให้อยู่เฝ้าเมืองเกงจิ๋ว ไม่ต้องไปร่วมศึกที่เมืองหับป๋า
ฝ่ายเล่าปี่จึงประเมินว่า อย่างไรก็ยังอยู่ในสถานะมีเปรียบ รีบนัดแนะกับเล่าฮอง นำกำลังเข้ารายล้อมเนินเบญจมาศ จนสามารถควบคุมตัวม้าเฉียว ม้าต้ายไว้อย่างง่ายดายจริงๆ ดังนั้น อุยเอี๋ยนจึงตระหนักว่า ตนเองสมควรจัดการกับฝ่ายตรงข้ามได้ไม่ยากเย็นนัก และตัดสินใจจู่โจมด้วยกระบวนท่าที่รวดเร็ว รุนแรง เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ
แต่ยิ่งลงมือรวดเร็ว รุนแรง กลับยิ่งตรงกับใจของม้าเฉียว ด้วยอาการบาดเจ็บที่เพิ่งหายดีนั้น พละกำลังยังกลับคืนมาเพียงเจ็ดแปดส่วน การต่อสู้ยืดเยื้อจึงเป็นเรื่องเสียเปรียบมากกว่า พอเห็นอุยเอี๋ยนใช้กระบวนท่าเช่นนั้น ม้าเฉียวจึงตัดสินใจสุ่มเสี่ยงอีกสักครา
ม้าเฉียวรอจังหวะให้อุยเอี๋ยนถีบเท้าลอยตัวขึ้นโจมตีสุดกำลัง จึงรีบใช้ความพิเศษพิสดารของอาวุธตนเอง ปรับแต่งทิศทางเหวี่ยงทวนทมิฬสวนกลับไปให้เกิดเป็นแรงบวกตามกระบวนท่าที่ค้นพลโดยบังเอิญและเคยใช้ได้ผลมาแล้ว ถึงกับกระแทกง้าวคู่ของอุยเอี๋ยนหักสะบั้นไปในกระบวนท่าเดียว
ตามธรรมเนียมของการประลองฝืมือ ฝ่ายใดสูญเสียอาวุธก็ถือว่าพ่ายแพ้ อุยเอี๋ยนพลาดท่า โดนทำลายอาวุธไปแล้ว สมควรยอมรับความพ่ายแพ้ ม้าเฉียวจึงหยุดมือ รอดูความเปลี่ยนแปลง
แต่อุยเอี๋ยนใช้จังหวะต่อเนื่องที่ลอยตัวอยู่เหนือร่างม้าเฉียว กลับหมุนมือ กดปุ่มกลไกที่ง้าวสั้นส่วนล่างให้ยืดออกกระแทกใส่หน้าอกของม้าเฉียว แล้วปรับตำแหน่งเป็นกระบองสั้นสองมือ กวาดตีไล่ไปตามด้ามทวน
ม้าเฉียวไม่ทันระวังตัว ทั้งถูกปลายง้าวกระแทกใส่ ทั้งถูกรุกไล่ใส่อาวุธ จึงต้องยอมปล่อยทวนหลุดจากมือ ร่วงหล่นไปกับพื้นหญ้า พร้อมกันกับที่กระบองคู่ของอุยเอี๋ยนถูกยกขึ้นมาขัดกันไว้ที่ลำคอแล้ว
ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น และสิ้นสุดในกระบวนท่าเดียว เพียงเห็นคนสองคนลอยตัวสวทางกัน แล้วร่วงหล่นมายืนกับพื้นเพียงชั่วพริบตา แต่คนที่เฝ้าดูล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ จึงแยกแยะความเป็นไปได้ออก
ตันฮกจึงรีบทักท้วง “หยุดมือเถอะ ท่านอุยเอี๋ยน ท่านสูญเสียอาวุธคู่มือไปก่อน ตามกฏเกณฑ์ยุทธภพ สมควรเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้ว”
อุยเอี๋ยนรั้งอาวุธกลับคืน แต่ชูขึ้นให้ทั้งหมดได้เห็น พร้อมแก้ต่างให้กับตนเอง “อาวุธของเรายังอยู่ในมือเราตลอดเวลา แม้จะแตกหักเสียหายไปบ้าง แต่ม้าเฉียวสิ ที่ทำทวนหล่นลงสู่พื้นไปแล้ว คนที่สูญเสียอาวุธไปก่อน คือ เขา ต่างหาก”
ตันฮกสบตากับกวนอูวูบหนึ่ง แล้วค่อยเดินออกมาคลี่คลายสถานการณ์เบื้องหน้า “เอาเป็นว่า ต่างฝ่ายต่างสูญเสียอาวุธไป ดังนั้น รอบแรก ให้เป็นว่า เสมอกัน ปล่อยให้การตัดสินชะตา อยู่ที่รอบต่อไปเถิด”
ฟังดูคล้ายเป็นทางออกที่สมเหตุสมผล หากแต่กลับบีบให้แผนสลับม้าของขงเบ้งพังพินาศไปทันที เล่าปี่ ขงเบ้ง ฮองตง อดไม่ได้ ต้องขมวดคิ้วด้วยความกังวลใจ ในขณะที่อุยเอี๋ยนยังคงยืนประท้วงอยู่กลางสนาม “ม้าเฉียวเล่นเล่ห์กับเราก่อน เราก็แค่สนองตอบกลับไป จนเราได้รับชัยชนะแล้ว แต่กลับมาตัดสินให้เสมอกันได้เช่นไร ข้าไม่ยอมรับ”
อุยเอี๋ยนกระชับอาวุธ หมายจะบุกไปข้างหน้า แต่ม้าเฉียวก็ฉุนเฉียวไม่น้อย จึงใช้เท้าสะกิดทวนขึ้นมารับเอาไว้ พร้อมกับกวาดทวนขวางทางเอาไว้ “หรือว่า เราจะยังมาลองอีกสักรอบ คราวนี้ ให้ความตายมาตัดสินกันเลย มา เข้ามา”
เล่าปี่เห็นเรื่องราวจะลุกลามเกินเลย จึงรีบห้ามปราม “หยุดก่อน ท่านทั้งสองล้วนเป็นขุนศึกแกล้วกล้าของพวกเรา ที่จริง สมควรออกไปสู้รบกับศัตรู มิใช่มิตรสหาย การประลองวันนี้ เพียงเพื่อชี้ชะตาว่าใครสมควรเป็นผู้นำ แต่ทุกคนยังต้องร่วมมือกันต่อสู้กับทรราชย์ กอบกู้แผ่นดินให้กับราชวงศ์ฮั่นต่อไป เอาเถิด เรายอมรับการตัดสินในรอบแรกนี้ สองฝ่ายถือว่าเสมอกัน เจ้าทั้งสองต่างก็ถอยออกไปให้กับเรา”
กวนอูพยักหน้าชูนิ้วยกย่องพี่ใหญ่อย่างจริงใจ “พี่ใหญ่กล่าวได้ดี ตกลงเป็นอันว่า ม้าเฉียว อุยเอี๋ยน เสมอกันในการประลองรอบแรก”
พอกวนอูพูดเสร็จ ก็ชักชวนตันฮก จูล่ง ม้าเฉียว เดินผ่านอุยเอี๋ยน ขึ้นไปบนเก๋งพักร้อน เพื่อร่วมโต๊ะอาหารรับรองที่ตระเตรียมไว้แต่แรกเริ่ม แสดงถึงความเป็นนักเลงเก่า ประสบการณ์โชกโชน ที่สลายบรรยากาศคุกรุ่นให้กลายเป็นการประลองฉันท์มิตรอย่างแท้จริง เพราะอย่างไรก็ตาม ฝ่ายเล่าปี่ที่มีเพียงสี่คน ย่อมไม่พร้อมที่จะลงมือท่ามกลางกองทัพจำนวนมากมายเช่นนี้
อุยเอี๋ยนที่ใส่หน้ากากปกปิดใบหน้า ทำให้ไม่เห็นสีหน้าความคิด ยังคงยืนซึมเซาอยู่กลางสนามประลอง จนกวนอูต้องกวักมือเรียกซ้ำ พร้อมยกจอกสุราเชื้อเชิญ “ท่านอุยเอี๋ยน ไม่ต้องลำบากใจ คนหนุ่ม หนทางยังยาวไกล ขอเพียงแต่ให้มีปณิธาน และศรัทธาต่อตนเอง เชิญท่านขึ้นมานั่งร่วมวงด้วยกันเถิด”
เล่าปี่แอบถอนหายใจ กวนอูในวันนี้ ไม่ได้เป็นเพียงนักเลงหยาบกร้านเหมือนเมื่อวันวานแล้ว มันนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในวันที่ร่วมดื่มน้ำสาบานกัน กวนอูแสร้งเมามายใส่ความผู้คนได้อย่างกลมกลืน ยังประทับในใจมันไม่รู้ลืม
นั่นจึงทำให้มันระแวงคนผู้นี้มาโดยตลอด แต่ไม่พร้อมที่จะฉีกกระชากหน้ากากจอมปลอมออกมา เพราะยังต้องอาศัยพึ่งพาฝีมือความสามารถ แต่วิสัยจิ้งจอกอาศัยเงาราชสีห์สร้างชื่อเสียง สักวันหนึ่งเมื่อทุกสิ่งพร้อมสรรพ จิ้งจอกย่อมพร้อมจะแวังกัดเจ้านาย เพื่อแย่งชิงสิ่งที่ต้องการไปได้ และนี่ก็คงจะถึงเวลานั้นแล้วกระมัง
“เรามาเริ่มการประลองรอบสองกันต่อ จูล่ง เป็นตัวแทนพันธมิตรแห่งฟากฟ้า” ตันฮกลุกขึ้นประกาศ ในขณะที่ จูล่งเดินถือดาบใหญ่สีดำสนิท ก้มหน้าลงสู่สนามอย่างเงียบงัน เมื่อครู่ ม้าเฉียวมองฟ้าเพื่อรำลึกความหลัง แต่จูล่งกลับมองพื้นดินอย่างจงใจ
ที่จริง ความคิดของจูล่งก็สับสนวุ่นวายเฉกเช่นกัน ตัวมันคือ ประมุขพรรคฟ้าเหลือง และหัวหน้ากลุ่มสัตตดารา แต่เพ่ิงพบพานว่า มันเป็นเพียงหุ่นเชิด ให้กับคนอื่นมาโดยตลอด เตียวเฟิง ต่างหากที่อยู่ในฐานะผู้นำอย่างแท้จริง เท่าที่ผ่านมา หากมันเดินตามแผนการที่วางไว้ ก็แล้วไป แต่หากมันออกนอกลู่นอกทางไป มันจึงไม่ได้รับความช่วยเหลือ หรือแม้แต่ถูกกระตุกขาด้วยพรรคพวกเดียวกันเองเสียด้วยซ้ำ
เรื่องแพ้ชนะวันนี้ เพื่อตัดสินผู้นำ ระหว่าง เล่าปี่ กับ กวนอู หากให้ตัวมันเป็นผู้เลือกอย่างอิสระทางความคิด มันคงจะเลือก เล่าปี่ ที่ให้ความสำคัญกับมันมาโดยตลอด ส่วนกวนอู นอกจากจะหยิ่งทะนงเกินไปแล้ว ยังมี เตียวเฟิง ตันฮก คนสองคนที่มันชิงชังอยู่ข้างกายด้วย ดังนั้น วันนี้ มันคิดจะยอมพ่ายแพ้ให้กับฝ่ายเล่าปี่
เพียงแต่ฝ่ายเล่าปี่ต่างหาก ที่ต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจจะส่งผู้ใดมาลงมือกับขุนพลผู้เลื่องชื่อคนนี้ในรอบสองหนอ เพราะแผนการสลับม้าถูกพังทลายไปเสียแล้ว ต่างฝ่ายต่างต้องเอาชัยให้ได้สองรอบ จึงนับว่า ได้ชัยชนะหมดจด มิเช่นนั้น อาจจำต้องต่อเวลา เพิ่มการต่อสู้รอบที่สี่ขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 5 - พยัคฆ์หยกนรกทักษิณ
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย