Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
11 ส.ค. 2021 เวลา 00:59 • นิยาย เรื่องสั้น
5.27. พิชิตศึกสายเลือด
โจหยิน เทพมุ่งมั่น - โจหอง เทพเสริมส่ง - แฮหัวป๋า ตัวประกันการเมือง
เป็นช่วงบ่ายแก่ๆที่มืดครึ้มด้วยก้อนเมฆหนาทึบ จู่ๆสายฝนก็สาดซัดลงมาราวกับฟ้ารั่วตามฤดูกาล กองทัพสามหมี่นของโจผี แฮหัวตุ้น สุมาอี้ จำต้องหยุดพักค้างแรมอยู่ที่นอกเมืองเตียงอัน เพราะสภาพอากาศที่ไม่อำนวยต่อการเดินทางแบบกองทัพขนาดใหญ่ ทำให้ผิดพลาดไปจากแผนการที่ไล่ล่าตามจับเอียวสิ้ว เพื่อมาไต่สวนให้ได้โดยเร็ว
ทันทีที่เปิดเมืองต้อนรับกองทัพใหญ่ และรับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น โจหอง ผู้รักษาเมืองเตียงอัน จึงขันอาสาปิดบังฐานะที่แท้จริง รีบนำองครักษ์จำนวนหนึ่ง ลอบเดินทางไปเมืองฮันต๋ง เพื่อส่งข่าวต่อแฮหัวเอี๋ยน ให้ช่วยกันจับตัวเอียวสิ้วที่น่าจะหลบซ่อนตัวอยู่ในจวนของโจสิดเป็นการลับ
…
นั่นคือเรื่องราวเมื่อสามวันก่อน แฮหัวตุ้นทบทวนสถานการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น พระราชโองการของกษัตริย์เหี้ยนเต้ที่อยู่ในมือตอนนี้ เพิ่งมาถึงเมื่อวาน ในขณะที่สามเทวะที่เหลืออยู่ห่างไกลออกไปกว่าตนทั้งสิ้น จึงสมควรที่จะยังไม่รับรู้ถึงตำแหน่งเจ้าพระยาที่แต่ละคนได้รับการแต่งตั้งควบคู่กันกับหน้าที่ราชการที่ระบุ แต่ก็คงล่วงรู้ได้ในไม่ช้า ณ ตอนนี้มีเพียงโจผี แฮหัวตุ้น และสุมาอี้ที่รับทราบเรื่องแล้ว และกำลังตกอยู่ในสภาวะมึนงงต่อกระแสการเมืองที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ในกลุ่มสี่เทวะผู้อหังการนั้น ต้องนับว่า พี่ใหญ่ แฮหัวตุ้น เทพคุ้มครอง มีความพร้อมทั้งบู๊และบุ๋นที่สุด จนได้รับการยกย่องเป็นขุนพลอันดับหนึ่งของแผ่นดินฮั่น ตลอดทั้งชีวิตของมัน เพียงยอมอ่อนข้อให้กับโจโฉผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ ส่วนแฮหัวเอี๋ยน เทพเหี้ยมหาญ โดดเด่นเรื่องฝีมือรบ โดยเฉพาะการใช้เกาทัณฑ์ แต่ไร้สมองคิดคำนวน โจหยิน เทพมุ่งมั่น สุขุมหนักแน่น เก่งด้านจัดการทัพ แต่ขาดความเด็ดขาดกล้าหาญ
สุดท้าย โจหอง เทพเสริมส่ง ที่ไม่โดดเด่นด้านต่อสู้ แต่ชอบแสวงหาความร่ำรวยมั่งคั่ง คล้ายเป็นถุงเงินประจำกลุ่มที่ช่วยให้โจโฉสามารถตั้งตัวได้ในช่วงแรกเริ่ม แต่เพราะคนทั้งสามมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับโจโฉและแฮหัวตุ้น จึงได้รับการยกย่องให้อยู่ในตำแหน่งการงานที่สูงส่งไปด้วยกัน ทั้งที่ยังมีข้อบกพร่องด่างพร้อยอยู่ชัดเจน
ความจงรักภักดีของแฮหัวตุ้นเริ่มสั่นคลอนทันทีที่ได้รับพระราชโองการที่ระบุชัดเจนถึงสถานะของโจผีในฐานะทายาทสืบทอดตำแหน่ง แต่ก่อน แฮหัวตุ้นเพียงมุ่งมั่นรับใช้ต่อโจโฉ จนลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่าง ล่าสุดถึงขนาดยอมเสี่ยงตายสู้กับเภาเจ๋งตั้งหลายรอบ แต่เมื่อประสพกับช่วงเวลาที่โจโฉสาบสูญนั้น แฮหัวตุ้นเริ่มรู้สึกกังวลใจในสถานะของตนเอง ความเคารพผูกพันที่มีต่อโจโฉนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่กับโจผีแล้ว ย่อมผิดแผกแตกต่างกัน ขุนนางนายทหารหลายคนถึงกับมากระซิบบอก ทายาทสืบทอดตำแหน่งของโจโฉ สมควรจะเป็นแฮหัวตุ้น ผู้ร่วมสร้างแผ่นดิน มิใช่ โจผี ผู้อ่อนอาวุโส
ณ เวลานี้ โจโฉนั่งอยู่บนที่สูง ย่อมหวาดระแวงกับทุกผู้คน เหตุการณ์อาญาสิทธิ์สั่งฆ่านั้นส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของกลุ่มคนระดับสูงมากมาย รวมทั้งตัวมันด้วย ดังนั้น หากมันถือโอกาสนี้ที่มีกองทัพใหญ่อยู่ในมือ ชิงยึดอำนาจ จับโจผี โจสิดเอาไว้ บีบบังคับให้โจโฉยินยอมถ่ายโอนตำแหน่งทางการเมืองให้มันเสียเลย อาจจะเป็นจังหวะชีวิตที่ดีที่สุดของมันแล้ว แฮหัวเอี๋ยนเป็นพี่น้องคลานตามกันมา ย่อมสนับสนุนมันอยู่แล้ว จึงนับเป็นกำลังสำคัญได้อยู่ ส่วนโจหยิน โจหอง เอง ไร้ความสามารถทางการรบ และกลุ่มห้าพยัคฆ์ก็ยังห่างชั้นด้อยศักดิ์ศรี ไม่เคยอยู่ในสายตาของมันอยู่แล้ว
คิดไปคิดมา หากแม้นมันสามารถชิงกุนซือคนสำคัญมาจากโจโฉได้สักคน ไม่ว่าจะเป็นกาเซี่ยง หรือ สุมาอี้ ก็น่าจะทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้ราบรื่นยิ่งขึ้น ซึ่งตอนนี้ สุมาอี้ กุนซือเต่าสมถะ ก็กำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่เบื้องหน้าของมันแล้ว
…
โจหองกำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองฮันต๋งอย่่างเร่งร้อน ในใจนึกโชคดีที่ท่านกาเซี่ยงแอบส่งข่าวลับของโจโฉมาถึงตนเองก่อนที่แฮหัวตุ้นจะมาถึงเพียงครึ่งชั่วยาม เนื้อหาคือ การเตือนให้ระวังแฮหัวตุ้นที่กำลังสับสนทางความคิด และมีแนวโน้มที่จะก่อการขบถ หากมันอยู่ใกล้ตัวแฮหัวตุ้น โอกาสที่ถุงเงินสกุลโจจะถูกเปลี่ยนมือ และส่งผลไปถึงการก่อกบฏให้ง่ายดายขึ้น
มันจึงทำตามคำแนะนำ รีบขันอาสาเดินทางออกไปยังเมืองฮันต๋ง อย่างน้อย ทางด้านของแฮหัวเอี๋ยนน่าจะเป็นเป้าหมายที่จัดการได้ง่ายกว่า เพราะแฮหัวเอี๋ยนคือตัวโง่งมประจำกลุ่มมาตั้งแต่เล็กๆอยู่แล้ว น้ำหนักของคำสั่งนั้นอยู่ที่การริดรอนอำนาจทางการทหารจากเงื้อมมือของคนสกุลแฮหัว โดยมีแฮหัวเอี๋ยนแห่งเมืองฮันต๋งเป็นเป้าหมายหลัก
ภารกิจลับนี้ใช้ชื่อว่า “ซี่โครงไก่” หากนำซี่โครงไก่ออกจากหม้อต้ม น้ำแกงก็จะจืดชืด ปราศจากรสชาติ เฉกเช่นกันกับสถานการณ์ครั้งนี้ หากจัดการกับแฮหัวเอี๋ยนและกองทัพเมืองฮันต๋งได้สำเร็จ แฮหัวตุ้นก็เหมือนขาดกำลังสำคัญไปกึ่งหนึ่ง และอาจจะสูญเสียความฮึกเหิมในการยึดอำนาจทางการเมือง
หลังจากนั้น โจโฉยังต้องการให้มันจับกุมตัวโจสิด เอียวสิ้ว และนางเอียนซี กลับไปสอบสวนที่เมืองหลวงในฐานะขบถต่อแผ่นดินอีกด้วย นับว่า ยามนี้ สกุลโจ สกุลแฮหัว คล้ายจะเกิดปัญหาภายในหนักหน่วงยิ่งนัก
…
อีกด้านหนึ่ง โจหยินก็กำลังรีบเร่งมุ่งหน้าสู่เมืองอ้วนเซียตามคำสั่งลับของกาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจที่กำลังเดินหมากตาสำคัญให้กับโจโฉอยู่เช่นกัน กาเซี่ยงคำนวนว่า หากแฮหัวตุ้นต้องการยึดอำนาจทางการเมืองจากโจโฉ นอกจากต้องคำนึงถึงทุนทรัพย์ และคนสนับสนุนแล้ว ก็ต้องคำนึงถึงฐานกำลังจากเมืองใหญ่ในสังกัด จึงสมควรเริ่มต้นก่อการจากสามเมืองสำคัญ เมืองเตียงอัน และเมืองฮันต๋งนั้นคล้ายกับอยู่ในกำมือแล้ว เป้าหมายต่อไป น่าจะเป็นเมืองอ้วนเซีย อีกหนึ่งจุดยุทธศาสตร์ของการทำสงครามฝั่งตะวันตกนี้
ดังนั้น โจหยินจำต้องรีบไปสมทบกันกับอิกิ๋ม ทางหนึ่ง จะได้ช่วยกันป้องกันการปฏิวัติยึดอำนาจที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน อีกทางหนึ่ง คือ การควบคุมตัวแฮหัวป๋า บุตรชายของแฮหัวเอี๋ยน เอาไว้ก่อน แต่ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องเป็นความลับ เรื่องของแฮหัวตุ้นยังไม่ชัดเจน ควรรับรู้กันเฉพาะคนในสกุลโจเท่านั้น
ณ เวลานี้ สามเทพบุตร คือ แฮหัวป๋ากำลังช่วยฟื้นฟูเมืองอ้วนเซียที่ถูกถล่มยับเยินร่วมกันกับโจจิ๋น โจฮิว บุตรทั้งสองของโจหอง หากแฮหัวตุ้นรุกมาถึงก่อน แล้วจับกุมตัวสองพี่น้องไปได้ โจโฉอาจจะเสียโจหองที่เป็นถุงเงินใหญ่ แต่ในทางกลับกัน หากฝ่ายโจโฉควบคุมตัวแฮหัวป๋าไว้ได้ก่อน แฮหัวเอี๋ยนก็จะตกที่นั่งลำบากใจแทน สถานการณ์คล้ายดั่งกระดานหมากล้อมที่มีหมากขาวดำตั้งยันกันอยู่เพียงหนึ่งช่อง ใครได้เดินหมากก่อน ชิงยึดพื้นที่ก็จะได้ชัยในสมรภูมิ
นับว่า ฟ้ายังเป็นใจให้กับฝ่ายโจโฉ โจหยินมาถึงเมืองอ้วนเซียได้ทันเวลา ถึงกับเป็นแฮหัวป๋า กับโจจิ๋น โจฮิว ที่นำพาท่านอาเข้าไปพักผ่อนในเมืองตามธรรมเนียมปฏิบัติ โดยไม่มีทีท่าผิดปกติอันใด ดังนั้น แฮหัวป๋าที่ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ อยู่ในเงื้อมมือของมันแล้ว
…
ย้อนกลับไปเมื่อสี่วันก่อน ภายในห้องโถงรับรอง โจโฉนั่งพักปรึกษาการงานกับกาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจ ตามปกติ แต่เนื้อหาที่พูดคุย กลับล่อแหลมต่อชะตาชีวิตของคนหลายคน โดยเฉพาะแฮหัวตุ้น มือขวาคนสนิทที่เพิ่งจะกลายเป็นทายาททางการเมืองอันดับที่สาม ถอยหลังไปหนึ่งขั้น เพราะพระราชโองการแต่งตั้งฉบับนั้น
“แฮหัวตุ้นเป็นคนมีความสามารถสูง เพียบพร้อมทั้งบู๊ทั้งบุ๋น จนอาจจะเหนือกว่าตัวข้าในบางด้านเสียอีก แต่เขาเป็นทั้งญาติสนิท เป็นทั้งมือขวาของข้ามาทั้งชีวิต ความจงรักภักดีที่มีต่อตัวข้า ไม่ควรจะน้อยไปกว่าเจ้าเลย แล้วเหตุไร เจ้าจึงคิดว่า เขาเริ่มจะมีปัญหาแล้ว” โจโฉถามไถ่ด้วยความรู้สึกปวดหนึบภายในสมองตลอดเวลา ตั้งแต่กลับจากเหตุการณ์วุ่นวายครั้งล่าสุด มันรู้สึกปวดหัวรุนแรงมากกว่าแต่ก่อน จนบางครั้ง ถึงกับมีอาการตาพร่ามัวร่วมด้วยแล้ว อาจจะเป็นเพราะเริ่มแก่ชราแล้วกระมัง
“นายท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า แฮหัวตุ้นเป็นคนหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี และออกจะคร่ำครึโบราณ หลังจากที่นายท่านหายสาบสูญไปนั้น มันได้สัมผัสถึงแรงสนับสนุนจากขุนนางนายทหารคนอื่นๆให้ก้าวขึ้นมาคุมอำนาจแทนที่นายท่าน พอมีพระราชโองการออกมาเช่นนี้ ก็เหมือนถูกตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า ทายาททางการเมืองของนายท่านเป็นนายน้อย มิใช่ตัวมันเสียแล้ว” กาเซี่ยงหยุดหายใจเล็กน้อย ค่อยกล่าวต่อ “คนเราพอเสพติดอำนาจมายาวนาน ย่อมเคยชิน และต้องการมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ หากมันเลือกก่อการเสียในตอนนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่สุกงอมที่สุดแล้ว อำนาจทางการทหาร และการปกครอง ก็จะเปลี่ยนไปสู่เงื้อมมือของสกุลแฮหัวสองพี่น้อง หากปล่อยจังหวะโอกาสนี้ไป นายน้อยขึ้นมาแทนที่ คงจะเป็นเวลาอีกยาวนานเกินกว่าชีวิตที่สูงวัยของมันแล้ว”
ปกติ กาเซี่ยงไม่ใคร่พูดจามากมายนัก มักจะเก็บงำความลับไว้ให้ถึงที่สุด จนยากจะคาดเดาความคิด อันเป็นที่มาของฉายากุนซือเงาปีศาจ แต่ครั้งนี้ ถึงกับยอมเสียเวลาชี้แจงอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทำให้โจโฉต้องขบคิดอย่างหนัก เพราะหากคิดจะรุก คือ ต้องสูญเสียมือขวา แต่หากรอจะตั้งรับ อาจจะสูญเสียทุกอย่างที่สร้างสมมาตลอดทั้งชีวิต
“ท่านกุนซือมั่นใจอย่างไรว่า มันจะมีประสงค์ร้ายเช่นนั้นจริง” โจโฉต้องการความเชื่อมั่นก่อนการตัดสินใจครั้งสำคัญ เพราะแฮหัวตุ้นถือว่ามีน้ำหนักอยู่ไม่ใช่น้อย
“เป็นเพราะแฮหัวตุ้นจงใจละเว้นชีวิตคนผู้หนึ่ง ซึ่งตั้งตนเป็นศัตรูต่อนายท่าน” กาเซี่ยงส่งเสียงแผ่วเบาลง แต่เน้นคำที่กล่าวทิ้งท้าย “เป็นลิเจียง”
ครั้งนั้น แฮหัวตุ้นเอ่ยปากเสนอให้คร่าชีวิตของจอมโจรภายในที่คุมขัง ที่จริง ก็เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถเข้าไปช่วยชีิวิตลูกเขยของตนเอง และอาจจะเสียดายในฝีมือของคนที่มันผูกพันมานาน ดังนั้น เหล้าพิษที่จัดส่ง จึงเป็นเพียงยาแสร้งตาย “ซากศพ” ของลิเจียงถูกส่งออกไปกลบฝัง แล้วหายไปอย่างลึกลับ
กาเซี่ยงล่วงรู้ความลับนี้มาโดยตลอด แต่ไม่เปิดโปงให้รู้ตัว เพื่อรอดูท่าทีให้แน่ใจว่า แฮหัวตุ้นมีจุดประสงค์เช่นไรกันแน่ แค่เพียงความรักใคร่ผูกพัน หรือต้องการเก็บไว้ใช้งานสำคัญในภายภาคหน้า
…
ปัจจุบันเป็นเวลาค่ำมืดแล้ว สถานที่ยังคงเป็นห้องโถงรับรองแห่งเดิม โจโฉในชุดคลุมยาวก่อนนอน นั่งกุมขมับอยู่ที่เก้าอี้ใหญ่ตามลำพัง หลายวันมานี้ มันใช้ความคิดทบทวนไปมา ทางหนึ่งก็เสียดายมือขวาคนสนิท ทางหนึ่งก็หวาดระแวงถึงสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้ จนเริ่มคุ้นเคยกับความรู้สึกปวดหัวเช่นนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว
เสียงผิดปกติดังขึ้นบนหลังคา พอแหงนหน้าขึ้นมอง ก็พบเห็นคนปิดหน้าในชุดดำคนหนึ่งงัดเปิดกระเบื้องหลังคา และกระโดดลงมายืนอยู่เบื้องหน้าอย่างแผ่วเบา ท่วงท่าดูชินตา จนอดทักขึ้นไม่ได้ “เจียงน้อย เป็นเจ้านี่เอง”
คนชุดดำปลดผ้าปิดหน้าออก เป็นลิเจียง หรือ โจเจียงในอดีต จริงๆ ลิเจียงสะบัดกระบี่ชี้ไปที่โจโฉ พลางเอ่ยปากตอบคำ “บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ ท่านเป็นตัวการสังหารบิดาของข้า ย่อมสมควรตกตายตามกันไป แต่เพราะบุญคุณที่ท่านชุบเลี้ยงเรามาโดยตลอด เราจะฆ่าตัวตายตามท่านไป เพื่อจบสิ้นหนี้โลหิตทั้งสองฝ่าย”
สิ้นเสียงประกาศ ลิเจียงไม่รอฟังคำตอบให้ยืดยาว พุ่งตัวเข้าแทงกระบี่ใส่กลางอกโจโฉ หมายสังหารให้ตายในกระบวนท่าเดียว แต่แล้ว กลับรู้สึกตึงวูบที่ข้อมือ เห็นเป็นแส้หนังม้วนรัดข้อมือมันไว้อย่างแน่นหนา กระชากเอามันออกห่างจากโจโฉหลายก้าวใหญ่
พอตั้งหลักเพ่งมองดู จึงเห็นเป็นซิหลง หนึ่งในห้าพยัคฆ์ที่ทำหน้าที่เป็นองครักษ์แทนเคาทูชั่วคราว ยืนถือแส้หนังอยู่ด้านหลังของตน ในขณะเดียวกัน เตียวคับ อีกหนึ่งพยัคฆ์ก็ออกมาจากที่ซ่อน ถือทวนยืนขวางอยู่ด้านหน้าโจโฉแล้ว ที่แท้ ก็เป็นกับดักนั่นเอง
“นายท่านยังไม่ใคร่เชื่อสนิทใจว่า ท่านยังไม่ตาย แต่ยินดีที่จะเดินหมากตามที่เราบอกกล่าว เพื่อหลอกล่อให้ท่านปรากฏตัวออกมา สู้อุตส่าห์นั่งรอท่านจนดึกดื่นมาหลายวัน จนแทบจะเลิกล้มแผนการอยู่แล้ว ยังดีที่ท่านยอมออกมาในที่สุด” กาเซี่ยงเดินออกมาร่วมเจรจาด้วยอีกคน พร้อมกับเหล่าองครักษ์ฝีมือดีอีกนับสิบคน ปิดกั้นทางเข้าออกจนหมดสิ้น แม้แต่ด้านบนหลังคา ก็มีเสียงคนก้าวเข้าประจำที่ด้วยแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ตัวข้าลิเจียงเป็นคนพรรคฟ้าเหลือง ย่อมมีเส้นสายมากมาย ไม่จำเป็นต้องให้แฮหัวตุ้นมาช่วยให้เราหลุดรอดจากคุกดอก” ลิเจียงส่งเสียงกร้าวเข้าใส่
“เรายังไม่ทันบอกเลยว่า พ่อตาของท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวนี้ แต่ก็ขอบคุณที่ไม่ต้องให้เราต้องเปลืองน้ำลาย ไต่ถามความจริงอีกต่อไปแล้ว” กาเซี่ยงเยาะเย้ย ในขณะที่โจโฉขมวดคิ้วแนบแน่น ค่อยตัดสินใจ ตบใส่ที่วางแขนของเก้าอี้เป็นสัญญาณฆ่า
ซิหลง เตียวคับ ไม่รอช้า รีบใช้อาวุธคู่มือ ลงมือต่อลิเจียง เพราะพอรู้ฝีมือกันอยู่ทั้งสองฝ่าย หากสู้กันตัวต่อตัวแล้ว ลิเจียงอาจเหนือกว่าบ้างเล็กน้อยด้วยความหนุ่มแน่นห้าวหาญกว่า แต่พอต้องต่อสู้กับสองพยัคฆ์พร้อมกัน ลิเจียงอาจจะเสียเปรียบไปมากแล้ว มิหนำซ้ำ ลิเจียงเข้ามาลอบสังหารคน จึงพกพามาเพียงกระบี่ มิใช่อาวุธคู่มือ พลังการต่อสู้จึงลดทอนลงไปมาก พอประมือกันแค่ไม่กี่กระบวนท่า ก็เริ่มเห็น ซิหลง เตียวคับ อยู่ในสถานการณ์มีเปรียบกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน
ลิเจียงคล้ายสำนึกว่า สู้รบเนิ่นนาน ก็มีแต่พ่ายแพ้ จึงตัดสินใจไม่ป้องกันตนเอง ยอมถูกขวานของซิหลงกวาดใส่แขนซ้ายจนขาดเสมอข้อศอก แต่มันก็ฉกฉวยจังหวะที่น้อยนิดนั้น ซัดกระบี่เข้าใส่โจโฉที่นั่งมองดูการต่อสู้อย่างกระทันหัน หมายให้ตกตายตามกัน
เสียงเคร้งดังสนั่น กระบี่สังหารกระทบถูกกลางหน้าอกของโจโฉถนัดถนี่ แต่คล้ายไม่ระคายผิวกาย กลับกระดอนออกมาอย่างเปล่าประโยชน์ วุยอ๋อง โจโฉผงะถอยหลังไปตามแรง แต่กาเซี่ยงรีบประคองรับไว้ได้ทัน ที่แท้ โจโฉถึงกับใส่เกราะอ่อนป้องกันตัวเองเอาไว้ภายในชุดคลุมยาวอีกชั้นหนึ่ง สมกับที่อุตส่าห์เตรียมการล่วงหน้ามาอย่างเต็มที่
ลิเจียงยังไม่สิ้นความพยายาม รีบพุ่งร่างเข้าใส่ปลายทวนของเตียวคับ ยอมให้ทวนแทงทะลุที่หน้าท้องตนเอง แต่มือขวายังฉกฉวยกระบี่สั้นคาดเอวของเตียวคับ เบี่ยงตัวซัดไปทางศีรษะของโจโฉเป็นความพยายามครั้งสุดท้าย ความคุ้นเคยรู้จักกันกับฝ่ายตรงข้ามทำให้ลิเจียงตระหนักว่า กระบี่ข้างเอวของเตียวคับเป็นกระบี่ซัด มิใช่กระบี่ยาวเหมือนกับที่ขุนพลทั่วไปใช้พกพา อาจจะเป็นอาวุธสังหารที่เหมาะสมกว่าเมื่อครู่ด้วยซ้ำ
น่าเสียดายที่กาเซี่ยงยังอยู่ใกล้ตัวโจโฉเกินไป แม้ไม่มีวิทยายุทธ์อันใด ก็ยังมือไวตาไว ดึงตัวโจโฉหลบไปได้หวุดหวิด ซิหลงจึงไม่รั้งรอให้ผิดพลาดได้อีก รีบขยับฟันขวานซ้ำ ตัดหัวลิเจียงขาดกระเด็น จบสิ้นชีวิตของอดีตทายาทผู้มากฝีมือรบไปในทันที
โจโฉนึกถึงความตายของลิโป้ ศัตรูคนสำคัญในอดีต มาเปรียบเทียบกันกับลิเจียง ที่อยู่ตรงหน้า พลางทอดถอนหายใจด้วยความรันทดใจ ”ลิโป้ ลิเจียง สองพ่อลูกที่ห้าวหาญ ในที่สุด ถึงกับมีความตายคล้ายคลึงกันราวกับฟ้าดินกลั่นแกล้ง ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก”
“แต่ความตายของทั้งสองคนกลับช่วยเหลือนายท่านได้ไม่น้อย ลิโป้ตายไปคราก่อน นายท่านก็ขึ้นเป็นใหญ่ได้อย่างสมศักดิ์ศรี ส่วนลิเจียงตายไปในคราวนี้ นายท่านอาจจะได้มือขวากลับคืนมา” กาเซี่ยงกระซิบบอก
โจโฉลอบมองท่าทีของกาเซี่ยงด้วยความคิดแปลกใหม่ กุนซือเงาปีศาจคนนี้ น่ากลัวยิ่งนัก แต่ยังดีที่มันมีความจงรักภักดีต่อเรา เมื่อครู่ มันถึงกับเพิ่งช่วยชีวิตจากประตูนรกมาหยกๆ มิฉะนั้น มันก็คือคู่ต่อสู้ จอมวางแผนที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคนหนึ่งแล้ว
…
ที่ห้องโถงรับรองส่วนพระองค์ จูกัดเอี๋ยน หัวหน้าองครักษ์แห่งวังหลวง เดินเข้ามาแจ้งข่าวลับต่อกษัตริย์เหี้ยนเต้ที่กำลังเพลิดเพลินการชมดูการแสดงร่ายรำกระบี่โดยกลุ่มนางรำตามปกติ ด้วยถ้อยคำที่รู้กันภายใน “ปลาใหญ่งับเหยื่อล่อตามที่คาดคิด มรสุมลูกใหม่ใกล้จะก่อกำเนิดแล้ว”
เหี้ยนเต้กล่าวตอบโดยไม่ละสายตาไปจากกลุ่มนางรำที่เอวบางร่างน้อยตรงหน้า โดยเฉพาะนางรำตัวนำที่ดูสวยงามโดดเด่นกว่าใคร “ประเสริฐ ประเสริฐ เมื่อมรสุมใหญ่ก่อเกิด ปลาใหญ่น้อยพลัดแยกออกจากฝูง สมควรเตรียมแหอวนให้พร้อม”
เสียงมโหรีดนตรีดังประสาน กลบเกลื่อนถ้อยคำทั้งหลายไปหมดสิ้น คนดูยังคงเพลิดเพลินใจ คนร่ายรำกลับหมุนวนไปมาอย่างเร่งร้อน แล้วทั้งเสียงทั้งคนกลับหยุดยั้งลง กระบี่ที่ใช้ร่ายรำถูกแทงเข้าใส่ใจกลางวงล้อม โดยมีนางรำตัวนำใช้วิชาตัวเบาปล่อยมีดบินครอบคลุมด้านบนช่องว่างพร้อมเพรียงกัน ปิดทางล่าถอยหมดสิ้น
เหี้ยนเต้และองครักษ์คู่ใจสบตากัน ปรบมือให้กับขันทีชราร่างผอมซูบ ผู้สั่งสอนวงมโหรี และนางระบำอย่างมีเลศนัย เสียงหัวร่อเหี้ยมเกรียมดังขึ้นจากฮ่องเต้หนุ่มที่ไม่มีใครเคยยำเกรงในบารมี ค่ายกลนางฟ้าปราบมารใกล้จะพร้อมลงมือได้แล้วกระมัง
…
แฮหัวตุ้น เทพคุ้มครอง กำลังจะเอ่ยปาก รับฟังความคิดเห็นของกุนซือหนุ่มใหญ่ที่ดูแก่กว่าอายุจริง เพราะสีผมที่ขาวแซมเทาเกินวัย พอดีที่ทหารสายข่าวขอเข้ารายงานด่วน “เป็นกองทัพใหญ่ของฝ่ายเล่าปี่ บุกมาพร้อมกันสามทิศทาง
ทางหนึ่ง ฮองตง ขุนพลยิงตะวัน พร้อม อุยเอี๋ยน หวดเจ้ง เคลื่อนทัพสองหมื่นนายมาจากทางใต้ มุ่งสู่เมืองฮันต๋ง ทางหนึ่ง กวนอู ขุนพลจันทร์พิฆาต และ กวนเป๋ง จิวฉอง นำทัพเกงจิ๋ว ซงหยง ราวสองหมื่นนาย มุ่งสู่เมืองอ้วนเซีย และทางหนึ่ง ม้าเฉียว ขุนพลเงาหิมะ กับม้าเลี้ยง ใช้เส้นทางน้อยข้ามเขา นำทัพหนึ่งหมื่นนาย มุ่งสู่เมืองเตียงอัน”
แฮหัวตุ้นตกตะลึงในข่าวสงครามที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน โดยเฉพาะเมืองเตียงอัน ซึ่งมีเทือกเขาใหญ่ขวางกั้นเป็นด่านปราการชั้นดี กลับยังตกเป็นเป้าโจมตีได้ด้วย โจผีคงทราบข่าวแล้ว จึงก้าวเข้ามาสมทบ เพื่อร่วมประชุมสั่งการ
ในฐานะที่แฮหัวตุ้นเป็นสมุหกลาโหม สมควรเป็นผู้บัญชาการศึกในครั้งนี้อยู่แล้ว เมืองเตียงอันมีกำลังทหารสองหมื่นนาย บวกกับกองทัพที่เพิ่งยกมาจากเมืองหลวงอีกสามหมื่นนาย รวมเป็นห้าหมื่นนาย เมืองฮันต๋งเป็นเมืองหน้าด่าน มีกำลังทหารประจำการณ์อยู่สามสี่หมื่น เช่นเดียวกันกับเมืองอ้วนเซียที่มีกองทัพราวสามหมื่นนายเหมือนกัน ดังนั้น ทางด้านกำลังไพร่พลแล้ว ฝ่ายรัฐบาลมีจำนวนมากกว่าเกือบครึ่งเท่า จึงไม่น่าเป็นห่วงสถานการณ์การรบมากนัก เว้นแต่ผู้นำทัพมัวคิดแต่จะหาประโยชน์ทางการเมือง
“แจ้งข่าวไปทุกจุดให้ตั้งรับไว้ก่อน อย่าเพิ่งมุ่งมั่นเอาชนะจนเกินไป อาจจะตกหลุมพรางฝ่ายตรงข้าม” แฮหัวตุ้นแสดงความเป็นผู้นำ รีบออกคำสั่งสวนกลับไปในทันที
สุมาอี้แย้มยิ้มอยู่ภายในใจ หากเจ้าคิดจะตั้งรับเช่นนี้ ก็ตรงกับความต้องการของฝ่ายตรงข้ามพอดี ศิษย์น้องสี่ คงจะพอใจเป็นที่สุด มันนึกย้อนไปถึงแผนการที่เคยพูดคุยกันไว้ภายในกลุ่มทายาทมังกรก่อนจะแยกย้ายทำงานเมื่อหลายปีก่อน เป็นหัวข้อการลดทอนกำลังของศัตรู โดยเฉพาะโจโฉที่กุมอำนาจทหารไว้สูงสุด ขุนพลนายทหารมากมาย และกองทัพที่แข็งแกร่งเกรียงไกรเกินไป
“ทำให้พวกมันแตกแยกจากภายใน แล้วค่อยๆตัดแขนขามันไปทีละข้าง สักวันหนึ่ง ข้าจะลงมือให้ท่านดู” จูกัดเหลียงเคยกล่าวไว้ดังนี้
…
ขงเบ้ง-จูกัดเหลียง นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อหมุน ภายในห้องหนังสือส่วนตัวที่ถูกปรับแต่งให้จัดวางแบบจำลองแผนที่สมรภูมิรบขนาดใหญ่ตามสภาพของภูมิประเทศ มองเห็นเส้นสายของแม่น้ำ และความสูงต่ำของดินแดนต่างๆ ต้องยกคุณความดีให้กับภรรยาอัจฉริยะ ฮองเย่อิงอีกครั้งที่ช่วยจัดทำขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติ
“ทัพกวนอูรบพุ่งกับอิกิ๋มบนที่ราบ ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากเย็นอันใด แต่ทัพฮองตงต้องชิงพื้นที่กับแฮหัวเอี๋ยนในช่องแคบกลางหุบเขา และทัพม้าเฉียวยิ่งต้องปีนเขาลงเนินไปรบกับโจหองเช่นนี้ หวดเจ้ง ม้าเลี้ยง เอย เจ้าคงต้องรีดเค้นความคิดมากสักหน่อยแล้ว”
หลังจากที่เกิดเรื่องบนเนินทุ่งดอกเบญจมาศ ขงเบ้งอาศัยน้ำตาของเล่าปี่ ปลุกปลอบใจให้ขุนพลทั้งหลายร่วมใจกันบุกตีกระหนาบดินแดนฝ่ายรัฐบาลเป็นสามทางในทันที ตามแผน “หนึ่งลวง สองจริง” หวังยึดพื้นที่ชายแดนรบให้ได้โดยเร็ว ขยายอาณาเขตให้กับฝ่ายขบถของพวกตน โดยส่งมอบแผนยุทธศาสตร์ให้หวดเจ้ง ม้าเลี้ยง สองกุนซือเอกนำไปจัดการต่อ ส่วนตนเองยอมรับสภาพร่างกายกึ่งพิการ ไม่สะดวกต่อการเดินทาง อยู่เฝ้ารักษาเมืองเสฉวนพร้อมกับเล่าปี่ เงียมหงัน และขุนพลเสฉวนคนอื่นๆ
แต่ที่จริงแล้ว แผนครั้งนี้ มิใช่เพียงแค่ “หนึ่งลวง สองจริง” เท่านั้น แต่เป็น “หนึ่งลวง สามจริง” ต่างหาก บางเรื่อง มันก็ไม่พร้อมจะเปิดเผยให้มากจนเกินไป แค่เฝ้ารอคอยให้แผนการสำเร็จลุล่วงก่อนเถิด แล้วจะเห็นผลงานที่แท้จริงของกุนซือมังกรซ่อน
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 5 - พยัคฆ์หยกนรกทักษิณ
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย