15 ก.ค. 2021 เวลา 14:37 • นิยาย เรื่องสั้น
นิวยอร์ก ห อกหัก
04​ วันเพ็ญเดือนสิบสอง
“เดทแรกเหรอพี่” ดุ่ยถาม
ผมพยักหน้ารับ นับจากวันที่พี่แอนพาวิวมาเจอกับผมในครั้งนั้น นี่คือครั้งที่สองที่เราจะได้เจอกัน เป็นการเจอกันสองต่อสอง โดยไม่มีพี่แอนหรือใครเข้ามาเป็นตัวเชื่อม ดังนั้นจะเรียกมันว่าเป็นเดทแรกก็ว่าได้
“แล้วเป็นไงพี่ เดทแรกพี่ได้...แบบว่า...” ดุ่ยทำมือเป็นเชิงสัญลักษณ์ โดยการเอานิ้วชี้กับนิ้วโป้งของมือขวามาทำให้เป็นรูปวงกลม แล้วเอานิ้วชี้ซ้ายเสียบเข้าไปในวงกลมนั้น อันเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงกิจกรรมระหว่างชายหญิง ดุ่ยทำท่าทางพร้อมกับยิ้มอย่างกรุ้มกริ่ม “แบบนี้ๆ อ่ะพี่ ได้ทำป่ะๆ ”
“ไอ้บ้า” ผมว่าดุ่ย “แค่เดทแรกเองนะโว้ย ใครจะมาสวมแหวนให้กัน มันเร็วไป”
...
บรรยากาศงานลอยกระทงภูเขาทองคนยังเยอะเหมือนทุกปี การแสดง การละเล่น เกมต่างๆ ก็ยังคงมีให้ให้คนมาเที่ยวได้เล่นชมกันอย่างสนุกสนาน วันนี้วิวแต่งตัวสบายๆ กว่าวันที่เจอกันครั้งแรก แต่งหน้าน้อยๆ ดูน่ารักใสๆ
เธอตื่นเต้นกับบรรยากาศของงานอย่างมาก เธอชวนผมเข้าดูเมียงู กระสือ ผีปอบ ต่อด้วยยิงปืน ปาลูกโป่ง ผมได้เห็นวิวตกใจกลัวตอนเข้าไปดูกระสือ เห็นความพยายามของเธอที่จะเอาตุ๊กตาให้ได้ตอนปาลูกโป่ง เห็นเธอหัวเราะตอนได้เข้าไปดูเมียงู ภาพเหล่านั้นกำลังทำอะไรบางอย่างกับหัวใจของผมโดยที่ผมไม่รู้ตัว
“ลอยกระทงกัน” วิวหันมาชวนผม
“เอาสิ”
ผมซื้อกระทงมาสองอัน
“โห นี่โดนตั้งสองกระทงเลยเหรอ ข้อหาอะไรเนี่ย”
“หา สองกระทง...อ๋อ” แหมก็ไม่นัดแนะกันก่อน เกือบตามไม่ทัน
“กระทงนี้ข้อหาลักทรัพย์” ผมยื่นกระทงให้เธอหนึ่งอัน “ส่วนกระทงนี้ ข้อหา...”
ตามหลักการปล่อยมุก กระทงแรกลักทรัพย์ไปแล้ว กระทงนี้ก็ต้องตามด้วยรักเธอ แต่ผมคิดว่าไม่ใช่เวลาที่ไม่เหมาะเท่าไหร่ ผมไม่ใช่พวกหมาหยอกไก่ และอีกอย่างผมยังคิดว่าผมไม่คิดอะไรกับเธอ ผมเลยตอบเธอไปว่า
“กระทงนี้ข้อหาพรากผู้เยาว์”
“อี๊ ทุเรศอ่ะ” วิวทำหน้าเบ้ใส่ผม “ตาบ๊อง”
เธอมองหน้าผม เรามองหน้ากัน แล้วเราก็หัวเราะด้วยกัน
ทางลงไปลอยกระทงคนเยอะมาก ผมกับวิวพยายามจะหาช่องที่จะแทรกตัวเองไปถึงริมน้ำแต่ดูท่าจะเป็นเรื่องยาก เพราะตอนนี้มีทั้งคนที่พยายามเดินเข้าไป และคนที่กำลังพยายามเดินออกมา อัดแน่นเต็มไปหมด
“เอาอย่างนี้มั้ย เดี๋ยวเราอธิษฐาน แล้วโยนกระทงข้ามหัวคนไปให้ถึงน้ำ ก็น่าจะได้นะ” ผมเสนอ
“จะบ้าเหรอ... เอาอย่างนี้ดีกว่า”
ว่าแล้ว วิวก็จับมือของผม แล้วอาศัยความเป็นคนร่างเล็กของเธอแทรกตัวเข้าไป โดยดึงตัวผมเข้าไปด้วย แล้วเธอก็คอยบอกขอทาง เบียดคนเข้าไป
จนกระทั่งเรามาถึงริมน้ำ และแล้วผมกับวิวก็ได้ลอยกระทงด้วยกันที่ริมคลองแสนแสบนั่น ขาออกมาวิวก็จับมือ พาผมเดินออกมาอีก
ผมยืนอยู่ข้างวิว ตรงนี้คนไม่เบียดกันมากแล้ว แต่มือของเรายังคงจับกันอยู่อย่างนั้น
หลังจากลอยกระทงเรียบร้อย วิวชวนผมไปนั่งชิงช้าสวรรค์ เราได้คุยกัน และทำความรู้จักกันมากขึ้น เธอชอบหนังญี่ปุ่นเหมือนผม ชอบกินลาเต้ ชอบดูละครเวที ดูซีรี่ย์มาร์เวล เนื้อย่างเป็นของโปรดของเธอ และอีกหลายเรื่องที่เราได้แลกเปลี่ยนกัน ทำให้ผมพบว่าเราสองคนมีอะไรที่คล้ายกัน ซึ่งนั่นทำให้เราคุยกันถูกคอมากขึ้นก่อนที่จะแยกกันคืนนั้น วิวบอกผมว่าวันหลังจะพาไปกินเนื้อย่างเจ้าอร่อย ผมไม่มีปัญหาอะไร ด้วยความเต็มใจอยู่แล้ว
“ถึงบ้านแล้วให้โทรบอกด้วย”
ผมบอกวิว ก่อนจะปิดประตูรถแท็กซี่ รถแท็กซี่เคลื่อนตัวออกไป
บนใบหน้าของผมยังมีรอยยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น หัวใจพองโต รู้สึกอิ่มเอมอย่างประหลาด
หลายปีที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ที่ผมไม่อยากกลับมา ไม่อยากต้องมานั่งเศร้าเพราะคิดถึงแก้ว แต่สำหรับเวลานี้ สถานที่แห่งเดิม ในหัวของผมกลับไม่มีแก้วอยู่ในนั้นเลย
คืนนั้น เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใครโทรมาเข้าเบอร์นี้คะ”
“ไม่มีนี่ครับ ไม่ได้โทรครับ”
“แต่เบอร์นี้มันขึ้นมาว่าโทรหาดิชั้นนะคะ” ปลายสายยังยืนยัน
“เปล่าครับ ไม่ได้โทร” ผมก็ยันสู้
แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะสวนมา
“ถึงบ้านแล้วนะ อาร์มถึงบ้านรึยัง”
“ถึงแล้ว”
“คืนนี้เหนื่อยอ่ะ”
“แน่ล่ะสิ ใช้พลังไปเยอะเลยนะเธอ”
“อืม งั้นเรานอนก่อนล่ะ อย่าลืมนะ เรามีนัดไปกินเนื้อย่างกัน”
“อืม ไม่ลืม”
“แค่นี้นะ ฝันดีนะ”
“ฝันดีครับ”
ผมกดวางสาย มองหน้าจอโทรศัพท์ วันนี้ภาพบนหน้าจอเป็นรูปลูกโลกที่แถมมาพร้อมกับโทรศัพท์ ไม่ใช่รูปคู่ของผมกับแก้วอีกแล้ว
ผมกดเข้าไปดูในหน้าบันทึกเบอร์โทร เห็นชื่อของวิว แล้วเลือกทำการแก้ไขข้อมูล เพื่อบันทึกข้อมูลใหม่เข้าไป
ไม่มีอะไรมากครับ เป็นชื่อวิวเหมือนเดิมนั่นแหละ เพียงแค่เติมรูปหัวใจเข้าไป
ผมเริ่มรู้ตัวแล้วว่า ที่ผมคิดว่าผมไม่คิดอะไรนั้น ผมคิดผิด
...
“โอ้โห้ กุ๊กกิ๊กนะเนี่ย คู่นี้” ดุ่ยขึ้นเสียงสูง แซวผม
“อยู่แล้ว ระดับไหนแล้ว”
"ระดับไหน เมื่อกี๊ผมได้ยินกัปตันเค้าประกาศว่าเราอยู่ระดับสี่หมื่นสองพันฟิตนะ"
ผมไม่รู้ไอ้ดุ่ยมันจริงจัง หรือมันกวนตีน
“เดี๋ยวนะพี่ ผมปวดเยี่ยว แปร๊บนึง เดี๋ยวกลับมาฟังต่อ”
สัญญาณคาดเข็มขัดนิรภัยเด้งขึ้นมา
“ว้า ไม่ได้ไปเยี่ยวแล้ว” ดุ่ยบ่นที่อดไปเข้าห้องน้ำ
ตามด้วยเสียงกัปตันประกาศว่าเครื่องกำลังจะลงจอดพักที่คูเวต แสงอาทิตย์ยามเช้าโผล่ขึ้นมาที่เส้นขอบฟ้า ผมเหลือบมองนาฬิกา เราเดินทางมาเจ็ดชั่วโมงแล้วหรือนี่
...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)​

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา